Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1737

Cover Renegade Immortal 1

1737. จิตใจข้าปั่นป่วน

เมื่อหวังหลินเห็นดาวเคราะห์เริ่มหมุน บนหอคอยชั้นที่เก้านั้น ชายชราชุดทองซึ่งมีใบหน้าหมองหม่นพลันหายไปและกลับกลายเป็นรอยยิ้ม

“กงล้อจิตใจเก้าโคจร แม้แต่บนแผ่นดินเซียนดาราก็ยังมีน้อยคนนักที่สามารถทะลวงผ่านได้ ค่ายกลนี้เน้นอยู่ที่จิตใจ ยิ่งคล้อยตามมากเท่าไร ยิ่งทะลวงมันได้ ยากเท่านั้น!”

“เจ้าบอกว่าคนผู้นี้เจ้าเล่ห์และฉลาดยิ่ง ผ่านมาหลายปี ไม่เพียงแต่จะไม่ตาย ระดับบ่มเพาะยังเพิ่มขึ้นมหาศาล เขาต้องพบเจอสถานการณ์เป็นตายหลายอย่างจนทำให้จิตใจถูกขัดเกลาเหมือนเหล่าปีศาจ!”

“ยิ่งฉลาดแค่ไหนก็ยิ่งทะลวงมันได้ยากเท่านั้น! นี่เป็นแค่วงโคจรแรกเท่านั้น ต่อมายิ่งมีประโยชน์ต่อการสังหาร เมื่อมันโคจรครบเก้ารอบ เขาจะถูกขังไว้ตลอดชีวิตจนกระทั่งพลังความคิดมอดดับและตายลงไป!”

พอหน่าต้าวได้ยินเช่นนี้ จึงผุดรอยยิ้ม คำนับฝ่ามือให้ชายชราและเอ่ยกล่าว “มีท่านบรรพชนอยู่ที่นี่ คนผู้นี้ไม่สามารถหนีไปไหนได้แน่”

ชายชราชุดทองหัวเราะและมองไปที่แขนขวา ในสายตาแฝงความโหดเหี้ยม กระทั่งผ่านมาได้สักพักแล้วแขนขวาของเขายังรู้สึกเจ็บปวด แม้จะใช้พลัง ปราณสวรรค์ มันก็ยังไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้หมด

ด้านนอกดาวเคราะห์ มหาชั้นฟ้าซวนลั่วซึ่งสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา เขากำลังขมวดคิ้ว

‘พลังอำนาจของกงล้อจิตใจเก้าโคจรนั้นไม่มากไม่น้อย แต่คนที่ไม่เข้าใจมันถือว่าทำลายได้ยากมาก…ข้ากลัวว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถทะลวงออกมาได้…ช่างมันเถอะ ข้าจะเฝ้าดูอีกสักหน่อย หากเข้าถูกขังไว้จริงๆ ข้าจะช่วยออกมา’

มหาชั้นฟ้าซวนลั่วส่ายศีรษะเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะทะลวงค่ายกลของสำนักกุ้ยยี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้ แต่ในใจก็มีเศษเสี้ยวความหวังเล็กๆ

อย่างไรก็ตามความคาดหวังนี้น้อยมาก เมื่อเขาสังเกตเศษเสี้ยวความหวังนี้ได้ จึงหัวเราะออกมา

‘ข้าไม่ควรคาดหวังมากเกินไป…แม้แต่จักรพรรดิคนปัจจุบันก็ยังพุ่งเข้าไปใน ค่ายกลโดยไม่มีความรู้อะไรมาก่อน และเขาก็ยังถูกขัง!’

หวังหลินมีสีหน้าเคร่งเครียดพลางมองดาวเคราะห์เบญจธาตุ อย่างไรก็ตามยิ่งเขามอง มันก็ยิ่งหมุนเร็วขึ้น

ตอนเริ่มต้น มันหมุนอย่างเชื่องช้า แต่ตอนนี้มันเร็วยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ขณะที่หมุน หวังหลินรู้สึกในสายตาเกิดความเจ็บปวดเล็กๆ และเริ่มวิงเวียน เพียงไม่กี่ลมหายใจ พลังจิตใจของเขาถูกใช้ไปมหาศาล

การค้นพบนี้ทำให้จิตใจหวังหลินสั่นเทาและหลับตาลงอย่างไม่ลังเล ทว่าถึงแม้ จะหลับตา สัมผัสวิญญาณยังคงเห็นดาวเคราะห์หมุนโดยไม่หยุดชะงัก

‘นี่มันค่ายกลแบบไหนกัน?’ หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมา สีหน้าท่าทางมืดมน ไม่ว่าจะมองหรือไม่มอง หลับตาหรือไม่หลับ แม้จะมองทิศทางอื่น ดาวเคราะห์ก็ยังหมุน!

ไม่นานนักเก้าลมหายใจผ่านพ้นไป พอถึงลมหายใจที่สิบ ดาวเคราะห์เริ่มหมุนเร็วขึ้นกว่าเดิม คราวนี้ทำให้หวังหลินรู้สึกวิงเวียนยิ่งกว่าเดิม พลังความคิดเริ่มจะหมดลงด้วยอัตราเร่งสูงมาก

หวังหลินไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มีเขตอาคมแบบไหนอยู่ในค่ายกลแห่งนี้!

ในแววตามีแสงเย็นเยียบกะพริบวาบ เขาก้าวเข้าไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล!

“แม้ดาวเคราะห์นี้จะประหลาด มันก็ยังห่างจากข้าไม่ไกล ข้าแค่ไม่สนใจมันและเข้าไปในดาวเคราะห์!” หวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็ว ข้ามผ่านระยะทางมหาศาล เพียงหนึ่งก้าว ทว่าหลังจากก้าวครั้งนี้ หวังหลินกลับหรี่ตาแคบลง

เขาพบว่าตัวเองเดินอยู่ที่เดิมแทนที่จะเคลื่อนไหวเข้าหาดาวเคราะห์ ระยะห่างไม่เปลี่ยนแปลงและดาวเคราะห์ยังคงหมุน!

ราวกับดาวเคราะห์เคลื่อนที่ไปด้วย!

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ตอนนี้เก้าลมหายใจผ่านรอบที่สองมาแล้วและเริ่มรอบที่สาม ดาวเคราะห์เริ่มหมุนเร็วขึ้นไปอีก นี่ยิ่งทำให้สายตาหวังหลินพร่ามัว

‘นี่มันค่ายกลแบบไหน? ช่างประหลาดนัก!’ จิตใจหวังหลินเริ่มฉุนเฉียวเนื่องจากดาวเคราะห์หมุนอย่างต่อเนื่อง ความขุ่นเคืองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีแต่เหมือนมันอยู่ที่นี่มาเสมอ ทว่าดาวเคราะห์ยิ่งหมุนเร็วมากขึ้น!

ความเร็วการหมุนนี้ทำให้ดาวเคราะห์พร่ามัวมากขึ้น ตอนนี้มันดูเหมือน ดาวเคราะห์ที่เริ่มกลายเป็นพายุขนาดยักษ์

หวังหลินหน้าซีดเล็กน้อยและไม่สามารถระงับความขุ่นเคืองในใจไปได้ มันเริ่มรุนแรงขึ้น และดาวเคราะห์ยิ่งหมุนเร็วขึ้นไปอีก!

‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!’ หวังหลินถอยทันที ทว่ายิ่งเขาถอยไปเร็วแค่ไหน ระยะห่างระหว่างเขาและดาวเคราะห์ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย!

การเปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดนี้ทำให้หวังหลินตกตะลึง จิตใจยิ่งขุ่นเคืองรุนแรง ตอนนี้เก้าลมหายใจผ่านไปแล้วถึงสี่ครั้ง ดาวเคราะห์เริ่มหมุนในรอบที่ห้า เนื่องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวของหวังหลิน ดาวเคราะห์เบญจธาตุจึงดูไม่เหมือน ดาวเคราะห์อีกแล้ว มันเปลี่ยนกลายเป็นวังวนขนาดยักษ์ที่หมุนอย่างรวดเร็วโดยสิ้นเชิง

ร่างหวังหลินสั่นสะท้านและรู้สึกอึดอัด ราวกับโลกกำลังหมุนติ้ว ราวกับสิ่งที่ ไม่หมุนอยู่ตอนนี้คือตัวเขาเอง

ทว่าความรู้สึกนี้ทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง มันทำให้ เขาฉุนเฉียว ทำให้เขาวิงเวียนจนเกิดความเจ็บปวดจนอยากอาเจียน หวังหลินพยายามถอย ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่จ้องวังวน เหนือสิ่งอื่นใดในความฉุนเฉียวและขุ่นเคือง แววตาเขามีความบ้าคลั่งเพิ่มขึ้นมาด้วย!

ทว่าในขณะที่ความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นมา ความเร็วของวังวนยิ่งเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล หวังหลินรู้สึกยืนไม่มั่นคงและเริ่มหมุนไปพร้อมกับมันโดยที่เขาไม่ทันระวัง

ณ หอคอยชั้นที่เก้า ชายชราชุดคลุมสีทองกำลังมองและหัวเราะ สายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและมีความสุข เขามองดูจากข้างนอกด้วยสายตาดูถูก เหยียดหยาม

“ผ่านเข้าสู่รอบที่ห้าแล้ว เขาหนีไปไหนไม่ได้แล้ว แม้ข้าจะเข้าไปข้างในก็เข้าไม่ได้เมื่อมันผ่านรอบที่ห้าไป ความคิดเขาตกอยู่ในค่ายกล พลังชีวิตทั้งหมดของมันต้อง สูญสิ้น!”

“เขาต้องการทะลวงเข้าสู่ดาวเคราะห์เบญจธาตุเช่นนั้นหรือ? ช่างโอหังเกินไป!!”

หน่าต้าวยิ้มออกมาเช่นกัน แต่ในสายตายังมีความหวาดกลัว เขาไม่รู้เรื่อง กงล้อจิตใจเก้าโคจรมากเท่าชายชรา แต่เขาเคยเข้าไปด้วยตัวเองเมื่อนานมาแล้ว

เขาตระหนักดีถึงความน่ากลัวของค่ายกลนี้ เขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ในการหมุนรอบสามและถูกบรรพชนช่วยเอาไว้ กว่าจะฟื้นคืนมาได้ต้องใช้เวลานาน จากนั้นเขาก็รู้สึกหวาดกลัวต่อค่ายกลนี้ไปเลย

ด้านนอกนั้น มหาชั้นฟ้าซวนลั่วส่ายศีรษะเล็กน้อยและถอนหายใจ

‘ยังไม่ดีเท่าที่คาดคิด แม้จะมีความหวังน้อยนิด มันสามารถเปลี่ยนไปเป็น ความผิดหวังได้ ยังยากที่เขาจะอยู่รอดถึงห้าโคจรสุดท้าย…ข้าจะปล่อยให้เขาเจอกับตัวเองอีกเล็กน้อย เมื่อเข้าสู่รอบที่เก้า ข้าจะลงมือ’ มหาชั้นฟ้าซวนชั่วยังรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่เขาเข้าใจว่าหากพุ่งเข้าไปในค่ายกลอันโด่งดังนี้โดยไม่มีความรู้มาก่อน หากเป็นก่อนมีสถานะมหาชั้นฟ้า เขาคงตกอยู่ในสถานะคล้ายกัน

หวังหลินหน้าซีด ในลมหายในที่เก้าของการโคจรรอบที่เก้า เขากระอักโลหิต จนจิตใจอ่อนล้า ร่างกายเริ่มหมุนช้าๆ แต่เขาก็หยุดเอาไว้ด้วยกำลัง

เส้นโลหิตบนใบหน้าบวมเป่ง ความขุ่นเคืองและความบ้าคลั่งเต็มไปทั่วจิตใจ เขาจ้องวังวนที่กำลังจะหมุนถึงขีดจำกัดและยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น

เขารู้ว่าถึงแม้เขาจะชอบหรือไม่ชอบ วังวนก็ยังอยู่ที่นั่นอยู่ดี

เขาเข้าใจว่า ไม่ว่าจะคิดหรือไม่คิด วังวนก็ยังอยู่ที่นั่น! เขาตระหนักว่าหากร่างกายหมุนไปกับดาวเคราะห์ ความคิดคงถูกดึงเข้าไปข้างใน เมื่อความคิดอ่อนล้าเต็มที สิ่งเดียวที่รอเขาอยู่คือความตาย!

‘ทุกเก้าลมหายใจ การหมุนของมันจะเพิ่มขึ้น…’ หวังหลินอดทนต่อความวิงเวียนและความเจ็บปวดจนต้องบังคับความคิดให้สงบลง

‘เก้าลมหายใจต่อหนึ่งการเปลี่ยนแปลง…เมื่อข้าเริ่มฉุนเฉียว การหมุนยิ่งทวีคูณ…เมื่อความบ้าคลั่งปรากฏ การหมุนยิ่งรวดเร็วขึ้น…’ ยิ่งหวังหลินขบคิด ยิ่งหมุนเร็วขึ้นจนแทบคิดไม่ได้

เขาจ้องมองวังวน ยิ่งคิดก็ยิ่งสงบจิตใจลงไม่ได้ เขาจำเป็นต้องค้นหาสาเหตุของการหมุน

ไม่นานนัก เก้าลมหายใจรอบที่หกก็ผ่านไป จนถึงรอบที่เจ็ด รอบที่แปด…ผ่านไปอย่างรวดเร็ว!

ด้านหอคอยชั้นที่เก้า ชายชราหัวเราะพลางสะบัดแขน พาหน่าต้าวออกไป นอกหอคอยและยืนอยู่ในท้องฟ้า

“รอบที่เก้า คนผู้นี้จะต้องตายแน่นอน! หน่าต้าว ตามข้าไปเก็บร่างของมัน!” ชายชราชุดสีทองหัวเราะออกมาและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทว่าเสียงหัวเราะหยุดลง สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“มันช้าลง!! การหมุนช้าลง!! เป็นไปไม่ได้ นี่มันรอบที่เก้า นี่…นี่….”

เดิมทีหน่าต้าวเพียงแค่ยิ้มแต่มันก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกันด้านนอกดาวเคราะห์ มหาชั้นฟ้าซวนลั่วที่กำลังส่ายศีรษะและระงับความผิดหวังในใจ เขากำลังจะสะบัดแขน แต่ขณะที่เลื่อนมือขึ้นไปนั้นกลับหยุดลง ดวงตาส่องสว่างและลดแขนลง หัวใจเริ่มเต้นระรัว

ด้านในค่ายกล เมื่อลมหายใจแรกของรอบที่เก้ามาถึง หวังหลินพลันหลับตา

“จิตใจปั่นป่วน…จิตใจข้าปั่นป่วน! จิตใจข้าปั่นป่วน ส่งผลให้ ร่างกาย วิญญาณและทุกอย่างรวมถึงดาวเคราะห์เกิดการเคลื่อนไหว…ทั้งหมดนี้เป็นเพราะจิตใจของข้าไม่สงบ!” เส้นสีแดงในดวงตาหวังหลินหายไป ความบ้าคลั่งเจือจางลง ความฉุนเฉียวทั้งหมดหายไป จิตใจเขาสงบนิ่งดั่งสายน้ำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version