Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1770

Cover Renegade Immortal 1

1770. หุ่นเชิดเย่ซื่อ

หวังหลินกำลังร่วงหล่นผ่านสายหมอกอยู่ในสุสานโบราณ สายลมตีเข้าหูทันทีที่ร่างทะยานลงไป สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกมาสังเกตการณ์รอบด้านอย่างละเอียด

มีหลายอย่างที่แปลกประหลาดอยู่ในสายหมอก หวังหลินเข้าใจดีและเขาก็เจออสูรส่วนใหญ่ที่นี่ด้วย หวังหลินเปลี่ยนความเร็วให้หลบเลี่ยงอสูรใกล้เคียงและมุ่งหน้าไปยังชั้นที่สอง

ชั้นที่สองเป็นจุดที่หวังหลินสัมผัสกลิ่นอายน่ากลัวได้ แต่ยิ่งคิดตอนนี้ก็ยิ่งเชื่อว่ามันคือไพ่ตายที่ทรงพลังที่สุดของราชันย์เทพสีรุ้ง!

หุ่นเชิดเย่ซื่อ!

หลังจากหวังหลินเข้าไปในแกนกลางของถ้ำ เขาอยากสังเวยพวกมันตามวิถีทางที่ราชันย์เทพสีรุ้งได้ทิ้งเอาไว้ให้

จนถึงจุดนี้หวังหลินสังหารคนไปมากและต้องขอบคุณการเชื่อมสายใยอันลึกลับนั้นหวังหลินจึงมั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่ากลิ่นอายเป็นของเย่ซื่อ!

‘เป้าหมายของสุสานโบราณนี้คล้ายกับการหล่อเลี้ยงหุ่นเชิด หลังจากราชันย์เทพสีรุ้งสังหารเย่โม่ได้แล้ว เขาจึงใช้เย่โม่เพื่อทำให้หุ่นเชิดสมบูรณ์แบบ’ หวังหลินดวงตาเป็นประกาย ด้วยการที่มีความทรงจำของวิญญาณดวงที่สามช่วยเหลือ หวังหลินพอจะเดาเรื่องส่วนใหญ่ได้

ขณะที่เดินทางลงไป สายหมอกค่อยๆ เบาบางลง ขณะที่เข้าไปใกล้ทางเข้าสู่ชั้นถัดไป สายหมอกที่เบาบางก็ไม่ขัดขวางสายตาอีกแล้ว ปรากฏเป็นพื้นดินสีดำด้านล่างให้เห็นพื้นดินแห่งนี้ไร้ขอบเขตและปกคลุมไปด้วยพืชประเภทสาหร่ายสีดำ พวกมันส่ายไปมาปลดปล่อยควันสีดำ ช่างเป็นฉากที่น่าประหลาด

ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์แต่มีแสงน่ากลัวออกมาจากสาหร่ายสีดำ สาเหตุที่หวังหลินมองเห็นรอบด้านได้อย่างชัดเจนก็มาจากแสงเหล่านี้

สถานที่แห่งนี้เงียบสงัด หลังจากหวังหลินมาถึง สาหร่ายสีดำส่ายไปมาอย่างต่อเนื่องและปลดปล่อยควันสีดำ

สายตากวาดผ่านพืชพันธุ์บนพื้นไปด้วยความระมัดระวัง เขาอยู่ห่างจากอันตรายของสุสานโบราณ สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปข้างหน้าช้าๆ

แผนที่ในความทรงจำเมื่อตอนนั้นได้บอกว่าทางเข้าสู่ชั้นถัดไปอยู่ห่างอีกไม่ไกลนัก

เวลาครึ่งก้านธูปไหม้ได้ผ่านไป หวังหลินทะยานไปข้างหน้า ทัศนียภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไป ห่างออกไปอีกแสนฟุตมีพื้นที่เปิดโล่งไร้พืชพันธุ์ในระยะหมื่นฟุต ใจกลางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณตั้งอยู่

ค่ายกลแห่งนี้อยู่มานานแค่ไหนไม่รู้และยังใช้งานได้ แต่ที่นี่ก็ยังเงียบ แสงน่ากลัวกะพริบวาบออกมาเปล่งสัมผัสแห่งพลังอำนาจ

หลังจากเห็นค่ายกลเคลื่อนย้าย หวังหลินจึงหรี่ตา เพียงเข้าไปใกล้จึงเกิด เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย เสียงคำรามมีกลิ่นอายน่ากลัวจนจิตใจหวังหลินสั่นเทาและต้องหยุดชะงัก

วินาทีที่เสียงคำรามดังกึกก้อง สาหร่ายในพื้นที่เริ่มส่ายไปมาอย่างรุนแรง ควันสีดำจำนวนมากโผล่ขึ้นมาและลอยขึ้นไปในอากาศ

พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนและเคลื่อนตัวราวกับคลื่น

หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงก็ค่อยๆ หายไป หวังหลินหน้าซีดขณะที่ยืนอยู่นอกค่ายกลและขบคิดอยู่นาน จากนั้นมองเข้าไปด้วยสายตามุ่งมั่น

‘หากข้าเดาถูก นี่ไม่น่าจะอันตรายเกินไป ตรงกันข้ามมันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับข้าอย่างมหาศาล หุ่นเชิดเย่ซื่อ…’ หวังหลินไม่ลังเลอีกแล้วและก้าวเข้าสู่ ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

พอเข้ามาในค่ายกลมันก็เปิดใช้งาน แสงน่ากลัวกระจายออกไปทั่วสารทิศและ ปกคลุมพื้นที่รัศมีหมื่นลี้

นางสนมลำดับสามเคลื่อนร่างเข้าไปในสายหมอกอย่างรวดเร็ว นางไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดแต่สัมผัสได้ว่ามันอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ตามนางพลันหยุดลงเมื่อเห็นแสงน่ากลัวแทงทะลุผ่านสายหมอกเข้ามา

ดวงตาส่องสว่างขึ้นและเคลื่อนร่างเข้าหาต้นตอของแสงน่ากลัวอย่างระมัดระวัง

ผ่านไปหนึ่งก้านธูปไหม้ นางได้เห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอยู่บนพื้น นางลังเลอยู่นอกค่ายกลสักพักก่อนจะกัดฟันและเดินเข้าไปในค่ายกล

ในชั้นที่สองจนถึงชั้นสุดท้ายของสุสานโบราณ สายหมอกไม่ได้หนาแน่นเท่ากับชั้นบน หวังหลินทะยานมาถึงที่นี่ด้วยความระมัดระวัง แม้จะมีหมอกอยู่บางเบาแต่มันกลับเป็นสีแดงและดูเหมือนโลหิตสดใหม่

บางครั้งก็มีเสียงคำรามดังออกมาจากสายหมอกรอบด้าน ดวงตาสีแดงหลายคู่จับจ้องมาที่หวังหลิน แต่ด้วยกลิ่นอายบัญชาโบราณของหวังหลิน พวกมันจึงไม่กล้าเข้าใกล้

นอกจากนี้หวังหลินก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ตราบใดที่เขาระมัดระวังตัวเอง จะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นฉับพลัน

ขณะที่พุ่งทะยานไปข้างหน้า สายหมอกรอบตัวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามคล้ายโผล่ออกมาใกล้หู สั่นสะเทือนไปทั้งโลกและให้ความรู้สึกเหมือนชั้นนี้กำลังพังทลาย

หวังหลินหยุดชะงักทันทีราวกับมีพลังแข็งแกร่งตีเข้ามาพร้อมเสียงคำราม ผลักเขากลับไปถึงพันฟุตก่อนที่เสียงคำรามจะหายไป

หวังหลินหน้าซีด ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า เสียงคำรามได้ทำให้จิตใจสั่นไหวและแทบเกิดอาการบาดเจ็บ

‘กลิ่นอายทรงพลังอะไรกันนี่…หากเป็นหุ่นเชิดเย่ซื่อจริง ข้าสามารถใช้มันได้หรือไม่…’ หวังหลินเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอีก

เขาค่อยๆ เข้าไปใกล้ต้นตอของเสียงคำรามจนกระทั่งเห็นภูเขา!

ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากแต่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดง เมื่อหวังหลินเข้าใกล้ และมองเห็น สายหมอกสีแดงรอบภูเขาเริ่มขยับก่อตัวเป็นศีรษะขนาดยักษ์

ศีรษะไร้เส้นผมและหัวล้าน มันพร่ามัวจนไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้ชัดเจน อย่างไรเสียมันได้อ้าปากส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนออกมา!

เมื่อเสียงคำรามปรากฏขึ้น หวังหลินใช้สองมือสร้างผนึกและโบกสะบัด แก่นแท้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า พลังบัญชาโบราณไหลเวียนในร่างกายเพื่อต่อต้านพลังของ เสียงคำราม

ตอนนี้เขาอยู่ห่างออกไปหลายแสนฟุต แต่ด้วยระยะห่างเท่านี้เสียงคำรามยังกระแทกใส่เขาด้วยพลังรุนแรง แก่นแท้ของหวังหลินกระเด็นกลับเข้าร่างกายพร้อมกับเกิดเสียงปะทุ หวังหลินหน้าซีดและถูกดันกลับไปหมื่นฟุตก่อนที่เสียงคำราม จะหายไป โลหิตไหลย้อนออกมาจากมุมปาก ศีรษะที่สร้างขึ้นจากหมอกสีแดงนั้นดูเหมือนได้หลอมละลายมาก่อนจะกลับมาที่ภูเขา

‘นี่มันเย่ซื่อ!’ หวังหลินจ้องมองไปที่ยอดภูเขา เขารู้สึกมั่นใจผ่านสายใยที่อยู่ในใจ!

‘น่าเสียดายที่ระหว่างทางแม้ข้าจะสังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นเครื่องสังเวย แต่มันก็ยังไม่มากพอ…หากข้าต้องการควบคุมเจ้าสิ่งนี้ได้ ข้าจำเป็นต้องสังหารเซียนทรงพลังให้มากยิ่งขึ้น!’ หวังหลินขมวดคิ้วพลางมองภูเขาเบื้องหน้า ขณะที่กำลังขบคิดจึงมองออกไปไกล

‘นั่นนาง…’ ร่างหวังหลินกะพริบวาบและหายวับไปเพื่อซ่อนตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นานแสงสีทองกะพริบวาบ ประตูสีทองบานยักษ์ลอยออกมา ด้านหลังประตูมีนางสนมลำดับสามนั่งอยู่ นางหน้าซีดและมีโลหิตไหลออกจากมุมปาก

นางมองภูเขาเบื้องหน้าด้วยสายตาหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าชั้นนี้จะมีอะไรที่น่ากลัวขนาดนี้

นางกัดฟัน ใช้จังหวะที่ภูเขาไม่ได้ส่งเสียงคำรามเพื่อส่งข้อความออกไป

“หวังหลิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่! ข้าไม่มีความแค้นอะไร ข้าเชื่อว่าด้วยพลังและวิชาของข้าจะสามารถช่วยเจ้าได้ ได้โปรดปรากฏตัวเถอะ!”

รอบด้านเงียบสงัด มีเพียงสายหมอกที่ปั่นป่วนเปล่งเสียงพึมพำห่างออกไปไกล

คำพูดของนางดังกึกก้อง หลังจากเห็นว่าไม่เกิดปฏิกิริยาอะไร นางจึงมีสีหน้ามืดมนและส่ายศีรษะ ประตูสีทองค่อยๆ ถอยไปและนางเตรียมพร้อมจะเคลื่อนที่สู่ตำแหน่งอื่นเพื่อค้นหาหวังหลิน

ทว่าในจังหวะนั้น สายหมอกบนภูเขาเริ่มส่งเสียงดัง ร่างเงาเลือนลางปรากฏขึ้นมาร้องคำราม

ด้วยเสียงคำรามนี้ โลกเปลี่ยนสีสัน ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นดังสนั่นไปทั่วอากาศ พื้นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าบิดเบี้ยว สีหน้าของนางสนมลำดับสามได้เปลี่ยนไป นางกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตใส่ประตูทอง

ประตูเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าเข้าต่อต้านเสียงคำราม แต่มันก็พังทลายอย่างรวดเร็ว นางสนมลำดับสามถึงกับหน้าซีดและรีบถอยทันที สองฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นมามีแสง สีทองกะพริบวาบและมีประตูสีทองปรากฏอีกสี่บาน

ประตูสีทองสี่บานแตกสลายไปทีละบาน นางสนมลำดับสามใช้โอกาสนี้ถอยไปได้อีกหมื่นฟุต นางกำลังจะใช้วิชาอีกอย่างเพื่อต่อต้านคลื่นกระแทกแต่กลับมีเสียง เย็นเยียบดังกึกก้องออกมา

“ทำไมเจ้าถึงตามหาข้า?” หวังหลินปรากฏตัวเบื้องหน้านาง สะบัดแขนขวาไปด้านหลังเพื่อขัดขวางคลื่นกระแทก ร่างหวังหลินแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านคลื่นกระแทกระดับนี้

“หวังหลิน!” นางตกตะลึงและมีแววตาเปี่ยมสุข ไม่นานก็ซ่อนเอาไว้

“เจ้า…เจ้าช่วยข้าไว้ครึ่งนึงในสุสานโบราณ คราวนี้ข้าอยากช่วยเจ้า…”

“ไม่จำเป็น ที่นี่อันตราย อย่าอยู่ที่นี่” หวังหลินจ้องนางอย่างเยือกเย็นและหันกลับเพื่อจะออกไปค้นหาวิญญาณเซียนทรงพลังมาสังเวย

“ข้า…ข้าสามารถช่วยเจ้าได้!” นางกัดริมฝีปากและยกแขนขวาขึ้นมา มีลูกปัดคล้องด้ายสีทองอยู่บนมือ ลูกปัดสีทองเปล่งแสงอ่อนโยน

“อาจารย์มอบสิ่งนี้ไว้ให้ข้า มันสามารถเปลี่ยนกลายเป็นประตูทองเจ็ดบาน หากเจ้าต้องการเข้าภูเขาลูกนี้ ของชิ้นนี้สามารถช่วยเจ้าได้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version