Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1747

Cover Renegade Immortal 1

1747. วิญญาณดวงที่สามคือเขา

ชาวประมงเป็นชายอายุสามสิบปี เขาตัวไม่ใหญ่มากและดูเหมือนจะอ่อนแอ ดูไม่เหมือนชาวประมงธรรมดา แต่ดูเหมือนบัณฑิตมากกว่า

เขายกแขนขึ้นมามองดูปลาติดเบ็ด แสงอาทิตย์ส่องออกมาใส่ท้องปลาทำให้มันดูพิเศษยิ่งขึ้น

เขายิ้มและเก็บปลาใส่ถังน้ำ จากนั้นก็จากไป

หวังหลินมองเหตุการณ์ทั้งหมดและเกิดความคิดขึ้นในใจ หลังจากตกตะลึงไป ชั่วครู่จึงติดตามไป เขาเดินอยู่สักพักก่อนจะมาถึงบ้านเรียบง่ายใกล้แหล่งน้ำ

บ้านหลังนี้ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ไผ่จนกลายเป็นลาน มีทั้งเป็ดและไก่กำลังร้องเรียกขออาหารรอบสตรีตั้งครรถ์ผู้หนึ่ง

นางสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายแต่ไม่อาจซ่อนรูปร่างงดงามไปได้เลย นางกำลังถือตะกร้าและหว่านอาหารออกไป

นางดูเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากถือตะกร้ามือเดียว ส่วนมือที่เหลือเท้าสะเอว ปาดเหงื่อจากหน้าผากพลางหันมองประตู รอสามีของนางกลับมา

ถึงเวลายามบ่ายแล้ว แสงอาทิตย์กำลังสาดส่อง ไม่นานหลังจากนั้นมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากป่าไม้ไผ่ นางเผยรอยยิ้มกว้าง

“ซูเอ๋อร์ ข้าจับปลามาให้เจ้า” เสียงฝีเท้าหยุดลงด้านนอกประตู จากนั้นประตูไม้ไผ่ถูกผลักเปิดออกมา มีชายก้าวเดินพร้อมกับถือถังน้ำด้วยรอยยิ้ม

“น้องเพิ่งอยากกินปลาพอดี หากอดทนอีกนิดความอยากคงหายไป ท่านพี่นี่นะ…” นางเผยสายตาอ่อนโยน

ชายอีกฝั่งหัวเราะและเดินเข้ามาช่วยประคองภรรยาเดินเข้าไปในห้อง

ครู่ต่อมาควันลอยฉุยขึ้นไปในอากาศ มองไกลๆ ดูเหมือนภาพวาดและเปล่งสัมผัสอันงดงาม

หวังหลินลอยตัวอยู่ในป่าไม้ไผ่พลางมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดและขบคิดเงียบๆ เขาพอจะเข้าใจได้เลือนลางว่านี่อาจจะเป็นการเกิดใหม่ครั้งสุดท้ายของวิญญาณ ดวงที่สาม

สามวันต่อมา กลางดึกคืนหนึ่ง โลกพลันเปลี่ยนสีสัน สายฟ้าดังสนั่นพร้อมกับ สายฝนเทลงมา สายฝนจำนวนมากกระทบไม้ไผ่และหลังคาบ้าน

ฟ้าดินดูเหมือนเชื่อมต่อกับสายฝน แสงกะพริบวาบจากท้องฟ้าสาดส่องขึ้นมาใส่ป่าไม้ไผ่เบื้องล่าง

สตรีตั้งครรภ์นอนอยู่บนเตียงในบ้าน พลางส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด สองมือจับผ้าห่มและมีหมอตำแยอยู่ข้างๆ

ด้านนอกเป็นบุรุษสีหน้าสงบนิ่ง หันมองออกไปยังสายฝนด้านนอก ทว่ากำหมัดแน่นด้วยจิตใจร้อนรน

กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงของหญิงสาวเบาบางลง ทำให้หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสีหน้าไม่เปลี่ยนไป ดวงตาส่องสว่างมองไปยังสายฟ้ามืดครึ้มด้านนอก

‘ข้าเซี่ยตงหมิง ได้ศึกษาเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก ข้าอยู่กับความจริงและหมั่นศึกษา ขณะที่ข้ารับราชการ ข้าทำงานช่วยคนไปมากมาย เมื่อออกมาก็ไม่ได้ทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจ ชีวิต 33 ปีของข้าไม่เคยทำสิ่งใดที่เกิดความเสื่อมเสีย!’

‘พระเจ้า ตอนนี้ลูกข้ากำลังเกิด ทำไมถึงทำให้เน่ยจื่อต้องทรมานกันเล่า!?’ แขนขวาของนางตีใส่ผนังไม้ไผ่ โลหิตไหลรินจากนิ้ว หยดลงพื้นก่อนจะถูกสายฝนชำระล้าง

ขณะที่โลหิตและน้ำเข้าผสมกัน สายฟ้าดังลั่นขึ้นอีกครา คราวนี้เสียงดังร้องดังออกมาจากห้อง ทั่วทั้งร่างของบุรุษจึงเกิดการสั่นเทา ความสงบนิ่งถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นและรีบหันกลับมา บานประตูเปิดออก หมอตำแยมีเหงื่อท่วมตัวพลันยิ้มอย่างอ่อนโยนและถือเด็กทารกผู้หนึ่งเอาไว้

“ยินดีด้วยท่านเซี่ย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก!”

เซี่ยตงหมิงก้าวเดินเข้าหาทารกอย่างตื่นเต้น พอมองดูแล้วเขากังวลเรื่องภรรยามากขึ้น นางกำลังนอนอยู่บนเตียงดูท่าทางเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยิ้มอ่อนโยนทันทีที่เห็นสามี

นางเอ่ยเสียงเบา “ผู้ชาย”

“ซูเอ๋อร์ พักสักหน่อยเถอะ ข้าคิดชื่อไว้แล้ว ในเมื่อเป็นลูกชาย ข้าจะตั้งชื่อว่าเซี่ยฉิง! ข้าต้องการให้เขาเติบโตเหมือนไม้ไผ่ทะลุยอดภูเขาและกลายเป็นมหาบัณฑิต!” เขาหัวเราะ

ทันทีที่หัวเราะ ทารกในอ้อมกอดของหมอตำแยดูเหมือนจะหยุดร้อง เขาลืมตาขึ้นมาและคล้ายจะมีแสงลึกลับแล่นวาบ

ความอบอุ่นในห้อง สายฟ้าจากท้องฟ้าและเสียงหัวเราะของบุรุษผสมผสานเข้าด้วยกันจนมาถึงจิตใจหวังหลิน หวังหลินสั่นเทาราวกับทุกอย่างได้ควบแน่นเป็นเสียงคำรามจนร่างกายเขาต้องสั่นเทา หวังหลินล่าถอยไปหลายก้าวพลางจ้องมองบ้านหลังนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!!

เขาพอจะคาดเดาก่อนหน้านี้ได้เลือนลาง ตอนนี้มั่นใจแล้วแต่ก็ยังเกิดพายุพัดอยู่ในใจ

วินาทีนี้หวังหลินไม่ได้ยินเสียงสายฟ้าหรือเสียงหัวเราะจากในบ้านอีกแล้ว ภาพทัศนวิสัยพร่าเลือนและได้ยินแต่เสียงหนึ่งดังกึกก้องในหู

“เซี่ยฉิง…เซี่ยฉิง…เซี่ยฉิง!!!”

“วิญญาณดวงที่สามคือ เซี่ยฉิง!!!”

หวังหลินอ้าปากราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดี ความคิดเขากำลังยุ่งเหยิง

ตอนที่เขาเริ่มไล่ตามวิญญาณดวงที่สาม เขาคาดการณ์ว่าวิญญาณดวงนั้นเป็นใครกัน เขาคิดถึงเหล่าผู้คน เหล่าเซียนและกระทั่งสัตว์อสูร แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเซี่ยฉิง!!

ซึ่งเป็นศิษย์ของเขา!!

หวังหลินหน้าซีดเผือดพร้อมกับถอยร่น เขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าวิญญาณดวงที่สามเป็นใคร แต่การรู้เช่นนี้ทำให้เขาตัดสินใจได้ยากยิ่ง

ว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่า!!

โลกสั่นสะเทือน เสียงสายฟ้าดังรุนแรงยิ่งขึ้น สายฝนกระหน่ำเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง สายลมพัดสายฝนจนทำให้มันเต้นระบำอยู่ในท้องฟ้า

หวังหลินไม่มีวันลืมว่าตัวเองเคยหลงทางอยู่ในความสับสนขณะที่ค้นหาเต๋า เขาได้สอบถามมหาบัณฑิตว่าเต๋าคืออะไร!

เขาถามทุกคนจนกระทั่งไปถามเซี่ยฉิง และเป็นเซี่ยฉิงที่ทำให้เขาเข้าใจและรู้แจ้ง

หวังหลินไม่ลืมตอนที่เขานั่งบ่มเพาะอยู่บนยอดเขา ตอนนั้นเซี่ยฉิงแก่ชราแล้วได้ปีนเขาขึ้นมา ยืนยันที่จะเรียนรู้เต๋าจากเขา!

‘ข้าคิดว่าข้าเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผู้คนและเข้าใจทฤษฎีมากมาย ข้ามอบความเจริญและความเข้าใจให้แก่โลก แต่ท้ายที่สุดข้าเพิ่งมาเข้าใจว่า ข้าเป็นแค่ปลาในบ่อน้ำ…’

นี่คือสิ่งที่เซี่ยฉิงได้พูดเอาไว้ตอนที่ปีนขึ้นมาบนภูเขา ตอนที่หวังหลินได้ยินจึงเข้าใจเพียงแค่ประโยคแรก แต่ไม่คิดมากจนถึงประโยคสุดท้าย

ตอนนั้นเขาไม่คิดอะไรมากในประโยคสุดท้าย และถึงแม้จะคิดก็คงไม่ค้นพบคำตอบอะไร

ทว่าในขณะที่เขามองดูวัฏจักรการเกิดใหม่ของวิญญาณดวงที่สาม เขาเห็นการเกิดใหม่เป็นปลาหลายร้อยครั้ง จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าวิญญาณดวงที่สามคือเซี่ยฉิง ตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจความหมายของมันได้อย่างไร?

‘เช่นนั้นแสดงว่าข้าเคยเป็นปลาในบ่อน้ำ…’ หวังหลินมองแสงอบอุ่นจากบ้าน หลังนั้นอย่างขมขื่น จดจำสิ่งที่เซี่ยฉิงพูดเอาไว้และเข้าใจได้ทันที

ทำไมเขาถึงได้พบซูต้าวและมีซูต้าวชี้นำเขาจนกลายเป็นมหาบัณฑิต ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงแคว้นจ้าวแต่ทั้งดาวซูซาคุ? ทั้งหมดนี้คือเวรกรรม หวังหลินคิดว่าตัวเองจบสิ้นเวรกรรมอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่เขายังค้นพบว่าเวรกรรมนั้นมองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้!

‘ตอนนั้น ข้าชี้แนะเซี่ยฉิงโดยไม่ได้ตั้งใจและรับเขาเป็นศิษย์ เขาเป็นวิญญาณ ดวงที่สามของราชันย์เทพสีรุ้ง ก่อเกิดเป็นเวรกรรมระหว่างเรา กลายเป็นต้นเหตุ แห่งกรรม!’

‘เป็นเพราะเช่นนี้จึงมีซูต้าวขึ้นในเต๋าแห่งความฝันของข้า…’

‘ในโลกแห่งความจริง เขาคือศิษย์ของข้า และในเต๋าแห่งความฝัน ข้าคือศิษย์ของเขา ก่อเกิดเป็นวัฏจักรแห่งเวรกรรม! ข้าควรคิดเรื่องนี้ออก…’ หวังหลินก้าวเท้า เพียงย่ำลงไปโลกก็สั่นไหว ท้องฟ้าแตกกระจายเป็นเศษเสี้ยว พื้นดินพังทลายราวกับมังกรกำลังเคลื่อนพสุธา ทุกอย่างเลือนหายไปเหลือแต่เพียงบ้าน แสงแห่งความสุขและความอบอุ่นที่ส่องออกมาจากภายใน

หวังหลินถอยไปสองก้าว เพียงเท้าย่ำลงไป บ้านก็เกิดการบิดเบือน ปรากฏเงานับไม่ถ้วนขึ้นมาจนบอกไม่ได้ว่าเป็นบ้านหรือร่างกายเขาที่กำลังเคลื่อนไหว มันค่อยๆ พร่ามัวและถูกเงากลืนกิน

ร่างหวังหลินพร่าเลือนไปเช่นกัน เมื่อชัดเจนขึ้นจึงปรากฏในภาพมายาชั้นแรก

ฉิงชุ่ยลืมตาขึ้นและมองหวังหลิน พลางถอนหายใจ

ใบหน้ายังมีความขมขื่น หวังหลินพึมพำบางอย่างที่เขาได้ยินคนเดียวและก้าวถอยหลังก้าวที่สาม เมื่อเหยียบย่ำลงไป ภาพมายาชั้นแรกที่เป็นตำหนักในแคว้นของฉิงชุ่ยจึงพังทลายลงทันที

ตำหนักแตกสลาย ฟ้าดินและกระทั่งคราบโลหิตบนพื้นก็เช่นกัน มันก่อเกิดเป็น วังวนยักษ์หมุนรวดเร็วยิ่งขึ้นจนกลายเป็นใบหน้าผี เจ้าใบหน้าผีส่งเสียงคำรามและ พุ่งเข้ากลืนกินหวังหลินและฉิงชุ่ย

พริบตาเดียวที่ทั้งสองโดนกลืนกิน จึงเลือนหายวับไป ทุกอย่างหายไปตามกาลเวลา ภาพมายาพังทลาย!

ในโลกถ้ำ

ณ แดนสวรรค์

หวังหลินและฉิงชุ่ยลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน สิ่งที่ปรากฏขึ้นเหมือนความฝันที่ ดูสมจริง ยากจะบอกได้ว่าอะไรจริง อะไรหลอก หวังหลินพยายามใช้สายตามองไป บนท้องฟ้า

‘วิญญาณดวงที่สามคือเขา…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version