Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1051

Cover Renegade Immortal 1

1051. โจวยี่ปรากฏตัว

คนสองคนเดินออกมาจากภูเขาประดิษฐ์เบื้องหน้าหวังหลิน เป็นหนึ่งชายและหนึ่งหญิง ผู้ชายนั้นมีกลิ่นอายแห่งเทพ เขาดูหล่อเหลาและยิ้มให้หวังหลิน

ด้านหลังเป็นหญิงสาวสายตาอ่อนโยน แต่ก็แฝงความประหลาดใจเอาไว้ด้วย นางไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะมาถึงที่นี่ได้

เมื่อเห็นว่าเป็นคู่รักเซียนเทพเมฆา หวังหลินใบหน้านิ่งแต่จิตใจระมัดระวัง ระดับบ่มเพาะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่และอยู่ในสภาวะอ่อนแอที่สุดในถ้ำจักรพรรดิเทพ ความประมาทอาจจะทำให้ถูกสังหารได้

หวังหลินก้าวถอยหลังไปอยู่ข้างกฏเกณฑ์หนึ่ง คำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “ขอคารวะ ผู้อาวุโสเซียนเมฆา” หวังหลินมองด้านหลังและไม่เห็นโจวยี่ ทำให้จิตใจกดต่ำลง

“ความรอบรู้ด้านกฏเกณฑ์ของน้องชายช่างลึกลับจริงๆ ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป” หวังเว่ยหัวเราะ เขาไม่รู้เรื่องหวังหลินมากนักและโจวยี่ก็ไม่เคยพูดเรื่องหวังหลิน จากมุมมอของหวังเว่ย การที่หวังหลินสามารถทะลวงผ่านกฏเกณฑ์มาถึงที่นี่ได้ ความสามารถด้านกฏเกณฑ์ของหวังหลินต้องบรรลุระดับสูงที่สุดไปแล้ว

ส่วนอาการบาดเจ็บของหวังหลิน หวังเว่ยก็มองออกเป็นธรรมดา

คู่รักเซียนเทพเมฆานั้นช่างประหลาดสำหรับหวังหลินมาก ตอนที่ถ้ำจักรพรรดิเทพเปิดขึ้นทุกคนควรจะถูกดูดเข้าไปในโลกแห่งขวด แต่ถึงแม้โลกแห่งขวดพังทลายไปพวกเขาก็ไม่ปรากฏตัว แต่ดันมาอยู่ตรงนี้

หวังหลินไม่อยากพูดคุยอะไรกับทั้งสองให้มากความ เมื่อโจวยี่ไม่อยู่ที่นี่เขาจึงคาดเดาเอาเอง อีกทั้งยังบาดเจ็บจึงต้องล่าถอย “หากสองผู้อาวุโสไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นผู้น้อยขอตัวก่อน”

จากนั้นหวังหลินก็ถอยทันที เขากำลังจะอ้อมจากด้านข้างไปถึงจุดที่เม็ดยาเก็บเอาไว้

หวังเว่ยยังคงประดับรอยยิ้มบนใบหน้าและส่ายศีรษะเล็กๆ จนกระทั่งหวังหลินหายเข้าไปในกฏเกณฑ์เขาจึงเอ่ยขึ้น “เด็กน้อยคนนี้น่าสนใจยิ่ง”

คู่รักเซียนของเขานามว่าฮู่จวน พลันยิ้มออกมาเช่นกัน “หวังหลินระมัดระวังตัวมาก เดิมทีข้าก็อยากพูดคุยกับเขามากกว่านี้แต่เขาหวาดกลัวเจ้านะ”

หวังเว่ยหัวเราะ “เขาไม่ได้จะกลัวข้าหรอก แค่ไปอีกที่นึงเท่านั้นเอง ไม่เห็นหรือว่าเขาก้าวเข้าไปในกฏเกณฑ์อย่างราบรื่นโดยไม่ไปกระตุ้นมันน่ะ? ถ้าไม่เพราะเข้าใจกฏเกณฑ์ที่นี่เป็นอย่างดีก็คงเป็นความสามารถด้านกฏเกณฑ์ของเขาเพิ่มพูนขึ้นเกินกว่าที่ข้าคิด”

ฮู่จวนมองจุดที่หวังหลินหายตัวไปก่อนจะขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงเบา “ด้วยอายุแบบเขา ข้าค่อนข้างจะเชื่อว่าเขาเข้าใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี…”

หวังเว่ยยิ้มให้ฮู่จวนและหัวเราะ “เจ้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมใช่ไหมที่เขาสามารถก้าวผ่านกฏเกณฑ์ที่นี่อย่างง่ายดาย? แต่ข้ายอมรับนะ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีและนั่นทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น”

“ไม่ยุติธรรมอะไร? อ้อ ตอนอายุเท่านี้เจ้ายังล้อเล่นข้าอยู่เลย” ฮู่จวนยิ้ม ดวงตาดุจดวงจันทร์เสี้ยว ช่างงดงามยิ่ง

หวังเว่ยยิ้มเช่นเดียวกัน ท่าทีเต็มไปด้วยความรอบรู้และเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้เราเดาว่าจิตวิญญาณกระบี่นั่นมีสหายอยู่หนึ่งคน หากข้าเดาไม่ผิด สหายของจิตวิญญาณกระบี่ควรจะเป็นเขา!”

ฮู่จวนตกตะลึง หลังคิดอย่างละเอียดแล้วนางจึงยิ้มออกมา “หากท่านกล่าวเช่นนั้นก็คงใช่ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆเขาก็ไม่ใช่ศัตรูของเรา”

“มองจากจุดที่เขาโผล่มา หากเข้าใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เขาน่ากำลังจะไปจุดที่จักรพรรดิเทพเก็บเม็ดยาเอาไว้ เราต้องไปดูด้วย จิตวิญญาณกระบี่ต้องอยู่ที่นั่นเช่นกัน ทั้งสองคนต้องมีความลับบางอย่างระหว่างกัน!” หวังเว่ยยิ้มและเดินต่อไป

ฮู่จวนมองหวังเว่ย ดวงตานุ่มนวล นางเชื่ออย่างแรงกล้าในการคำนวณของหวังเว่ย พลันก้าวเท้าและเดินไปข้างๆกัน

ขณะที่หวังหลินล่าถอย เขาเดินทะลุผ่านกฏเกณฑ์ถัดๆกันไป กฏเกณฑ์บนชั้นที่หกมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นหวังหลินจึงความเร็วตกลง เขาสามารถกฏเกณฑ์บางส่วนได้ทันทีแต่กฏเกณฑ์อย่างอื่นเขาจะต้องคำนวณอย่างระมัดระวังก่อนจะก้าวเท้า

หวังหลินใช้เวลาเจ็ดวันเดินอ้อมพื้นที่และเข้าใกล้ตำแหน่งเก็บเม็ดยา

จากแผนที่ สถานที่ตรงนี้เป็นห้องโอสถ ข้างในมีค่ายกลเคลื่อนย้ายนำทางไปสู่สถานที่กักเก็บ หวังหลินก้าวไปข้างหน้ามองห้องโอสถไกลๆ

ส่งสัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกมาแต่ไม่ไกลเกินไป เขาสังเกตกฏเกณฑ์รอบด้าน ดูจากการผันผวนของกฏเกณฑ์จึงพอจะรู้ว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้

ห้องโอสถไม่ได้ใหญ่มาก มีสวนแห่งหนึ่งอยู่ข้างๆแต่เต็มไปด้วยดอกไม้แห้งเหี่ยว ขณะที่หวังหลินเข้ามาใกล้และกำลังจะเข้าไปในสวน กลับต้องหยุดลงจ้องมองไปที่ห้องโอสถ สัมผัสกฏเกณฑ์เลือนลางที่นี่ซึ่งแตกต่างจากที่อยู่บนแผนที่

ระหว่างทางมาที่นี่ แผนที่ในห้าชั้นแรกแม่นยำมาก ทว่ากฏเกณฑ์ตรงหน้าแตกต่างกัน อธิบายได้อย่างเดียวว่ามีคนมาก่อกวนกฏเกณฑ์

หวังหลินใบหน้ามืดมน มองไปรอบๆและดวงตาส่องสว่างสังเกตกฏเกณฑ์ ผ่านไปสักพักจึงพอจะเจอเบาะแส แต่เบาะแสพวกนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วมากกว่าเดิม

จากสิ่งที่เขาเห็น มีกฏเกณฑ์บางส่วนเพิ่มเติมขึ้นมาและทำให้มันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทว่าการเพิ่มเข้ามาทีหลังนี้ผสมผสานกันกับกฏเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วอย่างสมบูรณ์แบบ

กฏเกณฑ์เปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกคนที่ใช้กฏเกณฑ์ก็ต่างกันด้วยเนื่องจากนิสัย ประสบการณ์ ความเข้าใจกฏเกณฑ์และระดับบ่มเพาะ แม้จะเป็นกฏเกณฑ์เดียวที่ใช้จากคนนับร้อย มันก็ยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้จะดูเหมือนกันอย่างผิวเผิน

ซึ่งทำให้กฏเกณฑ์ที่ถูกเปลี่ยนไปนี้ทำลายความเข้าใจด้านกฏเกณฑ์ของเขาอย่างชัดเจน

‘ไม่คาดคิดว่าการผสมผสานจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากความเข้าใจกฏเกณฑ์ของข้าและมีการสืบทอดกฏเกณฑ์ทำลายล้าง การวางกฏเกณฑ์เพื่อบังคับให้เปลี่ยนกฏเกณฑ์อื่นมันทำให้สมบูรณ์แบบไม่ได้…ถึงแม้จะทำได้ ต้องเป็นคนที่มีความสามารถด้านกฏเกณฑ์ในระดับสูงสุดไปเปลี่ยนกฏเกณฑ์ของคนผู้เริ่มต้น แต่นี่มันถ้ำจักรพรรดิเทพชั้นหก สถานที่มีกฏเกณฑ์อันหาได้ยาก แล้วจะมีคนที่เปลี่ยนกฏเกณฑ์ให้สมบูรณ์แบบขึ้นได้อย่างไร?’

‘หากมีคนแบบนั้นจริงๆ กฏเกณฑ์ทั้งหมดในถ้ำนี้คงเป็นของเด็กเช่นและผ่านไปชั้นเก้าได้ง่ายๆ…’ หวังหลินอ้าปากค้างและตกใจกับความคิดนี้ เขาไม่ยอมเชื่อและตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง การผสานกฏเกณฑ์ที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดอื่นได้นอกจากคำว่า “สมบูรณ์แบบ”

เหมือนเป็นคนเดียวกันซึ่งต่อมาได้วางกฏเกณฑ์ของตนเองให้สมบูรณ์แบบ

‘เป็นไปได้ว่า…’ ความคิดหนึ่งแล่นผ่านจิตใจหวังหลินและดวงตาเบิกกว้าง

‘หรือจะเป็นคนที่วางกฏเกณฑ์ทั้งหมดในถ้ำจักรพรรดิเทพและคนที่เปลี่ยนกฏเกณฑ์ที่นี่คือคนเดียวกัน?’ หวังหลินอ้าปากค้าง คำตอบนี้อธิบายได้ทุกอย่างแต่มันก็เหลือเชื่อเกินไป

หวังหลินจ้องมองกฏเกณฑ์และรู้สึกราวกับเขาเดาถูก จากนั้นเขาก็พบตาข่ายอันใหญ่เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นวางมัน

ความคิดแรกที่ปรากฏในหัวหวังหลินคือคู่รักเซียนเทพเมฆา!

หวังหลินไม่ยอมล้มเลิกเพียงแค่นี้ เม็ดยาสำคัญสำหรับเขาเกินไป หวังหลินจ้องมองกฏเกณฑ์และเริ่มสรุปเป็นของตนเอง

กฏเกณฑ์ที่นี่ซับซ้อนมากและป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาอย่างชัดเจน หวังหลินนั่งลงอย่างเรียบง่าย กฏเกณฑ์กระพริบวาบในดวงตา หวังหลินตบกระเป๋าปรากฏเข็มทิศในฝ่ามือ

หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่สามวัน ดวงตาพลันค่อยๆแดงฉาน กฏเกณฑ์เปลี่ยนแปลงมากมายกระพริบวาบในหัว ค้นหาวิธีทำลายที่ถูกต้อง

ในวันที่สี่หวังหลินเงยศีรษะขึ้น ลุกขึ้นยืนและเข้ามาถึงเบื้องหน้าห้องโอสถ จากนั้นก้าวเดินไปข้างหน้าสามก้าวโดยไม่ลังเล

หวังหลินเผยความลังเลในก้าวที่ห้า จากการคำนวณของเขา ก้าวที่ห้านั้นหาคำตอบที่ถูกต้องได้ยากที่สุด ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหนมันก็ผิดพลาด

‘ก้าวที่ห้า…’ ดวงตาส่องสว่าง ขบคิดอยู่นานพลันเผยรอยยิ้ม

‘ไม่มีก้าวที่ห้า!’ เมื่อหวังหลินก้าวออกมา ก้าวที่ห้าร่อนลงในความว่างเปล่าและโดดออกไปร่อนลงบนพื้น ซึ่งนั่นคือก้าวที่หก

หลังจากร่อนลง หวังหลินสังเกตรอบด้านเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ไปกระตุ้นกฏเกณฑ์และพลันหัวเราะ จากนั้นหวังหลินเคลื่อนผ่านกฏเกณฑ์พวกนี้อย่างรวดเร็ว ปรากฏตัวข้างนอกห้องโอสถ

ขณะที่กำลังจะเข้าไป สีหน้าพลันเปลี่ยนและถอยทันที ประตูเปิดขึ้นและปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมา แต่ขณะที่มันเห็นหวังหลินพลันเกิดเสียงประหลาดใจ

หลังจากนั้นไม่นานปราณกระบี่แตกสลายเผยเป็นร่างสีขาว เขาคือโจวยี่!

หวังหลินหยุดก้าวถอยหลังจากเห็นโจวยี่ได้ชัดเจน ไม่ได้พูดขึ้นมาเพียงแต่มองห้องโอสถก่อน ข้างในและข้างนอกเสมือนโลกที่แตกต่างกันซึ่งไม่สามารถส่งสัมผัสวิญญาณทะลุเข้าไปได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโจวยี่ถึงไม่รู้ว่าหวังหลินมาและหวังหลินก็ไม่สามารถตรวจจับโจวยี่ได้

“ข้ารู้ว่าเจ้าน่าจะมาถึงที่นี่ได้” เมื่อเห็นหวังหลิน โจวยี่เผยความยินดีและยิ้มแย้มระลึกถึงอดีต

ในสายตาหวังหลิน โจวยี่เปลี่ยนไปมาก สิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือกลิ่นอายที่คล้ายกับสมบัติสวรรค์ดับสูญกำลังโผล่ออกมาจากตัวโจวยี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version