1003. จักรพรรดิตั้วกู่
หวังหลินถือขวดสุราในมือพลางเฝ้าดูเรือที่กำลังล่อง เสียงพิณดังเข้าสู่หูราวกับเขากลับมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน
อย่างไรเสียงพิณนี้ก็ไร้เสน่ห์เหมือนตอนนั้น คนที่กี่กำลังเล่นพิณก็ไม่ได้เป็นหญิงสาวตาบอดอีกแล้ว…
หลังจิบสุราไปหนึ่งครา หวังหลินถอนหายใจ “จักรพรรดิปิศาจช่างใส่ใจ”
ชายวัยกลางคนไม่ได้พูดออกมา ทั้งสองเพียงแค่นั่งข้างริมน้ำและดื่มสุรา…
ดวงอาทิตย์ตก โลกถูกหุ้มด้วยความมืดมิด คืนนี้ไร้จันทรา
สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือเสียงพิณและแสงกระพริบวูบวาบจากเรือบนแม่น้ำ
เวลาค่อยๆผ่านไป ดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือทิศตะวันออกชะล้างความมืดให้จางหายไป อีกด้านของแม่น้ำ หวังหลินล้อมรอบด้วยขวดสุราว่างเปล่า
ชายวัยกลางคนมองขวดสุราและกระซิบซาบ “ท่านเป้ยหลัวรู้เรื่องการมาถึงของน้องหวังแล้ว เขาส่งข้ามาที่นี่เพื่อส่งข้อความให้น้องหวัง”
หวังหลินสีหน้าเป็นปกติ ตอนที่จักรพรรดิปิศาจมาที่นี่เขาก็พอจะคาดเรื่องนี้ไว้แล้ว นอกจากนั้นดินแดนปิศาจตอนนี้ถูกเป้ยหลัวควบคุม ทุกครั้งที่เขากินวิญญาณปิศาจโบราณตนอื่นก็จะแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
หวังหลินดื่มสุราที่เหลือครึ่งขวดในคราเดียว
“หากน้องหวังยอมเปิดตำแหน่งเพื่อเข้าถ้ำที่ห้า สี่ในเก้าแคว้นจะถูกยกให้เป็นของขวัญแก่สำนักหลอมวิญญาณ! อีกทั้งท่านเป้ยหลัวจะไม่ยุ่งเกี่ยวทุกเรื่องที่มีสำนักหลอมวิญญาณ แม้กระทั่งเศษเสี้ยวสัมผัสปิศาจของปิศาจเมฆาด้วย!”
ตัวตนของของรูปปั้นหินสามารถหลอกล่อผู้คนได้จำนวนมากแต่ไม่สามารถหลอกปิศาจโบราณเป้ยหลัวได้ เหตุผลที่เขาไม่ได้ทำอะไรมาหลายร้อยปีและปล่อยให้เผ่าหลอมวิญญาณพัฒนาไปทั้งหมดก็เพื่อวันนี้
หวังหลินมองออกไปไกลและกล่าว “ตกลง!”
ชายวัยกลางคนยืนขึ้น คำนับฝ่ามือ “น้องหวัง ข้าทำงานที่ท่านเป้ยหลัวส่งมาให้เสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องเจ้าให้ช่วยเหลือ”
“วิญญาณกระบี่ของกระบี่จักรพรรดิคือลูกสาวของสหายรักข้า แต่เนื่องจากความขัดสน นางจึงไม่สามารถหนีความตายพ้นเว้นแต่จะกลายเป็นวิญญาณกระบี่ นางถูกขังที่นี่มานานและไม่เคยออกไปจากดินแดนวิญญาณปิศาจ”
“ข้าอยากจะขอให้หวังหลินรับวิญญาณนี้ออกไปจากดินแดนวิญญาณปิศาจจนนางสามารถเข้าสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่หรือเผชิญกับชะตาอื่น…”
ชายวัยกลางคนสีหน้าเยือกเย็นพลันใช้แขนขวาชี้ใส่ความว่างเปล่า ปราณกระบี่หนึ่งสายโผล่ออกมาจากตำหนัก กระบี่จักรพรรดิอยู่ในปราณกระบี่สายนั้น!
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย “ทำไมเจ้าไม่หาคนอื่น?”
ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ “ตลอหลายปีมีคนมากมายเข้าสู่ดินแดนวิญญาณปิศาจ แต่มีน้อยคนที่ข้าสามารถเชื่อใจได้…กระนั้นข้ายังต้องมีพลังปกป้องกระบี่จนพลาดโอกาสไป”
หวังหลินถอนหายใจ ตอนที่จักรพรรดิปิศาจมาถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา หวังหลินตรวจพบกลิ่นอายแห่งความตายเบาบางออกมาจากเขา อายุขัยของจักรพรรดิปิสาจกำลังจะหมดลง
แม้ผู้คนของดินแดนวิญญาณปิศาจจะมีชีวิตยืนยาวมากกว่าเซียนทั่วไป พวกเขาก็ยังมีขีดจำกัด ถ้าไม่มีเหตุใดเกิดขึ้น อีกไม่ถึงสามสิบปีจักรพรรดิปิศาจก็จะตาย
เมื่อเป็นคนรู้จัก หวังหลินจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ จึงพยักหน้าออกไป
ชายวัยกลางคนยิ้มและเผยความศรัทธา จากนั้นโบกแขนขวาและกระบี่จักรพรรดิเปลี่ยนเป็นหญิงสาว ดวงตาไม่เต็มใจ หากไม่ใช่เพราะว่าวิญญาณกระบี่ไม่มีหยดน้ำตา ดวงตานางคงเปียกแฉะไปแล้ว
“ทำตัวดีดีและอย่าดื้อนะ…” ชายวัยกลางคนมองเด็กสาวด้วยความรักราวกับเขากำลังมองลูกสาวตนเอง
ถอนหายใจหนึ่งครา ชายวัยกลางคนก็คำนับฝ่ามือให้หวังหลินและโค้งตัว
“ขอบคุณมากน้องหวัง”
จากนั้นเขาก็หันตัวกลับและเดินออกไป เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ห่างออกไปไกล ทิ้งหวังหลินไว้ด้านหลังซึ่งกำลังถือขวดสุรา มีหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าและฝืนใจ
“ไปเถอะ” หวังหลินดื่มสุราที่เหลือและวางไว้ด้านข้าง จากนั้นยืนขึ้นและเดินสู่อากาศ
หญิงสาวมองพระราชวังของเมืองหลวงด้วยสายตาโศกเศร้า นางเข้าใจว่านี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นจักรพรรดิปิศาจผู้เลี้ยงดูนางเหมือนลูกสาว อายุขัยของชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
นางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ร่างเปลี่ยนกลายเป็นควันสีเขียวและกลับเป็นกระบี่จักรพรรดิ ปล่อยเสียงหึ่งเศร้าๆและติดตามหวังหลินไป
หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าพลางโบกแขนและเก็บกระบี่ไว้ในกระเป๋า จากนั้นแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาก่อนจะนำป้ายสิทธิ์ถ้ำเทพออกและหายตัววับเป็นลำแสงสีทอง
ในถ้ำที่สี่ ซือถูหนานเป็นผู้นำทำลายกฏเกณฑ์ข้างในเรื่อยๆ ในถ้ำนี้มีกฏเกณฑ์มากมายเกินไปและขณะที่พวกเขาทำลาย ของหลายอย่างที่เคยเป็นของเหล่าเทพก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ด้วยระดับบ่มเพาะของซือถูหนานและพรรคพวก การทำลายกฏเกณฑ์พวกนี้ไม่ใช่เรื่องยาก พวกเขาตรงเข้าสู่ใจกลางถ้ำ ทว่าพลังของกฏเกณฑ์ที่นี่ส่วนใหญ่มีระดับสูง ไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายไ้ด้ด้วยตัวคนเดียว พวกเขาต้องทำความเข้าใจกฏเกณฑ์เพื่อทำลายมัน
ณ ขณะนี้แสงสีทองกระพริบอยู่บนแท่นด้านนอกถ้ำและหวังหลินปรากฏตัวพุ่งตรงเข้าถ้ำโดยไม่ลังเล ระหว่างทางหวังหลินเห็นกฏเกณฑ์ที่โดนทำลายไปหมด นอกจากกฏเกณฑ์ตรงทางเข้าที่โดนทำลายไปไม่กี่แห่งจากเมื่อก่อน ที่เหลือทั้งหมดโดนซือถูหนานและพรรคพวกทำลายไป
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินก็เห็นซือถูหนานและพรรคพวก
สามพี่น้องเฉินกำลังนั่งบ่มเพาะโดยมีควันสีขาวล้อมรอบ แน่ชัดว่าพวกเขาสูญเสียพลังไปมากมายเพื่อทำลายกฏเกณฑ์และตอนนี้กำลังฟื้นฟู
หัวโตอยู่ถัดจากสามพี่น้องเฉิน เรื่องที่ทำหวังหลินประหลาดใจก็คือหัวโตนั้นมีพรสวรรค์ด้านกฏเกณฑ์อย่างคาดไม่ถึง เขากำลังนำเล่ยจีคาดคำนวณวิธีการทำลายกฏเกณฑ์อยู่
จ้าวสายลมหวนศึกษากฏเกณฑ์มาเช่นกันดังนั้นจึงเป็นกำลังหลักในการทำลาย ส่วนซือถูหนานและหญิงสาวชุดเงินมีหน้าที่ในการตอบโต้สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อกฏเกณฑ์ถูกทำลาย
หวังหลินค่อยๆมาถึงและทำให้ทุกคนสนใจทันที ซือถูหนานอยู่ที่นี่มาหลายวันและหงุดหงิด กฏเกณฑ์รอบๆทำให้เขาตาลายเนื่องจากรู้เรื่องกฏเกณฑ์น้อยนิด ในสายตาเขาไม่ว่ากฏเกณฑ์จะแข็งแกร่งแค่ไหน ตราบใดที่มีระดับบ่มเพาะสูงส่งพอก็จะสามารถทำลายมันได้
แต่เพราะเขามีหน้าที่ในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังกฏเกณฑ์ถูกทำลาย เขาจึงออกไปไหนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยเขาคงพุ่งไปทำลายกฏเกณฑ์เองแล้ว
เมื่อเห็นหวังหลินกลับมา ซือถูหนานดวงตาสว่างวาบและหัวเราะ “ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้ากำลังเบื่อจนตายที่นี่พอดี ถ้ำเทพนี้ไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก เรามุ่งตรงมาตรงนี้แต่อาจจะมีสมบัติตรงอื่น ข้ากำลังจะไปสำรวจมันก่อน”
สิ้นคำพูด เขาไม่รอให้หวังหลินตอบกลับ พลางเดินเข้าไปในป่าไผ่ด้านข้างและหายตัวไป
ด้วยระดับบ่มเพาะของซือถูหนานหวังหลินจึงไม่กังวลอะไร ส่วนพิษนั้นทั้งสองก็ใช้เวลาอยู่พักนึงและมีวิธีระงับมันเอาไว้ชั่วรายโดยไม่จำเป็นต้องใช้เซียนสตรี กรณีที่แย่ที่สุดซือถูหนานแค่ถูกจับและหวังหลินก็ช่วยเขาหลังจากนั้น หวังหลินเดินมาถึงข้างจ้าวสายลมหวนและมองไปข้างหน้า
มีแม่น้ำสายเล็กไหลอยู่ห่างออกไปร้อยก้าว รอบๆมันมีชั้นหมอกเบาบางอยู่หนึ่งชั้นและมีสะพานหินเชื่อมกับสองฝั่งแม่น้ำ
สะพานหินนี้คือทางเข้าแห่งเดียว
“ที่แห่งนี้ประหลาดมาก เราถูกขังไว้ที่นี่มาห้าชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าข้าจะคำนวณอย่างไรก็ไม่พบเบาะแสของกฏเกณฑ์ ข้ามีความรู้สึกว่าหากเราบังคับเปิดมันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่อง เราจึงไม่สามารถใช้กำลังบังคับได้” จ้าวสายลมหวนพยักหน้าให้หวังหลินและอธิบายรายละเอียด เขากลัวหวังหลินไม่รู้เรื่องกฏเกณฑ์และคงต้องบังคับเปิดมัน
หวังหลินสีหน้าปกติพลางใช้สายตาตกลงบนสะพานหินแต่ไม่ได้เอ่ยอันใด
“ถ้ำเทพแห่งนี้มีสองชั้น เราอยู่ทางแยกที่เชื่อมระหว่างชั้นในและชั้นนอก เมื่อเราผ่านแม่น้ำนี้ไปจะเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของถ้ำเทพ กฏเกณฑ์ที่นี่ซับซ้อนเกินไปจนเราไม่สามารถผ่านไปได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น หัวโตแนะนำว่าเราไม่ควรข้ามสะพานหินแต่ทำลายด้านข้างและผ่านแม่น้ำไป” จ้าวสายลมหวนกล่าวพลางชำเลืองมองหัวโตซึ่งกำลังกระพริบดวงตาออกคำสั่งเล่ยจีให้โยนกำปั้นทำลายกฏเกณฑ์ตรงหน้า
จ้าวสายลมหวนขมวดคิ้วพลางมองแม่น้ำ “สามพี่น้องเฉินใช้พลังมากเกินไปและกำลังฟื้นฟู แผนของสหายเซียนซือถูคือรอให้พวกเขาฟื้นตัวและเราจึงทำลายมันด้วยการรวมพลังกัน”
ในมุมมองเขา หวังหลินไม่ได้ฝึกเซียนมานาน เขาจึงรู้เรื่องหวังหลินน้อยนิด
‘การจะบรรลุระดับบ่มเพาะเช่นนี้ในเวลาแค่พันกว่าปีถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ข้ากลัวว่าหวังหลินจะไม่รู้เรื่องกฏเกณฑ์มากนัก อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีเวลามาเชี่ยวชาญกฏเกณฑ์! มันจะต้องขึ้นอยู่กับข้าและหัวโต’ จ้าวสายลมหวนถอนหายใจอยู่ในใจ เขารู้ว่าความสามารถด้านกฏเกณฑ์ของตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งนักและขณะที่สามารถรับมือกฏเกณฑ์ชั้นนอกได้ เขาก็รู้สึกว่ากำลังสูญเสียการควบคุมตรงทางแยกนี้
หวังหลินมองสะพานหินและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไมจ้าวสายลมหวนถึงติดอยู่ที่นี่ มันเป็นตามที่เขากล่าวจริงๆ หากถูกบังคับทำลายจะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เหนือจินตนาการ
‘น่ากลัวว่ามันคืออุปสรรคแรกในการเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของถ้ำเทพ’
แม้ห่างจากพวกเขาออกไปร้อยก้าวจะดูธรรมดา นอกจากสิ่งที่จ้าวสายลมหวนพูดแล้วหวังหลินยังรับรู้ถึงภัยคุกคามอื่นที่อาจจะเกิดขึ้น กฏเกณฑ์ที่นี่แตกต่างจากพวกที่อยู่ชั้นนอก
“ข้าต้องรับรู้เองว่ามันเป็ไปตามที่ข้าคาดการณ์หรือไม่” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง “ศพเงิน!”
สตรีชุดเงินหรี่สายตาและเคลื่อนร่างมาใกล้หวังหลิน ดวงตาแห่งปัญญาจ้องมองหวังหลินรอคอยคำสั่ง
หวังหินไม่ได้มองนาง เขามองไปที่สะพานหินและเอ่ยเสียบเรียบ “ไปข้างหน้าสิบก้าว!”
จ้าวสายลมหวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นี่มันเป็นการเดินหมากที่ไม่ฉลาดที่สุด กฏเกณฑ์อาจจะถูกกระตุ้นขึ้นก็ได้
อย่างไรก็ตามเขามองหวังหลินโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา ก้าวถอยหลังสองสามก้าวและเริ่มสังเกตแทน