Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1052

Cover Renegade Immortal 1

1052. ตัวตนของคู่รักเซียนเทพเมฆา

“หวังหลินขอคารวะผู้อาวุโส ข้าจะกล้าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้ได้อย่างไร? ไม่ว่าสถานที่แห่งนี้จะอันตรายแค่ไหน ข้าก็จะพาร่างของฉิงซวงมาให้ได้!” โจวยี่เป็นหนึ่งในผู้มีพระคุณของเขา ไม่ว่าหวังหลินจะบรรลุระดับบ่มเพาะอะไรก็ตาม เขาก็จะเคารพโจวยี่เสมอ

โจวยี่มองหวังหลินด้วยท่าทีสะเทือนใจและส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่า ‘ผู้อาวุโส’ ตอนที่อยู่ด้วยกันสองคน หากเจ้าไม่คิดมากแค่เรียกข้าว่า ‘พี่ใหญ่โจว’ ก็พอ” โจวยี่พลันหรี่ตาและมองหวังหลินอย่างละเอียด

“ใครทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัส?! วิญญาณดั้งเดิมเจ้ามืดมนและเนื่องจากฟื้นตัวช้าเกินไป มันจะนำทางไปสู่อันตรายยิ่งขึ้นในอนาคต!” โจวยี่ท่าทีเย็นเยียบ

หวังหลินยิ้มแห้งและอธิบายเรื่องราวต่อโจวยี่ เขาไม่ได้เล่าถึงต้นตอดั้งเดิมและพูดถึงการตื่นขึ้นของวิหคเพลิงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าหวังหลินไม่เชื่อใจโจวยี่ แต่เรื่องต้นตอดั้งเดิมเป็นสิ่งสำคัญเกินไป

“ปรมาจารย์ชีกง!” แววตาโจวยี่กระพริบแสงเย็นยะเยือก สายตามองหวังหลินอย่างรู้สึกผิด

‘ถ้าไม่ใช่เพราะนำฉิงซวงมาให้ข้า เขาคงไม่เจออันตรายขนาดนี้…ปรมาจารย์ชีกง ข้าจะจดจำเขาเอาไว้!’ โจวยี่พยักหน้าและไม่ถามเพิ่ม แต่สลักปรมาจารย์ชีกงไว้ในใจ เขาทำร้ายหวังหลินซึ่งเป็นคนนำฉิงซวงมาให้ เรื่องนี้กระตุ้นเส้นกั้นเขา หากมีโอกาส ด้วยนิสัยของโจวยี่จะต้องทำให้ปรมาจารย์ชีกงชดใช้อย่างสาสม

“เจ้าต้องมาเพื่อเอาเม็ดยาที่นี่ แม้เม็ดยาส่วนใหญ่จะถูกคู่รักเซียนเทพเมฆาเอาไปแล้ว ที่เหลืออยู่คือเม็ดยาที่เป็นประโยชน์ต่อร่างจิตวิญญาณ พวกเขาไม่ได้เอาไปเพราะวิธีกักเก็บค่อนข้างซับซ้อน” โจวยี่พลันเปลี่ยนหัวข้อ “แต่ไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทางเอาเม็ดยาพวกนั้นมา!”

หลังโจวยี่กล่าวจบ เขาเปลี่ยนกลายเป็นปราณกระบี่และพุ่งออกไปนอกกฏเกณฑ์ของถ้ำโอสถ ปรากฏตัวกลางอากาศและคำนับฝ่ามือ “ผู้อาวุโสคู่รักเทพเมฆา คนผู้นี้เป็นสหายเก่าของข้า โปรดมอบเม็ดยาบางส่วนให้เขาด้วยเถิด!”

เสียงหัวเราะดังออกมาไกล ป่าสีม่วงใกล้เคียงเกิดแสงกระพริบ หวังเว่ยและฮู่จวนเดินออกมา ทั้งสองก้าวเดินช้าๆแต่น่าประหลาดที่ใช้แค่สามก้าวก็มาถึงห้องโอสถได้

หวังเว่ยโบกแขนทำให้กฏเกณฑ์นอกห้องโอสถพลันหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน นี่ทำให้รูม่านตาหวังหลินหดแคบทันที

“ข้าเดาแล้วว่าน้องชายหวังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจิตวิญญาณกระบี่นี้ ดูเหมือนข้าจะเดาถูกต้อง” หวังเว่ยหัวเราะพลางยื่นแขนขวาออกไป ปรากฏรอยแตกร้าวเบื้องหน้าทันที ขวดหยกม่วงหกขวดลอยออกเข้าสู่ฝ่ามือ

“เม็ดยารวมเทพอันดับห้าทั้งหกขวดนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า” จากนั้นหวังเว่ยสะบัดแขน เม็ดยาทั้งหกขวดลอยเข้าหาหวังหลิน

พลังปราณสวรรค์หนาหน่นผุดออกมาจากขวดหยกม่วง กลิ่นข้างในสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง หวังหลินรับเอาไว้และตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ เขาไม่ได้กลืนกินทันทีแต่เก็บเอาไว้ในกระเป๋า

ฮู่จวนมองหวังหลินอย่างละเอียดและเอ่ยทันที “เจ้าเป็นผู้สืบทอดกฏเกณฑ์ทำลายล้าง?”

หวังหลินมองฮู่จวนอย่างสงบนิ่ง “ข้าไม่ใช่ผู้สืบทอด ข้าแค่รู้บางส่วนเท่านั้น”

เมื่อโจวยี่เห็นหวังเว่ยมอบเม็ดยารวมเทพให้แค่หกขวด เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ขบคิดเล็กน้อยพลางมองหวังเว่ยและเอ่ยขึ้นแทน “ผู้อาวุโสหวังเว่ย ไม่ใช่แค่คนผู้นี้เป็นสหายข้าเท่านั้นเขายังเป็นผู้มีพระคุณของข้า มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่ได้บอกก่อนหน้านี้แต่ข้าถูกผนึกไว้ที่นี่และเขาช่วยข้าออกมา หากไม่ใช่เขา ข้าคงไม่มีโอกาสมาเจอผู้อาวุโส”

หวังเว่ยมองโจวยี่ก่อนจะยื่นแขนขวาและเกิดรอยแตกร้าวอีกครั้ง คราวนี้ขวดหยกห้าสีมีห้าขวดลอยออกมา และโยนให้หวังหลิน

“เม็ดยาพวกนี้รู้จักกันในชื่อเม็ดยาเลี่ยงสวรรค์ พวกมันคือเม็ดยาเทพอันดับสี่ บริโภคมันจะลดอาการบาดเจ็บของเจ้าไปได้มหาศาล”

หวังหลินรับขวดและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ พลังปราณสวรรค์ข้างในขวดมีมหาศาลยิ่งกว่าเม็ดยาก่อนหน้านี้มากมาย

โจวยี่ขมวดคิ้วอีกครั้ง ท่าทียังดูผิดหวังและไม่คำนับฝ่ามืออีกแล้ว “เมื่อผู้อาวุโสรู้จักจิตวิญญาณกระบี่สวรรค์พิรุณ เช่นนั้นท่านคงอยากรู้เรื่องขุนนางเทพฉิงซวง!”

หวังเว่ยพลันหรี่สายตา ไม่ถามอะไรอีกแต่นำขวดออกมาอีกสามขวดจากรอยร้าว เขาไม่แนะนำอะไรและโยนให้หวังหลินตรงๆ

หวังหลินรับเอาไว้และตรวจสอบ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป พลังปราณสวรรค์ข้างในสามขวดนี้แข็งแกร่งมากกว่าขวดห้าสีนั่นอีก เห็นได้ชัดว่าดีกว่าจริงๆ

“ครั้งนึงผู้น้อยได้หลงใหลร่างศพสตรีในดินแดนสวรรค์พิรุณ ข้าสร้างเจดีย์หยกสวรรค์เพื่อกักเก็บร่างของนางป้องกันไม่ให้แห้งเหี่ยวและคงอยู่ตลอดไป…” โจวยี่นึกถึงอดีตด้วยสายตาหวนรำลึก

“…ต่อมาข้าพบว่านางไม่ใช่ถิงเอ๋อ แต่เป็นขุนนางเทพฉิงซวง!”

หวังเว่ยสีหน้าเปลี่ยนไป เขากังวลว่าจะไปทำลายจิตวิญญาณเข้าถ้าใช้วิชาค้นวิญญาณ ดังนั้นจึงเก็บไว้รอสอบถาม ตอนนี้เมื่อมาได้ยินเรื่องราวจึงก่อเกิดคลื่นในใจขึ้นมา

ฮู่จวนเผยสายตาตื่นเต้น ทั้งสองมองหน้ากันเองก่อนที่หวังเว่ยจะยื่นเข้าหารอยร้าวอีกครั้ง คราวนี้ขวดหลากสีหลายสิบขวดลอยเข้าหาหวังหลิน

หวังเว่ยจ้องโจวยี่พลันกล่าวขึ้น “เล่าเรื่องเจ้าต่อไป”

หวังหลินสีหน้าประหลาดใจ ในที่สุดก็เข้าใจความหมายที่โจวยี่บอกว่าจะหาทางเอาเม็ดยามาให้

“ครั้งสุดท้ายที่ข้านำถิงเอ๋อไปแดนสวรรค์พิรุณคือตอนที่ข้าพบหวังหลิน…” โจวยี่คล้ายจะจมดิ่งไปในความทรงจำอันงดงามและน่าจดจำ ใบหน้าเผยรอยยิ้มโศกเศร้า

ขณะที่เขาเอ่ยขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแดนสวรรค์พิรุณจึงถูกนำมาเล่า หวังหลินฟังไปด้วยนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปด้วย [1]

หวังเว่ยและฮู่จนวนถูกนำกลับไปในความทรงจำเสมือนจริงนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินว่ามีคนต้องการขโมยฉิงซวง สีหน้าอันอ่อนโยนของฮู่จวนพลันปรากฏจิตสังหาร หวังเว่ยสายตาเย็นเยียบ ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง

โจวยี่พึมพำ “ข้ากำลังจะเผาไหม้ทุกอย่างเพื่อนาง ข้าไม่มีวันเสียใจ…” แม้แต่ตอนนี้โจวยี่ก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป

หลังได้ยินว่าโจวยี่เผาไหม้วิญญาณตัวเองเพื่อบรรลุขั้นเทวะ เขาฟื้นคืนสติขึ้นมาเพื่อปกป้องร่างฉิงซวงแต่ก็ยังไม่เสียใจ ฮู่จวนส่งสายตาหาโจวยี่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ

“ช่างเป็นชะตากรรมที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!” หวังเว่ยถอนหายใจ ด้วยระดับบ่มเพาและประสบการณ์จึงบอกได้ทันทีว่าโจวยี่พูดจริงหรือโกหก

เศษวิญญาณภายในฉิงซวงก่อตัวขึ้นมาจากการหลงใหลของเขาตลอดหลายหมื่นปีและนางก็ตื่นขึ้น นางฟื้นคืนชีพโจวยี่ซึ่งตกอยู่ในขอบเหวแห่งความตายและทำให้เขากลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่สวรรค์พิรุณตนใหม่ หลังจากได้ยินเรื่องเล่าจากปากของโจวยี่ หวังเว่ยและฮู่จวนขบคิดเงียบๆ

หลังผ่านไปสักพัก หวังเว่ยถอนหายใจและคำนับฝ่ามือให้โจวยี่ “ข้าจะจดจำความเมตตาของน้องโจวที่มีต่อฉิงซวง หากข้าได้ทำอะไรไม่ดีต่อน้องโจว ข้าต้องขออภัยด้วย”

ฮู่จวนมองโจวยี่ด้วยท่าทีเจ็บปวด “เราจะไม่ลืมความดีของน้องโจว”

ทั้งสองมองออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก เพิ่มเติมจากสิ่งที่คาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาจะไม่เชื่อคำพูดของโจวยี่ได้อย่างไร? อีกทั้งตัวตนการเป็นกระบี่สวรรค์พิรุณของโจวยี่ก็อธิบายได้ทุกอย่าง

“ข้าสันนิษฐานว่าน้องหวังหลินมาที่นี่เพื่อนำร่างของฉิงซวงมาให้” หวังเว่ยมองหวังหลินและอดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชม เมื่อคิดกลับไปแล้วเขาไม่ได้ให้ความสำคัญหวังหลินอะไรนักเลย แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะเป็นคนมีคุณธรรมขนาดนี้

ณ ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องราวจะชัดเจนขึ้น แต่หวังหลินไม่ได้นำร่างฉิงซวงออกมาทันที เขาก้าวถอยมองหวังเว่ยและฮู่จวน พลันเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโสเป็นใครกันแน่?”

หวังเว่ยชื่นชมหวังหลินที่ระมัดระวังมากขึ้น ความระมัดระวังที่หวังหลินแสดงออกมานั่นหมายความว่าเขาใส่ใจในคำสัญญาต่อโจวยี่จริงๆ

“ช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้บอกตัวตนข้าให้ใครรู้มานานแล้ว เมื่อเจ้าและโจวยี่ช่วยเหลือเราและจักรพรรดิเทพฉิงหลินด้วย ข้าไม่สามารถเก็บมันไว้เป็นความลับจากเจ้าสองคนได้” หวังเว่ยถอนหายใจพลางมองไปหาใจกลางของชั้นหก ใบหน้าแฝงความเศร้าอยู่เล็กๆ

“ข้าเป็นองครักษ์หมายเลขหนึ่งของจักรพรรดิเทพฉิงหลินและขณะเดียวกัน…ข้าก็เป็นศิษย์คนที่สองของเขาด้วย…” หวังเว่ยกล่าวตัวตนของตัวเอง กลิ่นอายไม่อาจอธิบายได้พลันแพร่กระจายออกมา กลิ่นอายนี้แฝงความโอหังสั่นสะเทือนสวรรค์

พริบตานั้นหวังหลินรู้สึกถึงชื่อเสียงของหวังเว่ยในแดนสวรรค์ได้ทันที!

ฮู่จวนเอ่ยเสียงเบา “ข้าเป็นศิษย์คนที่เจ็ดและเติบโตไปด้วยกันกับน้องฉิงซวง”

“ตอนที่แดนสวรรค์ล่มสลายจากหายนะ เราโชคดีที่อยู่ข้างนอกจึงหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินั้นไปได้ พอรู้ว่าอาจารย์ไม่ตายแต่บาดเจ็บสาหัสและซ่อนตัวเองเอาไว้ เราค้นคว้ามาตลอดจนในที่สุดจึงแน่ใจว่าอาจารย์อยู่ในแดนสวรรค์จิตวิญญาณเทพ”

ความคิดหวังหลินตกตะลึงและเริ่มขบคิด

ฮู่จวนมองหวังหลินและโบกแขนใส่กฏเกณฑ์ทางด้านขวา กฏเกณฑ์เปลี่ยนไปและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าน่าจะเห็นความแตกต่างของกฏเกณฑ์รอบห้องโอสถแล้ว ด้วยระดับกฏเกณฑ์ของเจ้าก็น่าจะเดาออก…หลังจากถ้ำเทพถูกอาจารย์เปิดขึ้น สิ่งก่อสร้างและกฏเกณฑ์ที่นี่ถูกข้าจัดวางเอาไว้ด้วยคำสั่งของอาจารย์ มีเพียงข้าที่สามารถเพิ่มความสมบูรณ์ให้แก่กฏเกณฑ์ที่นี่ได้” ฮู่จวนไม่ได้เอ่ยเสียงดังแต่เมื่อมันร่อนถึงหูหวังหลิน ดุจเสียงสายฟ้าคำราม

หวังหลินอ้าปากค้างและยิ้มบิดเบี้ยว “เป็นท่านนี่เอง ข้าคิดว่าเป็นผู้อาวุโสหวังเว่ย”

หวังเว่ยส่ายศีรษะและหัวเราะ “ระดับกฏเกณฑ์ข้าอ่อนด้อยกว่านาง ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่กลายเป็นเหยื่อกฏเกณฑ์เจ้าเมื่อตอนนั้นหรอก”

หวังหลินตบกระเป๋าและกำลังจะนำเจดีย์เทพออกมา ทว่าวินาทีนั้นสีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปและมองออกไปข้างนอก

เสียงหัวเราะแหลมดังสะท้อนไปทั่วชั้นที่หก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version