Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1447

Cover Renegade Immortal 1

1447. นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง?

ผู้รอบรู้วัยกลางคนยิ้มขึ้นพลางมองหมอกสีแดง เขาถูกฝึกมาให้ระมัดระวังและเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก ในดาราจักรโบราณเขายังถูกเรียกว่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

แม้จะเป็นขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สาม เขาเชื่อมาตลอดว่าแผนของตนเองสามารถหลอกลวงคนอื่นได้ มีหลายครั้งที่เขาพึ่งพาแผนของตัวเองเพื่อเดินบนเส้นทางแห่งความเป็นความตาย ผลลัพธ์ที่ออกมามีแต่เขาที่เป็นผู้ชนะ

ครั้งนี้เขาวางแผนเพื่อฮุบสมบัติที่หลิงตงอยากได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

หลังจากตายแบบหลอกๆไปแล้วครั้งหนึ่งเขาเองก็ยังไม่มั่นใจ ดังนั้นจึงใช้หินหยกเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขตอาคม ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดประตูเข้าไปในหมอกและจากนั้นเขาก็เผชิญหน้ากับความตายอีกครั้ง หากมีคนอื่นเหมือนเขาที่นี่คงไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้และคงพุ่งออกมาแล้ว

เมื่อมีคนแบบนั้นปรากฏขึ้นจริงๆและเข้าไปในหมอก เขาก็จะโจมตีตอบโต้และวางกับดักใส่คนข้างในทันที

เขามั่นใจในการหลอกว่าตายมาก ช่วงต้นการบ่มเพาะเขาได้เรียนรู้วิชาที่ทำให้การตายของตนเองดูสมจริง แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังแตกสลายไปด้วยและคนอื่นคงบอกความแตกต่างไม่ได้

นอกจากนี้เขายังทำให้มันดูเหมือนตนเองกำลังเน่าสลาย ตอนนี้ผู้รอบรู้วัยกลางคนมั่นใจจึงได้เดินเข้าหาหมอกสีแดงและสะบัดแขน หมอกสีแดงถูกดันกลับไปเผยให้เห็นหินหยกทั้งเก้าชิ้น เขาชี้ไปที่หินหยกเหล่านั้นทำให้มีหกชิ้นแตกสลายและมีควันสีดำลอยออกมา ควันสีดำนี้ทำให้หมอกแดงหยุดชะงักขึ้นอีกครั้ง

ท่ามกลางหินหยกทั้งเก้าชิ้น มีอยู่หกชิ้นใช้สำหรับสังหารและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการหยุดยั้งเขตอาคม ผู้รอบรู้วัยกลางคนเผยใบหน้าภูมิใจพลางก้าวเดินเข้าหาทางเข้าที่สร้างขึ้นจากหินหยกสามชิ้น

เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดใส่ลงไปและเริ่มคำนวณ จากนั้นแขนขวาดึงหมอกแดงด้านหน้าและค่อยๆฉีกมันเปิดออกมา

หลังจากนั้นไม่นานชั้นหมอกจึงได้ถูกเขากะเทาะออกไปหลายชั้น ผู้รอบรู้วัยกลางคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยกมือขึ้นอีกครั้ง ไม่นานนิ้วมือก็เข้าสัมผัสกับหมอก มุมปากโค้งและเผยรอยยิ้มตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัว

วินาทีที่รอยยิ้มปรากฏ สีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนไป รีบถอยพลางใช้มือขวาปัดเป่าบนใบหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

อย่างไรบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มประหลาดอยู่ซึ่งขัดแย้งกับแววตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…” ชายวัยกลางคนร่างสั่นเทา แววตาหวาดกลัวถึงขีดสุด เขายกมือขึ้นอย่างรุนแรงและบีบใบหน้าเพื่อขจัดรอยยิ้มนั้นออกไป แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ตรงนั้นและดูแข็งกร้าวขึ้น

โลหิตไหลออกมาจากมุมปากแต่ดูเหมือนเขาไม่ทันสังเกต เขาลูบใบหน้าแต่ก็ยังไม่เป็นผล “เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร!?!” ชายวัยกลางคนร้องโหยหวนแต่ก็ผ่านรอยยิ้มประหลาดนั้นออกมา เขาค่อยๆสูญเสียการควบคุมและเริ่มหัวเราะเสียงดัง

อย่างไรก็ตามความหวาดกลัวในแววตาเสมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง

“อย่าหัวเราะ อย่าหัวเราะ!!” ขณะที่หัวเราะก็พลางรีบถอยไปด้วย แต่เขาถอยได้เพียงไม่กี่สิบฟุตเท่านั้นร่างกายก็สั่นเทาและกระอักโลหิต ดวงตาซีดเซียวและในไม่นานก็ตกลงบนพื้น

รอยยิ้มประหลาดยังคงอยู่บนใบหน้าขณะที่แหงนมองท้องฟ้า…ดวงวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ยังยิ้มและตายไปพร้อมกัน…เขตอาคมแห่งชีวิตและความตาย! ทันใดนั้นบนพื้นมีแสงกะพริบวาบและหวังหลินก้าวเดินออกมา คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจเขตอาคมที่ผู้รอบรู้วัยกลางคนส่งออกไปขณะที่เคลื่อนร่างอ้อมสายหมอก แม้กระทั่งปรมาจารย์ด้านเขตอาคมก็ยังพบเบาะแสได้ยากยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหลินรู้จักสามในสี่เขตอาคมและถือว่าเป็นยอดปรมาจารย์ เขาคงไม่สังเกตถึงปัญหา

เขตอาคมที่ชายวัยกลางคนส่งออกไปแรกเริ่มเป็นการทำลายเขตอาคมจริง แต่เมื่อเขตอาคมนับไม่ถ้วนผสานเข้าด้วยกันจึงเกิดผลตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่จะไม่ทำลายหมอกสีแดง มันยังกระตุ้นให้เรียกใช้งานอีก จากนั้นเขาก็ยืมพลังเพลิงนรกานต์ของหลิงตงเพื่อกระตุ้นหมอกแดงให้ระเบิดพลังมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเพื่อสังหารทุกคนระหว่างทางหรือขับไล่ออกไป

การหลีกเลี่ยงพิรุธนี้เขาจึงต้องเสี่ยงใช้วิธีการบางอย่างเพื่อซ่อนตัวในสายหมอก เขาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาและทำให้ทุกคนคิดว่าตายไปแล้ว

เขาสังหารคนส่วนใหญ่ที่นี่ได้สำเร็จและกระทั่งขับไล่คนที่เหลือออกไป ทั้งยังทำให้หมอกแดงผนึกรอยแยกอวกาศทั้งหมดจนคนอื่นๆไม่สามารถเข้ามาได้อีก หลังเสร็จสิ้นแผนการจึงเหลือเขาคนเดียวที่นี่ การทำทุกอย่างนี้ต้องใช้ความกล้าอย่างสูง หวังหลินมองร่างที่มีรอยยิ้มประหลาดนั้นและสะบัดแขนขวา ร่างกายแตกสลายเป็นฝุ่นผงและหายวับไป

“ด้วยวิธีนี้ แม้เจ้าจะโกงก็ไม่มีโอกาสชุบชีวิต!” เขามองแผนการของผู้รอบรู้วัยกลางคนออก ดังนั้นจึงทิ้งเขตอาคมเพื่อเคลื่อนย้ายกลับมาที่นี่

ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเขตอาคม เขาจึงไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหาเขตอาคมของตนเองพบแม้จะมีระดับบ่มเพาะขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สาม หลังจากหวังหลินลอดผ่านรอยแยกในท้องฟ้าไปจึงเคลื่อนย้ายกลับมาด้วยการใช้เขตอาคม

เขาไม่ได้สังหารชายวัยกลางคนแต่อีกฝ่ายก็ไม่สังเกตว่านอกจากเขตอาคมวิญญาณโบราณและเขตอาคมกาลเวลาแล้ว ยังมีเขตอาคมแห่งชีวิตและความตายอยู่ในสายหมอกด้วย ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายใช้วิธีหลอกตายนั้นหวังหลินก็มองออกแต่ก็ ไร้ประโยชน์เบื้องหน้าเขา

หวังหลินมาถึงถัดกับหมอกสีแดง เขตอาคมง่ายๆนี้ปลิดชีวิตคนอื่นไปมากมาย ทำให้เขามีประสบการณ์มากขึ้นในโลกแห่งเซียนอันโหดร้าย

พอมองดูหินหยกสามชิ้นที่กำลังหยุดยั้งหมอกสีแดง หวังหลินค่อยๆก้าวเดินเข้าไปข้างใน ยืนอยู่ตรงที่ชายวัยกลางคนยืนอยู่และสรุปสิ่งที่เกิดขึ้น

‘มันเป็นเขตอาคมแห่งชีวิตและความตายจริงๆ…’ หลังจากนั้นชั่วขณะหวังหลินยกแขนขวาและชี้ไปข้างหน้า เสียงปะทุดังลั่น หมอกเบื้องหน้าเคลื่อนไหวอีกครั้งก่อตัวเป็นวังวน

เส้นสีดำบางๆปรากฏขึ้นในหมอกสีแดง เส้นสีดำพัวพันกับหมอกแดงอย่างชัดเจน กุญแจของการทำลายเขตอาคมแห่งชีวิตและความตายคือการหาเส้นทางไปสู่ชีวิตจากภายในความตาย หากสามารถหามันเจอและแยกชีวิตออกได้ เขตอาคมก็จะพังทลาย อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ไม่รู้จักเขตอาคมแห่งชีวิตและความตายก็ไม่มีทางหามันเจอ

หลังจากสังเกตการณ์อยู่สักพัก หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นมาและปรากฏเขตอาคม เขาสูดหายใจลึกและผลักเขตอาคมเข้าหาวังวนหมอกแดงอย่างระมัดระวัง เสียงปะทุดังลั่นและดูเหมือนหมอกจะดูดซับเขตอาคมของหวังหลิน เส้นสีดำเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ยื่นแขนขวาออกไปโดยไม่ลังเล คว้าเส้นสีดำและดึงมันออกมา

เส้นสีดำถูกหวังหลินดึงออกมาอย่างหมดสิ้นราวกับอสรพิษ จากนั้นมันก็สลายไป ตอนนี้หมอกสีแดงแตกสลายเหมือนหิมะโดนน้ำร้อนราด หมอกจำนวนมากแตกสลายก่อเกิดเป็นเส้นทางที่นำเข้าสู่ใจกลางแท่น แววตาหวังหลินกะพริบวาบแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ความสุขระเบิดขึ้นในใจแต่ก็รีบระงับเอาไว้ เขากำลังจะพุ่งเข้าสู่ทางผ่าน

“หยุด!” ขณะที่หวังหลินกำลังจะพุ่งเข้าไป น้ำเสียงเย็นเฉียบผุดขึ้นมาในโลกนี้

“ตอนนี้สิที่เรียกกันว่า ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง!” น้ำเสียงดังก้อง ร่างเลือนลางปรากฏขึ้นในท้องฟ้า เมื่อร่างนั้นชัดเจนกลับเป็นหลิงตง ซึ่งหลังจากปรากฏตัวก็มีแท่นขนาดสองหมื่นฟุตโผล่ออกมาด้วย

บนใบหน้าไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ไร้ความโง่เขลาและยังแฝงแววตาเยาะเย้ย

หวังหลินหยุดลงและค่อยๆหันกลับมา ท่าทีมองดูหลิงตงด้วยความน่าเกลียด หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่นและมีแววตาตื่นตระหนก

“ผู้น้อย…ขอคารวะท่านหลิงตง…” หวังหลินคำนับฝ่ามือและกำลังจะก้าวถอยหลัง

หลิงตงกล่าวด้วยท่าทีน่าขนลุก “เมื่อเจ้าเหยียบเท้าลงไป ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“แผนการของท่านหลิงตงไร้ข้อผิดพลาดและซ่อนไว้ดีเยี่ยม ผู้น้อยขอชื่นชม!” หวังหลินหยุดเคลื่อนไหว ใบหน้าขมขื่นและระงับความตื่นตระหนก

“ข้ารู้ความทะเยอทะยานของเสี่ยวจิงอยู่แล้ว เป็นแค่ผู้น้อยที่คิดว่าข้าโง่ ช่างน่าขันสิ้นดี! แม้ข้าจะไม่ได้เก่งเรื่องเขตอาคม ในเมื่อเจ้าสองคนเหนือกว่าและเปิดมันให้ข้าแล้ว ข้าไม่ยอมพลาดโอกาสแน่!” หลิงตงเยาะเย้ย การกระทำเล็กๆน้อยๆของ หวังหลินทำให้เขามั่นใจและเอ่ยขึ้น “ออกมารอด้านข้าง!”

จิตวิญญาณเต๋าที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติจำเป็นต้องได้รับวิญญาณที่ไม่เคยโดนค้นวิญญาณมาก่อน ยิ่งหลิงตงตระหนักถึงเรื่องนี้ หวังหลินคงไม่อาจสร้างความปั่นป่วนและหนีฝ่ามือเขาไปได้ เขาจะปล่อยให้หวังหลินมีชีวิตรอดและใช้หวังหลินเป็นข้อเสนอให้แก่จิตวิญญาณเต๋า

หวังหลินใบหน้าซีด ท่าทีดูลังเล แต่ขณะต่อมาจึงถอนหายใจและก้าวเดินออกมา หลิงตงสะบัดแขนขวาส่งพลังรุนแรงก่อตัวเป็นฟองเข้าล้อมรอบหวังหลินเพื่อกักขังไว้ข้างใน

เขาไม่หันไปมองดูหวังหลินเนื่องจากมั่นใจในวิธีของตนเอง เขาก้าวเข้าไปในหมอกและดูเหมือนกำลังจะเร่งเข้าสู่ทางผ่าน ขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไปนั้นพลันหันมามองหวังหลินด้วยสายตาเป็นประกาย

หวังหลินยังคงท่าทีขมขื่นไม่เปลี่ยนแปลง แม้หลิงตงจะหันสายตาไปมองก็ไม่เห็นสิ่งใด

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเข้าไปก่อน!”

หวังหลินตกตะลึง ก่อนที่ความสุขจะผุดขึ้นมาในแววตา เขารีบระงับมันเอาไว้แต่ชายชราก็ยังจับได้ ชายชราหัวเราะและก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเลโดยไม่สนใจหวังหลินอีก เคลื่อนร่างดุจประกายสายฟ้าและมาถึงใจกลางทางผ่าน ทว่าทันใดนั้นมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง “ยังมีบางอย่างเหลืออยู่!!!”

หวังหลินหันมองขึ้นไปด้วยแววตากะพริบจิตสังหาร

…………………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version