Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1086

Cover Renegade Immortal 1

1086. ข่าวของฉิงชุ่ย

ชายหนุ่มคนนี้คือหวังหลินซึ่งออกมาจากดินแดนวิญญาณปิศาจเมื่อสองปีก่อน!

สองปีก่อนในดินแดนวิญญาณปิศาจหวังหลินบาดเจ็บสาหัส ร่างกายและวิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหายจนอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย อีกทั้งด้วยคำพูดของมู่ปิงเหมยจึงทำให้จิตใจได้รับความเจ็บปวดจนต้องระเบิดเพื่อระบายมันออกมา

พอตื่นขึ้นก็นั่งอยู่บนก้อนหินสีขาวนี่แล้ว ชายชราด้านหลังคือจักรพรรดิวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์

ในสองปีนี้หวังหลินแยกร่างอวตารและร่างดั้งเดิมออกมา ร่างดั้งเดิมจมดิ่งลึกเข้าไปในดาวเคราะห์วิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ส่วนร่างอวตารอยู่ที่นี่เพื่อฟื้นตัว

ระยะเวลาสองปี พลังอัคคีดั้งเดิมของหวังหลินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนที่หวังหลินอยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจเขารู้สึกแล้วว่าตนเองเข้าใกล้ขั้นชำระสวรรค์แต่ก็ยังจำเป็นต้องทะลวงผ่านเขตแดนของตนเองก่อน

การทะลวงผ่านนี้ไม่อาจใช้กำลังบังคับได้ ยิ่งใจร้อนเท่าไหร่ก็ยิ่งยากเท่านั้น ในเวลาสองปีหวังหลินดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมพร้อมกับทำความเข้าใจไปด้วย พลังดั้งเดิมของเขาแทบจะถึงจุดสูงสุดแล้ว

“แต่ละการเปลี่ยนร่างวิหคเพลิงจะมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทว่าวิชานี้ฝึกฝนยากมาก จักรพรรดิวิหคเพลิงมีไม่กี่คนที่สามารถฝึกฝนจนถึงสูงสุดได้” ชายชรายกแขนขึ้นมาและชี้ใส่แผ่นหลังหวังหลิน

พลังจากชายชราพรั่งพรูเข้าไปในร่างหวังหลินทันที

“ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าพร้อมกับการตื่นวิหคเพลิงสองครั้ง วิหคเพลิงขาวปรากฏตัวและเกราะวิหคเพลิงอีก เจ้าน่าจะสามารถฝึกฝนการเปลี่ยนร่างระดับแรกได้!”

เปลวเพลิงทั้งหมดรอบตัวหวังหลินแพร่กระจายออกมา จากนั้นเกิดเสียงปะทุดังกึกก้องรอบด้าน ราวกับสายฟ้าร้องคำรามทั่วพื้นที่ดวงดาว

ณ ดาวเคราะห์หนึ่งในกลุ่มดาววิหคเพลิง มีภูเขายอดสูงทะลุฟ้าอยู่แห่งหนึ่ง ภูเขาแห่งนี้ถูกปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิงและเผาไหม้ตลอดเวลา น่าประหลาดที่พืชพันธุ์บนภูเขาไม่ได้เป็นสีเขียว แต่เป็นต้นไม้สีแดงแกมม่วงปกคลุมไปหมด

สายลมอ่อนนำพาคลื่นความร้อนพัดผ่านมาจนใบไม้สั่นไหว ผสมผสานกับเสียงสายฟ้าคำรามจึงมีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง

บนยอดเขามีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ ศีรษะเขาใหญ่กว่าปกติและร่างกายค่อนข้างเล็ก เขากำลังหลับตาบ่มเพาะ เมื่อสายฟ้าคำรามผ่านเข้ามา พลันลืมตาขึ้นมองไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาสงบนิ่ง

“ระดับบ่มเพาะของนายท่านยังคงเพิ่มขึ้น…ข้าต้องรีบปรับตัวให้ชินกับร่างใหม่นี้ให้เร็ว”

เขาคือหัวโต!

ร่างกายของหัวโตแตกสลายไปแล้วที่ดินแดนวิญญาณปิศาจ หลังจากมาที่สำนักวิหคเพลิงเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าผู้อาวุโสขั้นทลายสวรรค์ ใช้เปลวเพลิงเป็นเนื้อ ใช้ไม้เป็นกระดูกและพลังดั้งเดิมเป็นโลหิต พวกเขาช่วยสร้างร่างกายใหม่ที่เหมือนเดิมกับกับร่างก่อนไม่ผิดเพี้ยน

หัวโตทำการปรับแต่งร่างกายตนเองและทำความคุ้นเคยต่อไป จากนั้นเขาก็จะสามารถใช้วิชาทรงพลังได้ยิ่งกว่าเมื่อก่อน

หัวโตไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ที่นี่ เล่ยจีกำลังนั่งอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งห่างออกไป เหงื่อร้อนปกคลุมร่างกาย ขวดหยกสีแดงบางส่วนอยู่ข้างหน้าเพื่อจัดแจงเม็ดยาให้เขาดูดซับ

เสียงสายฟ้าคำรามด้านบนท้องฟ้าจางหายไปและเดินทางไปยังแห่งอื่นผ่านพื้นที่ดวงดาว ภายในพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้มีดาวเคราะห์รูปทรงแปลกตา และกำลังมีพายุหนึ่งพัดผ่านพื้นที่ทะเลทรายสีแดงบนดาวเคราะห์

พายุพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า นำพาทรายจำนวนมากขึ้นไป เมื่อเม็ดทรายปะทะกันจึงเกิดประกายไฟมากมายขึ้นทุกแห่ง ตัวพายุเองจึงมีความร้อนสูงมาก

แม้แต่สายลมพายุยังเหมือนเป็นคลื่นความร้อน

ขณะที่สายฟ้าคำรามพัดผ่านเข้ามา พายุพลันหยุดชะงักเผยวังวนที่มีคนผู้หนึ่งกำลังบ่มเพาะข้างใน

ร่างเขามีขนาดใหญ่มากราวกับเป็นก้อนภูเขาเนื้อ ตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อแต่ร่างภูเขาเนื้อดูไม่เหมือนจะลดขนาดลงไปเลย

ชายชราปาดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าพลันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มขมขื่นและส่ายศีรษะ “ตั้งแต่ที่พบเจอหวังหลิน ข้ามักจะห้อมล้อมไปด้วยโชคร้าย ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสในดินแดนวิญญาณปิศาจ เฮ้อ…โชคดีที่หวังหลินไม่ใช่คนเลวร้าย การอยู่ในสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะปลอดภัยมากกว่าข้างนอกยิ่ง”

‘ผนึกของหวังหลินถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อสองปีก่อน แต่หลังการต่อสู้ในดินแดนวิญญาณปิศาจ แม้จะไม่มีผนึกนั่นข้าก็ไม่กล้าสร้างความยุ่งยากให้หวังหลิน วิชาของเขาน่าหวาดกลัวเกินไป!’ จ้าวสายลมหวนคิดถึงวิชาที่หวังหลินใช้ในดินแดนวิญญาณปิศาจ เขารู้สึกหวาดกลัว แค่แยกราตรีก็เพียงพอให้หวาดกลัวได้มหาศาลแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความฝันยุคบรรพกาล

พอคิดถึงกำปั้นยักษ์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ความหวาดกลัวภายในจ้าวสายลมหวนยิ่งรุนแรงมากขึ้น

สายฟ้าคำรามแพร่กระจายต่อไป

ณ ดาวเคราะห์ดวงเล็กแห่งหนึ่งรอบขอบเขตนอกของพื้นที่ดวงดาวเผาไหม้ เปลวเพลิงบนดาวเคราะห์ก่อตัวเป็นค่ายกลสร้างเพลิงมหึมาเหมือนคนจุดกองไฟขนาดยักษ์

ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ใจกลางค่ายกล ใบหน้าแฝงความชั่วร้ายและโอหังไม่มีที่สิ้นสุดเอาไว้ ขณะบ่มเพาะไป ร่างกายส่งกลิ่นอายชั่วร้ายออกมา

ใจกลางค่ายกลมีเศษน้ำแข็งยักษ์ลอยอยู่เหนือหัวเขา เปลวเพลิงจากค่ายกลเข้าไปในน้ำแข็งผ่านการเปลี่ยนแปลงแล้วจึงถูกชายด้านล่างดูดซับ

ขณะดูดซับ อาการบาดเจ็บค่อยๆฟื้นตัวและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือพิษในร่างกายเขาถูกเพลิงและน้ำแข็งระงับไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ยามที่สายฟ้าคำรามผ่านท้องฟ้า เขาลืมตาขึ้นมา เม็ดเหงื่อจำนวนมากไหลลงหน้าผาก แม้จะมีน้ำแข็งแต่ความร้อนที่นี่ก็ยังทำให้เหม็ดเหงื่อผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ข้าทนไม่ไหวแล้ว!!” เขาร้องคำรามพร้อมกับกระโจนขึ้นไปในอากาศและกอดน้ำแข็งแน่น ร่างกายสั่นไหวและมีสีหน้าสบายขึ้น แต่ก่อนจะนานกว่านี้ ลมหายใจเย็นเยียบพ่นออกมาไกล

“หากเจ้าไม่อยากตายจากพิษ ก็จงลงมา!”

“สถานที่บัดซบนี่มันร้อนเกินไป หากไม่ใช่เพราะน้องชาย ข้าคงจากไปนานแล้ว!” เขากอดน้ำแข็งแน่นยิ่งกว่าเดิม ดูดซับพลังงานเย็นจำนวนมาก

ขณะนั้นลำแสงสีแดงสายหนึ่งโผล่ออกมาไกล ยามที่เข้ามาใกล้มันเปลี่ยนกลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสขั้นทลายสวรรค์ของสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เขาขมวดคิ้ว แขนขวาตบใส่ความว่างเปล่า

เสียงดังตุ๊บ ชายคนนั้นถูกแยกออกมาจากน้ำแข็งและหล่นลงพื้น

“หนูน้อยซือถู ข้าถูกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สั่งการมาให้ปลดปล่อยพิษในร่างเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องฟังคำสั่งข้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าสั่งสอนบทเรียนเจ้าเลย!”

ชายคนนี้คือซือถูหนาน เขาบาดเจ็บสาหัสในดินแดนวิญญาณปิศาจและพิษในร่างปะทุขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ซือถูคงอยู่ไม่ถึงสองปี

แต่ภายในสองปีนี้คือความเจ็บปวดมหาศาลสำหรับเขา หนึ่งในต้นตอความเจ็ฐปวดนั้นก็คือผู้อาวุโสที่น่าปวดหัวคนนี้ด้วย ไม่ว่าซือถูหนานพยายามพูดคุยกับชายชราอย่างไรมันก็ใช้ไม่ได้ ชายชราดูเหมือนมีจิตใจเหล็กกล้าและอยู่ภายในระยะพันฟุตของซือถูหนานมาตลอด เมื่อไหร่ก็ตามที่ซือถูหนานวอกแวก จะมีวิชาหนึ่งยิงเข้ามาใส่

“เซียนขั้นทลายสวรรค์ยิ่งใหญ่อะไรกัน? บัดซบเอ้ย รอก่อนเถอะ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะให้ลิ้มรสความรู้สึกเหมือนโดนต้ม!” ซือถูหนานลุกขึ้นและไม่ยอมบ่มเพาะต่อไป

ชายชรายิ้มออกมา ในเวลาสองปีนี้เขามีทัศนคติที่ดีต่อหนูน้อยซือถูคนนี้ การหยุดซือถูไม่ให้ดูดซับน้ำแข็งเป็นเรื่องดีต่อตัวซือถูเอง

เขาใช้พลังจำนวนพอดีเพื่อไม่ให้บาดเจ็บต่อซือถูมาเสมอ พลันยิ้มขึ้นมาและเอ่ยขึ้น “ก็ดีแล้ว ข้าจะรอให้วันนั้นมาถึง”

“รอก่อนเถอะ!” ซือถูหนานกรอกตา ความจริงเขารู้อยู่แก่ใจว่าชายชราคนนี้ทำลงไปเพื่อเป็นผลดีต่อตัวเขา แต่ความร้อนช่างเกินจะทนอยู่ตลอด สำคัญไปกว่านั้นคืออิสระภาพของเขาถูกจำกัดเอาไว้ในช่วงเวลาสองปี เมื่อไหร่ที่คิดถึงการใช้ชีวิตเยี่ยงราชา เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

‘สาวน้อยแห่งดาวเฟิ่งหลวน รอข้ากลับไปก่อนเถอะ!’

สายฟ้าคำรามผ่านน่านฟ้าและค่อยๆหายไป

หวังหลินสูดหายใจลึก ฝ่ามือสร้างผนึกและโบกสะบัดแขน ความร้อนจากก้อนหินสีขาวด้านล่างเข้าไปในร่างมากขึ้น

ชายชราด้านหลังหวังหลินยิ่งซีดเซียวกว่าเดิม กลิ่นอายแห่งความตายรอบตัวรุนแรงมาก เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้ากลัวว่าจะไม่อาจอยู่ได้นานกว่านี้นัก…”

“ข้าหวังว่าเจ้าจะสามาถบ่มเพาะเปลี่ยนร่างขั้นแรกได้สำเร็จก่อนข้าตาย แค่นั้นตอนที่ส่งสำนักวิหคเพลิงให้เจ้าข้าถึงจะสบายใจ…”

“มีเพียงการเชี่ยวชาญเปลี่ยนร่างขั้นแรกเท่านั้นเจ้าถึงจะสามารถควบคุมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสำนักวิหคเพลิงได้”

ฝ่ามือหวังหลินกลับคืนสู่จุดเดิม พลังความร้อนเคลื่อนผ่านจุดชีพจรในร่าง จากนั้นหวังหลินปล่อยลมร้อนออกมาและลืมตาขึ้น

ไม่อาจอธิบายสิ่งที่ดวงตาทั้งสองคนเห็นได้ อธิบายได้อย่างเดียวคือราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวที่มีทุกอย่างอยู่ในโลก มันส่องสว่างเพยีงพอจะทำให้คนที่มองมาต้องก้มศีรษะ ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งปัญญา

หวังหลินเอ่ย “ท่านจักรพรรดิสบายใจได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

“ครั้งนึงเจ้าเคยบอกเรื่องที่เจ้าสงสัยว่าจักรพรรดิมังกรฟ้าถูกขังไว้ในแดนสวรรค์พิรุณ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก…แต่การเปิดแดนสวรรค์พิรุณถูกควบคุมด้วยพันธมิตรเซียน เมื่อไม่มีผลึกแดนสวรรค์พิรุณ มันไม่อาจเปิดขึ้นได้…”

“ด้วยความแข็งแกร่งของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน เขายังไม่สามารถต่อกรกับพันธมิตรเซียนได้ ข้าจะหาทางเอาผลึกแดนสวรรค์มาให้ได้ แต่ข้าจะทิ้งมันไว้กับเจ้าเพื่อไปช่วยเหลือจักรพรรดิมังกรฟ้า”

น้ำเสียงชายชราเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า การอยู่รอดมายาวนานขนาดนี้ทำให้จิตใจและร่างกายเหน็ดเหนื่อย แต่เขาไม่อาจทิ้งสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ไปได้ ดังนั้นจึงแบกเอาไว้มานาน ทั้งยังต้องทนต่อความเจ็บปวดจากทลายสวรรค์ครั้งที่สามในทุกๆวัน

หวังหลินขบคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปบ่มเพาะ พลันเอ่ยถามเสียงเบา “มีข่าวคราวของศิษย์พี่ฉิงชุ่ยไหม?”

“ข้าได้ยินเรื่องชื่อของขุนนางเทพฉิงชุ่ยมานาน สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ใช้กำลังทั้งหมดของเราเพื่อค้นหาเขาและพบการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายอยู่รอบๆใจกลางของดาราจักรพันธมิตรเซียน นั่นเป็นพื้นที่ภายในระยะของกองบัญชาการพันธมิตรเซียน”

ชายชราขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นมา “ข้าสงสัยว่ากองบัญชาการพันธมิตรเซียนปิดผนึกตัวเองไปสองปีต้องเกี่ยวข้องกับฉิงชุ่ย!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version