Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1771

Cover Renegade Immortal 1

1771. เจ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่?

หวังหลินหยุดและมองนางสนมลำดับสาม พอเขาสบสายตากับนางจึงเห็นแววตาจริงจังและหนักแน่น เป็นความรู้สึกที่หวังหลินเองก็มีเช่นเดียวกัน

ท่าทีเย็นชาของหวังหลินผ่อนลงเล็กน้อย ด้วยสติปัญญาของหวังหลินจึงมองออกว่านางต้องการช่วยเขาจริงๆ เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เจอกันในสุสานโบราณ หลังจากขบคิดเล็กน้อยหวังหลินจึงหันสายตาไปบนข้อมือของนาง

จากนั้นถอนสายตาออกมาและเอ่ยกล่าว “เจ้ามีคำขอร้องอะไร”

นางเอ่ยกระซิบ “ไม่มีคำขอร้อง เจ้าช่วยข้า ดังนั้นข้าจึงช่วยเจ้า”

หวังหลินมีท่าทีแปลกไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของนาง จากนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ตอนนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

“เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าจึงจะช่วยเจ้า!” นางเงยหน้าขึ้นมามองหวังหลิน ใบหน้างดงามอันมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์

“แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแผนจะเข้าไปบนภูเขา” หวังหลินเผยรอยยิ้มอันหาได้ยาก

นางสนมลำดับสามถึงกับตกตะลึงและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“เจ้ามีชื่อจริงว่าอะไร?” หวังหลินมองไปยังท้องฟ้าไกล แววตาวูบวาบอย่างเยือกเย็น

นางลังเลเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ถังซาน…”

“เปิดประตูทองทั้งเจ็ดของเจ้าและถอยหลังไปเล็กน้อย!” หวังหลินเอ่ยเสียง เย็นเยียบทันทีพลางมองออกไปไกล

ถังซานหรี่ตาลง ระดับบ่มเพาะของนางไม่ได้น้อยดังนั้นจึงสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ นางเชื่อฟังหวังหลินโดยไม่ลังเล แสงสีทองเปล่งประกายรอบตัวเอง ประตูสีทอง เจ็ดบานปรากฏขึ้นรอบด้าน

ลำแสงสายหนึ่งพุ่งจากระยะไกลเข้ามายังที่นี่ มันมีแท่นหินขนาดยักษ์อยู่ด้วย ทั้งยังเปล่งประกายและมีชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้ายืนอยู่ด้านบน

หวังหลินสบสายตากับชายหนุ่มทันที จากนั้นเสียงดังลั่นกึกก้องในใจของทั้งคู่ ราวกับแต่ละคนโจมตีกันและกันยามสบสายตา

หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น ร่างกายไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

ชายหนุ่มร่างเอนเอียงเล็กน้อยและถอยหลังไปครึ่งก้าว มองหวังหลินด้วยเจตนาต่อสู้อันแรงกล้า!

“หวังหลิน! ในที่สุดข้าก็ตามเจ้าทัน ข้าหยุนยี่เฟิงแห่งดาวเบญจธาตุ การต่อสู้ ครั้งล่าสุดของเราเร่งรีบไปหน่อยและได้ผลที่ไม่น่าพึงพอใจ วันนี้เจ้าต่อสู้กับข้าหรือไม่โดยไม่ต้องมีแผนการหรือคันศรลี่กวงได้หรือไม่?” แสงหายวับไปจากแท่นหิน ชายหนุ่มชุดสีฟ้ามองมาที่หวังหลิน

“หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะฟังคำสั่งเจ้าทุกอย่างขณะที่เราอยู่ในแกนกลางของโลกถ้ำนี้!” หยุนยี่เฟิงก้าวออกมาจากแท่นหินและเผชิญหน้าหวังหลิน ในสายตาเขานั้นไม่ได้เห็นถังซานอยู่ เขาเห็นแต่เพียงหวังหลินคนเดียวเท่านั้น!

หวังหลินจ้องหยุนยี่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบกว่าเดิม เขากำลังขาดวิญญาณของเซียนทรงพลังและคนผู้นี้ก็มาหาเขาเอง แบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาหวังหลิน ไปได้มาก ทว่าระดับบ่มเพาะของอีกฝ่ายไม่ได้สูงนัก หวังหลินรู้สึกว่าแค่วิญญาณเขายังไม่มากพอ

ตอนนั้นบนดาวเบญจธาตุ เขาเทียบความแข็งแกร่งของหวังหลิน แต่หวังหลินเพิ่งทะลวงผ่านค่ายกลมาและได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งวิชาผ่าสวรรค์ของหวังหลินก็ไม่สมบูรณ์ ตอนนี้หวังหลินอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับบ่มเพาะและวิชาผ่าสวรรค์ก็น่ากลัวอย่างยิ่ง

หวังหลินไม่ถือว่าหยุนยี่เฟิงเป็นภัยคุกคาม

แต่หากคนผู้นี้ยอมทำตามสัญญาหลังจากพ่ายแพ้ไป หวังหลินก็คงต้องชั่งตัวเลือกใหม่

หวังหลินเอ่ยขึ้น “เจ้าพูดจาไม่น่าเชื่อถือ!”

หยุนยี่เฟิงดวงตาส่องสว่าง แขนขวาตีใส่หน้าผาก สัจจะโลหิตลอยออกมาหาหวังหลิน

หวังหลินรับโลหิตเอาไว้และมองดูอย่างละเอียด ดวงตาหยุนยี่เฟิงเย็นเยียบและยกแขนขวาขึ้นมา ดาบขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นพลางก้าวเข้าหาพร้อมกับฟันใส่หวังหลิน!

ดาบเล่มนี้ดุจสามารถผ่าสวรรค์และก่อเกิดเป็นปราณดาบ พลังของมันรวมกันเข้าไปใกล้หวังหลิน

นาทีที่ดาบร่อนลงไป หวังหลินก้าวทะยานพร้อมกับพ่นลมหายใจเย็น แขนขวากำหมัด พลังบัญชาโบราณรวมกันและโยนกำปั้นใส่หยุนยี่เฟิง!

โลกพลันเปลี่ยนสีสันไปเพราะกำปั้นนี้ ทั้งโลกเกิดการบิดเบือนราวกับมันกำลังพังทลาย ร่างเงาบัญชาโบราณปรากฏขึ้นมาชกใส่ดาบตรงหน้า!

เสี้ยววินาทีที่ดาบและกำปั้นปะทะใส่กัน ดาบพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กำปั้นของหวังหลินก็พังทลายไปด้วยเช่นกัน

ร่างหยุนเย่เฟิงถอยร่นกลับไปพันฟุต ยกแขนขวาขึ้นมาร้องหัวเราะ เขาสบัดแขนปรากฏแสงสีดำขึ้นตรงหน้าและก่อตัวเป็นหมอก ยื่นมือเข้าหาหมอกนำดาบออกมา ฟาดฟันใส่หวังหลินและยื่นมือเข้าไปในหมอกอีกรอบ

พริบตาเดียวเจ็ดดาบได้ถูกนำออกมาจากสายหมอกและฟันใส่หวังหลิน เจ็ดดาบเชื่อมต่อกันกลายเป็นปราณดาบขนาดมหึมาพุ่งทะยานออกไป

“แปดดาบตัดวิญญาณ!” หยุนยี่เฟิงร้องคำราม เงาทั้งเจ็ดทับซ้อนกันราวกับมี ตัวเขาโผล่ขึ้นมาเจ็ดคนและถือดาบเอาไว้ ทั้งเจ็ดโจมตีออกมาพร้อมกัน

เจ็ดดาบประสานกันจนเป็นสัญญาณให้เกิดดาบที่แปดขึ้นมาอย่างเลือนลาง!

สองดาบอยู่ตรงด้ามจับ สี่ดาบเป็นใบดาบและอีกหนึ่งเป็นส่วนปลาย!

โลกเกิดการบิดเบือนและหม่นหมอง ราวกับวิชาทรงพลังที่สุดของหยุนยี่เฟิงเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้!

ขณะที่แปดดาบเข้ามาใกล้นั้น สีหน้าหวังหลินไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย เขายก สองแขนขึ้นมาและข่วนใส่ท้องฟ้า!

มือคู่ยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน มันทั้งหยาบกร้านและเต็มไปด้วย รอยแผลมากมาย มันคือแขนของเย่โม่!

ยามที่หวังหลินเคลื่อนไหว สองแขนนั้นได้คว้าจับความว่างเปล่าและฉีกกระชากท้องฟ้าออกมา เสียงดังสนั่นกึกก้องและเกิดรอยแยกขนาดใหญ่เปิดขึ้น รอยแยกนี้ ลากยาวจนเชื่อมกันทั้งฟ้าดิน

มองไกลๆ ราวกับโลกเบื้องหน้าหวังหลินได้พังทลายไปแล้ว รอยแยกมีกลิ่นอายเก่าแก่และพลังทำลายล้างที่สามารถทำลายล้างโลกใบนี้ได้ แปดดาบได้เข้าปะทะกับรอยแยกจนเกิดเสียงดังสนั่น พวกมันพังทลายไปพร้อมกับร่างของหยุนยี่เฟิง!

หลังจากนั้นไม่นานร่างที่สอง สามและสี่ก็สลายไปพร้อมกับดาบ

“เจ้าต้องการสู้ซึ่งหน้า ข้าจะไม่ใช้แม้กระทั่งวิชายับยั้ง เจ้าต้องการต่อสู้ประจัญหน้า ข้าจะให้เจ้าได้รับรู้!!” หวังหลินเอ่ยเสียงเย็นเยียบดังกึกก้อง

นาทีนั้นสองแขนได้ฉีกท้องฟ้าอีกครั้งจนเปิดรอยแยกตรงหน้า ร่างหยุนยี่เฟิงร่างที่ ห้า หกและเจ็ดล้วนแตกสลาย เสียงร้องอู้อี้ดังออกมาพร้อมกับมีควันลอยจากร่าง ทั้งเจ็ดและก่อเกิดเป็นร่างดั้งเดิมของหยุนยี่เฟิงอยู่ไกลๆ!

เขากระอักโลหิต ใบหน้าซีดเซียวพลางล่าถอยไปหลายก้าวและมองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัว ความหวาดกลัวนี้ไม่น้อยไปกว่าตอนที่เห็นหวังหลินถือคันศรลี่กวงเลยแม้แต่น้อย!

“นี่คือการต่อสู้ซึ่งหน้าหรือ!?” หยุนยี่เฟิงล่าถอย รอยแยกเบื้องหน้าหวังหลินค่อยๆ หายไป หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น เรือนผมสีขาวพัดพริ้ว ถือสัจจะโลหิตที่ หยุนยี่เฟิงส่งออกมา

หยุนยี่เฟิงขบคิดเงียบๆ พยักหน้าแต่ในใจรู้สึกขมขื่น

ทันทีที่พยักหน้า สัจจะโลหิตในมือหวังหลินจึงเปล่งแสงสีแดงเรืองรอง มันหายเข้าไปในฝ่ามือหวังหลินและกลายเป็นคำสาบาน

หยุนยี่เฟิงเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้นจึงไม่ได้เล่นกลอะไรกับสัจจะโลหิต ในเมื่อ เขาพ่ายแพ้ก็คือแพ้! เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นการช่วยชีวิตเขาเอาไว้!

หากเขาพยายามลองดี หวังหลินคงสังหารโดยไม่ลังเลถึงแม้จะเสียเวลาอยู่บ้างก็ตาม ตอนนี้หวังหลินมีตัวเลือกที่ดีกว่า เขามองออกไปไกลและสัมผัสถึงกลิ่นอายทั้งสาม ที่กำลังเข้ามาใกล้

‘พวกนั้นมาได้จังหวะพอดี…บางทีข้าสามารถใช้พลังของเขาเพื่อพิสูจน์ความสามารถ…’

ขณะที่การต่อสู้นี้จบลง สายหมอกรอบๆ ภูเขาเริ่มเคลื่อนไหวและเกิดเป็น ศีรษะล้านขึ้นมา เสียงคำรามดังกึกก้องอีกครั้ง

หวังหลินห่อหุ้มร่างด้วยกลิ่นอายบัญชาโบราณและถอยร่นออกไปมากกว่าพันฟุตเพื่อต่อต้าน ถังซานเป็นพยานการต่อสู้ก่อนหน้านี้และรีบถอยไปกับหวังหลิน อย่างรวดเร็ว

ท้องฟ้าห่างออกไปไกลเกิดการบิดเบือน ร่างเลือนลางหนึ่งได้มาถึง

“หยุนยี่เฟิง ฆ่ามัน!” หวังหลินมีแววตาเย็นเยียบ แขนขวายื่นออกไปและมีแสงโลหิตกะพริบ ปรากฏกระบี่โลหิตและทะยานเข้าหาร่างเลือนลางผู้นั้น

ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าและเปล่งแสงอาทิตย์เจิดจ้าไร้ขอบเขตเข้าปะทะกับกระบี่โลหิต ร่างเลือนลางถูกบังคับให้ล่าถอยจนเผยร่างเป็นราชันย์!

วินาทีที่เขาปรากฏตัว หยุนยี่เฟิงกัดฟันและกลืนเม็ดยาเข้าไป พุ่งทะยานเข้าหาและใช้วิชาแปดดาบตัดวิญญาณ ดาบมายาทั้งแปดปรากฏขึ้นและเชื่อมต่อเข้าด้วยกันพลางทะยานเข้าใส่ราชันย์!

รวมถึงถังซาน นางสร้างผนึกพลางสะบัดแขนโดยไม่ลังเล ประตูสีทองเจ็ดบานปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหยุนยี่เฟิงและอีกเจ็ดบานปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินเช่นกัน!

‘วิชาป้องกัน!’ หวังหลินหรี่ตาแคบลง

วิชาส่วนใหญ่นั้นใช้เพื่อโจมตี แม้แต่วิชาป้องกันเองยังใช้ได้กับตัวเองเท่านั้น วิชาที่ใช้กับคนอื่นได้จึงหาได้ยากมาก นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินได้เห็นวิชาที่สามารถใช้กับคนอื่นได้ด้วย!

สำนักประตูสวรรค์ที่ถังซานอยู่เป็นเพียงสำนักเล็กๆ และไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบสามสำนักใหญ่ แต่มันก็ยังมีชื่อเสียง เหตุผลก็เพราะวิชาส่วนใหญ่เป็นวิชาป้องกันที่ใช้ปกป้องคนอื่นได้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version