Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1772

Cover Renegade Immortal 1

1772. ซวนลั่วลงมือ

ขณะที่ราชันย์เดินออกมามีหลายวิชารุมกระหน่ำเข้าไป ราชันย์นั้นระมัดระวังอย่างยิ่ง แม้จะไม่รู้เรื่องสุสานโบราณมากนักแต่เขาได้ช่วยปรมาจารย์เมียวหยินและคนอื่นเอาไว้ จึงรู้ความลับที่นี่อยู่บางส่วน

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มาที่นี่เร็วนัก เขาเห็นการต่อสู้รุนแรงในดอกไม้ดอกที่สองและเห็นหวังหลินใช้คันศรถึงสามครั้ง ด้วยความเข้าใจที่มีต่อหวังหลินและการวิเคราะห์ของตัวเอง เขามั่นใจว่าหวังหลินไม่มีความสามารถในการรั้งสายคันศร อีกแล้ว!

ไม่เช่นนั้นหวังหลินคงไม่ปล่อยเซียนเต๋าสีรุ้งไปและให้ผีเฒ่าจางไล่ล่าเซียนเต๋าสีรุ้ง

ในใจเขานั้น หวังหลินไม่ได้สมบูรณ์แบบและคงไม่ได้วางแผนใช้สิงโตกินเสือหรอก หากมองจากมุมนี้เขาคงไม่สามารถคาดเดาขีดจำกัดของหวังหลินได้

เพราะเขาได้ข้อสรุป ราชันย์จึงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่สุดเนื่องจากหวังหลินบาดเจ็บสาหัส เป็นช่วงเวลาที่ดีในการสังหารหวังหลินเพื่อแก้แค้นและชิงวิญญาณ ดวงที่สามมา!

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มที่เข้าสู่ดอกไม้ดอกที่สี่ในขณะที่ผีเฒ่าจางก็กำลังไล่ล่าเซียนเต๋าสีรุ้ง เขาใช้ความเข้าใจที่มีต่อสุสานโบราณซึ่งรู้มาจากเหมียวหยินและคนอื่นๆ เพื่อเร่งความเร็วมาถึงชั้นที่สองก่อนหน้าคนอื่นๆ

เขาคาดคิดว่านอกจากหวังหลินแล้วยังมีนางสนมลำดับสามที่มาถึงก่อน แต่ไม่คาดคิดว่าหยุนยี่เฟิงจะเร็วกว่า เห็นได้ชัดว่าหยุนยี่เฟิงมีวิธีการของตัวเองและได้รับโชควาสนา

ในชั่วจังหวะที่เขาปรากฏตัว จึงปะทะด้วยวิชากฎแห่งต้นกำเนิด พลังการโจมตีจึงโดนหักเหและเขาก็ถอยหลังไปสามก้าว จ้องมองรอบๆ ด้วยท่าทีมืดมน

หยุนยี่เฟิงก้าวออกมา แปดดาบฟาดฟันลงใส่ราชันย์ ตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่ หวังหลิน เขาไม่อยากผิดคำพูดตัวเอง ยามใดที่เขาอยู่ในแกนกลางของโลกถ้ำ เขาจะฟังคำสั่งหวังหลิน

ตอนนี้ประตูทองเจ็ดบานห่อหุ้มร่างกายและให้ความอบอุ่น แม้แต่อาการบาดเจ็บยังฟื้นคืนได้เล็กน้อย เจ็ดประตูทำหน้าที่เป็นชั้นการป้องกัน มันช่วยชดเชยผลกระทบและทำให้เขาเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น

หลังจากถังซานสร้างประตูทองเจ็ดบานให้หวังหลินและหยุนยี่เฟิง แขนขวาของนางสร้างผนึกขึ้นมาปรากฏกระบี่สีทองขึ้นเก้าเล่ม พวกมันก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่และทะยานเข้าใส่ราชันย์!

ทั้งสองโจมตีใส่ราชันย์ในเวลาเดียวกัน!

แปดดาบตัดวิญญาณผสานกับระดับบ่มเพาะของหยุนยี่เฟิงกลายเป็นพลังอัน น่าตื่นตะลึง ราชันย์สะบัดแขนเสื้อส่งแสงสีรุ้งเข้าหาหยุนยี่เฟิงทันที

เกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้อง หยุนยี่เฟิงบาดเจ็บจากหวังหลินอยู่แล้ว ประตูสีทองทั้งเจ็ดพังทลาย เขากระอักโลหิตออกมาและกัดฟันแน่นฟาดดาบไปพร้อมส่ง เสียงคำราม เจ็ดดาบแตกสลายยามที่เข้าปะทะแสงสีรุ้ง แต่ดาบที่แปดกำลังจะแทงทะลุผ่านแสงสีรุ้งและร่อนลงใส่ราชันย์

ร่างราชันย์สั่นเทาพลางถอยหลังไปสามก้าว เขามองไปยังเก้ากระบี่สีทองของ ถังซานที่เต็มไปด้วยสายโลหิตเทพอันแข็งแกร่ง

พวกมันรวดเร็วมาก ชั่วจังหวะที่ราชันย์ล่าถอยจึงเข้ามาใกล้ได้ทันที ราชันย์ยกแขนขึ้นมา นิ้วโป้งและนิ้วชี้ทำเป็นวงกลม หันหน้าไปหาถังซาน

แสงสีทองโผล่ออกมาจากวงกลม แสงนั้นก่อตัวเป็นกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกไปปะทะกับเก้ากระบี่ของถังซานจนเก้ากระบี่แตกสลาย เศษเสี้ยวกระเด็นกลับไป ลำแสงมากมายเข้าไปใกล้ถังซาน

ลูกปัดสีทองบนข้อมือของถังซานเปล่งแสงเจิดจ้า ประตูสีทองเจ็ดบานปรากฏขึ้นต่อต้านแสงสีรุ้งจนเกิดเสียงดังกึกก้อง โลหิตไหลย้อนออกมาจากมุมปากถังซานและนางจึงได้รีบล่าถอยไป

“แม้แต่คนที่บาดเจ็บยังกล้ามาลอบโจมตีข้า!?” ราชันย์ก้าวออกไปแต่ตอนนี้หวังหลินได้ใช้วิชาผ่าสวรรค์เพื่อเปิดรอยแยกฟ้าดินอีกครั้ง มันพุ่งเข้าใส่ราชันย์ทันที!

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา ชั่วจังหวะที่ราชันย์โจมตีตอบโต้ถังซานและหยุนยี่เฟิง รอยแยกก็เข้ามาประชิด

ราชันย์สามารถไม่ใส่ใจหยุนยี่เฟิงและนางสนมลำดับสามได้ แต่ไม่สามารถเมินเฉยกับวิชาของหวังหลินได้ พลังวิชาผ่าสวรรค์นั้นน่ากลัวจนต้องหรี่ตาแคบ ฝ่ามือสร้างวงกลมเข้าเผชิญหน้ากับหวังหลิน พลังอำนาจของเขาที่ผ่านด่านวิบากแก่นแท้ ไปหลายขั้นกำลังอุบัติขึ้น

“เต๋าราชันย์สามทำลายล้าง! เต๋าทำลายล้างจิตวิญญาณ!” วงกลมสีทองเบื้องหน้าราชันย์เปล่งแสงและปะทะกับวิชาผ่าสวรรค์

“เต๋าทำลายล้างภูติผี!” เสื้อคลุมของราชันย์ขยายตัวออกไปและปรากฏ ดวงอาทิตย์ขึ้นเบื้องหน้า กฎแห่งต้นกำเนิดแผ่กระจายออกมาจากร่างกายทำให้ดูเหมือนเทพเจ้า!

“เต๋าทำลายล้างเทพ!” ราชันย์กัดปลายลิ้นและพ่นโลหิต มันกลายเป็นประทับ ฝ่ามือสีทองขนาดยักษ์เข้ากระแทกใส่รอยแยกที่หวังหลินสร้างขึ้น!

แสงสีทองจากวงกลมก่อนหน้านี้ได้สัมผัสกับรอยแยกแต่แล้วตัวมันเองแตกสลายในทันที จากนั้นดวงอาทิตย์ด้านหลังได้ทะยานเข้าปะทะรอยแยกตามกันติดๆ

ขณะเดียวกันประทับสีทองก็เข้ามา เกิดเป็นเสียงดังสนั่นและวิชาผ่าสวรรค์ของหวังหลินก็แตกสลาย

แต่ดวงอาทิตย์ก็ได้แตกสลายเบื้องหน้าวิชาผ่าสวรรค์เช่นกัน มีเพียงประทับสีทองที่ทะลวงผ่านทุกอย่างเข้ากระแทกหาหวังหลิน

“ไม่มีคันศรลี่กวงแล้ว ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะต่อต้านข้าได้อย่างไร!” ราชันย์หายใจหอบเล็กน้อยพลางพุ่งใส่หวังหลิน

ซวนลั่วมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความสงบนิ่งบนพื้นห่างจากหวังหลินไม่ไกลนัก ระหว่างทางเขาได้เห็นวิธีการ ความเจ้าแผนการ ความหนักแน่นและมุ่งมั่นของ หวังหลิน ตอนนี้เขาชื่นชมหวังหลินอย่างมาก

ตอนนี้ยิ่งอยากรู้ว่าหวังหลินจะต่อต้านวิชาของเซียนผู้ผ่านด่านวิบากแก่นแท้ไปได้อย่างไร

‘เขาจะเอาน้องของเหลียนต้าวเจินออกมาเพื่อใช้ร่างเทพอมตะอีกหรือไม่?’ ซวนลั่วสนใจมากแต่วินาทีนั้นดวงตาพลันหรี่แคบ

เขาเห็นว่าในตาหวังหลินไม่มีความตื่นตระหนกเลย ตอนที่ประทับสีทองได้ทะลวงผ่านเข้ามา หวังหลินถอยไปสามก้าว ก้าวแรกอยู่ห่างจากซวนลั่วหนึ่งพันฟุต

ก้าวที่สองห่างจากซวนลั่วไม่ถึงสามร้อยฟุต

ก้าวที่สามปรากฏตัวด้านข้างซวนลั่ว เขาไม่ได้อยู่ด้านหน้าแต่อยู่ด้านหลังซวนลั่ว หลังจากผ่านไปสามก้าวหวังหลินก็นั่งลงราวกับมองเห็นซวนลั่ว ซึ่งฉากเหตุการณ์นี้ดูแปลกประหลาดมาก

ซวนลั่วหันกลับไปมองหวังหลิน ขณะเดียวกันหลังจากหวังหลินนั่งลงก็มองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า

สายตาของทั้งคู่คล้ายประสานกัน

ซวนลั่วมองหวังหลินอยู่ชั่วครู่จนกระทั่งแสงสีทองเปล่งประกายในท้องฟ้า ประทับสีทองตกลงมาดุจภูเขาลูกใหญ่และห่างไปไม่เกินร้อยฟุต พื้นดินรอบหวังหลินแตกร้าวและถูกดันลงมา

‘น่าสนใจ…’ ซวนลั่วยิ้มทันที เขายกแขนขวาขึ้นมาพลางชี้นิ้วไปที่ประทับสีทองอย่างลวกๆ ประทับสีทองหยุดห่างเหนือศีรษะของทั้งคู่เพียงสามสิบฟุต

หลังจากประทับสีทองหยุดลง มันกะพริบวาบรวดเร็วและเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทว่ามันกลับหดลงจนเหลือขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือและลอยอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน

ประทับสีทองส่งเสียงสั่นเครือคล้ายมีจิตวิญญาณและส่งเสียงยอมแพ้

ของสิ่งนี้ดูเป็นรูปเป็นร่างและกลายเป็นสมบัติ!

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันเช่นนี้ทำให้หยุนเย่เฟิงที่กำลังโจมตีอีกครั้งถึงกับ ตกตะลึง เขาไม่เห็นว่าหวังหลินทำอะไร เพียงแค่ถอยไปพันฟุตและนั่งลงเท่านั้น ประทับสีทองกลับหยุดอยู่ในอากาศเข้าจริงๆ

ถังซานตกตะลึงเช่นกัน ฝ่ามือหยุดสร้างผนึก นางจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องหวังหลินแต่การเปลี่ยนแปลงฉันพลันนี้ทำให้นางตกใจ

ทั้งคู่แค่ตกตะลึงเท่านั้นแต่ราชันย์หน้ามึนไปแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทั้งยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น เขาลูบตาโดยไม่รู้ตัว ในใจตื่นตระหนกยิ่งกว่า ตอนที่เห็นหวังหลินใช้คันศรลี่กวงเสียอีก!

‘เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้…ที่ข้าใช้คือวิชา ไม่ใช่สมบัติ ประทับสีทองนั่นเกิดขึ้นจากวิชาของข้า มันคือภาพลวงตา ไม่ควรมีตัวตน…มันเกิดขึ้นจากวิชาของข้า…’

‘มันมีรูปร่างและเปลี่ยนเป็นสมบัติไปได้อย่างไร? เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!!’ ราชันย์ตัวสั่น คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่เขารู้

“การเปลี่ยนวิชาลวงตาเป็นสิ่งที่มีรูปร่าง ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลกแบบนี้ นี่…” ราชันย์หน้าซีดและถอยหลังกลับโดยไม่รู้ตัว ความตกตะลึงระเบิดอยู่ภายในจนมากพอให้เตือนสติเขา

เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะตื่นตระหนกแค่ไหนก็ไม่สามารถเทียบกับตอนนี้ได้ เขาไม่เข้าใจ จินตนาการไม่ออกหรือพูดให้ถูกก็คือไม่กล้าแม้แต่จะคาดเดา

‘เรื่องแบบนี้ทำได้เพียงแค่พี่ใหญ่ของนายท่านเท่านั้น…หนึ่งในเก้าตะวันของแผ่นดินเซียนดาราที่สามารถทำได้…’ ราชันย์ตัวใจเต้นกระดอน เขาหวาดกลัว อย่างสิ้นเชิง

ห่างออกไปไกล หยุนเย่เฟิงเห็นสีหน้าท่าทางของราชันย์และมองประทับสีทองที่กำลังลอยเบื้องหน้าหวังหลิน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวราวกับคิดถึงบางอย่างและโค้งคำนับศีรษะในทันที

ทว่าการกระทำของเขาถูกหวังหลินซึ่งใส่ใจในรายละเอียดได้มองออกอย่างชัดเจน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version