Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1321

Cover Renegade Immortal 1

1321. ม่านสู่ขั้นที่สาม

พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวเคราะห์เซียนในเผ่าแพรฟ้ามีฤดูฝนที่มีสายฝนตกอยู่อย่างต่อเนื่อง บางครั้งมันก็ตกลงจากท้องฟ้าและระเหยบนพื้นดิน

ฤดูฝนนี้มักจะกินเวลากว่าครึ่งปี จากนั้นก็จะเป็นฤดูอื่นตามมาขึ้นอยู่กับดาวเคราะห์เซียน ดาวเคราะห์ที่หวังหลินกำลังทำความเข้าใจอยู่นั้นได้เปลี่ยนไปเป็นฤดูหนาวหลังจากเจอฤดูฝนมาเจ็ดเดือน

ฤดูหนาวหลังฤดูฝนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่ง พื้นดินชื้นไปหมดและถูกหิมะเปลี่ยนเป็นของแข็งทันที การก้าวเดินบนพื้นน้ำแข็งทำให้รู้สึกถึงความหนาวเย็นแทรกซึมผ่านฝ่าเท้า แม้แต่โลหิตคล้ายจะไหลช้าลงและแข็งตัว

สำหรับคนธรรมดา ฤดูเช่นนี้นับว่าน่าหวาดกลัว แต่พวกคนธรรมดาของเผ่าแพรฟ้าเคยชินกับมัน ด้วยการช่วยเหลือของเซียนแห่งเผ่าแพรฟ้า หลังจากเจอไปหลายปีมันจึงไม่ยากลำบากอีกต่อไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอาหารบางอย่างที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในความหนาวเย็นเช่นนี้ ยิ่งมันหนาวขึ้นยิ่งดีต่อการเก็บเกี่ยว

เกล็ดหิมะลอยลงมาจากอากาศและปกคลุมพื้นแผ่นดินระยะหลายพันลี้ เป็นฉากอันงดงามยิ่ง ยอดเขาที่หวังหลินอยู่ก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะเช่นกัน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นภูเขาหิมะไปแล้ว

ทว่ายังมีก้อนหินสีดำอยู่ไม่กี่ก้อนที่ไม่ถูกปกคลุมหมดซึ่งแสดงให้เห็นว่าเดิมทีแล้วภูเขานี้เป็นเช่นไรเพื่อรอคอยให้ฤดูหนาวผ่านพ้นไป

หิมะบนยอดภูเขาหนาแน่นมากและมันเรียบรื่นไม่มีรอยฝ่าเท้าสักรอย หวังหลินยังคงนั่งหลับตาอยู่ที่นี่และถูกหิมะปกคลุม

กระบี่น้ำแข็งและวังวนทรงกลมยังคงลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ หิมะไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงรอบๆพวกมัน

หลังจากทำความเข้าใจวิชาประทับพลิกสวรรค์ หวังหลินนั่งอยู่บนยอดภูเขาอีกสี่เดือน วิชาที่สองคือโล่เงาแสง มีพลังแห่งแสงไร้ขอบเขต หวังหลินพยายามหาข้อสรุปแต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลย

ฉากเหตุการณ์ที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันใช้วิชานี้ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวเขา

จนวันนี้หวังหลินลืมตาอันเหน็ดเหนื่อยขึ้นมา จ้องมองหิมะที่รวมตัวกันเบื้องหน้าพลางบ่นพึมพำ “มีแสงจากแยกราตรีของข้าและกฎแห่งต้นกำเนิดด้วย แต่แสงนั่นไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์ แสงของปรมาจารย์เต๋าความฝันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกฎแห่งต้นกำเนิด แสงของเขารวมมาจากสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง…แสงนั่นคืออะไรกันแน่…”

หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณพลางขบคิดไปด้วย ด้วยสัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่งจึงคล้ายจะแบ่งออกไปได้หลายล้านทิศทาง

เขาเห็นภูเขาสีขาวโพลน หิมะรวมตัวกันบนพื้นดิน แม่น้ำถูกแช่แข็งและมีธารน้ำแข็งลอยอยู่บนทะเล

เห็นเมืองคนธรรมดาและมีผู้คนบางส่วนอยู่ในบ้าน พวกเขาอยู่ล้อมรอบไฟและเห็นชีวิตอันอบอุ่น

เห็นอาหารอันงดงามของตระกูลร่ำรวย เห็นเหล่าเซียนจากเผ่าแพรฟ้าและเพลงไพเราะที่บรรเลงไป

เห็นหิมะที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ปลาหายากใต้น้ำแข็งและพืชพันธุ์หายากที่เติบโตขึ้นมาบนพื้นดินแช่แข็ง

เห็นดวงดาราไร้จุดสิ้นสุดผ่านท้องฟ้าสลัว สายลมหนาวเย็นและหิมะแวววาว

เห็นอสูรตัวเล็กๆกำลังสั่นเทา ซากศพแข็งตายถูกฝังใต้หิมะ หวังหลินบันทึกทุกอย่างไว้ในใจพลางค่อยๆแพร่กระจายไปทั่วทั้งดวงดาว

เฝ้าดู สังเกตการณ์และกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกอย่างเงียบๆ จนกระทั่งฤดูหนาวค่อยๆผ่านไป หิมะเริ่มละลาย

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน หวังหลินเห็นแสงหนึ่งตอนที่กำลังเฝ้าดูตระกูลคนธรรมดา เขาเห็นแสงอันอบอุ่นยิ่ง

แสงนี้อ่อนแอมากราวกับจะดับได้ทุกเมื่อเพียงแค่สายลมพัดผ่าน แต่มันเป็นของจริง เขาค่อยๆเห็นแสงมากขึ้น จากนั้นเขาเห็นแสงจากคนรักสองคน เห็นแสงจากร่างกายของคนร่ำรวย…

กระทั่งเห็นแสงออกมาจากร่างโครงกระดูกที่ตายแล้ว แสงนี้เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ต่อสู้และดิ้นรน ทั้งยังเห็นแสงจากสัตว์ตัวเล็กๆด้วย!

ทุกชีวิตปลดปล่อยแสงนี้ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล พื้นดิน ท้องฟ้า ทุกอย่างปลดปล่อยแสงเบาบาง เขากระทั่งเห็นชีวิตนี้ออกมาจากอวกาศ

ในความคิดหวังหลิน ทุกอย่างบนดาวเคราะห์เซียนแห่งนี้มีแสง แสงค่อยๆแพร่กระจายเหมือนประกายแสงในทุ่งหญ้าที่กำลังเต็มไปทั่วจิตใจ

เขาลืมตาขึ้นมา

วินาทีที่ลืมตา แสงทั้งหมดที่สัมผัสวิญญาณเขามองเห็นพลันรวมกันเข้าหาร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าและพื้นดินปลดปล่อยแสงนี้ พืชพันธุ์ ภูเขาและแม่น้ำส่องแสงไม่หยุด!

มีแม้กระทั่งแสงดวงดาวจากอวกาศ กระทั่งภูเขาที่หวังหลินนั่งอยู่ยังปลดปล่อยแสง แสงนี้โผล่ออกมาจากทุกทิศทางจนหวังหลินเหมือนคบเพลิงส่องแสงตะวัน! เงายักษ์ตนหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยแสงนี้!

แสงและเงาอยู่ด้านนอก ส่วนหวังหลินอยู่ข้างใน ในแววตาเกิดความรู้แจ้งแต่ยังมีความงุนงง

‘พลังชีวิตใช่ไหม…’ พลันยกแขนและโบกเงียบๆ แสงและเงาหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ

เขายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแสงนี้คืออะไร…ราวกับมีม่านป้องกันไม่ให้เข้าใจ หากไม่สามารถทะลวงผ่านม่านนี้ไปได้ คงไม่มีวันเข้าใจได้ตลอดกาล

หวังหลินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าม่านนี้คือประตูสู่ขั้นที่สาม มีน้อยคนนักที่จะสัมผัสได้และยิ่งน้อยกว่านั้นคือการทะลวงผ่านมันไปได้ในชั่วชีวิต!

วิชาทั้งสามที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันสอนหวังหลินนั้นต่างก็มีความล้ำลึกในตัวเอง…

ยามที่แสงและเงาหายไป สายตาหวังหลินจับจ้องกระบี่น้ำแข็งและวังวนทรงกลมที่ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ปรมาจารย์เต๋าความฝันจากไป

พอมองดูของสองชิ้นนี้หวังหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในสามวิชานั้นมีวิชาเต๋าเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่!

แขนขวายื่นออกไป วังวนทรงกลมลอยเข้ามาในมือ ดวงตาส่องสว่างและเริ่มสังเกตมัน

วังวนทรงกลมนี้ปรมาจารย์เต๋าความฝันสร้างขึ้นมาด้วยวิชาเต๋า เป็นวิชาเรียกขานสายลมผสานกับอัญเชิญสายฝนกลายเป็นวิชาที่ทรงพลังขึ้นจนมีโลกของตัวเอง!

การผสานกันคือพลังอำนาจของวิชาเต๋าที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันอยากจะส่งต่อให้หวังหลิน!

ขณะที่สังเกตก้อนทรงกลมอย่างละเอียด ห้าแก่นแท้ค่อยๆปรากฏขึ้นในดวงตาหวังหลิน แก่นแท้เริ่มหมุนจากนั้นมีควันที่มองไม่เห็นออกมาจากก้อนทรงกลมเข้าสู่ดวงตา ทรงกลมเล็กลงเรื่อยๆ ไม่กี่วันต่อมามันก็สลายไปหมดสิ้น

หวังหลินหลับตาและเริ่มทำความเข้าใจ

วิชาเต๋านั้นแตกต่างจากวิชาอื่น ไม่ว่าจะเป็นวิชาธรรมดาหรือความสามารถ มันสามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าเป็นการโจมตีหรือป้องกันและผลลัพธ์ยังสามารถสังเกตได้

เหมือนวิชาประทับพลิกสวรรค์และวิชาโล่เงาแสงที่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด!

ส่วนวิชาเต๋านั้นมองไม่เห็นและไม่สามารถอธิบายได้ หวังหลินเจอกับวิชาเต๋าเป็นครั้งแรกในดินแดนเจ็ดสีตอนที่เจอกับชายชราและเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย หากไม่ใช่เพราะขอบเขตจวี่และลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า หวังหลินคงมิอาจต้านได้

ครั้งที่สองที่เจอกับวิชาเต๋าคือตอนที่เข้าไปในดินแดนแห่งเต๋าด้วยการช่วยเหลือของจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึก เขาได้รู้แจ้งวิชาเต๋าของตนเองเพียงแต่วิชานี้ยากเกินอธิบาย ถึงแม้มันจะไม่สมบูรณ์แต่ก็สามารถทำให้เกิดระลอกคลื่นประหลาดที่ทำร้ายศัตรูได้โดยไม่รู้ตัว ตอนที่อยู่นอกสำนักมาร เขาก็สามารถทำให้ผู้อาวุโสสำนักมารได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัวได้เช่นกัน

ตอนนี้เป็นครั้งที่สามที่เจอกับวิชาเต๋า ความคิดจมดิ่งไปในสภาวะประหลาดคล้ายจะสามารถเปลี่ยนวิชาใดก็ตามให้เป็นรูปร่างหรือทรงใดก็ได้

เทียบกับสองวิชาก่อนหน้านี้แล้ว วิชาเต๋านี้หวังหลินใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน พวกวิชาเต๋าทั้งหมดมักจะเป็นแบบนี้ หากเข้าใจก็จะเข้าใจ แต่หากไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ถึงจะผ่านไปอีกพันปีก็ยังไม่เข้าใจ!

หวังหลินหลับตา ยื่นมือขวาออกไป กระบี่น้ำแข็งลอยเข้าไปในฝ่ามือ ถึงแม้จะหลับตาอยู่แต่เขากลับสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ถืออยู่ไม่ใช่กระบี่แต่เป็นก้อนเมฆ…

ขณะที่เขาเข้าใจมัน เสียงแตกร้าวดังสนั่น บนผิวกระบี่มีรอยแตกร้าวจำนวนมาก วินาทีต่อมามันก็แตกสลายกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง

ผลึกน้ำแข็งหมุนเป็นวงกลมรอบมือขวาหวังหลิน จากนั้นได้ละลายเป็นน้ำฝน น้ำฝนก่อตัวเป็นวังวนหมุนติ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นหมอก

หมอกนั้นเสมือนพายุขนาดเล็กในมือขวาหวังหลิน จากนั้นมันค่อยๆหายไป…หวังหลินกุมเมฆสีขาวไว้ในมือและโบกสะบัด เมฆสีขาวค่อยๆตกลงไปในท้องฟ้า

หวังหลินลืมตาขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มใส่เมฆสีขาวที่กำลังลอยออกไปไกล

‘วิชานี้สามารถผสมผสานวิชาอื่นได้ วิชาแรกที่ข้าอยากผสานคือบิดมิติ! ถึงแม้วิชาจะทรงพลังและสามารถทำให้ข้าเดินทางผ่านอวกาศไร้ขอบเขตได้ในพริบตาแต่มันก็มีข้อเสีย เมื่อพลังดั้งเดิมในโลกถูกรบกวน มันจะใช้ไม่ได้…สตรีชุดขาวที่รออยู่นอกเผ่าแพรฟ้า มีเพียงการทิ้งห่างนางออกไปอย่างสมบูรณ์เท่านั้นข้าถึงจะสามารถทำตามสิ่งที่ต้องการได้ในดาราจักรโบราณ!’

‘จากนั้นข้าจะดูดซับเพลิงนรกานต์ให้เพียงพอจนทำให้ห้าแก่นแท้ของข้าสมบูรณ์! เพลิงแห่งเผ่านกกระจอกเพลิงและสายฟ้าจากเผ่าสายฟ้ากระจายจะเป็นสารอาหารให้กับข้า!’

‘อักขระกลางหน้าผากของผู้คนในดาราจักรโบราณช่างน่าประหลาด ดูเหมือนจะสามารถกลืนกินกันเองและค่อยๆวิวัฒนาการสู่ความสมบูรณ์ได้…’

‘สิ่งที่ข้าอยากรู้คือแผนการของราชันย์คืออะไร!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง วิญญาณดั้งเดิมของชายชราผมขาวเผ่าจันทราในมิติเก็บของ เขาสามารถหาคำตอบได้

————————————-

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version