Skip to content

Outside Of Time 789

บทที่ 789 ต่อหน้าเทพเจ้าไม่อาจปกปิดได้

ผู้บำเพ็ญลักษณะเหมือนเจ้าของร้านคนนั้นตอนนี้จิตใจ โหมกระหนํ่าด้วยคลื่นโถมฟ้า ภาพที่เกิดกับตน ทำให้ในสมอง เขามีเสียงครืนครัน

เขาเคยได้ยินวิชาย้อนเวลา แต่ส่วนมากนำมาใช้ในการ ย้อนระลึก ทำได้แค่เห็น ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นจริงได้ อีกทั้งก็ ต้องเป็นหวนสู่อนัตตาที่เก่งกาจยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะทำได้

แต่ตอนนี้…ทั้งๆ ที่เขาใช้วิธีการฆ่าตัวตายทุกอย่างแล้ว โดนพิษแล้ว กายเนื้อปะทุพันธนาการต้องห้าม ไฟแห่งวิญ ญาณเผาไหม้ ตอนนี้ตามปกติ เขาตายไปแล้ว อีกทั้งไร้ร่องรอยอีกด้วย

แต่…สวี่ชิงที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้เพียงแต่ยกมือ ทุกอย่าง ย้อนกลับ เวลาของตัวเองเปลี่ยนไป ย้อนกลับมาเมื่อ 7 อึดใจ

ก่อนหน้านี้

เรื่องนี้ทำให้ในใจเขาเกิดคลื่นรุนแรง และเงาน่ากลัวที่ปรากฏข้างหลังสวี่ชิงทำให้วิญญาณของเขาสั่นสะท้าน กระทั่ง

ว่าดวงตาทั้งสองเจ็บปวด “นี่เป็นไปได้อย่างไร”

นอกจากความกลัว ร่างผู้บำเพ็ญท่าทางเหมือน เจ้าของร้านถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว คิดอยากจะลงมือแบบเดิม ฆ่าตัวตายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสายเกินไป

เพียงก้าว ร่างสวี่ชิงก็มาอยู่ด้านหน้าผู้บำเพ็ญ เจ้าของร้านคนนี้ทันที ยกมือขวาขึ้นคว้าคางของอีกฝ่ายไว้ เพียงสะบัด ฟันของคนคนนี้พร้อมทั้งลูกกลอนพิษที่ปรากฏขึ้น มาใหม่อีกครั้งก็ร่วงออกมาจากปากทั้งหมด

ดวงตาผู้บำเพ็ญเจ้าของร้านฉายแววตื่นกลัว กำลังจะดิ้นรน

ไหมวิญญาณแต่ละกลุ่มๆ แผ่ออกมาจากร่างสวี่ชิง ราว กระบี่คม มาพร้อมประกายวาววาม สอดแทรกเข้าไปใน

เลือดเนื้อของคนผู้นี้ ทุกที่ที่ผ่าน พันธนาการทุกอย่างพังทลาย ยากจะปะทุขึ้นอีกแม้เพียงเล็กน้อย

เสียงอึกดังออกมาจากปากของผู้บำเพ็ญลักษณะเหมือน เจ้าของร้านคนนี้ เสี้ยวขณะต่อมา เมล็ดพันธุ์วิญญาณในร่างก็

ย้อนโจมตีตัวเอง พุ่งตรงไปยังวิญญาณของเขา ควบคุมจิต ที่จะเผาไหม้

วิธีทุกอย่างของเขาในเสี้ยวขณะนี้ล้วนไร้ผล ถูกสวี่ชิงควบคุมเอาไว้ล่วงหน้า และทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นในเวลาเพียง เสี้ยวพริบตา นับแต่ต้นจนจบสวี่ชิงล้วนสีหน้าไร้อารมณ์ ในสายตาของเจ้าของร้านคนนี้ เรื่องทุกอย่างล้วนฉาย ความแปลกประหลาดและน่าเหลือเชื่อ แต่สำหรับสวี่ชิง ทุกอย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

ตอนนี้หลังจากควบคุมวิธีการทุกอย่างของอีกฝ่าย เขาก็ คร้านจะถาม ปฏิกิริยาเป็นขั้นเป็นตอนของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ เขาวิ เคราะห์พื้นฐานไว้ในใจแล้ว

จึงไม่ลังเลใดๆ ยกมือซ้ายขึ้นกดไปที่กระหม่อมของผู้ บำเพ็ญท่าทางเหมือนเจ้าของร้านคนนี้ ผสานจิตเทพเข้าไป เริ่ม…ค้นวิญญาณ

การค้นวิญญาณในโลกของการฝึกบำเพ็ญเป็นวิธีการที่ เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่งวิธีหนึ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการ ลงมือของผู้บำเพ็ญระดับสูงต่อผู้บำเพ็ญระดับตํ่า ดังนั้น

การสัมผัสรับรู้ภายใต้การบังคับ สถานเบาก็ทำให้วิญญาณ หมองหม่นไปด้วยการค้นวิญญาณ สถานหนักก็วิญญาณดับสลาย

ยิ่งไปกว่านั้นหากอยากรู้รายละเอียด เช่นนั้นการค้นวิญ ญาณก็ต้องเด็ดขาดมากขึ้น ระหว่างนั้นอาจใช้วิธีการแยกส่วน และทำลายประกอบด้วย

สวี่ชิงในตอนนี้ วิธีการที่ใช้ก็คือวิธีนี้ วิญญาณของผู้บำเพ็ญท่าทางอย่างเจ้าของร้านคนนี้ ภายใต้การค้นวิญญาณของเขาก็เกิดสัญญาณแตกสลาย รอยแยกเป็นทางๆ มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง เสียงร้องโหยหวนที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์ดังออกมาจากปาก ของอีกฝ่าย

เสียงนี้ราวผีรํ่าไห้หมาป่าหอน แฝงด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง หากคนธรรมดาได้นจะต้องฝันร้ายไปอีกนานแน่นอน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญได้ยินก็ต้องขนลุกขนพองเช่นกัน แต่ที่นี่คือท้องฟ้าสูงหมื่นลี้ รอบๆ ไร้ผู้คน ทำให้ความ สุนทรียะของเสียงนี้ไร้คนยลยิน

มีเพียงสวี่ชิงที่ทำลายวิญญาณของคนผูนี้ไปทีละนิดๆ ตรวจดูความทรงจำทั้งหมดในอดีต ค่อยๆ มีตลอดทั้งชีวิตของ เจ้าของร้านคนนี้ผุดขึ้นในสมองของเขา

ที่มาที่ไปของอีกฝ่าย ฐานะต่างๆ ค่อยๆ ปรากฏชัดเจน ขึ้น เพราะสะเปะสะปะมากเกินไป สวี่ชิงจึงไม่ได้สนใจ แค่ กวาดดูแล้วผ่านไป จุดสำคัญคือเมื่อครึ่งเดือนก่อน สุดท้ายก็เห็นภาพที่เขาอยากรู้ เมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อนในบ้านชาวบ้านลับหูลับตาผู้คนแห่งหนึ่ง เงาร่างคนชุดดำและบทสนทนา

แต่ในตอนที่สวี่ชิงอยากดูรายละเอียดที่ละเอียดกว่านี้ ภาพก็หายไป วิญญาณของเจ้าของร้านสลายไปโดยสมบูรณ์ ไม่เหลืออยู่อีกต่อไป เหลือเพียงกายเนื้อที่ตัวอ่อนยวบ นิ่งไม่ไหวติง

สวี่ชิงคิ้วขมวดเล็กน้อย

‘วิญญาณของคนคนนี้เกิดมาก็บกพร่อง…ทนรับการค้น วิญญาณที่พลังแข็งแกร่งกว่านี้ไม่ได้’

สวี่ชิงนึกย้อนถึงในตอนที่เริ่มตรวจดูชีวิตของคนผู้นี้

‘เขาเข้ารวมกลุ่มที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกัน กลุ่มหนึ่ง กลุ่มนี้ให้ชีวิตใหม่กับเขา แต่ก็ควบคุมชีวิตเขาเช่นกัน’

‘ส่วนรายละเอียด…’

สวี่ชิงหรี่ตา ค้นถุงเก็บของของคนผู้นี้ เจอกานํ้าสีดำใบ หนึ่งในนั้น

จิตเทพกวาดไป สีหน้าของสวี่ชิงยิ่งยํ่าแย่ ในนี้มีวิญ ญาณเผ่ามนุษย์หลายแสนดวง…

เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง สวี่ชิงร่างเพียงไหววูบก็หายไปจากที่เดิม ไปยังตำแหน่งหลายๆ แห่งในความทรงจำของคนผู้นั้น

ทุกตำแหน่งล้วนเป็นจุดเก็บเกี่ยวที่อีกฝ่ายวางค่ายกลเอาไว้ เนื่องจากเรื่องทางสหายร่วมแผนการแดงออกมา สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก ดังนั้นจุดเก็บเกี่ยวเหล่านี้เขา ไม่ได้กระตุ้น

สวี่ชิงมุ่งหน้าไปทุกที่ ขณะที่ทำลายก็บันทึกหลักฐานไว้

ด้วย

จากนั้นก็ไปจากพื้นที่วงแหวนแห่งนี้

ส่วนศพของเจ้าของร้านเขาย่อมต้องเอาไปด้วย นี่ก็เป็นหลักฐานเช่นกัน

เวลาไหลไป หลังจากนั้น 5 วัน แผ่นดินใหญ่วิถีสวรรค์ ในเขตปกครอง 9 แผ่นดิน

เขตปกครองนี้เป็นหนึ่งใน 7 ดินแดนปิดล้อมเผ่ามนุษย์ นับว่าห่างกับแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิไม่ไกลนัก ดังนั้น จากการทะยานไปอย่างรวดเร็วและใช้ค่ายกลส่งข้ามอย่างไม่สนค่าใช้จ่าย เขาใช้เวลา 5 วันในที่สุดก็เดินทางมาถึง ในตอนที่มาถึงที่นี่ก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว เขตปกครองแห่งนี้ สวี่ชิงเคยผ่านระหว่างที่เดินทางไปยังเมืองหลวงก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้หยุดอยู่นาน ก็กระตุ้นดวงอาทิตย์บรรพกาลส่งข้ามจากไป

ตอนนี้กลับมา ในใจเขาจิตสังหารลอยเอ่อ ทันทีที่เดินออกไปจากค่ายกลส่งข้าม เงาร่างก็พลันหายไป ทะยานไปยังจุดที่เมล็ดพันธุ์วิญญาณจับเป้าหมายเอาไว้

3 คนในตอนนั้น คนหนึ่งถูกเจ้าเขตปกครองประจักษ์ฟ้าสังหาร คนหนึ่งถูกสวี่ชิงฆ่า คนสุดท้าย…อยู่ที่นี่

คนนอกยากจะหาจุดที่ซ่อนตัวของอีกฝ่ายเจอ แต่ใน สายตาของสวี่ชิง ผสานเมล็ดพันธุ์วิญญาณของเขาไป ต่อให้เป็นร่องรอยก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

ในเมื่อคิดจะชำระล้างสำนัก หาคนอยู่เบื้องหลัง เขาย่อม ต้องขุดรากถอนโคนอีกฝ่าย ขณะเดียวกันเขาก็ต้องค้นวิญญาณอีกครั้ง เพื่อยืนยันคนชุดดำในบ้านชาวบ้านคนนั้น

‘เมล็ดพันธุ์วิญญาณของอีกฝ่าย อยู่ในที่แห่งหนึ่ง ไม่เคลื่อนไหวมาหลายชั่วยามแล้ว’

ในราตรีมืดมิด เงาร่างของสวี่ชิงเคลื่อนไหวชั่วพริบตาใน เขตปกครอง 9 แผ่นดิน หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เขา มาปรากฏตัวบนเทือกเขาแห่งหนึ่ง

กวาดตามองไป เทือกเขาแห่งนี้มืดสนิทไปทั้งหมด มีเพียงเสียงสิงสาราสัตว์เท่านั้นที่ดังมาบ้างเป็นครั้งคราว แล้วก็เสียงที่เกิดจากลมพัดใบไม้ใบหญ้าจนเสียดสีกัน นอกจากนี้ ทุกอย่างเงียบสงัด สวี่ชิงกวาดสายตามองไป ร่างรางเลือนพุ่งไปอย่าง รวดเร็ว

เสี้ยวขณะต่อมา ในยามที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ในส่วนลึกของเทือกเขาแห่งนี้ในบริเวณถํ้าธรรมชาติแห่งหนึ่ง

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ระหว่างทาง เขาสัมผัสได้ถึงความไม่ ชอบมาพากล ตอนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ สัมผัสนี้ยิ่งชัดเจน ดังนั้นใน ดวงตาของเขาประกายเย็นเยือกฉายวาบ ขณะที่ยกมือขวาขึ้นสะบัด ค่ายกลที่ซ่อนอยู่ในถํ้าก็ถูกไอพลังประหลาดที่เขาแผ่ ออกมากัดกร่อนทันที สูญเสียความสามารถไป เพียงพริบตา สวี่ชิงก็มาปรากฏตัวในถํ้า บนพื้นมีค่ายกลค่ายหนึ่ง กำลังโคจร ในค่ายกลมีคนนอนอยู่คนหนึ่ง คนผู้นี้เป็นชายกลางคน พลังชีวิตมหาศาล แต่กลับนิ่งไม่ไหวติง

เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาหายไปทั้งหมด ที่บริเวณท้องกำลังขยุกขยิก เมล็ดพันธุ์วิญญาณของสวี่ชิงอยู่ในนั้น

และนอกค่ายกล ที่บนพื้นมีแผ่นหยกแผ่นหนึ่งวางเอาไว้

สวี่ชิงมองคนผู้นี้ มองค่ายกลค่ายนี้ แล้วมองไปยังแผ่นหยก หลังจากกวาดจิตเทพไป แน่ใจว่าไม่มีปัญหา จึงหยิบแผ่นหยกขึ้นมา ทันทีที่ตรวจดู ในแผ่นหยกก็มีเสียง เก่าแก่ผ่านห้วงเวลามาเนิ่นนานดังมา

‘ไม่ว่าผู้มาจะเป็นใคร หาที่นี่เจอนั่นหมายความว่าเจ้า เหมือนกับข้า ล้วนทำเพื่อสืบเรื่องเมล็ดพันธุ์วิถีเซียนต่างวิถีเหมือนกัน ข้าถามได้คำตอบออกมาแล้ว’

‘ส่วนคนผู้นี้ เนื่องจากไม่อาจทนรับต่อการค้นวิญญาณได้ จึงอยู่ในสภาวะแตกสลาย แต่ภายใต้การเพิ่มพลังของค่ายกลข้า วิญญาณของเขาจึงไม่ได้สลายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ทนต่อไปได้อีกไม่นานเท่าไร ผู้มาเยือนลองตรวจดูเองได้’

สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยราบเรียบ “ลูกไม้ตื้นๆ’’

“เจ้าเงา แผ่ออกไปให้ทั่ว ผนึกพื้นที่ด้วยขีดจำกัดสูงสุดของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไร หาคนที่ซ่อนอยู่ที่นี่ให้เจอ”

คำพูดสวี่ชิงเพียงดังขึ้น เงาที่อยู่ใต้เท้าก็พวยพุ่งขึ้นมาทันที หลังจากแผ่ระลอกคลื่นอารมณ์ประจบประแจงออกมา ก็แผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว ปกคลุมไปยังเทือกเขาทั้งลูก ยิ่งแผ่ไปยังข้างนอกไม่หยุด

ในอาณาเขตของมัน สิงสาราสัตว์ทุกตัวต่างสั่นสะท้าน ถูกเจ้าเงาสิงร่าง ควบคุมทุกอย่าง

สวี่ชิงมองคนที่อยู่บนพื้น ไม่เชื่อคำพูดที่อยู่ในแผ่นหยก เขาเชื่อว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งมากกว่า คนที่ตนหาเจอคนนี้มีวิธีการลึกลับที่สามารถเอาเมล็ดพันธุ์วิญ ญาณของตนใส่ไว้ในร่างคนอื่น แล้วทำการลอกคราบได้ เรื่องนี้อาจไม่ได้พุ่งเป้ามาที่สวี่ชิงแค่คนเดียว ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้การมีอยู่ของสวี่ชิง เช่นนั้นวิธีการนี้น่าจะพุ่งเป้ามายัง สมาชิกที่มาตรวจสอบเรื่องนี้ที่นี่

ดังนั้น คนผู้นี้จึงทิ้งแผ่นหยกเอาไว้ ทำเป็นลึกลับซ่อนเร้น ส่วนเอาเมล็ดพันธุ์วิญญาณออกมา ทั้งยังทำให้สวี่ชิงหาไม่พบได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็มีวิธี ความจริงนั้นทำได้

นั่นก็คือเมล็ดพันธุ์วิญญาณ…นับตั้งแต่แรก ความจริงแล้วไม่เคยถูกเอาออกมา แต่การที่ไม่เอาออกมาเช่นนี้ใน

ความจริงแล้วสามารถทำให้ได้ผลลัพธ์ถึงขั้นเหมือนเอา ออกมา

‘ร่างแยก!’

สวี่ชิงมองคนที่นอนสลบไสลบนพื้นในดวงตาประกาย เย็นเยือกฉายวาบ

หากแรกเริ่มร่างที่ผสานเมล็ดพันธุ์วิถีก็คือร่างแยก และ ร่างจริงเคลื่อนไหวพร้อมกับร่างแยก เช่นนั้นก็จะสร้างสถานการณ์ที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบอย่างข้างหน้านี้ได้แล้ว

และช่องโหว่ของเรื่องนี้ก็ชักนำประเด็นสำคัญในการคาดเดาเช่นนี้ให้สวี่ชิง นั่นคือ…ไม่มีทางมีคนหาที่นี่เจอได้เร็วกว่าเขา

ดังนั้น จากแผนการของคนผู้นั้น ตอนที่มีคนหาที่นี่เจอจริงๆ ร่างแยกของเขาตายไปตั้งนานแล้ว ค่ายกลสามารถอธิบายทุกอย่างได้ คิดแล้วต่อให้ใช้วิชาย้อนเวลาตรวจดู ก็ไร้ซึ่งร่องรอย

เขาค้นวิญญาณร่างแยกจริงๆ และวางค่ายกลรักษาวิญ ญาณของร่างแยกไม่ให้แตกสลายไปโดยสมบูรณ์จริงๆ ร่าง แยกก็มีชีวิตอยู่ช่วงหนึ่งจริงๆ

เพียงแต่ คนที่ตรวจสอบเรื่องนี้มาช้าไปเท่านั้นเอง ดวงตาสวี่ชิงฉายแววครุ่นคิด เขารู้ หากการคาดเดานี้ถูกต้อง เช่นนั้นการที่เขามาถึงเร็วเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องที่คนผู้นั้นคาดเดาไม่ได้เช่นกัน

และร่องรอยที่นี่ก็พิสูจน์ว่าจัดการได้ไม่นานเท่าไร ‘เป็นแบบนี้จริงหรือไม่แค่ลองดูก็รู้’

ไหมวิญญาณในร่างสวี่ชิงปะทุ ถักทออย่างรวดเร็วข้างหลังเขา ก่อเป็น…สภาวะเทพขั้นที่ 3

ท่ามกลางเสียงเลื่อนลั่น ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบ

ทะลัก

เงาร่างน่ากลัวร่างหนึ่ง หลังจากที่ปรากฏข้างหลังสวี่ชิง ก็ผสานกับร่างเขาเป็นหนึ่งเดียว

ประดุจเทพลงมาเยือน ทำให้รอบๆ รางเลือนไอพลัง ประหลาดปะทุ ผนังหินของถํ้ายากจะทนรับไหว เกิดรอยแยก ทุกที่รอบๆ ในเสี้ยวขณะนี้หน้าตาเปลี่ยนไป

ภูเขากลายเป็นหลุมศพ ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นกระดูก ถํ้าที่ตั้งอยู่กลายเป็นกะโหลกขนาดมหึมากะโหลกหนึ่ง

ภาพนี้ทั้งเป็นภาพมายา แต่ก็เป็นของจริง ทำให้คนยาก จะมองออกถึงหน้าตาที่แท้จริงของโลกใบนี้

และในภาพรางเลือนนี้ มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมา ผมยาวจรดพื้น แปลกประหลาดน่าตื่นตะลึง นอก

กระดูกที่ราวกับผลึกวารีเป็นเลือดเนื้อที่ก่อขึ้นจากเส้นเลือด

นับไม่ถ้วนพันล้อม ยิ่งแผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศ น่าสยดสยอง หวาดผวานัก

ทั้งยังมีปีกขนาดมหึมาที่ก่อขึ้นจากขนนกเลือดเนื้อสีม่วง

ข้างหลังมีพระจันทร์สีม่วงดวงหนึ่งลอยอยู่

ยิ่งมีคุณสมบัติสายเลือดที่น่ากลัวเดือดพล่าน เป็นสวี่ชิงนั่นเอง

ตอนนี้องค์ท่านเดินมาอยู่ข้างหน้าค่ายกล ยกมือคว้าไปบนพื้น คนที่สลบไสลลอยมาอย่างรวดเร็ว คว้ากระหม่อมเอาไว้

ครั้งนี้ไม่ใช่การค้นวิญญาณ สวี่ชิงจะใช้พลังคุณสมบัติ สายเลือดนี้ ตรวจดูเส้นพลังชีวิตของคนที่สลบไสล หาที่อยู่ ของร่างจริง

ส่วนที่ให้เจ้าเงาแผ่ออกไปก่อน เพราะกลัวหากอีกฝ่าย ซ่อนอยู่ละแวกนี้จริงๆ จะแหวกหญ้าให้งูตื่น ส่งข้ามจากไป ในทันที

“ร่องรอยชีวิต เปิด!”

เสียงเทพสะท้านฟ้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version