Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1376

Cover Renegade Immortal 1

1376. เจ้ากล้าสู้ไหม 1

ทะลวงสวรรค์ระดับที่สาม!

ทั้งดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก ไม่ว่าเผ่าหรือสำนัก เซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สามถือว่าทรงอำนาจที่ไม่มีใครกล้าไปล่วงเกิน ทั้งหมดมีสถานะสูงส่งและสนุกกับพลังอำนาจ

ในดินแดนชั้นใน หากสำนักในเขตระดับแปดของทะเลเมฆามีเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สามสักคน คงกลายเป็นสำนักที่สุดยอด แม้กระทั่งเขตระดับเก้าเองก็ไม่ได้มีเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สามมากนัก

พลังอำนาจของดินแดนชั้นในด้อยกว่าดินแดนชั้นนอกมากนัก ชายชราที่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินเป็นเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สาม เผ่านกกระจอกเพลิงเป็นหนึ่งเผ่าชั้นยอดของดาราจักรโบราณ พวกเขามีพลังอำนาจพอจะส่งเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สามให้กลายเป็นหัวหน้าเผ่านกกระจอกเพลิงในดินแดนตกสวรรค์

หวังหลินสังเกตกลิ่นอายของเผ่านกกระจอกเพลิงมาได้นานก่อนที่จะเข้ามาแล้ว เขาไม่ประหลาดใจที่ชายชราคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาเลย

หลังจากเห็นเผ่านกกระจอกเพลิงในดินแดนตกสวรรค์ หวังหลินยิ้มออกมา

ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงขึ้นมาชั้นที่สองและนั่งลงอย่างลวกๆ ดวงตาส่องสว่างขึ้นและเริ่มสังเกตหวังหลิน แม้จะดูสงบนิ่งแต่ระมัดระวังตัวมาก

เขารู้จักหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬและรู้ว่าระดับบ่มเพาะเท่าใด กระนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะนั่งลงและยืนอยู่เหมือนคนรับใช้

นี่ยิ่งทำให้หวังหลินดูลึกลับในสายตาเขามากที่สุด

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาไม่สามารถมองเห็นระดับบ่มเพาะของหวังหลินได้!

ไม่ว่าจะแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถค้นเจอกลิ่นอายระดับบ่มเพาะมาจากหวังหลินเลย นี่ยิ่งไม่รู้ว่าหวังหลินมาจากเผ่าอะไร

ผู้คนจากดาราจักรโบราณมักจะมีอักขระบนหน้าผากตลอด เซียนทรงพลังบางคนสามารถซ่อนอักขระได้ ทำให้คนอื่นไม่สามารถตรวจสอบได้อีก

“เจ้าอยากให้ข้าปล่อยผลึกเพลิงอัคคีให้หรือ?” หวังหลินเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มพร้อมกับมองชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิง

ความคิดชายชราสั่นเทา เขาแทบจะรู้สึกหวาดกลัวยามเผชิญหน้าหวังหลิน หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงคำนับฝ่ามือ “ผลึกเพลิงอัคคีมีประโยชน์มหาศาลต่อเผ่านกกระจอกเพลิง ข้า…”

เมื่อเอ่ยมาถึงจุดนี้ หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น

ลมหายใจเย็นทำให้ดูเหมือนมีประกายสายฟ้านับล้านระเบิดอยู่ในชั้นที่สอง ท่าทางหญิงสาวทรงเสน่ห์เปลี่ยนไปทันที นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและใบหน้าซีด

ส่วนชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิง ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง การเผชิญกับเสียงนี้เหมือนโดนโจมกระแทกด้วยรถม้าหนักล้านชั่ง วิญญาณดั้งเดิมสั่นไหว รูม่านตาหดแคบและกระอักโลหิต

เพลิงในร่างเสียการควบคุมและระเบิดออกมา เก้าอี้ที่นั่งเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน เปลวเพลิงกำลังกระจายออก หวังหลินสะบัดแขนส่งสายลมที่มองไม่เห็นพัดเข้าหาชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิง

เปลวเพลิงรอบๆ ชายชราที่พึ่งกระจายออกพลันถูกสายลมพัดจนดับ บางส่วนถูกบังคับกลับเข้าไปในร่าง

ชายชราหน้าซีดทันทีและถอยร่นสามก้าวในคราเดียว ทุกก้าวทิ้งรอยเท้าลึกไว้บนชั้นสอง รอยเท้าสีดำราวกับถูกเผาไหม้และมีหมอกควันผุดขึ้นมา

หลังจากก้าวที่สาม ชายชราร้องคำราม เปลวเพลิงในร่างระเบิดขึ้นเพื่อหยุดตัวเองไม่ให้ถอย ทว่าตอนนี้สายลมของหวังหลินประสานกับชายชรา สายตาหวังหลินเป็นเหมือนกระบี่ล่องหนที่คมกริบแทงทะลุผ่านดวงตาชายชราและตรงเข้าโจมตีวิญญาณดั้งเดิมด้วยพลังทำลายล้าง แม้กระทั่งพลังดั้งเดิมในร่างกายก็ไม่สามารถหยุดกระบี่ล่องหนนี้ได้

เขาล่าถอยอีกครั้ง แววตาผุดความหวาดกลัวเกินคำอธิบาย ในร่างกายเขากระบี่ล่องหนเข้ามาใกล้แต่ไม่ได้แทงทะลุผ่านวิญญาณดั้งเดิม มันหมุนเป็นวงกลมรอบวิญญาณเขาหนึ่งครั้งและค่อยๆ หายไป

ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่สำหรับชายชราเผ่านกกระจอกเพลิงเป็นเหมือนฝันร้าย เขากำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายแห่งความเป็นความตาย

หวังหลินถอนสายตาและเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่ควรมาอ้างตัวเองเช่นนี้เบื้องหน้าข้า!”

รอบด้านเงียบกริบ หญิงสาวทรงเสน่ห์สูดหายใจลึก สายตาที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยความเคารพ ซ่อนความหวาดกลัวไว้ในแววตา

“โอ้…ผู้น้อยวู่วามไปแล้ว ข้าขอผู้อาวุโสโปรดยกโทษให้ด้วย ผู้น้อยรู้ดีแล้วว่าทำผิดไป” ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงถึงกับเหงื่อท่วม ในใจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่าหากคนผู้นี้ต้องการฆ่าเขาคงทำได้ง่ายดาย

เขาไม่โอหังเหมือนที่เดินออกมาอีกแล้ว ยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้านั่งลงไปราวกับไม่มีคุณสมบัติพอจะนั่งเบื้องหน้าชายหนุ่มคนนี้

หวังหลินไม่สนชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงและเอ่ยขึ้นลวกๆ “นำผลึกเพลิงอัคคีทั้งหมดมาให้ข้า”

หญิงสาวทรงเสน่ห์โค้งตัวอย่างนอบน้อม จากนั้นนำหินหยกออกมาบีบ หินหยกเริ่มเรืองแสงและนางสะบัดแขนให้ลอยเข้าหาผนังเบื้องหน้าหวังหลิน มันผสานเข้าไปข้างใน

ผนังเริ่มเคลื่อนไหวทันทีและเกิดระลอกคลื่น ไม่นานนักผนังก็โปร่งใสทำให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ชัดเจน

ข้างในผนังมีก้อนหินสีขาวขนาดเท่ากำปั้นกำลังหมุนอย่างช้าๆ อยู่จำนวนสามก้อน

นางก้มศีรษะและเอ่ยกระซิบ “ผู้อาวุโส เผ่ามังกรหุ้มเกราะไม่ได้มีผลึกเพลิงอัคคีเอาไว้ขายมากนัก มีเศษแค่สามก้อนเท่านั้น…เดิมทีสหายเซียนฮู่มาเพื่อแลกเปลี่ยนก่อน ในเมื่อผู้อาวุโสต้องการด้วย ผู้น้อยลำบากแล้ว”

ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงมองดูก้อนหินสีขาวทั้งสามและลอบถอนหายใจ เขาคำนับฝ่ามือ “ในเมื่อผู้อาวุโสต้องการ ผู้น้อยจะกล้าแข่งขันได้อย่างไร?”

หวังหลินกวาดสายตาผ่านผนังไป ในผนึกไม่มีผลึกสักเม็ด มันแค่ภาพที่สร้างขึ้นจากวิชาเพื่อให้คนดูเท่านั้น

เพียงแค่สะบัดแขนขวา ในมือปรากฏเม็ดยาขึ้นสามเม็ด วินาทีที่เม็ดยาปรากฏขึ้นมา พลังแห่งเพลิงปรากฏทำให้พวกมันดูเหมือนก้อนเปลวเพลิงทั้งสาม หวังหลินโยนเม็ดยาสามเม็ดเข้าหาสตรีทรงเสน่ห์

เมื่อนางเห็นเม็ดยา ดวงตาเปล่งประกายและรับเอาไว้ หลังจากมองดูใกล้ๆ จึงอธิบาย “เม็ดยาวิญญาณพวกนี้สร้างขึ้นจากวิญญาณอสูรธาตุไฟระดับสูง!!”

หวังหลินเอ่ย “นั่นพอสำหรับผลึกไหม?”

นางสูดหายใจลึกและจากนั้นมองผลึกใกล้ๆ แล้วพยักหน้า “พอแน่!”

ขณะนั้นชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงเอ่ยขึ้น “สหายเซียนจ้าว ข้าขอดูเม็ดยาได้ไหม?” แม้เขาจะมีท่าทีสงบแต่จิตใจวุ่นวาย ตอนที่เห็นเม็ดยาจึงสัมผัสกลิ่นอายสั่นสะเทือนจิตใจได้

นางมองชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงด้วยความลังเล ทว่าหลังจากเห็นว่าหวังหลินไม่ได้พูดอะไรและหลับตาราวกับไม่ได้สนใจ นางจึงพยักหน้ายื่นเม็ดยาหนึ่งเม็ดให้ชายชราดู

ชายชราสูดหายใจลึก สัมผัสวิญญาณเข้าไปในเม็ดยา ร่างกายสั่นเทาและดวงตาเผยแสงประหลาด จากนั้นเอามามองใกล้สายตา ผ่านไปสักพักจึงลืมตาและคืนเม็ดยากลับไป

แม้สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแต่คลื่นรุนแรงผุดขึ้นในใจ!

“แก่นแท้!! นี่มันแก่นแท้เพลิง!! เม็ดยาที่บรรจุร่องรอยแก่นแท้เพลิง!! แม้เม็ดยานี้ไม่มีค่าต่อคนอื่นมากนัก แต่มีประโยชน์มหาศาลต่อเผ่านกกระจอกเพลิง!!! แต่แก่นแท้นี้มาจากไหน?”

หวังหลินลืมตาและมองดูชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงอย่างละเอียด เขาเผยท่าทีเยาะเย้ยที่ไม่สามารถสังเกตได้และเอ่ยขึ้น

“นำผลึกทั้งสามนั่นมาสิ”

หญิงสาวรีบพยักหน้า นางรับสามเม็ดยาไปและลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ตำหนักเงียบสงัด ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงยังคงขบคิด ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หวังหลินไม่เร่งรีบ ครู่ต่อมาเสียงฝีเท้าดังขึ้น นางรีบพุ่งขึ้นมา แต่คนข้างหน้าเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมเต๋าปลดปล่อยแรงกดดันที่ไม่เผยความโกรธอะไร

นางติดตามเขามาและดูเคารพยิ่ง

เมื่อชายคนนี้เข้ามา หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬด้านหลังหวังหลินจึงโค้งตัวด้านข้างหวังหลินและเอ่ยกระซิบ “ปรมาจารย์น้อยแห่งเผ่ามังกรหุ้มเกราะ ประหลาดยิ่ง ปกติเขามีสถานะสูงส่งและไม่ค่อยมาที่นี่”

หลังจากมาถึงชั้นที่สองจึงหัวเราะ คำนับฝ่ามือให้หวังหลินโดยไม่แม้แต่จะมองชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิง “ข้าจะรับเม็ดยาของผู้อาวุโส นี่คือผลึกเพลิงอัคคีทั้งสามก้อน”

เขาสะบัดแขนปรากฏหินสีขาวสามก้อนในมือ พวกมันลอยเข้าหาหวังหลิน หลังจากเห็นว่าหวังหลินเก็บไปแล้ว ดวงตาส่องสว่างขึ้นและหัวเราะ “ผู้อาวุโสมีเม็ดยาอีกไหม? มีอะไรอย่างอื่นที่ท่านต้องการอีกไหม?”

“ข้ามีเม็ดยาเยอะ ข้าไม่รู้ว่าจะแลกเป็นอะไรได้บ้าง” หวังหลินยิ้มมองดูชายวัยกลางคน

หลังจากถามกลับ ชายชราตกตะลึงไปชั่วขณะ “ดาวเคราะห์ใดก็ตามที่มีผู้อาวุโสตกสวรรค์สามารถขายหุ่นเชิดและผลึกเพลิงอัคคีได้ แต่เผ่ามังกรหุ้มเกราะมีสมบัติสามชิ้น! ท่านสามารถแลกไปได้! อันดับแรกคือเกล็ดมังกร 3,982 ชิ้นที่มีโลหิตของเผ่าพันธุ์เรา หลังจากใช้วิชาร่วมด้วยจะสามารถสร้างการป้องกันขึ้นหลายชั้น สมบัติธรรมดาไม่สามารถทะลวงผ่านได้! แม้กระทั่งวิชาที่แข็งแกร่งก็ต้องถูกขัดขวาง”

เขามองดูหวังหลินและเอ่ยต่อ “สมบัติชิ้นที่สอง มังกรกระดูกขาว มังกรตัวนี้ถูกสร้างขึ้นจากการปรับแต่งโครงกระดูกของคนในเผ่ามังกรหุ้มเกราะที่ตายไปแล้วหลายรุ่น มีอยู่ไม่มากนัก แต่ละตัวมีพลังสั่นสะเทือนปฐพี และเนื่องจากมันตายแล้ว จึงมีชีวิตเป็นอมตะ!”

“โอ้? แล้วสมบัติที่สามเล่า?” หวังหลินยิ้ม

………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version