Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1458

Cover Renegade Immortal 1

1458. สันนิษฐาน

กระบี่โลหิตส่งเสียงหวีดหวิวและทะยานเข้าหาพื้นดินดุจสายฟ้าฟาด เพียงแค่กระบี่พุ่งลงไปกลับเกิดเสียงคำรามกึกก้องออกมาจากพื้น

รอยแตกละเอียดขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาบนพื้นและมีแสงสีม่วงโผล่ออกมา มองไกลๆมันดูเหมือนพื้นดินที่ซ่อนดวงอาทิตย์สีม่วงเอาไว้!

พื้นดินพังทลายอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงดังลั่นจนเกิดเป็นหลุมเว้าขนาดใหญ่ หลุมเว้านี้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแสงสีม่วงกะพริบรุนแรง ผิวหน้าพื้นดินแตกหักจนเผยสิ่งที่อยู่ด้านล่าง!

อสรพิษสีม่วงขนาดหลายพันฟุตโผล่ออกมาจากใต้ดิน ด้านหน้าลำตัวของมันไม่มีหัว มีเพียงรอยแตกที่ยิงพิษสีม่วงเข้าใส่กระบี่โลหิต

เกิดเป็นเสียงดังปังรุนแรง กระบี่โลหิตแทงทะลุผ่านพิษม่วงเข้าไปและตรงเข้าใส่รอยแตกบนตัวอสูร จากนั้นทะลวงผ่านไปทั้งร่างของมัน

เสียงกรีดร้องดังระงมออกมาจากพื้น กระบี่โลหิตกู่ร้องพลางกะพริบวูบวาบผ่านพื้นดิน หวังหลินสร้างผนึกและสะบัดแขน เกิดเป็นตราประทับฝ่ามือขนาดยักษ์และพุ่งใส่ด้านล่าง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา วินาทีที่ฝ่ามือปรากฏขึ้นมา มันจึงดูดซับพลังดั้งเดิมมากมายจนเกิดเป็นสายลมกรรโชกรุนแรงและร่อนลงใส่พื้นดิน

พื้นดินสั่นเทา ต้นไม้แห้งเหี่ยวจำนวนมากแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกไปทุกทิศทาง เมื่อฝ่ามือร่อนลงบนพื้น มันจึงเกิดเป็นคลื่นกระแทกดังสนั่นไปทั่วผืนดิน

‘ยังไม่ออกมาอีก?’ แววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบ

ขณะที่ฝ่ามือร่อนลงไป พื้นดินเริ่มพังทลาย ดินโคลนสลายกลายเป็นฝุ่น เมื่อชั้นดินแตกสลายจึงเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ขึ้นมา

ส่วนหนึ่งของกะโหลกสีขาวเทาจึงเผยออกมาใต้ผืนดิน มันคือส่วนของตาข้างขวา!

กะโหลกชิ้นนี้มีขนาดใหญ่มากและครอบครองพื้นที่ทั้งหมดใต้ผืนป่า มีอสูรคล้ายอสรพิษกำลังร้องคำรามและพุ่งออกมาจากเบ้าตาขวา

หวังหลินลอยตัวขึ้นไปในอกาาศ ซึ่งเขาสามารถมองเห็นอสูรสี่ตัวได้ชัดเจนและเห็นก้อนบวมๆขนาดยักษ์อยู่ข้างใน

อสูรทั้งสี่คือหนวดสี่เส้นปัดป่ายไปมาจากก้อนบวมๆนั้น!

มันคล้ายกับอสรพิษพิฆาตจันทร์แต่ก็ไม่ใช่อสรพิษพิฆาตจันทร์!

ตอนที่หวังหลินตรวจสอบต้นไม้แห้งเหี่ยว เขารู้ว่ามีกะโหลกขนาดยักษ์ฝังอยู่ด้านล่าง ทั้งป่าผืนนี้กำลังเติบโตบนหัวกะโหลก!

หวังหลินสัมผัสถึงพลังชีวิตอันแข็งแกร่งด้านล่างได้และจึงได้โจมตี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทะยานขึ้นสู่อากาศและโจมตีก่อนโดยไม่ลังเล

ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินตอนนี้ เขามีพลังความสามารถในการต่อสู้กับอสรพิษฆาตจันทร์จากดาราจักรทุกชั้นฟ้าได้แล้ว อย่างน้อยๆเจ้าอสูรที่คล้ายอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้กลับอ่อนแอยิ่งกว่า!

แม้กระทั่งหลิงตงซึ่งเกือบบรรลุขั้นที่สามยังกลายเป็นทาสรับใช้เขา นั่นแสดงให้เห็นว่าหวังหลินเติบโตขึ้นมาขนาดไหนและแข็งแกร่งแค่ไหน!

ตอนนี้หวังหลินสงบนิ่งและทะยานลงไปด้านล่างดุจสายฟ้า พริบตาเดียวหวังหลินก็มาถึงข้างๆอสูรหนวด เปลวเพลิงเก้าสีเผาไหม้อยู่ในตาซ้ายหวังหลิน เพียงแค่เขาสะบัดแขนก็มีพายุเพลิงพุ่งออกมาล้อมรอบอสูรหนวดทั้งสี่ตัวเอาไว้

ขณะที่เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เสียงปะทุดังกึกก้องขึ้นทันที

เสียงกรีดร้องดังระงมพร้อมกับเปลวเพลิงแพร่กระจายเข้าสู่ส่วนลึกของกะโหลกไปยังร่างหลัก กระบี่โลหิตเรืองแสงกะพริบวูบวาบเพื่อสร้างความเสียหายขนาดใหญ่ต่อไป

เสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังสนั่น แสงสีม่วงพลันกะพริบอย่างรุนแรง ก้อนบวมๆที่ซ่อนอยู่ข้างในกลับหดตัวลงมากขึ้นจนเปลี่ยนกลายเป็นลำแสง มันกำลังหนีขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อก้อนบวมนั้นปรากฏมันจึงเผยร่างออกมา มันคือก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่มีหนวดจำนวนมากรอบตัวและยังปลดปล่อยกลิ่นเหม็น มันดูคล้ายกับอสรพิษพิฆาตจันทร์เพียงแต่มันไม่ได้เปล่งพลังเทพโบราณ หวังหลินคิดว่ามันคืออสรพิษพิฆาตจันทร์ที่กลายพันธุ์!

หวังหลินแววตาเย็นเยียบ อักขระสายฟ้ากะพริบใสตาขวาและโผล่ขึ้นมา พริบตานั้นท้องฟ้าปกคลุมด้วยวังวนสายฟ้าขนาดยักษ์ อักขระสายฟ้าเข้าบดบังท้องฟ้าและตกลงใส่ก้อนเนื้อทันที

สายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดลงใส่ก้อนเนื้อไปด้วยกัน

ผ่านไปสามลมหายใจ อักขระสายฟ้าล้อมรอบก้อนเนื้อ มันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้องจนเกิดการพังทลายและไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว

หลังจากสังหารก้อนเนื้อประหลาดนี้ไป หวังหลินมองดูกะโหลกที่อยู่ใต้พื้นดิน เขาค่อยๆทะยานลงไปและร่อนลงบนกะโหลก สะบัดแขนคราเดียวพื้นดินก็สลาย พริบตาเดียวป่ามากกว่าครึ่งก็หายวับไปกับตา

พื้นดินถูกลอกไปทีละชั้น เผยให้เห็นศีรษะขนาดยักษ์ที่ถูกฝังมานานไม่รู้วันเวลา!

ส่วนหัวนี้มีขนาดใหญ่มาก ที่เผยออกมาให้เห็นเพียงแค่ครึ่งส่วนเท่านั้น บนหัวกะโหลกมีรอยดวงดาวเก้าดวง แต่ดวงที่เก้าและดวงที่สองพร่ามัว

‘เทพโบราณเก้าดาว!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและสูดหายใจลึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอซากศพของเทพโบราณเก้าดาว หวังหลินมองดูกะโหลกและเริ่มขบคิด เขาเห็นได้ทันทีว่าตำแหน่งของรูปปั้นนั้นครอบคลุมทั้งหัวกะโหลก เป้าหมายของรูปปั้นเจ็ดสีคือผนึกศีรษะของเทพโบราณเก้าดาว ในแววตาหวังหลินเกิดความเศร้า เขาก็เป็นเทพโบราณ และเมื่อเข้าสู่สุสานยังมาเจอเหล่าเทพโบราณตายไปกันมากมาย อารมณ์ความรู้สึกอธิบายไม่ถูกจากการเห็นศีรษะเทพโบราณเก้าดาวนี้ได้ทำให้เกิดความเศร้าท่วมท้นในใจเขา

‘แม้กระทั่งเหล่าเทพโบราณเก้าดาวก็ตาย?’ หวังหลินค่อยๆมาถึงใจกลางหน้าผากของเทพโบราณ หมอบลงและสัมผัสดวงดาว มีพลังเทพโบราณเหลืออยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่สูญหายไปตามกาลเวลา พอสัมผัสกะโหลกไปจึงยากยิ่งที่หวังหลินจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เทพโบราณร่างยักษ์ถูกเซียนเจ็ดสีสังหารและ ตัดศีรษะออกไป รูปปั้นเจ็ดสีถูกวางเอาไว้เพื่อผนึกศีรษะ ขณะที่เวลาผ่านไปจึงเกิดฝุ่นผงมารวมตัวกันและเกิดดินโคลนขึ้นรอบๆศีรษะ ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงเริ่มมีต้นไม้เติบโตขึ้นและมันค่อยๆกลายเป็นป่า หวังหลินขบคิดเงียบๆพลางมองดูกะโหลกด้านล่างและขมวดคิ้ว

พลังอำนาจของเทพโบราณเก้าดาวถือว่าเหนือจินตนาการ ร่างกายยังมีขนาดใหญ่ยิ่ง ไม่มีทางที่มันจะขนาดเท่านี้เว้นแต่เทพโบราณจะระงับขนาดตัวเองเอาไว้!

‘บางที…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ร่างกายกะพริบวาบ! เขาทะยานผ่านรูเบ้าตาและเข้าสู่หัวกะโหลก สถานที่แห่งนี้ขนาดใหญ่มาก หลังจากนั้นสักพักหวังหลินก็เดินออกมาพร้อมกับเศษกระดูกขนาดเท่าท่อนแขน

‘สามบททดสอบเจ็ดหายนะของเหล่าเทพโบราณ เขาถูกสังหารขณะที่กำลังอยู่ในบททดสอบที่สอง’ หวังหลินนั่งมองดูเศษกระดูกในมือและขบคิด

‘สุสานบัญชาโบราณเป็นแบบไหนกัน? ใครสร้างขึ้นมาและมีจุดประสงค์อะไร?’ หวังหลินคิดและนึกย้อนไปถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากเขาเข้ามา เทพโบราณนั้นมีตัวตนอันลึกลับยิ่ง แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ อย่างไรก็ตาม เขานึกถึงฉากเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงที่เห็นจากจิตวิญญาณแห่งเต๋า

‘ยกระดับเต๋าสวรรค์ด้วยเม็ดยาเต๋าไม่ใช่วิธีที่ดี…ข้าต้องหาทางอื่น…เพื่อทำให้ เต๋าสวรรค์ที่ข้าขโมยมาเติบโตได้เร็วขึ้น…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขายังคงขบคิด จากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าเซียนเจ็ดสีได้ขโมยเต๋าสวรรค์มาแต่เขาไปขโมยมาจากใครและที่ไหน? ไม่มีทางที่หวังหลินจะรู้เรื่องนี้ สิ่งที่เขาให้ความสนใจคืออีกวิธีในการยกระดับเต๋าสวรรค์

‘วิธีอื่น’ หวังหลินมองกะโหลกด้านล่างและความคิดบ้าๆผุดขึ้นในใจ

‘สมมติว่าเซียนเจ็ดสีคนนั้นคือจักรพรรดิสวรรค์โบราณ ก่อนที่เขาจะได้ลูกปัด ฝืนลิขิตฟ้ามา เขาขโมยเต๋าสวรรค์และจำเป็นต้องยกระดับมันด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าการยกระดับมันด้วยจิตวิญญาณเต๋าเป็นเรื่องยากเกินไปจึงได้วางกับดัก!’ หวังหลินดวงตาเริ่มส่องสว่างขึ้นและวิเคราะห์ต่อไป เขาจำได้ชัดเจนว่าวิหครุ่นแรกได้กล่าวถึงบ้านเกิดของเหล่าเทพโบราณ แม้พวกเขาไม่ใช่จ้าวผู้ปกครองดาราจักร แต่เหล่าเทพโบราณก็กล้าต่อต้าน

วิหครุ่นแรกเอ่ยมาชื่อหนึ่งนั่นคือ บัญชาโบราณเย่โม่

‘ทำไมไม่ใช่ ‘เทพโบราณเย่โม่’ ‘มารโบราณเย่โม่’ หรือ ‘ปีศาจโบราณเย่โม่’ แต่กลับเป็น ‘บัญชาโบราณ’? หรือว่าชื่อนี้บ่งบอกว่าเย่โม่ไม่ใช่เทพ มารหรือปีศาจ แต่เป็นบัญชาโบราณ?’

‘ตอนที่ข้าบรรลุขั้นเทวะในดินแดนวิญญาณปีศาจ ปีศาจโบราณต้าเจียบอกว่า บัญชาโบราณคือสิ่งมีชีวิตฝืนลิขิตสวรรค์รุ่นแรก และพวกเขาได้ให้กำเนิดกลุ่มฝืนลิขิตสวรรค์รุ่นที่สองในเวลาต่อมา’

‘ยังมีผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ที่ปรากฏตัวตอนอายุขัยของหวานเอ๋อร์ถึงจุดจบด้วย มันคือเทพโบราณที่โดนผนึกไว้อย่างเห็นได้ชัด ยังมีผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ที่ปรากฏตัวในเผ่าสายฟ้ากระจายอีก ตอนที่ข้าทำลายแขนมัน มันสังเกตได้ว่าข้าคือเทพโบราณและเรียกข้าว่า ‘ผู้ทรยศแห่งเต๋าสูญสิ้น’ ’ ลมหายใจของหวังหลินเริ่มไม่เป็นจังหวะและเขาคาดเดาบางสิ่งได้เลือนลาง

‘ผู้ทรยศแห่งเต๋าสูญสิ้น เต๋าสวรรค์ตายไปแล้ว ผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์เรียกเผ่าที่ข้าสังหารว่าเต๋าดับสูญ แต่ใครคือดับสูญ? หรือจะเป็นเซียนเจ็ดสีที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์โบราณ ทั้งยังเป็นอาจารย์ของวิหครุ่นแรกด้วย?’

‘แต่หากเรื่องนี้เป็นความจริง ยังมีหลายอย่างที่ไม่มีเหตุมีผล ทำไมผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ถึงเป็นเทพโบราณไปได้? เต๋าสวรรค์ตายไปแล้ว แต่มันคือสิ่งใดเล่า? มันคือตัวตนแบบไหนและเกี่ยวข้องอะไรกับโลกนี้? การบ่มเพาะ ฝึกเซียน หรือว่าสิ่งที่เราฝึกฝนทั้งหมดนี้คือเต๋าสวรรค์ที่อาจจะตายหรืออาจไม่ได้ตายน่ะหรือ?’ แววตา หวังหลินเกิดความสับสน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version