Skip to content

Outside Of Time 992


บทที่ 992 สิ้นเผ่าบ่อเกิดกาลกิณี

“บรรพจารย์!”

ที่ขอบฟ้า ชั่วขณะที่บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีถูกกำจัดด้วยอำนาจเทพเจ้าของจักรพรรดินี เสียงถอนใจของเขาดังก้อง 8 ทิศ

เสียงคร่ำครวญเศร้าโศกทอดจากปากชาวเผ่าในแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีต่อเนื่อง

ทว่าพริบตาต่อมา ทะเลเพลิงไร้สิ้นสุดไหลท่วมสรรพสิ่ง

ทะเลเพลิงผ่านบริเวณใด พลังทำลายล้างแผ่คลุมทุกสิ่ง จากนั้นมารวมตัวในประตูศิลาต้องห้ามมรณะที่ถูกบรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีเปิดไว้ก่อนตายในเขาศักดิ์สิทธิ์

ปิดประตูนี้ด้วยไฟ

ต่อมา กองทัพที่รวมตัวจากผู้บำเพ็ญแต่ละฝ่ายพลันเคลื่อนไหว

ราวกับมือใหญ่เคลื่อนลงจากฟ้า ม้วนพลังแห่งนภา ม้วนจิตสังหารลงไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีโดยพลัน

ความตายปกคลุมบ่อเกิดกาลกิณีทั้งเผ่า

ยามนี้ ความหวาดกลัวและสิ้นหวังครอบคลุมทั้งจิตใจชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีทุกคน บ้างเปลี่ยนเป็นความสั่นเทา เลือกหลบหนีตามสัญชาตญาณ

บ้างกลับเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่ง

เหล่าผู้อาวุโสที่สืบทอดเจตจำนงแห่งเผ่าแทนบรรพจารย์ที่ตายไปต่างขึงตาแทบถลน ต่างคนเหาะออกมาเรียกรวมทั้งเผ่าหมายจะต่อต้าน

แต่พริบตาต่อมาเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น มือใหญ่ยักษ์มุ่งตรงลงมา

ภูเขาสั่นไหวสนั่นแก้วหู

การต่อต้านของชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีพลันทลายด้วยมือใหญ่นี้ ขณะแตกฉานซ่านเซ็น ชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีนับไม่ถ้วนกระอักเลือดสด แต่ยังคงมีเงาร่างเป็นสายเหาะออกมาในพริบตา ยังคงไม่ยอมแพ้

เพียงแต่ด้วยพลังของมือใหญ่นั้น ทุกสิ่งล้วนพินาศย่อยยับ เหาะออกไปอย่างไรก็ร่วงลงอย่างนั้น

ขณะมือนี้โบกลง กองทัพผู้บำเพ็ญที่กอปรรวมเป็นมือใหญ่นี้ยิ่งเหาะออกมาเหมือนฝูงผึ้ง พุ่งไปยังเขาลูกนั้นประหนึ่งพลิกสมุทรเคลื่อนบรรพต

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงหวีดร้องน่าสังเวช เสียงคำรามบ้าคลั่ง เสียงโอดครวญผสานกันไม่ได้หยุด สะท้านก้องทั่วทิศ

ภูเขาสั่นไหวรุนแรงกว่าเดิม ทุกขณะล้วนมีรอยแยกขยายบนผิวชั้นนอก ยังมีหินภูเขาหล่นลงมาจำนวนมาก

แต่ละพื้นที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่า

ทัพใหญ่จากเผ่ามนุษย์ ทัพใหญ่จากเขตปกครองผนึกสมุทร ทัพใหญ่จากเซ่นจันทรา และ 7 เนตรโลหิตมีจำนวนมากเหลือเกิน แม้เขาศักดิ์สิทธิ์นี้ใหญ่โตมโหฬาร แต่ก็ไม่อาจรองรับจำนวนเช่นนี้ได้

จึงมีแค่ผู้บำเพ็ญกำลังรบแข็งแกร่งบางส่วนที่บุกสังหารเข้าไป

ถึงกระนั้นก็ยังบุกโจมตีพื้นที่บนเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ทั้งหมด

เพียงแต่ชั่วพริบตา ท่ามกลางสงครามดุเดือดเลือดพล่าน ซากศพบ่อเกิดกาลกิณีที่ตายไปก็กระจัดกระจายไปทั่ว

ส่วนด้านสวี่ชิง ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่กลับปิดล้อมอยู่ด้านนอก

ใช้ค่ายกลปิดตายฟ้าดิน ความว่างเปล่า กฎเกณฑ์และทะเลต้องห้ามในเขตเขาศักดิ์สิทธิ์ไว้ทั้งหมด ทำให้ผู้บำเพ็ญบ่อเกิดกาลกิณีทั้งหมดในนั้นหนีไปทางไหนไม่ได้

สิ่งที่รอคอยเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีมีเพียงเส้นทางแห่งการล่มสลายที่ต้องเกิดขึ้น

ไม่มีตัวเลือกอื่นใด

ขณะเสียงการเข่นฆ่าในเขาศักดิ์สิทธิ์ดังทอดออกมา เงาร่างของสวี่ชิงยามนี้ปรากฏในทุกที่ที่มีเสียงดังเบาด้วยการระเบิดอำนาจเทพเจ้าแห่งเสียงอย่างเงียบเชียบ

ผ่านไปที่ใด เสียงดังชีวิตดับ ศีรษะมนุษย์ลอยลำ เลือดเนื้อแหลกลาญ จิตสังหารสะเทือนฟ้า

เขาจำต้องสังหาร

เหตุการณ์ 10 วันนี้ทำให้เส้นประสาทเขาตึงเครียดมาตลอด โดยเฉพาะตอนถูกไล่ฆ่ายิ่งทำให้เขาเหมือนสุนัขเร่ร่อน สภาพแย่หาใดเปรียบ

ลำบากยากเข็ญไม่หยุดหย่อน กายเนื้อแหลกครั้งแล้วครั้งเล่าบวกกับความเจ็บปวดที่ตามมากลายเป็นจิตสังหารเทียมฟ้าในตอนนี้

สวี่ชิงไม่ใช่คนชอบเสียเปรียบอยู่แล้ว

การฆ่าก็เป็นความปกติของชีวิตเขา

เดิมแดนศักดิ์สิทธิ์กับเขาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบ

เขาไม่ได้อยากมีความขัดแย้งกับแดนศักดิ์สิทธิ์เร็วปานนี้ แต่ตอนรอยักษ์ลากราชรถอยู่ที่นั่น บุตรเจ้าเหนือหัวกับผู้คุ้มครองดันมีความโลภชัดเจนเกินไป

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้น…ก็ฆ่าเสียสิ้นเรื่อง

ดังนั้นลมจากผิวทะเล ยกคลื่นม้วนน้ำทะเลพัดไปบนเขาศักดิ์สิทธิ์ ผสานเข้ากับการเข่นฆ่าในที่นี้คืบขยายจากล่างขึ้นบน

ใต้ตีนเขา ผู้บำเพ็ญหวนสู่อนัตตาเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง

แม้เสี่ยเลี่ยนจื่อชราแล้ว แต่กลับเป็นคนกลุ่มแรกที่บุกเข้าเขาศักดิ์สิทธิ์ กับการหายไปจากสวี่ชิงก่อนหน้านี้ใจเขารู้สึกผิดมาตลอด ตอนนี้จึงออกมือสุดกำลัง

“บังอาจแตะต้องศิษย์ของข้า ข้าจะให้พวกเจ้าฝังร่วมกันทั้งเผ่า!”

เสี่ยเลี่ยนจื่อจิตใจเย็นเยือก แปลงเป็นเส้นไหมสีโลหิตนับไม่ถ้วน หมายจะดูดกลืนชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีทุกผู้ที่มองเห็น

ผู้บำเพ็ญบ่อเกิดกาลกิณีเกิดความบ้าคลั่งในใจ เขารู้ว่าวันนี้เคราะห์ร้ายมากกว่าดี บัดนี้หมายจะลากอีกฝ่ายร่วมฝังท่ามกลางโลหิตและการเข่นฆ่า บัดนี้นัยน์ตาแดงฉาน 2 มือทำมุทรา กลิ่นอายทรงพลังระเบิดจากกาย

จะระเบิดตัวเอง!

แต่พริบตาต่อมา ยามลมพัดผ่าน เงาร่างแห่งความตายเผยจากเสียงลมมาโผล่อยู่ข้างหลังเขา กริชในมือเฉือนอย่างรุนแรง

ศีรษะลอยขึ้น!

ฟ้าดินที่หมุนวนกลายเป็นโลกใบสุดท้ายในดวงตาผู้บำเพ็ญคนนี้ แต่น่าเสียดายเขายังคงไม่เห็นคนสังหาร ที่เห็นมีเพียงการแผ่คลุมจากเสี่ยเลี่ยนจื่อที่แปลงเป็นไหมโลหิต

การเข่นฆ่าดำเนินต่อไป

ยามนี้หากก้มมองแดนศักดิ์สิทธิ์จากฟ้า จะเห็นว่าซากศพในแดนศักดิ์สิทธิ์เยอะขึ้นทุกที

ทุกคนต่างเสียสติ

เอ้อร์หนิวก็เช่นเดียวกัน

เขาแปลงกายเป็นหนอนสีฟ้านับไม่ถ้วน ม้วนมาพร้อมน้ำค้างแข็ง ผ่านบริเวณใดล้วนถูกแช่แข็ง

ปากเขายังส่งเสียงหัวเราะเยาะพร้อมลมหนาวหวีดคำราม

“แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่นับเป็นสิ่งใด!”

ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่ง ผู้บำเพ็ญบ่อเกิดกาลกิณีหวนสู่อนัตตาขั้นบริบูรณ์เผชิญกับการล้อมโจมตีหลายด้าน เลือดสดพ่นออกมา ร่างกายถอยหลังรวดเร็ว สายตาเขาทอดมอง เขาศักดิ์สิทธิ์มีแต่ความตาย

กลิ่นคาวเลือด เสียงร้องน่าสังเวชถมเต็มการรับรู้ของเขา

การเข้าใกล้ความตายยิ่งทำให้เขาจิตใจสั่นเทา ขณะถอยกลับนี้เขาจึงใช้วิชาลับโดยไม่สนสิ่งใด หมายหลุดพ้นด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี

สำเร็จแล้วครึ่งหนึ่ง

ด้วยวิชาลับของเขา ทั่วร่างเขาแผ่แสงโลหิต หนีจากชะตาถูกล้อมโจมตีประหนึ่งโลหิตหลีกเร้น แต่ด้วยการปกคลุมจากค่ายกลด้านนอกกลับไม่อาจเคลื่อนตัวออกไปได้โดยสมบูรณ์ ได้เพียง…ปรากฏตัวที่ใต้ตีนเขาศักดิ์สิทธิ์

ขณะที่ปรากฏตัว ไม่รอเขาเห็นสถานการณ์รอบด้านชัดเจน ลมเข้าปะทะใบหน้า

ความรู้สึกเสี่ยงตายที่รุนแรงกว่าถูกล้อมโจมตีก่อนหน้านี้นับไม่ถ้วนพลันปะทุในจิตใจ หัวใจเขาสะท้าน จะถอยหลังตามสัญชาตญาณ ทว่าพริบตาต่อมาลมนั้นตัดหัวเขาขาด

โลกเชื่องช้าลงในการรับรู้ของเขา ถึงขั้นกลายเป็นมืดมิด

ขณะเลือดสดไหลทะลัก ศพก็ร่วงลง

แต่ศีรษะที่ลอยขึ้นของเขากลับตกในมือเงาร่างที่เดินออกจากลม ถูกเขาถือไว้แล้วหายไปอีก

ตอนปรากฏตัวอีกครั้งมาอยู่ในส่วนกลางของภูเขาแล้ว

ที่นี่มีศพเยอะกว่า สำหรับบ่อเกิดกาลกิณีทั้งเผ่าเป็นสถานการณ์ที่ถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์

ความต่างด้านกำลังระหว่างกันทำให้การต่อต้านของเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีไม่มีความหมายใด การดิ้นรนของพวกเขาก็ทำให้ตัวเองอยู่ได้นานขึ้นหน่อยเท่านั้น ราคาที่ต้องจ่ายคือการบาดเจ็บและความทรมานทางจิตใจ

แม้เป็นผู้อาวุโสเตรียมสู่เทวะในเผ่า รวมถึงผู้แข็งแกร่งเตรียมสู่เทวะอื่นๆ ในเผ่า ด้วยการออกมือของพวกรัฐทายาทและอ๋องเจิ้นเหยียนก็ล้วนตายตกไปตามกัน

เมฆโลหิตรวมตัวบนม่านฟ้า ฝนโลหิตสาดทั่วสารทิศ

เปลวเพลิงยังคงลุกไหม้ เผาฝนโลหิตที่ตกลงมาให้เป็นไอหมอกปกคลุมเขาศักดิ์สิทธิ์

สวี่ชิงเหมือนพญายมที่เดินอยู่บนโลก เดินจากตีนเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ไปยังยอดเขาท่ามกลางหมอกโลหิต

เป้าหมายของเขาไม่มีแบ่งแยก ไม่ว่าผู้บำเพ็ญขั้นใด ขอแค่เป็นชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีก็จะถูกเขามอบตรานาบแห่งความตาย

หวนสู่อนัตตาเป็นเช่นนั้น สมบัติวิญญาณเป็นเช่นนั้น ปราณก่อกำเนิดและหลอมตันเถียนก็เช่นเดียวกัน

กลิ่นคาวเลือดในที่นี้จึงรุนแรงขึ้น เสียงร้องโหยหวนก็ชวนสังเวชขึ้นทุกที กระนั้นจำนวนกลับค่อยๆ ลดลง

มาถึงสุดท้าย ชั่วขณะที่เงาร่างสวี่ชิงเดินออกจากหมอกโลหิตที่หมุนล้อมภูเขามายืนบนยอดเขา สนามรบไม่มีเสียงโอดโอยของผู้บำเพ็ญบ่อเกิดกาลกิณีอีกต่อไป

เผ่านี้สูญสิ้น

มีเพียงซากศพนับไม่ถ้วนกระจายตกตามจุดต่างๆ บนภูเขา ส่วนใหญ่สภาพไม่สมบูรณ์

และเลือดสดก็ย้อมภูเขาขาวนี้เป็นสีแดงอย่างสิ้นเชิง

กลิ่นความตายส่งผลให้แดนต้องห้ามมรณะใต้ทะเลสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ถูกกลิ่นอายบนผิวทะเลสะกดไว้อีกครั้ง

บนยอดเขา สวี่ชิงหายใจเข้าลึก มองไปยังผู้มาช่วยทั้งหลาย มองทีละคนแล้วคารวะให้ทุกฝ่าย

จากนั้นสายตาสบกับหลิงเอ๋อร์ข้างกายรัฐทายาท

หลิงเอ๋อร์เติบใหญ่แล้ว นางรู้ว่าสวี่ชิงยังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องไปทำ จึงไม่ได้มารบกวนเลยตลอดงาน นางสังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิงแล้วสีหน้าเปี่ยมด้วยความคิดถึง

สวี่ชิงนัยน์ตาอ่อนโยน พยักหน้าหันไปมองนายกองที่เดินออกมาจากหมอกโลหิตเช่นกัน

“ศิษย์พี่ใหญ่”

เอ้อร์หนิวรู้ว่าเขาอยากพูดอะไร จึงเลียริมฝีปากสัมผัสคาวเลือดรอบด้าน เขาหัวเราะชั่วร้าย

“อาชิงน้อยวางใจ ด้วยการสังเวยเลือดบ่อเกิดกาลกิณีทั้งเผ่า ข้าต้องเจอร่องรอยคนผู้นั้นแน่! อีกอย่างเขาในตอนนี้นอกจากจะไม่มีกรรไกรประหลาดเล่มนั้น ตัวเขาเองยังอ่อนแอ โดยรวมคงไม่ได้อยู่เขตขั้นเจ้าเหนือหัวแล้ว” นางกองกล่าวพลางย่างเท้าขวา โผนกายขึ้นอากาศ

เมื่ออยู่กลางอากาศ เขายกมือคว้าไปยังหมอกโลหิตเบื้องล่าง ฉับพลันหมอกโลหิตเข้มข้นที่กระจายอยู่ทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นกาฬวาต 5 สายโดยมีเอ้อร์หนิวเป็นศูนย์กลาง พุ่งขึ้นฟ้าแล้วเคลื่อนที่ไม่หยุด

ยามนี้ซากศพจำนวนมากก็ถูกกาฬวาตสะท้านไหวม้วนเข้าไปในนั้น วนล้อมประหนึ่งใบไม้ร่วง

มองไกลๆ ฉากนี้เห็นแล้วต้องตื่นกลัว คล้ายเป็นวิชานอกรีตบางอย่าง

จากนั้นนัยน์ตาเอ้อร์หนิวฉายประกาย 2 มือทำมุทราอย่างรวดเร็ว ในปากท่องคาถา ฉับพลันกาฬวาต 5 สายนั้นสะเทือนเลื่อนลั่น ซากศพทั้งหมดในนั้นล้วนแหลกเป็นผุยผงอยู่ภายใน

เมื่อกลายเป็นเลือดเนื้อ กาฬวาต 5 สายนี้ยิ่งดูสะเทือนขวัญ สุดท้ายด้วยมือขวาของเอ้อร์หนิวชี้ไปยังท้องฟ้า กาฬวาต 5 สายพลันพุ่งตรงไปยังนภา

รวมตัวกันบนม่านฟ้า เกิดเป็นทะเลโลหิต ขณะพลิกม้วนต่อเนื่องดังสนั่นหวั่นไหว เกิดหลุมดำกระแสน้ำวน

เอ้อร์หนิวมองเกลียวคลื่น ร้องเรียกเสียงค่อย

“ศิษย์น้องเล็ก!”

สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย วิหคทองบินถลันจากในกาย ยามบินกลางอากาศอ้าปากกว้าง พ่นร่างเดิมของฝูเสียที่ถูกหลอมมาโดยตลอด

ร่วงลงมาข้างกายเอ้อร์หนิว

เอ้อร์หนิวยกมือขวากดศีรษะของฝูเสีย เมื่อปลายนิ้วยึดกะโหลกไว้แนบแน่น เสียงให้ความรู้สึกเก่าแก่ของเขาดังก้องฟ้าดิน

“ใช้เลือดเป็นตัวนำ ใช้ความคิดเป็นเหตุ กระดูกนี้ผู้บำเพ็ญนี้ วิญญาณฟ้าดิน ต้นกำเนิดแรกเริ่ม”

ชั่วขณะที่เสียงทอดออกมา เกลียวคลื่นหมุนวนรุนแรงกว่าเดิม สายฟ้าแหวกว่ายอยู่ในนั้นเป็นสาย สะเทือนทั่วทิศดุจงูสีเงินเลื้อยทั่วฟ้า

ในความพร่ามัว ภาพมายาฉากหนึ่งถูกดึงให้ปรากฏในหลุมดำ

ตอนแรกยังเลือนรางบิดเบี้ยว แต่พริบตาต่อมานัยน์ตาเอ้อร์หนิวฉายประกาย ทั่วร่างปรากฏแสงสีฟ้า รวมตัวกันระเบิดเข้าไปในภาพ

ขณะย้อมมันด้วยสีฟ้า เอ้อร์หนิวก็พ่นเลือดสดใส่ภาพคำแล้วคำเล่า

ราวกับกำลังชำระล้าง

ไม่นานภาพจึงเด่นชัดขึ้นมา

นั่นคือก้นทะเล!

เดิมเงาร่างดำมืดสายหนึ่งกำลังห้อตะบึง แต่ชั่วลมปราณคล้ายรู้สึกตัว หันมามองตามสัญชาตญาณ

เผยให้เป็นรูปโฉม

เป็นฝูเสียนั่นเอง!

สีหน้าเขาตะลึงเป็นอย่างแรก พริบตาต่อมาก็กลายเป็นอึมครึม จากนั้นยกมือโบกคล้ายจะตัดการเชื่อมต่อนี้

ภาพเลือนรางอีกครั้งทันที

“คิดหนี?”

เอ้อร์หนิวยิ้มเยาะ พลันเคลื่อนกายพุ่งไปยังเกลียวคลื่น ด้านสวี่ชิงยิ่งก้าวไปในยามแรก เข้าใกล้ในฉับพลัน จากนั้นเดินเข้าเกลียวคลื่นพร้อมจิตสังหารสูงสุด

ยังมีเงาร่างเปลวเพลิงสายหนึ่งพุ่งออกจากเขาศักดิ์สิทธิ์ กลายสภาพเป็นหวงเหยียนย่างตามเข้าไปในนั้น

เสียงดังสนั่น เกลียวคลื่นสลาย

เงาร่างทั้ง 3 หายไปไม่เห็นร่องรอย

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version