บทที่ 797 ไหมวิญญาณล้านเส้นแผ่ปกคลุมท้องนภา
เสียงเจ้าสายผสานเทพยังดังก้องในฟ้าดิน เขาลุกขึ้นยืน ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ออกจากแท่นเต๋า ยืนอยู่กลางอากาศ ยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของเขากวาดผ่านร่างสวี่ชิง สุดท้ายก็เงยหน้ามองจักรพรรดิมนุษย์ที่เส้นขอบฟ้า หลังจาก ค้อมคารวะเล็กน้อย กลิ่นอายที่น่าครั่นคร้ามก็ปะทุขึ้นมาจาก ร่างเขาในพริบตา
กลิ่นอายนี้โอบล้อมร่างเขา หมุนวนไม่หยุดจนกลายเป็น คลื่นวนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แผ่ปกคลุมทั่วทั้งวังศึกษา ทุกที่ที่ผ่านราวกับพายุพัดกวาด
ลมพายุพลันหวีดหวิว แท่นเต๋าสั่นสะเทือน ผู้คนต่าง ถอยหลัง ดวงตาฉายแววจริงจัง กลิ่นอายนี้ไม่ใช่ของมนุษย์จริงๆ
สวี่ชิงก็สายตาจ้องเพ่ง เขารู้จักเทียนประทีป และเคยพบ ร่างทดสอบเทพเจ้าของบิดาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมาก่อน
ขณะเดียวกันก็มีความเข้าใจในเรื่องเทพเจ้ามากกว่าทั่วๆ ไป นัก
ถึงอย่างไรสมบัติเทพของเขา ก็แปลงเป็นสภาวะเทพเจ้าได้
ดังนั้นเวลานี้มองผาดเดียวก็รู้ว่ากลิ่นอายจากร่างเจ้า สายผสานเทพ คือไอพลังประหลาดรวมตัวกับพลังต้นกำเนิด เทพ
ความจริงก็เป็นเช่นนี้
เจ้าสายผสานเทพที่ยืนอยู่กลางอากาศเวลานี้ ความรู้สึกอย่างสิ่งมีชีวิตความเป็นเทพจากร่างเขาชัดเจนยิ่ง ราวกับ ความคิดเทพเจ้ามาเยือนโลกมนุษย์
“อภิปรายวิถีของวันรุ่ง เพื่อแสดงแนวคิดสายของตน และแม้นสายผสานเทพจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ทว่า กลับเป็นวิธีที่ทำให้เข้าใกล้เทพเจ้าได้มากที่สุด”
เจ้าสายผสานเทพเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า ยกมือซ้ายขึ้น กดท้องฟ้าด้านบน
พริบตานั้น ผิวหนังบนมือซ้ายเขาก็มีเปลวไฟสีดำ แผดเผาจนกลายเป็นฝุ่นผงล่องลอย เผยให้เห็นมือซ้ายที่ แท้จริง
มือนี้สีดำราวกับผลึกวารี เป็นมือผลึกวารีที่ดำสนิทไปหมด มีคลื่นพลังความเป็นเทพที่เข้มข้นแฝงอยู่ภายในเป็นระลอก ยิ่งมีพลังต้นกำเนิดเทพไหลเวียน ผู้ที่เห็นล้วนตื่นตกใจ ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ก็คล้ายครุ่นคิด
จักรพรรดิมนุษย์ที่ขอบฟ้า มองพระพักตร์ของพระองค์ไม่ออก มองไม่เห็นระลอกคลื่นอารมณ์ใด ดวงตาเขาดำสนิท ราวกับหุบเหวลึก
อ๋องสวรรค์ทั้ง 13 ใต้บังคับบัญชาของพระองค์ต่างก็เงียบงัน
มีเพียงเสียงของเจ้าสายผสานเทพที่ยังก้องสะท้อน “นี่คือแขนซ้ายเทพเจ้าของข้า ได้รับมาจากการผสานกับ แกนผลึกสิ่งมีชีวิตความเป็นเทพ 1,798 ชนิด”
“วิธีการผสาน ผู้รํ่าเรียนสายผสานเทพของข้าต่างได้ทดสอบดูแล้ว โดยผลสรุปมีลำดับขั้นตอนที่แตกต่างกัน ทั้งหมด 3,175 รูปแบบ สุดท้ายก็ถูกข้าทดสอบทีละรูปแบบ จนได้รูปแบบที่ถูกต้อง หากบำเพ็ญตามวิธีนี้ ผู้บำเพ็ญระดับล่างก็จะสร้างมือที่มีต้นกำเนิดพลังแบบเดียวกับข้าได้ในเวลา 100 ปี”
“หากเป็นระดับสูง ก็จะสำเร็จได้ในพริบตา”
เจ้าสายผสานเทพเอ่ยเสียงเบา หลังพูดจบเขาก็ยก มือขวาขึ้น ผิวหนังหายไปในทันใด มือขวาเทพเจ้าที่แตกต่าง กับมือซ้ายอย่างสิ้นเชิงก็ปรากฏในครรลองสายตาทุกคน แขนข้างนี้เป็นสีม่วงแดงทั้งท่อน เลื้อยขยุกขยิก ตลอดเวลา และเมื่อสังเกตอย่างละเอียด จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ ก่อเกิดเป็นแขนขวานี้ เป็นหนอนไหมสีม่วงเป็นตัวๆ
หนอนไหมทุกตัวแผ่คลื่นพลังความเป็นเทพออกมา เลื้อยขยุกขยิกเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน ระดับความแข็งแกร่งของ คลื่นพลังนี้สั่นสะเทือนวังศึกษา ไอพลังประหลาดยิ่งพวยพุ่งออกมา ความรู้สึกเลือนรางบดบังทุกสิ่ง
ท้องฟ้าหมองหม่นลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีอัสนีแหวก ผ่านเป็นทางๆ เสียงฟ้าร้องดุจดั่งเสียงคำรามของเทพเจ้า กึกก้องไปทั้งโลก
ฉากนี้ไม่ว่าจะผู้ร่ำเรียนของวังศึกษาหรือว่าขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ด้านนอก หลังจากค่อยๆ สัมผัสได้ ก็ใจสั่นสะท้านรุนแรงต่างกันไป
สายตาของสวี่ชิงเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นการทดลอง เทพเจ้าของเทียนประทีปผ่านแขนข้างนี้ซึ่งเหนือกว่าร่าง ทดสอบเทพเจ้าที่บิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในตอนนั้นลิบลับ ถึงขั้นที่ลึกลํ้ายิ่งกว่า
“นี่คือแขนขวาเทพเจ้าของข้า ได้มาจากเศษซาก เทพเจ้านิรนามที่ตายตกไปพร้อมกับจักรพรรดิของต่างเผ่าที่ สาบสูญไปในโบราณกาล”
“จากวิธีสายผสานเทพของข้า ร่างกายไม่อาจทาน การสูดรับเศษซากเทพเจ้าตรงๆ ได้ ดังนั้นร่างกายต้องสมดุลกัน ก้าวแรกคือแขนซ้าย หลังจากเสร็จสมบูรณ์ถึงทดสอบที่แขนขวาได้”
“รายละเอียดของวิธี ก็บันทึกอยู่ในสารานุกรมผสานเทพเช่นกัน”
เจ้าสายผสานเทพพูดอย่างละเอียด ราวกับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายเขาตอนนี้ไม่เป็นของตัวเขาเอง เป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น
ส่วนเขาก็เหมือนเจ้าของร้าน กำลังแนะนำสินค้าแก่ผู้ชื้อ “แล้วก็ลำตัว…”
เจ้าสายผสานเทพก้าวเดินไปบนท้องฟ้า วางมือทั้งสอง บนชุดคลุมแล้วกระชากทันที ขณะที่เสียงผ้าขาดสะท้อนก้อง ชุดคลุมตัวยาวถูกเขาฉีกออก เผยให้เห็นลำตัวที่น่าหวาดกลัว ลำตัวนี้เกิดจากการผสมผสานชิ้นส่วนความเป็นเทพจำนวนมากเข้าด้วยกัน
บางจุดมีกระดูกยื่นออกมา บางจุดมีขน บางจุดปกคลุมด้วยเกล็ด บางจุดเป็นผลึกวารี บางจุดมีพยาธิ หนอนไหม รวมถึงแมลงหลากหลายรูปแบบ
ทุกส่วนแผ่คลื่นพลังความเป็นเทพออกมาอย่างเข้มข้น
มองไกลๆ เหมือนกับมีคนทำจานผสมสีหกควํ่าลงบน กระดาษวาดรูป แล้วสีบนนั้นก็ผสมกันมั่ว จนกลายเป็นสีสันละลานตา บางบริเวณแยกกันชัดเจนเหมือนรอยแผลที่ถูกเย็บ บางบริเวณเหมือนผสานเป็นร่างเดียวกันนานแล้ว
ความหลากหลายนี้หากมองนานๆ ในทางกลับกัน จะให้ ความรู้สึกเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่ง แฝงความงามอีกอย่างไว้ กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ
ราวกับเดิมทีสิ่งนี้เป็นผลงานชิ้นที่ผู้ซึ่งรังสรรค์ขึ้น มาทำได้สมบูรณ์แบบที่สุด
ส่วนกลิ่นอาย ขณะที่ทำให้ทุกคนรู้สึกครั่นคร้าม ก็พลันปะทุขึ้นมา ฟ้าดินเปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิง ลมโหมเมฆทะลัก ทั่วสารทิศขมุกขมัว ไอพลังประหลาดเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่ง
วังศึกษาเกิดสัญญาณจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ต้องห้ามขึ้นมา ฉากนี้ สั่นสะท้านใต้หล้า
ร่างของจักรพรรดิมนุษย์โน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อ จะดูให้ละเอียดขึ้น
อ๋องสวรรค์ใต้บังคับบัญชา ดวงตาแต่ละคนก็เปล่งประกายประหลาด
สวี่ชิงทางนี้ ยิ่งจ้องเพ่งขึ้นอีก เพราะเขาสัมผัสได้ ถึงความปรารถนาที่แผ่ออกมาจากเจ้าเงาทางนั้น
“หอม…กิน…ไม่กล้า”
และส่วนลำตัวที่ไม่ผสานกันมีเพียงตำแหน่งหัวใจบน หน้าอกบริเวณเดียว…ตรงนั้น ยุบลงไปไม่มีหัวใจ
“ร่างนี้ ประกอบขึ้นจากวัตถุดิบความเป็นเทพ 9,785 ชนิด ลำดับการผสานวัตถุดิบเหล่านี้ จะผิดพลาดไม่ได้ไม่เช่นนั้นร่างกายแตกสลาย จากการทดสอบหลายปีของข้า ถึงค้นหาลำดับที่ถูกต้องได้ และมีสิ่งที่ต้องแลก ล้วนบันทึกอยู่ในสารานุกรม
“ส่วนหัวใจ พวกท่านคงได้เห็นแล้ว ที่นั่น…ยังคงขาดอยู่” เจ้าสายผสานเทพยกมือขึ้น ลูบหลุมบนหน้าอกที่ยุบลงไปของตัวเอง
“เพราะนี่คือก้าวสุดท้ายของวิชาสายผสานเทพ และเป็น จุดสำคัญที่จะตัดสินว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ มันต้องการ หัวใจของผู้แข็งแกร่งดวงหนึ่ง หากผสานเข้าไป…”
เจ้าสายผสานเทพสายตากวาดไปทั่วสารทิศ เอ่ยอย่าง สงบนิ่ง
“ก็จะมีรากฐานเทพเจ้า”
“ถึงตอนนั้น หากหวนสู่อนัตตาใช้วิธีนี้ จะทะลวง ขีดจำกัดคุณสมบัติเปลี่ยนวิถีเป็นบำเพ็ญเทพเจ้าได้’’
เมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ มีคนไม่น้อยในขั้วอำนาจต่างๆ ของเมืองหลวงจักรพรรดิที่ใจไหวหวั่น
“เตรียมสู่เทวะก็ใช้วิธีนี้ทะลวงพันธนาการทางสายเลือด เปลี่ยนเป็นวิถีเทพเจ้าได้’’
ประโยคนี้ ทำให้ดวงตาอ๋องสวรรค์ใต้บังคับบัญชา จักรพรรดิมนุษย์แต่ละคนยิ่งเปล่งประกาย
“ส่วนเจ้าเหนือหัว…ก็ใช้ประกอบกับพิธีกรรมพิเศษ บางอย่าง แผดเผาทุกสิ่ง ก็จะบรรลุเป้าหมายในการเชื่อมต่อ กับเส้นทางข้างหน้าได้ จุดสำคัญคือทำให้มันกลายเป็นเทพเจ้า เป็นเพลิงเทวะสีหนึ่ง!
“และสายบำเพ็ญเทพ ไม่ได้มีระดับเจ้าเหนือหัว มีเพียง การจุดเพลิงเทวะสะสมเท่านั้น และตํ่าว่าเพลิงเทวะก็คือความเป็นเทพ แม้จะมีแข็งแกร่งและอ่อนแอ แต่สุดท้ายระดับชั้นก็ไม่เพียงพอ
“มีเพียงการจุดเพลิงเทวะในตอนสุดท้ายเท่านั้น ที่จะ เป็นดังปลากระโดดข้ามประตูมังกร จากดินเปลี่ยนเป็นฟ้า ยกระดับขึ้นทุกด้าน
“หลังจากนั้น หมื่นเผ่าก็จะเรียกว่าเทพเจ้า และหากเป็น เมื่อสมัยก่อน เมื่อเทียบระดับชั้นนี้กับผู้บำเพ็ญ ก็คือเจ้าเหนือหัว หรือก็คือครึ่งเซียน
“ดังนั้น การที่เจ้าเหนือหัวเปลี่ยนมาบำเพ็ญเพลิงเทวะ ดูเหมือนจะเป็นวิชาที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ความเป็นจริงนั้น
เส้นทางในอนาคตของเจ้าเหนือหัวนั้นถูกตัดสะบั้นไปแล้ว ตอนที่กลายเป็นเจ้าเหนือหัวจะก้าวต่อไปอย่างยากลำบากยิ่ง ไม่อาจขึ้นเป็นกึ่งเซียนได้ แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นเพลิงเทวะ หากเพลิงเทวะที่เผาไหม้มีมากกว่า 7 สี ก็จะเป็นเทพชั้นสูง
เซ่นเดียวกับเจ้าเหนือหัวขั้นสูงสุด นี่คือการบำเพ็ญอีกประเภทหนึ่ง
“และหากสุดท้ายมีเพลิงเทวะ 9 สีและยกระดับแท่นเต๋าของตนได้ นั่นก็คือการก้าวข้ามตัวตนของเทพขั้นสูง”
“เช่นมหาจักรพรรดิที่อยู่ในขั้นกึ่งเซียนของเผ่ามนุษย์เรา” “และนี่ก็คือการอภิปรายวันรุ่งของสายผสานเทพข้า และ เป็นของขวัญที่สายของข้าเตรียมไว้ให้แก่เผ่ามนุษย์’’
เจ้าสายผสานเทพพูดจบ ก็คารวะให้กับจักรพรรดิมนุษย์
วังศึกษาเงียบงัน ขั้วอำนาจต่างๆ ล้วนเงียบนิ่ง
จักรพรรดิมนุษย์หลับตาลง
ทุกคนล้วนกำลังขบคิดกับคำพูดของเจ้าสายผสานเทพ ทางด้านสายเซียนต่างวิถี แม้จะสำแดงเงาเทพเจ้าแล้ว แต่ยัง สู้สายผสานเทพไม่ได้
ดังนั้นเจ้าสายเซียนต่างวิถีจึงค่อนข้างร้อนรน มอง ไปทางบรรพจารย์ของสายตน ส่วนเฉินเต้าเจ๋อสุขุมยิ่ง เขายกมือขึ้น สลายเงาเทพเจ้าที่ก่อตัวขึ้น กลายเป็นไหมวิญญาณหก แสนเส้นกลับสู่ร่างตัวเอง
จากนั้น เขาก็ยืนขึ้นบนแท่นเต๋าสีขาว มองไปทางสวี่ชิง ก้มศีรษะโค้งคารวะ
การคารวะนี้ ทุกคนที่เห็นในใจพลันครืนครัน
เจ้าสายเซียนต่างวิถีก็ใจสั่นสะท้าน ความคิดที่เขาละเลิกไปก่อนหน้านี้ ปะทุขึ้นมาอีกครั้งในพริบตา หันไปทางสวี่ชิงทันที
“หรือว่า…”
เจ้าวังศึกษาบนท้องฟ้า รวมถึงองค์ชายสาม อีกทั้งผู้ รํ่าเรียนทุกคนในที่แห่งนี้ต่างครุ่นคิดขึ้นมาทันใด ในสมอง มีลางสังหรณ์ที่ไม่น่าเชื่อผุดขึ้นมาในพริบตา
“หรือว่า…”
ขั้วอำนาจต่างๆ ด้านนอก ก็สะกดการพิจารณาสายผสานเทพอย่างรวดเร็ว เบนสายตาและสัมผัสรับรู้ไปอยู่ร่างสวี่ชิงอีกครั้ง
ขณะที่ความคิดของผู้คนไปในทางเดียวกัน สวี่ชิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนบนแท่นเต๋า
การลุกขึ้นยืนของเขา ทำให้ทุกคนตกตะลึง พระหฤทัย องค์ชายทุกพระองค์ค่อนข้างสั่นไหว เมื่อสังเกตเห็นว่าใน ดวงตาสวี่ชิงและร่างกายของเขาไม่มีแสงสีทองที่จะจำแลง กระบี่จักรพรรดิออกมาปรากฏขึ้น จึงทำให้เหล่าองค์ชายโล่ง พระทัยเล็กน้อย
ครั้งนี้ สวี่ชิงไม่ได้สำแดงกระบี่จักรพรรดิออกมาจริงๆ แต่เขาก็ไม่คิดจะปิดบังเรื่องเมล็ดพันธุ์วิญญาณของสายเซียนต่างวิถีอีก เมื่อวันนี้จะสังหาร ก็สังหารให้สิ้นซาก ถ้าสายเซียน ต่างวิถีจะผงาดขึ้นมา ก็ต้องผงาดให้ถึงที่สุด
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง พริบตาที่ เท้าแตะพื้น ไหมวิญญาณแต่ละเส้นก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายเขาทันที พุ่งไปบนท้องฟ้า
หนึ่งแสนเส้น สามแสนเส้น ห้าแสนเส้น แปดแสนเส้น หนึ่งล้านเส้น…
ยังไม่จบ หนึ่งล้านหนึ่งแสนเส้น หนึ่งล้านสองแสนเส้น หนึ่งล้านสามแสนเส้น!
ไหมวิญญาณทั้งหมดหนึ่งล้านสามแสนเส้นโหมลมพายุ บนฟากฟ้า พัดกวาดไปทั่วสารทิศไม่หยุด ทำให้ท้องฟ้า เปลี่ยนเป็นดำทมึนไปหมด ราวกับมาถึงวันสิ้นโลก น่าหวาดหวั่น
และไม่นานนัก ไหมวิญญาณเหล่านี้ก็แปรเป็นคลื่นวนขนาดยักษ์ ปกคลุมทั้งแผ่นฟ้า ราวกับแทนที่ท้องนภา กลายเป็นท้องนภาเสียเอง!
รัศมีอำนาจแผ่ไปทั่วสารทิศ สั่นสะเทือนทุกสรรพสิ่ง
รอบลานพิธีเต๋า ผู้ร่ำเรียนทุกคนเห็นภาพนี้กับตา พากัน หวาดหวั่นพรั่นพรึง ยิ่งมีคนของสายเซียนต่างวิถีที่อุทานเสียงหลง
“นี่มัน…ไหมวิญญาณจำนวนเท่าไรกัน!”
“มากกว่าบรรพจารย์เฉินเต๋าเจ๋อหนึ่งเท่า!”
ขั้วอำนาจต่างๆ ด้านนอกก็เช่นเดียวกัน ระลอกคลื่นใน ใจแต่ละคนโหมซัด
ส่วนสวี่ชิงทางนี้ ผมยาวปลิวพลิ้ว ก้าวไปด้านหน้า ยํ่า อากาศทีละก้าว จนมาถึงเบื้องหน้าไหมวิญญาณนับล้านเส้น ตอนที่ก้มหน้ามองพื้นดิน เขายกมือขวาขึ้นโบก ไหมวิญญาณ หนึ่งล้านสามแสนเส้นด้านหลังเขาพลันหลั่งทะลัก เริ่มถักทอทันที
พริบตานั้น สภาวะเทพเจ้าขั้นที่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นระหว่างฟ้าดิน
สวี่ชิงเดินออกมา ยืนอยู่เบื้องหน้าเทพเจ้า ดวงตามีหมู่ ดาวพาดผ่าน จ้องผสานเทพเขม็ง