1748. กลายพันธุ์
สายลมในแดนสวรรค์มีพลังปราณสวรรค์หนาแน่น หากพัดใส่ใบหน้าตอนที่อารมณ์ดี จะทำให้รู้สึกเย็นสบายยิ่ง แต่หากอารมณ์ซับซ้อนอยู่ ไม่ว่าจะมีพลัง ปราณสวรรค์มากแค่ไหนก็คงไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้น
ฉิงชุ่ยยืนขึ้นและหันไปมองหวังหลิน หลังจากขบคิดเล็กน้อย เขาก็ไม่พูดอะไรแต่ถอนหายใจและจากไป เขาเองก็รู้เช่นกันว่าวิญญาณดวงที่สามเป็นใครและมันมีความสัมพันธ์กับหวังหลิน เขาเข้าใจท่าทีของหวังหลินได้ทันที
แม้ฉิงชุ่ยจะจากไปแล้ว หวังหลินยังคงนั่งจ้องมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น สายตาดิ้นรน ยังไม่จางหาย หากวิญญาณดวงที่สามไม่เกี่ยวข้องกับหวังหลิน หลังจากสามวิญญาณรวมเข้าด้วยกันเขาคงไม่ลังเลว่าที่จะผนึกหรือทำลายมันเพื่อป้องกันไม่ให้ เจ็ดเศษวิญญาณถูกดูดซับ
แต่วิญญาณดวงที่สามคือ เซี่ยฉิง คือศิษย์ของเขา หากเขาฝืนสังหารศิษย์ตัวเอง หัวใจคงเจ็บปวดยิ่ง
ผ่านไปสักพัก ขณะที่ท้องฟ้ามืดลงหวังหลินถอนหายใจและถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้า เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรทำอะไร แต่มีคำตอบอยู่ในใจ อย่างเลือนลาง
อย่างไรก็ตาม นอกจากตัวตนเรื่องวิญญาณดวงที่สามแล้ว เขายังมีสองคำถามกวนใจ ทำให้เดิมทีชัดเจนกลับมาพร่าเลือนอีกครั้ง
‘เทียนหยุนคือ ส่วนหนึ่งของเต๋าแห่งสวรรค์ ระหว่างต่อสู้กับเทียนหยุน ข้าเข้าไปดูการเกิดใหม่และเห็นว่าในช่วงแรกเริ่ม เขากลืนกินเศษวิญญาณดวงที่เจ็ด!’
‘แต่ตอนที่ข้าเห็นว่าราชันย์เทพสีรุ้งแตกสลายเป็นสามวิญญาณ เจ็ดเศษวิญญาณ ข้าเห็นเศษวิญญาณดวงที่เจ็ด…’ หวังหลินหลับตาและเริ่มขบคิด
‘ข้าเห็นมันหายไปเกิดใหม่ บางทีมันได้เข้าไปเกิดใหม่และพอเกิดใหม่ไปไม่รู้กี่ครั้ง จึงถูกเทียนหยุนกลืนกิน’
‘วิญญาณดวงที่เจ็ดเป็นสีม่วง ตัวแทนของความโกรธและความบ้าคลั่ง เขาถูกเทียนหยุนกลืนกิน…ก็ควรจะผสานเป็นหนึ่ง แต่ตอนที่เจ้าอสูรโลกันตร์กลืนกิน เทียนหยุน มันสัมผัสเศษวิญญาณดวงที่เจ็ดไม่ได้เลย!’ หวังหลินลืมตาและเยือกเย็น
‘หากข้ารู้สึกผิดพลาดไปก็ไม่เป็นอะไร แต่หากข้าถูก มันไม่มีวิญญาณดวงที่เจ็ดอยู่ในเต๋าแห่งสวรรค์ เช่นนั้นมันไปอยู่ไหน! มันเป็นใคร?’ หวังหลินขมวดคิ้ว
‘ก่อนหน้านี้ เต๋าแห่งสวรรค์ไม่สามารถกลืนกินสี่ขุนพลและและผีเฒ่าจางได้ ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าเต๋าแห่งสวรรค์ไม่สมบูรณ์ หากข้าเดาถูก เต๋าแห่งสวรรค์ก็ไม่สมบูรณ์อยู่จริงๆ!’
‘มันยังขาดหายไปส่วนหนึ่ง…บางทีส่วนที่หายไปคือ วิญญาณดวงที่เจ็ด! หรือว่ามีร่างอวตารของเทียนหยุนที่ยังไม่ตาย?’ หวังหลินหรี่ตาแคบลง
‘ข้าแทบลืมเรื่องเทียนหยุนชุดเทาไปเสียสนิท!!’ หวังหลินสูดหายใจลึก
‘มันอาจไม่ใช่เขา…’
หวังหลินขบคิดอยู่นานบนภูเขา คำถามแรกทำให้เขาสงสัยและไม่ได้รับคำตอบ แต่พอเทียบกับคำถามแรกแล้ว คำถามที่สองทำให้หวังหลินสงสัยและสับสนมากกว่า
‘ข้ารู้จักหกในเจ็ดเศษวิญญาณ ฉิงชุ่ย ซือถูหนาน ทันหลาง ฉิงหลิน มู่ปิงเหมย จิตวิญญาณแตกสลาย…ไม่ประหลาดในเรื่องฉิงชุ่ยและซือถูที่เป็นเศษวิญญาณของราชันย์เทพสีรุ้ง เพราะข้าไม่เจอวิญญาณแห่งโชคชะตาในทัณฑ์สวรรค์!’
‘แต่ว่า ข้าค้นพบวิญญาณแห่งโชคชะตาของแต่ละคนในทัณฑ์สวรรค์ นี่…นี่คือวิธีที่ข้าคิดออกว่าใครคือ เจ็ดเศษวิญญาณ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันขัดแย้งกัน!’ หวังหลินลูบคาง เขาไม่เข้าใจ
‘การมีวิญญาณแห่งโชคชะตาอยู่ในทัณฑ์สวรรค์นั่นหมายความว่าเป็นคนของโลกถ้ำ แล้วคนพวกนี้จะเป็นเศษวิญญาณของราชันย์เทพสีรุ้งไปได้อย่างไร…นี่แหละคือปัญหา!’
หวังหลินมองท้องฟ้ายามกลางคืนของแดนสวรรค์และครุ่นคิด เขาชี้กลางหน้าผาก ใส่เจ้าอสูรโลกันตร์ข้างใน
‘ข้าคิดไม่ออก…แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก มันอาจจะเป็นวิธีแก้ปัญหา เรื่องการผสานของสามวิญญาณ…’
‘หากที่ข้าเห็นในภาพมายาไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด นั่นคงอธิบายไม่ได้…’
‘หากสิ่งที่ข้าเห็นเป็นเรื่องจริง ฉิงชุ่ยและคนอื่นคือเจ็ดเศษวิญญาณจริง เช่นนั้นการค้นหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของแต่ละคนในทัณฑ์สวรรค์ก็อธิบายไม่ได้อีก…’ หวังหลินค่อยๆ มีแววตาแดงฉาน เขาไม่เข้าใจ
ห่างออกไปจากหวังหลินไม่ไกล มหาชั้นฟ้าซวนลั่วลืมตาขึ้นมา เขากำลังสังเกตการณ์หวังหลิน ไม่ว่าจะเป็นความฝันบนดาวซูซาคุหรือการค้นหาวิญญาณ ดวงที่สาม เขาสังเกตการณ์ทั้งหมด
‘เขาเข้าไปในวังวนและไม่สามารถคิดออกได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ความจริงแล้ว เรื่องนี้เรียบง่ายมาก…’ ซวนลั่วยกแขนขวาขึ้นมาชี้ไปที่หวังหลิน
เพียงเท่านี้ร่างหวังหลินจึงสั่นเทา เขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของซวนลั่ว แต่วินาทีนี้ราวกับสายฟ้าแล่นผ่านในใจ ทำให้เขาเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา!
‘กลายพันธุ์!! มันคือการกลายพันธุ์!!’ หวังหลินสูดหายใจลึก ดวงตาเปล่งประกาย ยามนี้ความคิดกลับมากระจ่างชัด ราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะหลุดรอดเขาไปได้
“ไม่ว่าจะเป็นฉิงหลิน ทันหลาง มู่ปิงเหมยหรือจิตวิญญาณแตกสลาย เริ่มต้น พวกเขาเหมือนฉิงชุ่ยและซือถู ที่ไม่มีวิญญาณแห่งโชคชะตา!”
‘แต่พอเข้าไปเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น กลายเป็นตัวตนจริงๆ และแยกขาดจากราชันย์เทพสีรุ้งอย่างสิ้นเชิง พวกเขาอาจจะมีต้นกำเนิดเดียวกัน แต่หลังจากเปลี่ยนแปลงไป จึงกลายเป็นคนในโลกถ้ำจริงๆ’
‘พอไปเกิดใหม่หลายครั้ง เปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ผสานเข้ากับโลกครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้จึงแยกขาดจากราชันย์เทพสีรุ้งอย่างสิ้นเชิง!’
‘นี่คือพลังของการสรรค์สร้าง เป็นพลังที่ใกล้เคียงกับแก่นของเต๋าแห่งสวรรค์! นี่คือการกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งสี่คนทำให้ความคิดข้าพร่าเลือน!’ หวังหลินพึมพำ ความคิดนี้จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาและลบเลือนความสับสนออกไป
‘ส่วนฉิงชุ่ยและซือถู ด้วยการกลายพันธุ์นั้นทั้งสองไม่ได้แยกออกมาเป็นคนอื่นอย่างสิ้นเชิง…บางทีหากผ่านไปอีกหลายหมื่นปีและเกิดใหม่อีกหลายครั้ง คงมีสักวันที่ได้แยกขาดจากราชันย์เทพสีรุ้งได้อย่างแท้จริงด้วยพลังลึกลับของเต๋าแห่งสวรรค์!’
หวังหลินสูดหายใจลึก ความกระช่างชัดในใจทำให้ทุกอย่างประเดประดังเข้าหาเขา
‘หากพลังอำนาจของเต๋าแห่งสวรรค์สามารถเปลี่ยนแปลงเจ็ดเศษวิญญาณได้ เช่นนั้นมันก็สามารถเปลี่ยนแปลงสามวิญญาณได้เช่นกัน หากข้าสามารถควบคุม พลังนี้ได้ ข้าสามารถทำให้วิญญาณดวงที่สามเป็นอิสระ เมื่อมันอิสระ สามวิญญาณ ก็จะไม่สามารถหลอมรวมกันได้!’
‘หากสามวิญญาณหลอมรวมไม่ได้ ทุกอย่างก็จะหมดปัญหา!! แต่พลังที่ว่านี้ มันเป็นแบบไหนกัน…’ แม้หวังหลินจะเข้าใจชัดเจน เขากลับจินตนาการถึงพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ไม่ออก
เต๋าแห่งสวรรค์ของเขาไม่สมบูรณ์ หรือพูดให้ถูกคือเขาไม่เข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์ที่ตัวเองควบคุมอยู่ เพราะเต๋าแห่งสวรรค์สามารถสร้างชีวิต สร้างกฎและสร้างโลกแห่งนี้ขึ้นมา!
ความกระช่างชัดในใจค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับเส้นขอบฟ้าโผล่ขึ้นมา ซวนลั่วถอนหายใจ
‘เต๋าแห่งสวรรค์…ช่างมันเถอะ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถเข้าใจความลึกลับของมันมากนัก ตอนที่ข้าเพิ่งกลายเป็นมหาชั้นฟ้าจึงโชคดีขึ้นมาบ้างจนเข้าใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย…แต่การมองทะลุให้เห็นทั้งหมดจำเป็นต้องใช้ระดับบ่มเพาะของข้าที่สูงขึ้นไปอีก…’ ซวนลั่วเผยสายตาลี้ลับ
‘แม้แต่เก้าตะวันเองก็กำลังค้นหาเส้นทางข้างหน้า แต่ไม่มีใครหามันเจอ เราทำได้แค่ใช้เวลาที่เราเพ่งสมาธิไปกับการเกิดใหม่เพื่อขบคิด…แรกเริ่มเต๋าแห่งสวรรค์มาจากแดนเทพบรรพกาล ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแดนเทพบรรพกาลปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อใด หรือเมื่อไรจะมีคนเข้าใจมันอย่างแท้จริง…อา’ ซวนลั่วยกแขนขึ้นมาชี้นิ้วออกไป มีวงกลมสีดำหมุนอย่างช้าๆ และเปล่งกลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์
ณ ยามเช้าตรู่ แสงสาดส่องขจัดความมืดมิด เมื่อลำแสงส่องกระทบพื้นแผ่นดิน หวังหลินหยุดคิดและสูดหายใจ เขายืนและมองขึ้นไปด้วยสายตาซับซ้อนเกินอธิบาย เพียงก้าวเท้าก็หายตัวออกไปไกล
นาทีนั้นร่างเขาคล้ายกำลังแข่งขันกับดวงอาทิตย์ที่กำลังทอแสง ทะลุผ่านท้องฟ้าและพุ่งออกไปนอกแม่น้ำสีเงิน พุ่งเข้าหาดาราจักรทุกชั้นฟ้า!
หวังหลินใช้บิดมิติจนเกิดระลอกคลื่นส่งเสียงดังสนั่นและหายวับไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งได้มาถึงดาราจักรทุกชั้นฟ้าแล้ว!
ก้าวเดียวข้ามผ่านดาราจักร!
หลังปรากฏขึ้นมา เขาไม่ได้แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณแต่หลับตาลง เซี่ยฉิงคือศิษย์ของเขาและเชื่อมต่อกันด้วยเวรกรรม ด้วยการเชื่อมต่อนี้เขาจึงสัมผัสตัวตนของเซี่ยฉิงได้โดยไม่ต้องใช้สัมผัสวิญญาณ
ผ่านไปสักพัก หวังหลินลืมตาและหันไปทางทิศตะวันออก สายตาซับซ้อนยิ่งขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าเซี่ยฉิงอยู่บนดาวเคราะห์หนึ่งลึกไปทางทิศตะวันออก ราวกับเซี่ยฉิงกำลังรอเขาอยู่…
‘เจ้ากำลังรอข้าอยู่ใช่หรือไม่…’ หวังหลินถอนหายใจพลางก้าวเท้าไป ทิศตะวันออก ร่างกายผสานเข้ากับอวกาศอย่างช้าๆ และหายวับไป
ตอนนี้ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า สี่ขุนพลกำลังทะยานไปข้างหน้า อสูรหมอกขนาดยักษ์ส่ายศีรษะและค้นหาต่อไป ดวงตาเปล่งประกายราวกับค้นพบเบาะแสสำคัญเข้าแล้ว
ผีเฒ่าจางติดตามสี่ขุนพล ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า เขาเข้าใจว่าสายตาของ เจ้าอสูรหมอกหมายความว่าอะไร!
ทางด้านดาราจักรทุกชั้นฟ้าเช่นกัน เซียนเต๋าสีรุ้งผ่านเข้ามาจากดาราจักรอัญเชิญนที เขาไม่พบเบาะแสจากดาราจักรอัญเชิญนที ดังนั้นจึงเริ่มค้นหาในดาราจักรทุกชั้นฟ้าอย่างละเอียด