1736. กงล้อจิตใจเก้าโคจร
หลังจากเก็บชุดเกราะของขุนพลวารีกลับไป หวังหลินดวงตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง มองวังวนนั้นและยื่นมือออกไป
ขณะเดียวกันแสงสีทองส่องสว่างโผล่ออกมาจากวังวนคล้ายกระบี่อันคมกริบ มันปะทะกับแขนขวาหวังหลินทันที
เสียงดังสนั่นคับฟ้า กึกก้องไปทั่วค่ายกลวารี
หวังหลินถอยไปสามก้าวและถอนมือขวากลับมา สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงเย็นเยียบสุดขั้ว
วังวนพังทลายจากแรงกระแทก ระเบิดกลายเป็นละอองผลึก หายวับไปอย่าง ไร้ร่องรอย
ณ ดาวเคราะห์เบญจธาตุ หอคอยชั้นที่เก้าเรืองแสงสีทอง ข้างในเป็นชายชรา สวมชุดเสื้อสีทอง ลวดลายคล้ายมีชีวิตปักเอาไว้
ยามนี้ชายชราสั่นเทาและกระอักโลหิต แขนขวาบอบช้ำ ทั้งยังหักงออย่างแปลกประหลาด
โลหิตจำนวนมากไหลจากแขนขวาและหยดลงพื้น
‘คนของเผ่าโบราณ พลังอำนาจของร่างกายเขาเทียบเท่าเผ่าพันธุ์เต๋าโบราณ! เขาดูไม่เหมือนทายาทของเย่โม่ที่สร้างขึ้นมาจากโลหิตทั้งสามพันหยด ทายาทของ เย่โม่ไม่สามารถแข็งแกร่งเท่าเขาได้!! เขาเหมือนคนที่ไม่ได้มาจากโลกถ้ำ เขามาจากแผ่นดินเซียนดารา!! บัดซบ มีคนอื่นนอกจากสำนักกุ้ยยี่อยู่ที่นี่ด้วยหรือ!!’ ชายชรา หรี่ตาแคบลง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขามองแขนขวาด้วยความหวาดกลัวและเจ็บใจ
‘ฝ่าเท้ารุนแรงอะไรเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามีชุดเกราะ แขนข้าคงแหลกละเอียดจนแม้แต่ร่างกายก็ระเบิดไปแล้ว…’
ชายชราใบหน้ามืดมนยิ่งขณะที่หันหน้าออกไปนอกหอคอยและร้องคำราม “หน่าต้าว ออกมาเจอข้า!”
ยามที่เสียงของชายชราดังออกมาจากชั้นที่เก้า จิตใจของเซียนทุกคนนอกหอคอยจึงสั่นเทา เสียงโห่ร้องทั้งหมดหยุดลงและคุกเข่าต่อหอคอย
หน่าต้าวกระโจนเข้าสู่ชั้นที่เก้าโดยไม่ลังเล หยุดอยู่ข้างนอกและกำลังจะเอ่ยปาก แต่แขนขนาดใหญ่คว้าเขาเอาไว้และดึงเข้าไป
หน่าต้าวไม่กล้าต่อต้าน ยอมให้แขนนั้นลากเข้าไปในหอคอย หลังจากเข้าไปแล้วจึงคุกเข่าลงทันทีและเอ่ยอย่างเคารพ
“ผู้น้อยหน่าต้าวขอคารวะท่านบรรพชนลำดับเก้า”
ชายชราในชุดคลุมสีทองมองดูหน่าต้าวและร้องคำราม “มันเป็นใคร?! ทำไมเจ้าถึงไปล่วงเกินคนแบบนี้?!”
พอได้ยินคำพูดของชายชรา หน่าต้าวเงยหน้าจะเอ่ยปาก แต่พอเห็นโลหิตที่ ชายชรากระอักออกมา หัวใจจึงสั่นสะท้าน จากนั้นเห็นแขนขวา คลื่นรุนแรงเข้า ถาโถมในจิตใจเขา
เขารู้ว่าบรรพชนลงมือ แต่ไม่เพียงบรรพชนจะไม่ได้เปรียบแล้ว เขายังถูกหวังหลินทำร้ายจนบาดเจ็บ ร่างกายสั่นสะท้านและรีบเล่าทุกอย่างที่รู้มาโดยไม่ปิดบัง
ขณะที่หน่าต้าวกำลังเล่า ข้างในค่ายกลเบญจธาตุ ค่ายกลวารีพังทลาย หวังหลินสามารถออกไปนอกค่ายกลได้แต่ไม่เลือกที่จะไป เขาก้าวเท้าและมีแสงแวววาวของโลกใบใหม่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านมา กลิ่นหอมที่พัดเข้ามาทำให้ทุกคนรู้สึกสงบนิ่ง มันคือป่าทึบขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ตั้งตระหง่านคล้ายกระบี่แทงทะลุก้อนเมฆ ใบไม้ก่อเกิดร่มเงาสานสลับกัน
ค่ายกลธาตุไม้แห่งค่ายกลเบญจธาตุ!
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบ มองไปรอบด้านและค่อยๆ เผยรอยยิ้ม การเดินทางมาดาวเบญจธาตุครั้งนี้ หากไม่สนจุดประสงค์หลัก เพียงแค่ค่ายกล เบญจธาตุก็ทำให้หวังหลินได้รับโชควาสนามหาศาลแล้ว
หวังหลินจะปล่อยค่ายกลธาตุไม้ไปได้อย่างไร? เขาพุ่งตัวออกไปข้างหน้า
ขณะที่หวังหลินท่องทะยาน ต้นไม้ทั้งหมดในป่าสั่นสะเทือน ใบไม้ทั้งหมดหลุดลอยออกมาด้วยพลังลึกลับบางอย่างและพุ่งใส่หวังหลิน
มีใบไม้มากมายเพียงพอบดบังทั้งฟ้าดิน พวกมันพุ่งเป้าไปที่หวังหลินราวกับพยายามฉีกวิญญาณเขาให้เป็นชิ้นๆ
หวังหลินถอยไปสามก้าวโดยไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลง แขนขวากำหมัด ดวงตาวาวโรจน์และข่วนเข้าใส่อากาศเบื้องหน้าทันที!
ผ่าสวรรค์!
เสียงฉีกขาดทำให้ก้อนเมฆกระจัดกระจาย จากนั้นเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง รอยแยกขนาดยักษ์ถูกฉีกเปิดออกในมิติแห่งนี้และมันเชื่อมต่อกับฟ้าดิน ราวกับกำลังฉีกมิติให้ขาดครึ่ง!
ความจริงแล้วมิติเบื้องหน้าหวังหลินถูกฉีกขาดครึ่งไปจนเกิดรอยแยก ใจกลางรอยแยกนำทางเข้าสู่อวกาศอันมืดมิด ตอนนี้มันขยายตัวออกไปราวกับกลางคืนกำลังกลืนกินกลางวัน
เพียงเท่านี้ยังไม่มากพอที่จะอธิบายความทรงพลังของวิชาผ่าสวรรค์ ใบไม้ทั้งหมดถูกฉีกขาดไปพร้อมกับมิติด้วย! เหล่าใบไม้ขาดครึ่งจนเผยเส้นกลางที่เชื่อมต่อกับ ใบสองซีก
ใบไม้ทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางจึงถูกฉีกกระชากให้ขาดกันแบบนี้!
ยามที่วิชาผ่าสวรรค์ออกมาจากแขนขวาหวังหลิน เสียงดังสนั่นกึกก้องราวกับ ค่ายกลธาตุไม้กำลังพังทลาย
ใบไม้ทั้งหมดที่พุ่งหาหวังหลินถูกแบ่งครึ่งและพัดออกไปด้านข้าง ปะทะกับใบไม้ ที่กำลังเข้ามาจากทิศตรงข้าม
มองไกลๆ แล้ว ร่างหวังหลินดูเหมือนถูกจมไปกับการปะทะของเหล่าใบไม้ ชั่ววินาทีต่อมา หวังหลินก้าวออกมาจากความมืดมิด ด้านหลังมีรอยแยกขนาด ใหญ่ยิ่งขึ้นราวกับปากขนาดยักษ์
ใบไม้พังทลายจนกลายเป็นก้อนความปั่นป่วน ดุจวันสิ้นโลก!
ขณะที่หวังหลินเดินออกมา ต้นไม้ที่สูญเสียใบจึงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างประหลาด พวกมันเริ่มยืดยาวและตัดขวางกันและกัน ไม่นานจึงเติบโตกลายเป็นใบหน้าขนาดยักษ์
“ยอมแพ้หรือโดนทำลาย” เรือนผมสีขาวของหวังหลินพลิ้วสะบัดไปด้านหลังพร้อมกับชุดคลุมสีขาว เขาจ้องใบหน้าต้นไม้
ใบหน้าในต้นไม้ขบคิดเงียบๆ ผ่านไปสักพักจึงค่อยๆ หลับตา วินาทีนั้นแสงสีเขียวส่องสว่างรวมกันใจกลางหน้าผาก ก่อเกิดเป็นผลึกสีเขียวพุ่งเข้าหาหวังหลิน
มันลอยเบื้องหน้าหวังหลิน เขาหยิบขึ้นมาด้วยมือขวา จากนั้นเก็บกลับไป ต้นไม้ทั้งหมดถอยกลับสู่ตำแหน่งดั้งเดิมของแต่ละต้น
หวังหลินไม่หันไปมองอีกแต่ก้าวไปข้างหน้า โลกรอบตัวบิดเบือนจนกระทั่ง ทุกอย่างพังทลาย ค่ายกลธาตุไม้สูญสลายไปอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดปรากฏค่ายกลสุดท้ายขึ้น ค่ายกลธาตุโลหะ!
ค่ายกลธาตุโลหะเต็มไปด้วยพลังของโลหะ กลิ่นอายจิตสังหารคละคลุ้งในโลกแห่งโลหะนี้ มันไม่มีพื้นดินแต่กลับมีกระบี่ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยพลังแห่งโลหะและ จิตสังหาร
ในท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆหรือดวงอาทิตย์ มีแต่เพียงกระบี่มากมายห้อยกลับหัวอยู่ในอากาศ พวกมันส่งเสียงซี่ๆในจังหวะที่หวังหลินปรากฏ!
มันคือเสียงร้องของเหล่ากระบี่!! กระบี่ทั้งหมดส่งเสียงออกมาในเวลาเดียวกัน!
ธาตุโลหะไม่ใช่ธาตุไม้ ธาตุไม้อ่อนนุ่มซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินถึงยอมให้ จิตวิญญาณธาตุไม้ซึ่งมีสติปัญญาได้โอกาสเลือกหนทางของตัวเอง แต่ธาตุโลหะนั้นแตกต่าง มันซื่อตรงเสมอและไม่มีวันยินยอม!
เสียงกระบี่ดังกระหึ่ม เหล่ากระบี่ทั้งหมดพุ่งออกมานับล้านเล่มเข้าสู่หวังหลิน
ยามนี้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นเสียงเดียวที่คงอยู่และดังกึกก้องอยู่นาน
ณ ดาวเบญจธาตุ บนชั้นที่เก้าของหอคอย หลังจากหน่าต้าวพูดเรื่องทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับหวังหลิน ชายชรายังคงมืดมน เขายังไม่เชื่อว่าหวังหลินไม่ใช่คนจากแผ่นดินเซียนดารา
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นหันไปมองนอกหอคอย สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“เขาทำลายค่ายกลธาตุโลหะได้แล้ว! กำลังจะเข้าสู่เก้าโคจร!” ชายชราในชุดคลุมสีทองพลันยืนขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบและจิตสังหาร
หน่าต้าวลังเลและเอ่ยถาม “ท่านบรรพชน ค่ายกลกงล้อจิตใจเก้าโคจรที่ทรงพลังที่สุดของดาวเบญจธาตุของเราจะหยุดคนผู้นี้ได้หรือไม่?”
“กงล้อจิตใจเก้าโคจร เก้าลมหายใจต่อหนึ่งรอบ ยิ่งหัวใจเต้นเร็วแค่ไหน มันยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วเท่านั้น…ยากที่จะบอก ค่ายกลนี้ทั้งยากและง่าย มันคือหนึ่งในค่ายกลป้องกันของสำนักกุ้ยยี่ที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดารา”
“แม้ค่ายกลนี้จะมีพลังเพียงสี่ในสิบส่วน ตราบใดที่เขาไม่สามารถมองทะลุค่ายกลออกและมันหมุนได้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะไม่สามารถทะลวงผ่านเข้ามาได้!”
“ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับว่าจิตใจของเขาคล้อยตามหรือไม่!” บรรพชนพึมพำแต่คำพูดนั้นลึกลับเกินไป หน่าต้าวฟังแล้วแต่ก็ไม่เข้าใจมากนัก เขาไม่ได้ถามแต่และมองท้องฟ้านอกหอคอยแทน
ด้านในค่ายกล เสียงดังสนั่นกึกก้องและค่ายกลโลหะพังทลาย หวังหลินก้าวเดินออกมาจากข้างใน เขามองเห็นดาวเคราะห์เบญจธาตุอยู่ห่างไปไม่ไกล!
ราวกับแค่ก้าวครั้งเดียวก็เข้าสู่ดาวเคราะห์เบญจธาตุได้แล้ว
ด้านหลังหวังหลินคือค่ายกลเบญจธาตุที่กำลังแตกสลาย
ขณะที่กำลังเข้าไป หวังหลินจดจ้องดาวเคราะห์แต่ก็หยุดชะงักลง เขาอุทานขึ้นมาเบาๆ ดวงตาส่องสว่าง
ในสายตาเขา ดาวเคราะห์มันเคลื่อนไหวจริงๆ!
มันเริ่มหมุนอย่างช้าๆ!