Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1636

Cover Renegade Immortal 1

1636. เหล่าเทพที่เหลือ

หวังหลินค้นหาต่อไปในดวงอาทิตย์ดวงที่เก้า ท้ายที่สุดแม้จะพบเจอคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาจำนวนมาก เขากลับไม่พบฉิงชุ่ย ซือถูหนานและสตรีคนสำคัญที่สุดของเขา

เมื่อสัมผัสวิญญาณของหวังหลินกลับออกมา จึงลืมตาขึ้น แววตากะพริบความสับสนจนดูเหมือนตะลึงงัน

‘ทำไมโชคชะตาของซือถูหนานและฉิงชุ่ยไม่อยู่ที่นี่…พวกเขาไม่ได้เป็นของถ้ำนี้หรอกหรือ…’ หวังหลินสับสนหนักกว่าเดิม

เขานึกถึงตอนที่อยู่ในดินแดนเจ็ดสีที่อยู่ในดาราจักรฟ้ากระจ่าง เขาเห็นฉิงชุ่ยและเซียนสีรุ้ง เขาเห็นชีวิตของฉิงชุ่ยและสายตาสดใสอย่างประหลาดจากเซียนสีรุ้ง

‘สายตานั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไมโชคชะตาของฉิงชุ่ยไม่ได้อยู่ในอาทิตย์ดวงที่เก้า… ส่วนของซือถู… ข้ารู้เรื่องของซือถูหนานเยอะมาก… พรสวรรค์ของเขาไม่ธรรมดา ทุกครั้งที่ข้าเห็นเขา ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล… หรือนี่คือเหตุผลที่ทำไมโชคชะตาของเขาไม่ได้อยู่ในอาทิตย์ดวงที่เก้า?’ หวังหลินขบคิดเงียบๆพลางมองพื้นดินด้านล่าง เขาพอจะคว้าอะไรบางอย่างได้เลือนลางแต่ความคิดเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยสายหมอกจนมิอาจมองทะลุออกได้

‘รวมถึงของเทียนหยุนด้วย เขาเป็นคนที่เข้าใจยากเสมอ ข้ายังมองไม่ออกว่า เขาคิดสิ่งใด บางทีคงมีแต่เขาเองที่รู้… แม้ข้าจะมีระดับบ่มเพาะขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง ข้าก็ยังหวาดหวั่นเขา…เขามีความลับมากเกินไป นั่นทำให้ดู น่าหวาดหวั่น!’ หวังหลินมองดวงอาทิตย์เบื้องหน้า แววตากระพริบเย็นเยียบ

‘โชคชะตาของหวานเอ๋อร์นั้นแตกต่างจากของซือถูหนานและคนอื่นๆ มีร่องรอยอยู่ที่นี่ บ่งบอกว่ามันมีอยู่แต่ข้าหาไม่พบ ใครเป็นคนเอาโชคชะตาของหวานเอ๋อร์ไป?!’

หวังหลินเย็นเยียบยิ่งขึ้นจนหนาวเย็นสุดขั้ว ท้ายที่สุดเขาก็มองไปบนท้องฟ้า แววตาแปรเปลี่ยนเป็นจิตสังหาร

‘หวานเอ๋อร์เป็นเพียงสตรีธรรมดา โชคชะตาของนางไม่ควรผิดปกติ แต่ตอนนี้ มันถูกเอาไป ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้าหวังหลินขอสาบานในแดนสวรรค์โบราณแห่งนี้ว่าจะไปเอามันคืนมา หากมีใครกล้าเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนาง แม้จะเป็นแผ่นดินเซียนดารา ข้าก็จะไปล้างแค้นและชำระล้างแผ่นดินเซียนดาราด้วยโลหิตเหมือนดั่งตระกูลเถิง!!!’

จุดเดือดของหวังหลินคือหวานเอ๋อร์ การรู้ว่าโชคชะตาของหวานเอ๋อร์ถูกช่วงชิงไปทำให้รู้สึกเหมือนหัวใจเขาถูกควักออกมาจากหน้าอก หวังหลินจึงแทบบ้าคลั่ง!

ยิ่งเข้าใจมากขึ้น ยิ่งเจ็บปวดเหลือแสน ยามนี้หวังหลินก็เป็นแบบนี้ บางทีหากเขามีทางเลือก เขาคงเลือกจะไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง กลายเป็นคนธรรมดาและละทิ้งชีวิตนี้ไป

แต่ในเมื่อเขารู้แล้ว เขาจะไม่เลือกเส้นทางถอยหนี โชคชะตาของหวานเอ๋อร์ถูกเอาไป ดังนั้นเขาจึงต้องไปเอามันคืน การทำให้โชคชะตาของนางหลุดพ้นเหมือนกับเขาคือ ก้าวแรกในการคืนชีพ!

หวังหลินเข้าใจหลังจากเห็นโชคชะตาที่อยู่ในดวงอาทิตย์ดวงที่เก้า สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปคือการฟื้นคืนชีพลี่มู่หวานและทำให้นางตื่นขึ้น

จิตสังหารมหึมาในแววตาเขาลดน้อยลงและค่อยๆ ซ่อนเอาไว้ เขามีสีหน้าท่าทางมืดมนและก้าวเข้าหาพื้นดินโดยไม่ได้หันไปมองดวงอาทิตย์ดวงที่เก้า

รูปปั้นของสามเผ่าโบราณเต็มไปทั่วพื้นดิน สายลมพัดไปมาและเตะฝุ่นผงขึ้นจากพื้น ดินทรายปกคลุมไปทั่วโลกแห่งนี้

เพียงชำเลืองสายตามอง ไร้สิ้นชีวิตบนพื้นดิน มีเพียงหลุมและลำห้วยลึกระหว่างรูปปั้นแต่ละตน

หลุมเหล่านี้ถูกทิ้งไว้เนื่องจากเหตุสงครามครั้งใหญ่เมื่อนานมาแล้ว ลำห้วยทางยาวๆ ก็เช่นเดียวกัน มันเหมือนแผลเป็นที่ถูกทิ้งไว้บนผืนแผ่นดิน

ลมคำรามสามารถพัดพาฝุ่นผงบนผิวรอยแผลออกไปได้แต่ไม่สามารถพัดกลิ่นอายจากเหล่าวิชามากมายออกไปได้

หวังหลินร่อนลงบนยอดรูปปั้นเทพโบราณตนหนึ่ง เรือนผมสีขาวสะบัดพลิ้วในสายลม เสื้อผ้าพัดกระพือเสียงดัง สายตาหวังหลินค่อยๆ สงบนิ่งลง ผ่านไปสักพักจึงมองไปที่รูปปั้นด้านล่าง

เทพโบราณตนนี้ตายไปแล้ว แต่พลังประหลาดยังคงอยู่ข้างใน มันคือพลังที่ทำให้รูปปั้นตนนี้ตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อและกลายเป็นหุ่นเชิดที่สูญเสียสติ กลายเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์

‘สามเผ่าพันธุ์โบราณกลายเป็นองครักษ์ปกป้องถ้ำแห่งนี้ น่าสงสาร น่าเวทนา น่ารังเกียจ!’ หวังหลินส่ายศีรษะ เหยียบเท้าขวาไปบนรูปปั้น พอเขากระโจนขึ้นไปในอากาศ รูปปั้นส่งเสียงดังสนั่น เกิดรอยแตกร้าวตรงจุดที่หวังหลินเหยียบย่ำไปและ ปกคลุมไปทั่วรูปปั้น

รูปปั้นแตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายเต็มพื้น

‘ฝุ่นกลับเป็นฝุ่น แผ่นดินกลับคืนแผ่นดิน ในเมื่อเจ้าตายไปนานแล้วก็อย่ายื้อไว้อีกเลย การตายในสนามรบเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับคนแบบเรา!’ หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและก้าวไปข้างหน้า ทุกที่ที่เขาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นเทพโบราณ มารโบราณหรือปีศาจโบราณ ทั้งหมดล้วนแตกสลาย

‘หากข้าไม่ทำลายพวกเจ้าทั้งหมดในวันนี้ พวกเจ้าจะตื่นขึ้นมาอีกในอนาคต และขัดขวางโลกแห่งนี้ในฐานะหุ่นเชิด…’ หวังหลินถอนหายใจและสะบัดแขนขวา รูปปั้นมารโบราณตนหนึ่งแตกสลาย เศษเสี้ยวกระจัดกระจาย

ในขณะที่รูปปั้นทั้งสามเผ่าโบราณแตกสลาย กลิ่นอายของเหล่าเทพโบราณ มารโบราณและปีศาจโบราณจึงปรากฏขึ้นดุจควัน พวกมันก่อเกิดเป็นเงาเลือนลางไปทั่วผืนแผ่นดินนี้

เงาเหล่านี้เป็นรูปร่างของพวกมันตอนที่ยังมีชีวิต มีแม้กระทั่งที่บาดเจ็บ มีแววตางุนงง แต่ในไม่นานก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง พวกมันเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาก่อนจะโค้งให้หวังหลินและเปลี่ยนกลายเป็นควัน กลุ่มควันพุ่งเข้าหาหวังหลินและผสานเข้ากับเขา

หวังหลินเดินหน้าต่อไป รูปปั้นทั้งหมดพังทลาย ร่างเงานับไม่ถ้วนคำนับฝ่ามือให้เขาทั้งที่ยังเกิดอาการตกตะลึง ขณะเดียวกันพวกมันก็มีความเศร้าอยู่ลึกๆ

หวังหลินไม่พูดอะไรมากมายและเดินหน้าอย่างเงียบๆ เสียงดังสนั่นต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับร่างเงาที่โค้งตัวให้ กลิ่นอายไร้ขอบเขตของสามเผ่าโบราณเข้าสู่ดวงดาวกลางหน้าผาก ทั้งดวงตาซ้ายและดวงตาขวา

พื้นดินกว้างใหญ่ ขณะที่เสียงจากรูปปั้นดังกึกก้อง สายลมหวีดหวิวต่อไปราวกับเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ราวกับพวกมันกำลังพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีต

หลังจากผ่านไปไม่รู้ว่านานแค่ไหน รูปปั้นยักษ์ขนาดมากกว่าหมื่นฟุตปรากฏขึ้นตรงหน้า รูปปั้นตนนี้ตรงกลางหน้าผากมีอยู่เก้าดาว แม้ดวงที่เก้ายังคงพร่ามัวแต่มันก่อเกิดเป็นรูปเป็นร่างแล้ว รูปปั้นเทพโบราณตนนี้ใกล้จะได้รับดาวดวงที่เก้ามากที่สุด

มันยืนอยู่นิ่งพร้อมแขนขวากำหมัดและเหวี่ยงไปบนอากาศได้เพียงครึ่งทาง สีหน้าท่าทางของมันมีแต่ความเจ็บปวดและไม่ยินยอมที่จะกลายเป็นรูปปั้น

มันสวมชุดเกราะเรียบง่าย กระนั้นเกราะชุดนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้น

นี่คือเทพโบราณที่มีระดับสูงที่สุดที่หวังหลินเคยเห็น เพียงแค่หวังหลินยืนอยู่ เบื้องหน้ารูปปั้น เขาสัมผัสถึงอำนาจอันน่าตกตะลึงจากเทพโบราณตนนี้ได้อย่างเลือนลาง กำปั้นที่โผล่ออกมาครึ่งทางดูราวกับสามารถทะลวงเปิดโลกแห่งนี้และสังหารเซียนได้นับไม่ถ้วน

มันลืมตาเผยความต่อต้าน ตราบใดที่มองดูดวงตาของมัน ราวกับได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวออกมาจากในอดีต

พอยืนอยู่เบื้องหน้ารูปปั้น หวังหลินขบคิดชั่วครู่ คำนับฝ่ามือและจากนั้นสะบัดแขนใส่ รอยแตกร้าวผุดขึ้นมาเงียบๆ และปกคลุมทั่วทั้งรูปปั้น จากนั้นก็เริ่มแตกสลายเป็นเสียงดังสนั่น

ทว่าในขณะที่มันแตกสลาย ปรากฏวังวนหนึ่งขึ้นมาและหมุนติ้วอยู่ใจกลางของดาวทั้งเก้ากลางหน้าผาก

พื้นที่บริเวณกลางหน้าผากดูเหมือนหลอมละลาย เสียงคำรามแหลมดังออกมาจากในวังวน หวังหลินหรี่ตา วินาทีนั้นเขาสังเกตอะไรบางอย่างได้ จึงมองเข้าไปด้วยสายตาเย็นเยียบ

แขนเหี่ยวแห้งที่มีแต่น้ำเมือกกำลังพยายามยื่นออกมาจากวังวน กลิ่นอายมุ่งร้ายแผ่กระจายจากในวังวนด้วยเช่นกัน

กลิ่นอายนี้ออกมาจากแขนเหี่ยวแห้งข้างนี้ ราวกับมันคือตัวแทนแห่งความตายและอำนาจเหลือล้น แสงสีทองระเบิดออกมาจากแขนตามๆ กัน

เสียงคำรามแหลมรุนแรงยิ่งขึ้น แขนเหี่ยวแห้งคว้าเอาปลายขอบวังวนราวกับพยายามปีนออกมา มันคำรามดังชัดเจนและสั่นสะเทือนผืนแผ่นดิน

“เจ้าขัดขวางการหลับใหลของทวยเทพ เจ้าทำลายเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ฟื้นฟูพลังของข้า เจ้าได้ล่วงเกินอย่างใหญ่หลวง… ไม่ว่าเจ้าจะไปไหน เจ้าจะต้องตาย ตาย ตาย… ไม่เพียงแต่เจ้าจะตาย แต่คนในครอบครัวทั้งหมดของเจ้าก็จะต้องตาย! เจ้าทำลายเมล็ดพันธุ์การฟื้นฟูของข้า ดังนั้นเจ้าจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของข้า…เจ้า…”

“หนวกหู!” ก่อนที่เสียงนั้นจะทันได้เอ่ยจบ หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นและขัดจังหวะ เขาก้าวไปข้างหน้า สะบัดแขนขวาดุจสายฟ้าเพื่อคว้าแขนแห้งเหี่ยวข้างนั้น หวังหลินดึงคนผู้นั้นออกมาด้วยแววตาเย็นเยียบ

“เจ้ากำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวด ให้ข้าช่วยเจ้าออกมา! ออกไปจากขุมนรกแห่งนี้” หวังหลินร้องคำรามและดึงอย่างรุนแรง รูปปั้นแตกสลายอย่างสิ้นเชิง ร่างเปลือยเปล่าหนึ่งถูกดึงออกมา หวังหลินโยนไปบนพื้นอย่างรุนแรง

พื้นดินสั่นสะเทือน คลื่นกระแทกแผ่กระจาย หลุมขนาดยักษ์ผุดขึ้นบนพื้น หวังหลินพุ่งเข้าไปในหลุม!

“ตราบใดที่มีคนมีชีวิต นั่นก็ดีแล้ว ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นเทพหรือเป็นเซียน ข้าจะช่วงชิงความทรงจำของเจ้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version