1452. เฒ่าพิษเดียวดาย
อสูรยุงนับแสนตัวร้องหึ่งออกมาเต็มไปทั่วโลก หัวหน้าพวกมันคือราชาอสูรยุงของหวังหลิน ราชาอสูรยุงตัวนี้ช่างสูงศักดิ์และหวังหลินเหมือนเป็นพ่อของมัน
หลังจากบินออกมา ราชาอสูรยุงใช้ปากใหญ่ๆเข้าลูบหวังหลินทันที แม้ดวงตาจะเกรี้ยวกราดและมีร่างกายเปล่งกลิ่นอายน่าขนลุก มันกลับรู้สึกมีความสุขและเลือกแสดงให้แก่หวังหลินเท่านั้น
หวังหลินเผยรอยยิ้มและลูบศีรษะเจ้ายุง จากนั้นชี้ไปที่แม่น้ำโลหิตด้านล่าง
ราชายุงร้องคำราม อสูรยุงหนึ่งตัวพุ่งลงไปดื่มโลหิตจากแม่น้ำ จากนั้นมันเกิดเสียงปะทุออกมาจากร่างกาย เติบโตขยายขนาดขึ้นหนึ่งเท่าโดยไม่คาดคิด!
แสงโลหิตเปล่งประกายออกมาจากร่างของมันและมีกลิ่นอายพรั่งพรูขึ้น! มันมองไปที่ราชายุงและร้องคำราม อสูรยุงนับแสนรอบด้านต่างร้องลั่นและพุ่งใส่พื้นภายใต้คำสั่งของราชายุง
มองไกลๆแล้วพื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยอสูรยุง!
หวังหลินสังเกตโลหิตในแม่น้ำไว้ก่อนหน้านี้และมันสามารถยกระดับการเติบโตของอสูรได้ หากอสูรยุงนับแสนทั้งหมดดูดซับโลหิตไป พลังการต่อสู้ของพวกมันคงเพิ่มขึ้นมหาศาล!
พอเห็นเหล่าอสูรยุงขยายตัวและแข็งแกร่งขึ้นหลังจากดูดซับโลหิต หวังหลินจึงไม่ให้ความสนใจพวกมันอีก เขาหันตัวกลับมามองเหล่าเทพโบราณ ปีศาจโบราณและมารโบราณที่เหลืออยู่!
ทั้งสามเผ่าคือบัญชาโบราณ ทั้งสามคนนี้ตายไปแล้วและทิ้งไว้แต่เพียงร่างกาย
หวังหลินใช้มือขวาเข้าสัมผัสมารโบราณ พลังดั้งเดิมพุ่งทะลวงเข้าไป เขาพึมพำกับตัวเอง “หากข้าสามารถหาร่างให้กับมารโบราณที่ไม่ได้ตายอย่างสมบูรณ์ได้… บางทีร่างอวตารมารโบราณของข้าคงจะสำเร็จ!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา แม่น้ำแห้งจนสิ้นไร้โลหิตแม้แต่หยดเดียว หวังหลินดูเหมือนเอาทุกอย่างจากที่นี่ไป แม้กระทั่งแท่นหินที่อยู่บนหลังเทพโบราณก็ยังเอาไปและเก็บเข้าใส่มิติเก็บของ
หวังหลินกลับมาบนแท่นระดับสามที่ขโมยมาจากหลิงตง เขาสะบัดแขนให้อสูรยุงนับแสนตัวที่เติบโตมาแล้วหนึ่งเท่าเข้าล้อมรอบจนดูเป็นภาพที่น่าตกตะลึง
สายตามองผ่านอสูรยุงออกไปยังสมาชิกเผ่าบัญชาโบราณทั้งสาม พวกเขาประคับประคองท่าเดียวกันนี้มานานนับตั้งแต่อดีตแล้ว
หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินไม่ได้เลือกเก็บพวกมันไป เขาหันตัวกลับมาและเหาะเหินไปพร้อมกับแท่นระดับสามผ่านรอยแยกที่ซ่อนตัวอยู่
พอออกมาจากดินแดนผนึกแห่งนี้ สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินคือหมอกหนาแน่น เหล่าอสูรยุงร้องคำราม เคลื่อนร่างทะลุหมอกเข้าไปจนหมอกปั่นป่วน
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและเกิดภาพในหัว หลังจากหาเส้นทางสู่ส่วนลึกของสุสานได้ ดวงตาส่องสว่าง แท่นระดับสามเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วระดับที่น่าตกใจ!
ขณะที่หวังหลินเดินทาง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้องในสายหมอกซึ่งข้างในเป็นอสูรร่างมนุษย์จำนวนมาก อย่างไรก็ตามพวกมันถูกเหล่าอสูรยุงฉีกกระชากเป็นชิ้นๆโดยไม่ได้เข้าใกล้หวังหลินเลย
กลิ่นคาวโลหิตล้อมรอบหวังหลินแต่เขาก็เดินทางไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่ง
ระหว่างทางหวังหลินพบเจอกลุ่มเซียนประมาณสามสิบคน นอกจากคนผู้หนึ่งที่มีแท่นระดับสองแล้ว คนอื่นๆมีแค่แท่นขนาดหมื่นฟุตเท่านั้น
แท่นของแต่ละคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพวกเขาระมัดระวังตัวกันอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามพวกเขายังถูกอสูรร่างมนุษย์ห้อมล้อมและกำลังพบกับความยุ่งยาก!
ระหว่างการต่อสู้นองเลือด สายหมอกพรั่งพรูออกและมีอสูรยุงขนาดยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งออกมา สายตาเย็นเยียบของมันมองเหล่าผู้คนที่ถูกล้อมรอบด้วยอสูรร่างมนุษย์เกือบหมื่นตัว
การปรากฏตัวของมันทำให้เหล่าเซียนทั้งสามสิบคนระมัดระวัง!
‘นั่นมันอสูรแบบไหนกัน?!’
“อสูรตัวใหม่ปรากฏตัว!!”
ขณะที่พวกเขาเริ่มอุทานออกมา พลันหยุดชะงักลง สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่ทำให้พวกเขาหยุดก็คือหลังจากอสูรยุงตัวแรกปรากฏตัว ก็มีอีกมากมายพุ่งออกมาจากสายหมอก!
ด้านหลังกลุ่มอสูรยุงจำนวนมากเป็นแท่นหินขนาดยักษ์ราวสามหมื่นฟุต! บนแท่นหิน มีหวังหลินนั่งอยู่ เรือนผมสีขาวและชุดสีขาวจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทีเยือกเย็น
“แท่นระดับสาม!” ชายชราที่ยืนอยู่บนแท่นระดับสองพลันหดสายตาเล็กลง
แท่นที่อยู่ใต้หวังหลินหยุดลงและเขายกแขนขึ้น อสูรยุงนับแสนรอบๆต่างส่งเสียงร้องคำรามอย่างตื่นเต้นและพุ่งใส่อสูรร่างมนุษย์นับหมื่น พวกมันเริ่มฆ่าสังหารจนทำให้ความคิดเซียนรอบๆตกตะลึง
อสูรร่างมนุษย์พวกนี้ไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ต่อเหล่าเซียน พวกมันยังมีประโยชน์ต่ออสูรยุงอีกด้วย!
อสูรยุงมากกว่าสิบตัวพุ่งโจมตีอสูรร่างมนุษย์เพียงตัวเดียว เกิดเป็นเหตุการณ์ นองเลือดที่เหล่าเซียนสามสิบคนได้แต่จ้องมอง การต่อสู้จบสิ้นลงในพริบตาแต่มี อสูรยุงเกือบหมื่นตัวตายลงไป อย่างไรก็ตามพลังชีวิตของอสูรร่างมนุษย์นับหมื่นถูกแบ่งใส่พวกที่ยังเหลืออยู่ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากฆ่าอสูรร่างมนุษย์หมื่นตัวไปในเพียงเวลาสั้นๆ อสูรยุงไม่ได้สลายไปไหน พวกมันจ้องมองเหล่าเซียนสามสิบคนด้วยสายตากดขี่
ราวกับว่าหากหวังหลินแค่ชี้นิ้ว พวกมันคงพุ่งออกไป
“ข้าช่วยเจ้าทำลายอสูรพวกนี้ เจ้าแค่ต้องส่งแท่นระดับสองมาให้ข้า!” หวังหลินจับจ้องไปทางชายชราที่อยู่บนแท่นระดับสอง
ชายชราสีหน้ามืดมน มองดูราวกับกำลังคาดคะเนบางอย่าง ครู่ต่อมาเขากระโจนออกจากแท่น ขณะเดียวกันแท่นนั้นก็พุ่งหาหวังหลิน เหล่าอสูรยุงหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว
หวังหลินกวาดสายตาผ่านแท่นหินไป บนแท่นนั้นมีอักขระเวทย์อยู่ทั้งสิ้นสามร้อยสิบสองแห่ง เขาสะบัดแขนทำให้แท่นระดับสองสั่นเทา อักขระเวทย์ทั้งหมดลอยออกมาร่อนลงใส่แท่นระดับสามของหวังหลิน
แท่นที่สูญเสียอักขระเวทย์ไปเกิดสั่นเทาและหดเล็กลงจนกระทั่งแตกสลายในที่สุด
ตอนนี้บนแท่นของหวังหลินมีอักขระเวทย์มากกว่าเก้าร้อยชิ้นแล้ว มันสีม่วงเข้มจนแทบจะเป็นสีดำ มันเริ่มแสดงอาการว่าจะพัฒนาไปถึงแท่นระดับสี่
“ยังเป็นระดับสาม อีกแค่ไหนมันถึงระดับสี่…น่าจะอีกไม่ไกล…” หวังหลินไม่ให้ความสนใจเหล่าเซียนพวกนี้อีกและเหาะเหินออกไปอย่างรวดเร็ว!
อสูรยุงที่ล้อมรอบเหล่าเซียนได้ผ่านพวกเขาไปและกลับสู่ด้านข้างหวังหลิน พวกมันค่อยๆหายตัวออกไปไกล
เซียนทั้งสามสิบคนต่างมีท่าทีมืดมนพร้อมกับมองดูทิศทางที่หวังหลินจากไป
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจ “โจวกง แม้จะมี อสูรประหลาดจำนวนมาก หากเราต่อต้านด้วยกำลังทั้งหมด เราอาจจะรอดได้!”
“คนผู้นั้นมีแท่นระดับสาม เขาจะอ่อนแอได้อย่างไร? เขายังมีอสูรพวกนั้นอีก แม้เราจะร่วมมือกันก็คงบาดเจ็บสาหัสเสียเอง มันไม่คุ้ม…” ชายชราที่เคยเป็นเจ้าของแท่นระดับสองพลางส่ายศีรษะ
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว เขากำลังจะเอ่ยขึ้นมาแต่กลับเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในทันที
ทันใดนั้นหวังหลินที่ยังไปได้ไม่ไกลพลันเกิดร่างกายสั่นเทา เขามองกลับไปยัง กลุ่มเซียนและหรี่ตาแคบ อสูรยุงรอบตัวเขาทั้งหมดสั่นเทาและล่าถอย แม้กระทั่งเสียงมันยังมีแต่ความตื่นตระหนก
หมอกข้างใต้เหล่าเซียนพรั่งพรูอย่างบ้าคลั่งและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง หลังจากนั้นไม่นานมีแขนข้างหนึ่งหนาหนึ่งแสนฟุตพุ่งออกมาจากสายหมอก!
ราวกับมียักษ์อยู่ใต้หมอกที่ยื่นมืออกมา นิ้วมือราวกับภูเขาหลายลูกและล้อมรอบเซียนเหล่านี้ไว้ทันที สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาลแต่ไม่มีเวลาตอบสนองและถูกจับได้ในทันที!
แท่นหินข้างใต้พวกเขาพังทลายจนเกิดเสียงดังปัง เศษก้อนหินกระจัดกระจายและถูกแขนยักษ์นั้นจับได้ทุกคน
จากนั้นแขนก็กลับลงไป หายวับไปในสายหมอก
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา! แค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น!
ผ่านไปสักพักหมอกก็ค่อยๆสงบลงและทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
หากหวังหลินไม่เป็นพยานเห็นกับตาตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อว่าเหล่าเซียนนับสามสิบคนเคยอยู่ที่นี่เมื่อครู่…
หวังหลินขบคิดเงียบๆ แววตากะพริบเย็นเยียบ แขนยักษ์ข้างนั้นทำให้ความคิดเขาสั่นเทา เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายคุ้นเคยเกี่ยวกับเทพโบราณข้างในแขนนั้นได้ อย่างไรก็ตามมันเกิดขึ้นชั่ววูบและหายไปอย่างรวดเร็ว หวังหลินไม่มีเวลาพอจะตรวจสอบกลิ่นอายนั้นเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเขามองออกว่าพลังการคว้าจับนั้นไม่สามารถต่อต้านได้!
“ปลอกคอสุสานบัญชาโบราณ…” แววตาเย็นเยียบของหวังหลินหายไป ที่แห่งนี้ลึกลับยิ่งขึ้นจนหยั่งไม่ถึง
หวังหลินถอนสายตาและระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม เขาเคลื่อนร่างไปข้างหน้าตามแผนที่ในใจอย่างรวดเร็ว
“หากแผนที่นี้ถูกต้องจะมีดินแดนผนึกอีกแห่งตรงหน้าและมันเปิดขึ้นแล้ว มี จิตวิญญาณเต๋าระดับสี่อีกตัวผนึกอยู่ด้วย…หากข้าไปถึงที่นั่น หมายความว่าข้าไปทิศทางถูกต้องและสามารถเข้าไปในส่วนลึกของสุสานได้!”
“ยังมีเด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกอยู่ด้วย ข้าลอบทิ้งอักขระใส่นางและข้าสัมผัสได้ว่านางอยู่ข้างหน้า…ข้าต้องใช้นางให้เป็นประโยชน์ ต้องหาให้ได้ว่านางไม่ตายสองครั้งได้อย่างไร…หากข้าได้พลังนี้…” หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้น
ห่างจากหวังหลินออกไปไกลในดินแดนผนึกแห่งนั้น ตอนนี้มีการต่อสู้นองเลือดอยู่! ร่างทั้งสองกำลังต่อสู้กันจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง
ด้านล่างทั้งสองมีเหล่าเซียนเกือบร้อยคนกำลังเข่นฆ่ากัน เด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกเต็มไปด้วยจิตสังหาร มีคนมากกว่าสิบคนทั้งตายและบาดเจ็บอยู่รอบตัว
“เมียวหยิน เจ้ากล้าขโมยจิตวิญญาณเต๋าของข้าได้อย่างไร? ร่างดั้งเดิมของข้าจะล้างบางเข้าไปในทะเลสำเนียงและจะต่อสู้กับร่างดั้งเดิมของเจ้าจนตาย!”
“เฒ่าพิษเดียวดาย เจ้ามาที่นี่ด้วยเสี้ยววิญญาณเท่านั้น ส่วนข้ามาด้วยร่างอวตาร เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว เมื่อข้าฆ่าเสี้ยววิญญาณเจ้าได้ เจ้ายังกล้าเข้าไปในทะเลสำเนียงอีกหรือ? น่าขันเสียจริง!”
“เจ้ามีนิสัยประหลาด ไม่มีใครนอกจากนกเฒ่านั่นที่ไม่ได้ออกมาจากดินแดน ตกสวรรค์แล้วจะเป็นสหายเจ้าได้ ไม่มีใครที่นี่จะช่วยเจ้าหรอก ทำไมเจ้าต้องขโมย จิตวิญญาณเต๋าไปจากข้าด้วย?”