บทที่ 991 วันนี้ สรรพชีวิตยืนข้างเขา
บริเวณแดนใหญ่หมู่เกาะใต้ในทะเลใกล้ เสียงหวีดคำรามจากท้องฟ้าดังสนั่นแทบหูหนวก ยังมีลมแรงถูกพัดขึ้น กลายเป็นพายุกวาดซัดฟ้าดิน
สั่นสะเทือนทั่วทิศ
ในพายุถึงกับมีเงาร่าง 2 สาย หวีดคำรามมุ่งหน้าด้วยความเร็วชวนตื่นตะลึง
ผ่านบริเวณใดคล้ายลากรอยยาว 2 สายบนนภา คืบขยายแหวกความว่างเปล่าทั้งหมดบนม่านฟ้าอย่างรวดเร็ว
ราบรื่นหาใดเปรียบ
อำนาจฝ่ายต่างๆ บนหมู่เกาะใต้ สิ่งมีชีวิตประเภทเทพ รวมถึงเทพเจ้าที่ซ่อนตัวในที่นี้ แม้กระทั่งสรรพสิ่งในขุนเขาสายธาร สรรพชีวิตในฟ้าดิน ขอแค่เป็นผู้มีพลังรับรู้ สังเกตเห็นเงาร่างสวี่ชิงแล้วต่างเพียงจ้องมอง ไม่ได้ขัดขวางสักน้อยนิด
จ้องมอง เพราะช่วงเวลานี้คลื่นใหญ่ที่เกิดจากสวี่ชิงหายตัวไปกระทบเป็นวงกว้างอย่างยิ่ง สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งรุนแรงเทียมฟ้า นามของสวี่ชิงระบือถ้วนทั่ว
เขาคือมหาขุนพลนภาแห่งนภาคิมหันต์ เขาคืออาจารย์แห่งเผ่ามนุษย์
เขาอยู่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตะวันออกเรียกได้ว่าตำแหน่งสูง อำนาจมาก!
เพื่อตามหาเขา แดนตะวันออกบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์สะเทือนเลื่อนลั่น
จักรพรรดินีเผ่ามนุษย์กับ 3 เทพนภาคิมหันต์ยังยืมโอกาสนี้แสดงเจตจำนงถึงขีดสุด บอกใต้หล้าว่าผู้ใดคือเจ้าแดนตะวันออก!
ดังนั้นแม้แดนใหญ่หมู่เกาะใต้มีเผ่ามนุษย์น้อยนัก แต่ว่า…ตราบใดที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตะวันออก ล้วนต้องทำตามโองการร่วมของเผ่ามนุษย์และเผ่านภาคิมหันต์
ภายใต้สายตาของแต่ละฝ่าย เงาร่างสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิวจึงออกจากพื้นที่ทะเลทรายแล้วมุ่งหน้าไป…ทะเลต้องห้าม
ระหว่างห้อตะบึง เรื่องเกี่ยวกับสวี่ชิงรอดพ้นสถานการณ์ลำบากก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะแดนใหญ่ต่างๆ ในแดนตะวันออกรู้เรื่องราว โองการจากสวี่ชิงก็ออกคำสั่งแก่คลื่นศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณทมิฬในยามแรก!
“คลื่นศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณทมิฬ ประกาศสงครามกับบ่อเกิดกาลกิณี!”
โองการนี้ออกมา ฟ้าดินสั่นสะเทือน
2 แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณทมิฬที่มีเขตปกครองผนึกสมุทรเป็นศูนย์กลางเอ็ดอึงทันใด ค่ายกลส่งข้ามกินบริเวณกว้างใหญ่เปิดออกฉับพลัน
ผู้บำเพ็ญที่ผ่านร้อยศึกก้าวเข้าไปในค่ายกลเป็นกลุ่มๆ ไปเยือน…แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีตามคำสั่งของเจ้าแดนพวกเขา รวมตัวกับกองทัพก่อนหน้า
สงครามใหญ่กำลังจะเริ่ม!
ขณะเดียวกัน ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณถ่ายทอดโองการปักษาสวรรค์ทักษิณออกมาเช่นกัน
“ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ประกาศสงครามกับบ่อเกิดกาลกิณี!”
สิ่งมีชีวิตประเภทเทพจากแดนต้องห้ามปักษาราชันพากันพุ่งออกมาด้วยโองการของปักษาสวรรค์ทักษิณ ทำให้ฟ้าดินในยามนี้สั่นสะเทือนไร้สิ้นสุด
“7 เนตรโลหิต ประกาศสงครามกับบ่อเกิดกาลกิณี!”
หมู่เกาะต่างๆ บนทะเลต้องห้ามตอบรับเสียงของ 7 เนตรโลหิตนับไม่ถ้วน จิตสังหารทั้งหมดรวมไปยังบ่อเกิดกาลกิณี
“แดนใหญ่เซ่นจันทรา ประกาศสงครามกับบ่อเกิดกาลกิณี!”
รัฐทายาทและคนอื่นๆ ไม่ได้ไปจากทะเลต้องห้าม หลังรู้ว่าสวี่ชิงปลอดภัยและได้ยินคำสั่งประกาศสงคราม เสียงของพวกเขาก็ดังก้องนภากาศ
ชั่วขณะหนึ่ง กลุ่มอำนาจของสวี่ชิงพากันสะเทือนเลื่อนลั่น ค่ายกลมากมายปรากฏบนแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีที่ถูกผนึกไว้อย่างต่อเนื่อง
นี่ก็คืออิทธิพลในการล่าของสวี่ชิง
ก้าวแรกที่เขาล่าฝูเสีย เท่ากับถอนแดนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทั้งราก!
สวี่ชิงไม่ลืมแค้น จุดนี้เขาเป็นมาตั้งแต่เด็ก
แม้เพียงเผยความเป็นศัตรูกับเขา ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร เขาก็จะไปฆ่าทิ้งก่อน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงฝูเสียที่ทำให้เขาเกือบตาย
ฝูเสียเป็นเจ้าเหนือหัวแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี แม้บ่อเกิดกาลกิณีถูกบีบให้ขัดขวางไม่ได้ แต่เมล็ดพันธุ์ความแค้นไม่อาจแก้ไขได้แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…
จะสังหารก็สังหารให้เยอะ จะทำลายก็ล้างบางทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์
เช่นนี้จึงจะไม่มีภัยในภาคหน้า
‘อีกอย่าง จะเจอร่องรอยของฝูเสียก็ต้องใช้สายเลือดชาวเผ่ามัน!’ บนนภา จิตสังหารในตาสวี่ชิงลุกเทียมฟ้า
นายกองที่ด้านข้างเลียริมฝีปาก นัยน์ตาเผยแสงโลหิต
“อาชิงน้อย ความคิดเจ้าใช้ได้ บางเรื่องไม่ต้องรอให้คนอื่นป้อนเข้าปากจริง แบบนั้นแม้กินแล้วเลิศรส แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ปลอกมันด้วยมือ”
“ในเมื่อเจ้าอยากมีประสบการณ์ เช่นนั้นสังเวยโลหิตแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าจะใช้สายเลือดเผ่านี้เตรียมวิถี 5 โคสืบย้อนต้นกำเนิด!”
“เล็งตำแหน่งเจ้าของแสลงนั่นด้วยสิ่งนี้ จากนั้นเราไปฆ่ามันให้ตาย!”
นายกองเสียงดุดันกึกก้อง หลังเสียงห้อตะบึงหวีดคำรามแหวกเมฆหมอก พวกเขามาถึงท้องนภาเหนือทะเลต้องห้ามในที่สุด ไม่หยุดพักแต่อย่างใด มุ่งตรงไปแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีท่ามกลางคลื่นทะเลและม่านฟ้าที่พลิกม้วน
ระหว่างทางจะเห็นอสูรทะเลในนั้นกระโดดขึ้นมานับไม่ถ้วน คลื่นทะเลม้วนทุกสิ่งรวมไปยังบ่อเกิดกาลกิณี
ยังเห็นสิ่งมีชีวิตประเภทเทพหลายตัวเดินออกจากก้นทะเล มีเป้าหมายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีเช่นกัน
กระทั่งเงาร่างทั้ง 2 ปรากฏในขอบเขตอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี สิ่งที่สะท้อนสู่นัยน์ตาสวี่ชิงคือภาพคลื่นกว้างใหญ่สะเทือนขวัญถึงขั้นเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกร
ธงนับไม่ถ้วนโบกสะบัดในสายลม
เงาร่างผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนเรียงแถวทั่วทิศ ปราณพิฆาตสั่นสะเทือนทุกสิ่งในยามนี้ ทำให้เมฆลมเปลี่ยนสี พายุกวาดซัดเทียมฟ้า
ผู้บำเพ็ญเหล่านี้มีกองทัพแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ มีนักบวชแดนใหญ่วิญญาณทมิฬ มีกองทัพเผ่ามนุษย์ มีกลุ่มเผ่าทะเลต้องห้ามมากมายที่เป็นพันธมิตรของ 7 เนตรโลหิต
ยังมีผู้บำเพ็ญที่มาจากตำหนักขบถจันทร์แดนใหญ่เซ่นจันทรา!
จำนวนคนไร้สิ้นสุดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีไว้ด้านใน
บนฟ้ายังมีเงาร่างที่ทำให้สวี่ชิงอุ่นใจอีกมากมาย
มีรัฐทายาท มีท่านย่าสาม ท่านย่าห้า ท่านปู่แปด และท่านปู่เก้า
หลิงเอ๋อร์ก็อยู่ในนั้น
ยังมีอ๋องเจิ้นเหยียนและบรรพจารย์ทั้งหมดใน 7 เนตรโลหิต เสี่ยเลี่ยนจื่อถึงกับอยู่ในนั้นด้วย
ผู้แข็งแกร่งในคลื่นศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณทมิฬ 2 แดนใหญ่ก็ล้วนปรากฏตัว
ส่วนด้านบนสุด กลับเป็นวิหคเพลิงสวรรค์ที่แผ่ร่างบดบังตะวัน เพลิงไร้สิ้นสุดที่โอบล้อมรอบกายเกิดเป็นทะเลเพลิงแผดเผาม่านฟ้า ศิษย์พี่หญิงรองยืนอยู่บนวิหคเพลิงสวรรค์
ทุกคนเตรียมพร้อมรอลงมือ
คอยเพียงสวี่ชิง!
และเงาร่างของสวี่ชิงก็ก้าวเดินมาจากขอบฟ้า
ฝีเท้าที่เคลื่อนลงเกิดเป็นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น เงาร่างที่มาเยือนกลายเป็นพลังทรงอานุภาพ
“คารวะเจ้าแดน!”
“คารวะอาจารย์!”
“คารวะผู้สืบทอดมรรคา!”
“นายแห่งขบถจันทร์!”
คำเรียกต่างกันทอดมาจากกองทัพอำนาจต่างๆ แม้คำพูดไม่เหมือน แต่ความเคารพและความบ้าคลั่งที่แฝงอยู่ในนั้นไม่ต่างกันเลย
เขาคือเจ้าแดนของคลื่นศักดิ์สิทธิ์ และวิญญาณทมิฬ
เขาคืออาจารย์ของเผ่ามนุษย์
เขาคือผู้สืบทอดมรรคาแห่ง 7 เนตรโลหิต
เขาคือนายแห่งตำหนักขบถจันทร์!
เหล่านี้เขาล้วนได้มาทีละก้าวด้วยกำลังของตนในอดีตที่ผ่านมา!
แต่ฐานะทั้งหมดนี้ เดิมทีตอนสวี่ชิงฝึกฝนให้ได้มาก็ไม่ได้ไปแสดงให้ใครดู เขาแค่อยากฝึกฝนด้วยตัวเองตามความต้องการของอาจารย์
แต่ในเมื่อฝูเสียผู้นั้นอยากให้เขาตายระหว่างการฝึกฝน เช่นนั้นวันนี้ เขามาแล้ว
ระเบิดพลังของตนออกมาทั้งหมด
ยามนี้เดินมาพร้อมอัสนีพลิกม้วน เสียงเลื่อนลั่นสนั่นแก้วหู
ห่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงร้อยลี้
ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี ค่ายกลพังทลายลงแล้ว ชาวเผ่าในนั้นต่างตัวสั่นเทา เผยสีหน้าสิ้นหวัง
ด้วยพลังกดดันจากรอบด้าน พวกเขาส่วนใหญ่เหมือนร่างกายกับจิตวิญญาณกำลังทรมาน ขณะภายในป่วนปั่นส่วนใหญ่ยังพ่นเลือดออกจากมุมปาก
บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีผู้นั้นยิ่งสีหน้าอึมครึม ความจริงหลายวันนี้เขาเตรียมตัวไว้แล้ว เพียงแต่เมื่อเห็นเงาร่างของสวี่ชิงเดินมาจากขอบฟ้า ใจเขาพลันกระตุกวูบ
ฉากเลวร้ายที่สุดในความคิดของเขาได้เกิดขึ้นแล้ว
“ฝูเสีย…แพ้แล้ว…”
ในใจบรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีเปี่ยมความขมขื่นรุนแรง จ้องมองสวี่ชิงที่เดินมา ใจไม่ลังเลอีกต่อไป เลื่อนสายตาไปยังอ๋องเจิ้นเหยียนบนม่านฟ้า พลันเอ่ยคำ “อ๋องเจิ้นเหยียนเผ่ามนุษย์ โปรดบอกจักรพรรดินีหลีเซี่ย แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีข้ายอมยกเผ่าสวามิภักดิ์ อยู่ในอาณัติของเผ่ามนุษย์!”
“คำพูดนี้เกิดด้วยปฏิญาณแห่งเผ่า เกิดจากโชคชะตาแห่งเผ่า หากเผ่ามนุษย์เห็นชอบ จากนี้เผ่าข้าจะทำตามคำปฏิญาณนี้สืบไป!”
บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีเป็นถึงผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี ย่อมมีแผนการของเขา นับแต่ชั่วเวลาที่เลือกปกป้องฝูเสีย เขาก็วิเคราะห์ภาพรวมไว้แล้ว
บัดนี้ในเมื่อผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น เช่นนั้นตัวเลือกที่อยู่ตรงหน้าเขาเหลือไม่มากนัก
ถึงแม้…เขารู้ว่าใต้เท้าในแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวมายาผู้นั้นพลังบำเพ็ญเทียมฟ้า เมื่อหักหลังจะเกิดผลร้ายมากกว่าดี แต่ตอนนี้…ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
คำพูดของเขาจึงดำเนินต่อไป
“ตัวข้าผู้เฒ่ายังยอมประทับรอยตราของจักรพรรดินีในวิญญาณ พร้อมกันยังยินดีเปลี่ยนเส้นทางบำเพ็ญมาบำเพ็ญเทพ จุดเพลิงเทวะของตน!”
“เช่นนี้แล้ว ข้าผู้เฒ่าก็ตัดขาดกับแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิง!”
คำพูดนี้ทอดมา สายตาของฝ่ายต่างๆ นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ที่อ๋องเจิ้นเหยียนเป็นส่วนใหญ่
อ๋องเจิ้นเหยียนนิ่งเงียบ
ฝีเท้าของสวี่ชิงไม่ได้หยุดแม้เพียงครึ่ง ยามนี้ห่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีเพียง 30 ลี้
เห็นเป็นเช่นนั้น บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีเอ่ยคำอีกครั้ง
“เมื่อข้าผู้เฒ่าสำเร็จเทพ โดยรวมก็ก้าวสู่แท่นเทวะได้ ถึงตอนนั้นไม่ว่ากับเผ่ามนุษย์หรือนภาคิมหันต์ล้วนมีประโยชน์มากโข ทำให้พวกเจ้าเผชิญกับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าในภายหน้าได้สบาย!”
เขากลัวใต้เท้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวมายาผู้นั้น แต่เมื่อเขาจุดเพลิงเทวะ เช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญอีกต่อไป หากเป็นพวกเดียวกับเทพ
เขารู้แผนการของใต้เท้าผู้นั้นดี อีกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับเทพเจ้าเท่าที่ทำได้
แม้ไม่ได้มั่นใจอย่างที่สุด แต่สถานการณ์ที่เผชิญอันตรายเช่นนี้ นี่คือวิธีเดียวที่เขาคิดออก
เขาจึงกล่าวคำพูดนี้กับอ๋องเจิ้นเหยียนเผ่ามนุษย์ ด้วยเขารู้ดีว่าตอนนี้คนที่ช่วยชีวิตตนได้มีเพียงจักรพรรดินี
และจักรพรรดินี…เป็นเทพเจ้า เป็นเทพมนุษย์ นี่ตัดสินว่าการกระทำขององค์ท่านมีเผ่ามนุษย์เป็นหลัก
‘ทั้งที่ก่อนหน้านี้จักรพรรดินีเจอตัวฝูเสียได้ แต่กลับใช้โอกาสนี้แสดงเจตจำนง เห็นได้ว่าการชี้ขาดของข้าไม่ผิด ส่วนด้านองค์ท่าน ขอเพียงคำนวณแล้วคิดว่ารับเผ่าข้าเข้ามาจะทำให้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้น เช่นนั้นต่อให้สวี่ชิงคิดอย่างไรก็ไม่เป็นผล’
เพียงแต่ แม้ความคิดเหล่านี้ของเขาจะดี แต่อ๋องเจิ้นเหยียนยังคงนิ่งเงียบ
และเงาร่างของสวี่ชิง ยามนี้เข้ามาใกล้ กลุ่มคนเบื้องหน้าเขาถอยหลังให้ทางเดินแก่เขาอย่างนอบน้อม เขาเดินมาทางแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีทีละก้าว
บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณียังไม่เข้าใจ เพียงเอ่ยคำเสียงกึกก้องอีกครั้ง
“จักรพรรดินีหลีเซี่ย ข้ารู้ความลับมากมายของแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ข้ารู้เหตุผลแท้จริงที่แดนศักดิ์สิทธิ์มาเยือนครั้งนี้ ข้ายังรู้ตำแหน่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จะมาเยือนถัดไป!”
“ดินแดนต้องประสงค์จะจมสู่เพลิงสงคราม”
“เรื่องนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ข้อมูลของข้าทำให้เผ่ามนุษย์ได้เปรียบในสถานการณ์หลังจากนี้ได้!”
“และสวี่ชิงก็ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด คิดดูฝูเสียก็จ่ายสิ่งที่ต้องเสียไปแล้ว จักรพรรดินีโปรดอย่าสืบถามอีกเลย ให้ฝูเสียรับผิดสร้างผลงานให้เผ่ามนุษย์เพื่อแก้ไขเรื่องนี้ดีหรือไม่”
บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีเงยหน้า จ้องมองสุดขอบม่านฟ้า
เขาสัมผัสได้ว่าจักรพรรดินี…อยู่ตรงนั้น
ส่วนการมาเยือนของสวี่ชิง เขาไม่แลมองสักนิด บัดนี้ใจเขารอเพียงคำตอบของจักรพรรดินี
เขาเชื่อว่าตน กลุ่มเผ่าของตนและข้อมูลที่รู้ก็มากพอให้แลกกับการอยู่ต่อของเผ่าและการกระทำของฝูเสีย
เขาจึงคารวะไปยังม่านฟ้า
ตอนนี้อ๋องเจิ้นเหยียนขมวดคิ้วในที่สุด
ส่วนทัพใหญ่รอบด้าน เซ่นจันทราก็ดี 7 เนตรโลหิตก็ดี ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณก็ดี ยังมีคลื่นศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณทมิฬ ต่างไม่มีปฏิกิริยากับคำพูดเหล่านั้น สำหรับพวกเขา คนที่ตัดสินใจทุกอย่างที่นี่ตอนนี้มิใช่จักรพรรดินี หากเป็นสวี่ชิง
เงาร่างของสวี่ชิงก็มาถึงด้านบนแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีในพริบตานั้น หลังมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาเงยหน้ามองไปยังม่านฟ้า
เขาก็อยากรู้ว่าจักรพรรดินีจะตอบอย่างไร
เอ้อร์หนิวที่ด้านข้างหรี่ตา ฉายประกายน่าหวั่นกลัว
บนม่านฟ้า เสียงเย็นเยียบของจักรพรรดินีทอดมา
“เอาความกล้ำกลืนของคนหนึ่งมาแลกข้อได้เปรียบของทั้งเผ่า เรื่องนี้ดูเหมือนถูกต้อง”
“แต่ตอนนั้น ในชั่วเวลาที่เขตปกครองผนึกสมุทรเผชิญความเป็นความตาย คนผู้นี้ใช้พลังบำเพ็ญหลอมตันเถียนดุจคนโง่ ทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้ยังดึงดันจะยืนขึ้นเพื่อทุกชีวิตในเขตปกครองผนึกสมุทร”
“แดนใหญ่เซ่นจันทราเดิมเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ของชื่อหมู่ เป็นคนผู้นี้อีกเช่นกัน ใช้พลังบำเพ็ญปราณก่อกำเนิดลุกขึ้นช่วยสรรพชีวิตในเซ่นจันทรา”
“ก่อนเราเป็นเพลิงเทวะ เผ่าขัดแย้งกับนภาคิมหันต์ ก็เป็นคนผู้นี้ไปนภาคิมหันต์จนกลายเป็นมหาขุนพลนภา ประกาศหยุดสงครามต่อหน้าทุกชีวิตในนภาคิมหันต์”
“เขาแบกกระบี่เดินท่องทั่วหล้า ทบทวนตนเองเป็นหมื่นจั้ง จนบัดนี้ความตั้งใจเดิมยังคงอยู่”
“เจ้าว่าคนแบบนี้ หากเราเลือกมองข้ามความกล้ำกลืนของเขา เช่นนั้นความหมายของเผ่าจะเป็นสิ่งใด”
“คนต่อไปล่ะ คนต่อๆ ไปล่ะ ให้ชาวเผ่าเจอความไม่เป็นธรรมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแลกกับข้อได้เปรียบของเผ่า เจ้าอาจมองว่าคุ้มค่า แต่สำหรับเรา นั่นมิใช่ความได้เปรียบ”
“แม้เราเป็นเทพเจ้า แต่เทพนี้คือเทพมนุษย์”
“เทพนี้ไม่ต้องวางไว้ในใจ และไม่ต้องยืนอยู่ข้างหลัง ข้าคือเทพเบื้องหน้าของเผ่ามนุษย์บนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์!”
“สวี่ชิงเคยลุกขึ้นเพื่อทุกคน เช่นนั้นวันนี้ ทุกคนรวมถึงเราก็จะยืนข้างเขา”
“ดังนั้น การสวามิภักดิ์ของเจ้า ข้าไม่ต้องการ!”
คำพูดนี้เอ่ยออกมา ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงพลิกม้วนดังกว่าอัสนีระเบิดทั่วทิศ
ชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีพากันสิ้นหวัง ด้านบรรพจารย์ยิ่งสีหน้าซีดเผือด เขานึกไม่ถึงว่าจะเป็นคำตอบเช่นนี้
ผู้บำเพ็ญในที่นี้ยิ่งต่างคนจิตใจป่วนปั่น ความฮึกเหิมผุดขึ้นเทียมฟ้า
ด้านเอ้อร์หนิวความเย็นเยียบในตาก็สลาย แอบแค่นเสียงในใจ ความโกรธแค้นที่มีต่อจักรพรรดินีก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วย
สวี่ชิงถอนสายตากลับ มองไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีและกล่าวคำเรียบนิ่ง “วันนี้ ล้างบางบ่อเกิดกาลกิณี!”
“รับโองการ!”
ทัพใหญ่รอบด้านสะเทือนเลื่อนลั่นในพริบตา ปราณพิฆาตระเบิดเทียมฟ้าเกิดเป็นพลังยิ่งใหญ่ เคลื่อนถล่มไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีดุจคลื่นโทสะ
ขณะเดียวกัน เขาแดนศักดิ์สิทธิ์ระเบิด ปราณมรณะปรากฏ ประตูศิลาแดนต้องห้ามมรณะที่บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีจับเป็นก่อนหน้านี้ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ปล่อยออกมา
ฉวยจังหวะวุ่นวายนี้ ร่างบรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีหายไปฉับพลัน ปรากฏตัวอีกทีที่ขอบฟ้า
หนีไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่แม้แต่หันมา
เขารู้ว่าวันนี้แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีไม่มีหวังแล้ว ตนอยู่ต่อไปยิ่งไม่มีความหมายใด แต่ถ้าเขาโชคดีหนีรอดไปได้ ภายหน้าอาจยังมีหวังอยู่บ้าง
แต่พริบตาต่อมา เงาร่างของจักรพรรดินีปรากฏบนท้องฟ้า ก้าวไปยังบรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณี
ก้าวย่างนี้เคลื่อนลง ม่านฟ้าปรากฏลายคลื่น
ไม่ใช่แค่ที่นี่ ยามนี้ท้องฟ้าเหนือแดนใหญ่ทั้งมวลบนดินแดนต้องประสงค์ล้วนปรากฏคลื่น
ก้าวย่างของจักรพรรดินีกระทบเวลากลางวันของดินแดนต้องประสงค์
พิภพที่ขาวดำสลับกันเป็นแห่งบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เหมือนดับไฟตะเกียง กลางวันทั้งหมดกลายเป็นความมืดมิดในพริบตานั้น
แดนใหญ่ทั้งหลายจมสู่รัตติกาล
มีเทพเป่าตะเกียงดับ ดึงแสงสว่างไปจากดินแดนต้องประสงค์ชั่วคราว
กลางวันที่เคยมีจึงมืดมิดในพริบตา
มีเพียงจักรพรรดินีที่ยืนอยู่บนฟ้าเหนือแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี ยามนี้ดวงตาองค์ท่านกลายเป็นต้นแสงของทั้งดินแดนต้องประสงค์
นี่คืออำนาจเทพเจ้าของนาง
ดึงแสงสว่างมารวมในตาของตน กลายเป็นต้นแสงของโลกนี้ในฉับพลัน
บัดนี้ แสงสว่างมาจากแดนใหญ่ทั้งหลายบนดินแดนต้องประสงค์ รัศมีไร้สิ้นสุดหวนคืนจากฟ้าดิน สุดท้ายรวมเป็นแสงอรุณที่แหวกทำลายทุกสิ่งในค่ำคืนมืดมิด
แสงนี้ผ่านบริเวณใด ฟ้าดินสว่างไสว
บรรพจารย์บ่อเกิดกาลกิณีสั่นสะท้าน ถูกแสงปกคลุม เงาร่างเลือนราง เขายกมือขวาขึ้นคล้ายจะคว้าบางอย่าง อ้าปากราวกับจะพูดอะไร แต่สุดท้ายในแสงนั้นล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า
มีเพียงเสียงถอนใจขมขื่นจนปัญญาก้องสะท้อนทั่วทิศ
กลายเป็นเสียงสุดท้าย
พริบตาต่อมา เมื่อฟ้าดินทุกสรรพสิ่งกลับสู่สภาวะปกติ วิหคเพลิงสวรรค์บนฟ้าส่งเสียงคำรามสะท้านจิตใจ ทะเลเพลิงที่ลุกโชนจากร่างมหึมานั้นเคลื่อนลงจากฟ้า
ในระหว่างนั้น เพลิงนี้แผดเผาท้องฟ้า แผดเผาความว่างเปล่า แผดเผาเขาแดนศักดิ์สิทธิ์ คืบขยายทั่วเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังเคลื่อนลงทะเล ปกคลุมทุกสิ่งในที่นี้ให้อยู่ในโลกของมัน
แต่เพลิงนี้พุ่งเป้าที่ไปชาวเผ่าบ่อเกิดกาลกิณีเท่านั้น
ในทะเลเพลิง ผู้บำเพ็ญจากฝ่ายต่างๆ พลันเข้ามาบุกสังหาร ชั่วขณะหนึ่ง เกิดเสียงเลื่อนลั่นเทียมฟ้า เสียงบุกสังหารสะเทือนทะเล
เสียงเหล่านี้ตัดสลับกันคล้ายดนตรีกระโดดไปมา บรรเลงเสียงมหัศจรรย์แก่ฟ้าดิน
เงาร่างของสวี่ชิงก็ผสานเข้ากับเสียงนั้นในยามนี้
การสังหารของเขาเริ่มต้นพร้อมเสียง!
ขณะเดียวกัน ในส่วนลึกของทะเลต้องห้าม เงาร่างฝูเสียที่กำลังหลบหนีพลันหยุดลง ความเจ็บปวดเกินบรรยายผุดขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้ตัว
เขาตัวสั่นทั้งกาย หันมองไปยังทิศทางของแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี
“บรรพจารย์…สิ้นชีพ…”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
