Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1628

Cover Renegade Immortal 1

1628. ทัณฑ์อัศจรรย์จริง

เปิดฝ่ามือคือเหตุแห่งกรรม หุบฝ่ามือคือผลแห่งกรรม ประทับเวรกรรมพุ่งออกไปและแท่นเกิดการสั่นไหว สองหัวมุมที่โผล่ออกมาจากรอยแยกถึงกับเกิดเสียงดังปังรุนแรง

สองหัวมุมเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ จากนั้นก็แตกสลาย เศษนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายและถูกเปลวเพลิงเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน

หากแค่สองหัวมุมแตกสลายก็คงไม่น่าประหลาดใจ แต่ภายใต้การโจมตีของประทับเวรกรรม ไม่เพียงแต่สองหัวมุมที่แตกสลาย แม้แต่สี่กระบี่รอบๆ ร่างนั้นยัง สั่นเทาและส่งเสียงซี่ๆ โหยหวน

ควันสี่แห่งเสมือนกลิ่นอายได้ถูกหวังหลินแยกออกมาจากกระบี่สี่เล่ม พวกมันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่มองเห็นด้วยสัมผัสวิญญาณ จากนั้นลอยเข้าหาฝ่ามือหวังหลินและถูกจับเอาไว้

ขณะที่สี่กลิ่นอายหายไป สี่กระบี่ที่หวังหลินหวาดหวั่นเมื่อคราวนั้นจึงสูญเสียความเงา พวกมันเสมือนกระบี่ธรรมดาที่ไม่มีจิตวิญญาณ

อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบแค่นี้ ไม่มีสิ่งใดที่มีแก่นแท้จะเล็ดรอดประทับเวรกรรมไปได้ เนื่องจากวิชานี้เหนือล้ำเป็นอย่างยิ่ง คนธรรมดาทั่วไปไม่มีคุณสมบัติพอที่จะหลีกเลี่ยง แม้แต่เซียนขั้นที่สามยังต้องหวาดกลัว

แท่นด้านหน้าสั่นสะท้านรุนแรง กลิ่นอายถูกขับออกมา มันเริ่มสั่นเทารุนแรงขึ้นและเกิดรอยแตกร้าวเสมือนใยแมงมุมขึ้นทั่วแท่นพิธี

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา ขณะที่หวังหลินหุบมือเข้าไป แววตากะพริบเย็นเยียบ

“แตกสลาย!”

เพียงคำเดียว เสียงดังลั่นออกมาจากแท่น แม้กระทั่งอีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้ออกมาจากรอยแยกยังต้องแตกสลาย

เศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนเปลี่ยนกลายเป็นพายุ แต่วินาทีที่พายุก่อตัวขึ้นมามันกลับถูกเพลิงรอบด้านกลืนกินจนสิ้น

เสียงคำรามดังออกมาจากในแท่นที่แตกสลาย ร่างเลือนลางที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นได้หันมามองขึ้นไปและพุ่งออกมา มันทะยานผ่านทะเลเพลิงและพุ่งใส่หวังหลิน

ร่างนี้ยังคงพร่ามัว แม้หลังจากพุ่งออกมาได้ก็ยังไม่อาจเห็นรูปลักษณ์ได้ชัดเจน ร่างนั้นยกแขนขึ้นและดูเหมือนกำลังพึมพำเรียกใช้วิชา แขนขวาเรืองแสงสีเหลืองและตบเข้าหาหวังหลิน

“ชีวิต!” หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น เขาไม่ได้หลบเลี่ยงหรือซ่อนตัว เพียงสะบัดแขนให้ควันสีขาวล้อมรอบแขนซ้ายพลางเผชิญหน้ากับฝ่ามือเหลืองข้างนั้นโดยตรง สองฝ่ามือเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ร่างนั้นถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว

พลังชีวิตทั่วไปไม่ได้มีความสามารถในการทำความเสียหายมากมายนัก แต่หวังหลิน รู้แจ้งแก่นแท้แห่งชีวิตและความตาย พลังชีวิตที่ใช้อยู่ตอนนี้เสมือนการช่วยให้เกิดความตาย

“เจ้ากล้าโจมตีข้าด้วยความแข็งแกร่งแค่นี้หรือ?” หวังหลินเคลื่อนไหวและปรากฏตัวเบื้องหน้าร่างที่กำลังถอย แขนขวายกขึ้นมาให้ควันสีดำห่อหุ้ม กดฝ่ามือขวาลงบนหน้าอกอีกฝ่าย

“ตาย!” ขณะที่กดลงไป ควันสีดำในแขนขวาจึงพุ่งเข้าไปในร่างและกระตุ้นพลังชีวิตที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้ กลิ่นอายแห่งชีวิตและความตายข้างในจึงเสร็จสิ้นกระบวนการและกลายเป็นผนึกแห่งชีวิตและความตาย!

เมื่อผนึกแห่งชีวิตและความตายสมบูรณ์แบบ เสียงดังสนั่นขึ้นมาในร่างเลือนลางนั้น มันเริ่มสั่นเทาและร่างกระเด็นออกไป แม้แต่ความพร่าเลือนรอบตัวมันยังหายไปเล็กน้อยจนเผยความหวาดกลัวและไม่เชื่อสายตา ผนึกแห่งชีวิตและความตายทำให้เกิดกลิ่นอายปั่นป่วนขึ้นในร่างจนร่างเขาต้องแตกสลาย

ผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ที่เคยทำให้หวังหลินพบกับความลำบากก่อนหน้านี้ บัดนี้ช่างอ่อนแอจนมิอาจทนได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ

“ทัณฑ์สวรรค์ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงมาลงทัณฑ์กับข้า?” คำพูดของหวังหลินสงบนิ่ง แต่แพร่กระจายออกมาจากสายหมอกเข้าสู่หูของจ้าวเมฆาใต้ ซือถูหนานและเหล่าเซียนนับพันด้านนอก

เพียงแค่ประโยคเดียวก็มากพอให้โลหิตของเซียนดินแดนชั้นในต้องเดือดปุดๆ ประโยคนี้แสดงความโอหังยิ่งแต่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม!

หวังหลินอดทนมามากกว่าพันปีเพื่อเอ่ยประโยคนี้ ตั้งแต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์แรกในดินแดนวิญญาณปีศาจ อดทนมาจนถึงวันนี้ วันที่เขามีคุณสมบัติพอจะชี้ฟ้าและถามว่ามีสิทธิ์อะไรมาลงทัณฑ์!

สวรรค์มีสิทธิ์อะไรถึงแย่งชิงลี่มู่หวานไป!

สวรรค์เป็นใครถึงมีสิทธิ์ไปลงโทษคนอื่น!

สวรรค์เป็นใครถึงมีสิทธิ์กลายเป็นสวรรค์!

สายฟ้าส่งเสียงดังลั่นออกมา ก้อนเมฆขนาดหนึ่งล้านลี้ดูเหมือนโกรธเกรี้ยว เสียงคำรามดังสนั่นจนความคิดสั่นเทากำลังโผล่ออกมาจากรอยแยก

ขณะที่เสียงรุนแรงขึ้น ก้อนเมฆก็เริ่มหมุน เสียงคำรามหนักแน่นและเกิดแรงกดดันทรงพลังแพร่กระจาย

ร่างเลือนลางนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในก้อนเมฆ ร่างเหล่านี้ดูเหมือนดวงวิญญาณและส่งเสียงร่ำไห้คร่ำครวญ

พริบตาเดียวร่างภูตผีเหล่านั้นจึงเต็มไปทั่วบริเวณรอบๆ หวังหลิน ไม่นาน ร่างเหล่านั้นก็ชัดเจนและกลายเป็นใบหน้าที่หวังหลินคุ้นเคย

ใบหน้าเหล่านี้รวมถึงครอบครัวของเขา ลุงสี่ หวังจัว จางฮู่ หลิวเหมยและลี่มู่หวาน

ซึ่งรวมถึงเถิงยี่ เถิงฮว่าหยวน และคนที่เขาถือว่าเป็นศัตรู สหายหรือญาติๆ ทั้งหมดพุ่งมาหาหวังหลินจากทุกทิศทาง

ทั้งเสียงคำรามและเสียงเรียกอ่อนโยนเต็มไปทั่วก้อนเมฆและพุ่งเข้าสู่จิตใจหวังหลิน

หวังหลินขบคิดเงียบๆ พลางมองร่างที่กำลังใกล้เข้ามา เขาเห็นท่านพ่อท่านแม่เรือนผมสีขาวกำลังกอดกัน พุ่งเข้ามาใกล้ทั้งที่ตัวสั่น เขาเห็นหยาดน้ำตาในสายตาของพวกท่าน ทั้งสองยกมือเหี่ยวแห้งขึ้นมาราวกับต้องการสัมผัสใบหน้าเขา

เขาเห็นลี่มู่หวาน ลี่มู่หวานมีสายตาที่มีคราบน้ำตา แต่นางกลับยิ้มอย่างอบอุ่น นางปาดน้ำตาและเดินเข้าหาหวังหลินอย่างเงียบๆ

เขาเห็นหลิวเหมยผู้กำลังอุ้มทารกที่ห่อหุ้มด้วยควันสีดำ เสียงร้องของทารกแหลมคมและสามารถทิ่มแทงจิตใจได้

เขาเห็นเยอะมาก เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง

ฉากเหตุการณ์นี้ช่างสมจริงและถูกสร้างขึ้นจากทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้นจึงยากยิ่งที่จะบอกว่ามันจริงหรือไม่จริง มันส่งภาพมายาที่สามารถสลับสับเปลี่ยนระหว่างความจริงและภาพมายาได้ในพริบตา

เมื่อไหร่ที่เชื่อว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องโกหกและทำลายมันทั้งหมด หรือพบว่าทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริง ใครเล่าจะอยากทำลายวิญญาณของคนรักที่เหลืออยู่เป็นสิ่งสุดท้ายในโลกนี้!

ขณะที่หวังหลินขบคิดเงียบๆ มีร่างมากมายเข้ามาใกล้เขา พวกมันล้อมรอบและเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

หวังหลินถอนหายใจ มองดูร่างรอบกายอย่างลึกซึ้งและหลับตาลง

เขารู้แจ้งแก่นแท้แห่งจริงเท็จ ดังนั้นสิ่งนี้จึงไม่มีผลกระทบกับเขา เมื่อไหร่ที่เขาหลับตา ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเรื่องโกหก เมื่อไหร่ที่เขาลืมตา ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นจริง

เพียงแค่ถอนหายใจ หวังหลินหลับตาอีกครั้งและสะบัดแขนขวาเหมือนกับที่เขาทำให้ประตูดับสูญกลายเป็นฝุ่นผง เขาสะบัดร่างเหล่านั้นให้ออกไปซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ ฝุ่นผงกลับเป็นฝุ่นผง พื้นดินกลับเป็นพื้นดิน พวกมันจะกลับไปยังที่ที่จากมา

“ในเมื่อสวรรค์โหดเหี้ยมพอจะใช้วิธีเช่นนี้กับข้า เช่นนั้นข้าจะใช้แบบเดียวกัน! สวรรค์ จงลืมตาดูให้ดีและจงได้เห็นว่ามีผู้คนมากมายกว่าข้าแค่ไหนที่ร้องคำรามใส่สวรรค์!” หวังหลินลืมตา ชี้ใส่สวรรค์และร้องคำราม!

พลันปรากฏเต๋าแห่งจริงเท็จขึ้น!

ภายในก้อนเมฆดังสนั่น ขณะที่หวังหลินร้องคำราม ร่างมายาหลายร่างปรากฏขึ้นมา ร่างเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากเต๋าแห่งจริงเท็จของหวังหลิน หากบอกว่าจริง พวกเขาก็เป็นจริง แต่หากบอกว่าเท็จ พวกเขาก็เป็นเท็จ

ท่ามกลางร่างเหล่านี้มีโจวยี่ ผู้อุ้มร่างศพสตรีและร้องคำรามอย่างโหยหวนใส่สวรรค์…

ท่ามกลางร่างเหล่านี้มีป๋ายฟ่าน ผู้ชี้สวรรค์และหัวเราะเหมือนคนบ้า…

ท่ามกลางร่างเหล่านี้มีฉิงชุ่ย ผู้หวนคืนความทรงจำหลังจากตื่นขึ้นมาและร้องคำรามใส่สวรรค์…

ท่ามกลางร่างเหล่านี้มีต้าเสิน ผู้โอหังพอจะสาปแช่งใส่สวรรค์…

ท่ามกลางร่างเหล่านี้มีอีกหลายคน…

รวมถึงคนจากโลกเจ็ดล้านในเผ่าสายฟ้ากระจาย เหล่าเซียนนับไม่ถ้วนที่ตายไปและจิตวิญญาณแตกสลาย ผู้ร่ำร้องอย่างบ้าคลั่งตอนที่เขาเห็นสิ่งที่ตนเองเชื่อว่ามัน คือ สวรรค์

ร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในเต๋าแห่งจริงเท็จของหวังหลิน เสียงคำรามของพวกเขาได้ก่อเกิดทัณฑ์สวรรค์รูปแบบพิเศษขึ้นมา ทัณฑ์สวรรค์แห่งสวรรค์ได้ใช้ภาพมายาเข้าต่อสู้หวังหลิน ดังนั้นหวังหลินจึงทำแบบเดียวกัน เขาใช้เต๋าแห่งจริงเท็จเพื่อสร้างทัณฑ์สวรรค์นี้ขึ้นมาเป็นการตอบสนอง

ขณะที่เสียงคำรามดังสะเทือนใส่สวรรค์ พลังที่มองไม่เห็นผลักดันเข้าไปในรอยแยก ทว่ากลับไม่มีการตอบสนองออกมาและเสียงคำรามจากภายในไม่ถูกขัดขวาง

‘ไม่พอ…’ หวังหลินหลับตา แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปทุกทิศทาง พริบตาเดียวทั้งสัมผัสวิญญาณของเขาจึงข้ามกระจายไปทั่วดาราจักรฟ้ากระจ่าง เข้าไปในดาวเคราะห์เซียนแต่ละดวงและค้นเข้าไปในความทรงจำของวิญญาณดาว ทุกดวง…

นับตั้งแต่ยุคโบราณมา ทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในดาราจักรฟ้ากระจ่าง ไม่ว่าจะเป็น คนธรรมดาหรือเซียน ทั้งหมดส่งเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นพร้อมกับมองขึ้นไป ใส่สวรรค์ บางทีไม่มีใครเห็นและบางทีก็ตายอย่างโดดเดี่ยว แต่ดาวเคราะห์ที่พวกเขาใช้ชีวิตได้จดจำไว้ทั้งหมด

ยามนี้สัมผัสวิญญาณของหวังหลินสัมผัสมันได้ ก่อตัวด้วยเต๋าแห่งจริงเท็จ เปลี่ยนกลายเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่มีเป้าหมายมาใส่สวรรค์เสียเอง

รอยแยกที่เป็นตัวแทนของทัณฑ์สวรรค์จึงเกิดการสั่นเทาเป็นครั้งแรก เสียงคำรามที่ดังออกมาจากข้างในพลันหยุดชะงัก

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของก้อนเมฆ ผีเฒ่าจางดวงตาเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แววตาเต็มไปด้วยความโลภโดยไม่หลบซ่อน

‘มีโอกาสสามในสิบส่วนที่เขาคือ คนที่สาม!!’ ผีเฒ่าจางเลียริมฝีปาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version