Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 193

Cover Renegade Immortal 1

193. ผนึกทะเลโลหิต

ใบหน้าหวังหลินแทบเหมือนเดิมแต่ในไม่ช้าเขาเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา

ดวงตาตั่วมู่มีความหนาวเหน็บ เมื่อเขากำลังจะพูดกลับถูกชายชราหยุด ชายชราจ้องหวังหลินและพูดช้าๆ “กับดักอสูรฮวนหยวนนี้เป็นสมบัติในตำนาน หากเจ้ายังไม่พอใจ ข้าไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว”

ใบหน้าหวังหลินเรียบเฉย เขาจ้องเครื่องมือรอบๆพวกเขาและไม่ได้พูดอะไร

ชายชราขบคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น “นี่เป็นสมบัติช่วยชีวิตของข้า ข้าไม่สามารถให้เจ้าได้ ข้าให้เจ้าได้เพียงหินวิญญาณระดับสูงสิบก้อน นั่นมากพอที่เราให้ได้”

หวังหลินไม่ได้รู้สึกต้องผลักดันพวกเขาเกินไป ความจริงเซียนพวกนี้มีระดับที่เกินจินตนาการไปแล้ว หากเขาไม่มีความทรงจำที่ตกทอดมาคงไม่สงบใจได้แบบนี้

หวังหลินพูดอย่างสงบนิ่ง “100 ชิ้น”

โดยไม่รอให้ชายชราตอบโต้ ตั่วมู่พูดขึ้น “ไม่มีทาง!” คนอื่นๆต่างหนาวเหน็บ

หวังหลินไม่ได้ข่มขู่ เขารอให้ชายชราตอบกลับอย่างง่ายๆ

ชายชราลังเลและพูดอย่างเศร้าใจ “20 ชิ้น นี่เป็นขีดจำกัดของข้า เราไม่ได้มีหินวิญญาณระดับสูงมากพอ หากเจ้ายังไม่ตกลง เราต้องใช้วิธีอื่น”

ใบหน้าหวังหลินเหมือนเดิม เขายืดมือขวาออกมา ชายชราชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง งูสีดำเลื้อยออกมา [มีงูอยู่ในเสื้อผ้า!!] และแหวนทองแดงดูธรรมดาปรากฎขึ้นในฝ่ามือ เขาโยนแหวนทองแดงขึ้นและหวังหลินรับมันไป

หวังหลินชำเลืองแหวนทองแดง มันมีขนาดเท่ากำไลและสลักไปด้วยอสูรพิลึกหลายตัว อสูรพิลึกพวกนั้นให้ความรู้สึกมีชีวิตราวกับของจริง

หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณออกมา ขณะที่เข้าไปในแหวนเขาได้ยินคลื่นเสียงคำรามของอสูรดังขึ้น สัมผัสวิญญาณสั่นเทาจึงรีบถอนออกมาอย่างรวดเร็ว

หวังหลินเก็บแหวนทองแดงลงโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า จากนั้นเขามองไปที่ชายชรา

ในฝ่ามือเขาปรากฎถุงสีเทาหนึ่งถุง จากนั้นโยนไปที่หวังหลิน เขามองเข้าไปในถุงและเห็นหินวิญญาณระดับสูงเรียงกันยี่สิบก้อนอย่างเรียบร้อย คลื่นพลังปราออกมาจากถุงนั้น

หลังจากนำถุงที่ใส่หินวิญญาณเข้าไปในกระเป๋า หวังหลินโยนกระเป๋าสีเทาไปบนพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้ามีหนึ่งคำถาม หลังจากข้าผนึกเขาแล้ว ข้าจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้ยังไง?”

หลังชายชราได้ยินคำถาม จิตใจผ่อนคลายเล็กน้อย เขารอให้หวังหลินถามคำถามเสมอ หากหวังหลินไม่ต้องการถาม นั่นจะมีพิรุธ

“มันง่ายมาก หลังจากต้าเสินผนึกอีกครั้ง ข้าจะต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้เช่นกัน กุญแจอยู่ภายในทะเลวิญญาณมรณะ นับตั้งแต่ที่เจ้าอยู่ที่นี่กับเรา เราจะสามารถออกที่นี่ได้เช่นกัน”

หวังหลินเยาะเย้ยในใจ ถ้าสิ่งที่พวกเขากล่าวมาเป็นเรื่องจริง ตอนนี้หวังหลินเชื่อแล้วว่าเป้าหมายของพวกเขาคือมรดกภูมิปัญญาในทะลวิญญาณมรณะ

หวังหลินเผยใบหน้าเย็นชา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน แต่เรื่องนี้มีความสำคัญมาก หากข้าไม่สามารถเชื่อท่านได้ร้อยส่วนว่าสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้ เมื่อนั้นทั้งหมดนี้เป็นเรื่องสูญเปล่า”

ชายชราขมวดคิ้วและพูดขึ้น “ตาเฒ่าคนนี้ให้สัญญากับเจ้านับตั้งแต่ตอนนี้ ข้าไม่เคยกลับคำพูด”

หวังหลินไม่ขยับ เขาส่ายศีรษะและพูดขึ้น “ผู้อาวุโสเป็นหัวหน้าคนหนึ่งและผู้น้อยควรจะเชื่อท่าน แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตและความตาย หากผู้น้อยไม่สามารถเชื่อท่านได้ แม้เราจะทำข้อตกลงกัน มันก็ยากที่จะทุ่มเทตัวเองเต็มที่”

ตั่วมู่หายใจออก เผยเจตนาฆ่าฟันและพูดขึ้น “เจ้าหนูกำลังพูดอะไรอ้อมค้อมน่าเบื่อจริงๆ และข้าสัญญากับเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อมันก็อย่าทำให้เรื่องมันยาก ให้เข้าส่งเจ้าไปนรกเพื่อความสบายใจของข้าเถอะ!” ทันใดนั้นเขาโบกแขนขวาและสร้างมือสีดำมืดกระแทกเข้าหาหวังหลิน

สายตาหวังหลินเย็นชา เขาไม่ได้มองไปที่มือยักษ์และจ้องชายชราอยู่

มือยักษ์หยุดห่างจากศีรษะหวังหลินไปสามนิ้ว ชายชราโบกฝ่ามือและตั่วมู่นำมือยักษ์กลับไป

ชายชราขมวดคิ้วขณะที่เขามองตั่วมู่หนึ่งครั้งและพูดช้าๆ “เจ้าต้องการอะไร?”

หวังหลินมองเครื่องมือรอบๆและพูดขึ้น “ตั้งแต่ที่เครื่องมือพวกนี้เป็นสมบัติปกป้องชีวิตพวกท่าน จะเป็นอย่างไรถ้าให้ผู้น้อยคนนี้มาถือไว้ก่อน เมื่อเราออกจากที่นี่ได้ ผู้น้อยจะคืนให้พวกท่านเอง ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสไม่กังวลกับผู้น้อยเช่นข้าที่อยู่เพียงขั้นแกนลมปราณหรอก”

ชายชรามองหวังหลิน หลังครุ่นคิดอยู่นานพลันเผยรอยยิ้มเยือกเย็นและพยักหน้า เขาสะบัดแขนและเครื่องมือทั้งสิบชิ้นลอยเข้าฝ่ามือเขา หลังจากวางผนึกบางส่วนบนนั้นจึงโยนหาหวังหลิน

โดยไม่ได้เอ่ยวาจา หวังหลินนำกระเป๋าอีกใบออกมาและวางทั้งสิบไว้ภายใน จากนั้นเก็บกลับไปอย่างระมัดระวัง

ช่องว่างเริ่มหายไปโดยไม่มีพลังของเครื่องมือทั้งสิบ ชายชรามองหวังหลินหนึ่งครั้งและสะบัดแขนเพื่อเปิดรอยแยกหนึ่ง เขาก้าวถอยห่างออกไป

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะที่เข้าไปในรอยแยก

หลังจากหวังหลินเข้าไป ตั่วมู่มีใบหน้าไม่เต็มใจพลันพูดขึ้น “พี่ใหญ่…”

“หุบปากของเจ้า!” ใบหน้าชายชราเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาจ้องไปที่ตั่วมู่และเข้าไปในรอยแยก

คนอื่นๆนอกจากตั่วมู่เข้าไปในรอยแยกทีละคน คนสุดท้ายคือคนที่มักจะมีสีหน้าดำมืดเสมอ เมื่อเขากำลังจะเข้าไปในรอยแยกพลันพูดขึ้น “ตั่วมู่ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? เจ้าเด็กนั่นรู้รายละเอียดทุกอย่างของแผนเรา มันรู้ว่าเราต้องการให้มันรอดชีวิต สิ่งที่เจ้าทำก่อนนี้เป็นการลดเกียรติของเจ้าเอง! ความต้องการของข้าขึ้นอยู่กับเด็กคนนี้เพื่อให้เป็นเรื่องจริง พี่ใหญ่ต่างรอมานานเพื่อการนี้ หากทุกคนไม่อุทิศตัวให้กับต้าเสิน เรื่องก็คงไม่ยุ่งยากเช่นนี้”

หลังจากพูดจบ เขาก้าวเข้าไปในรอยแยก ตั่วมู่ขบคิดเล็กน้อยและติดตามเขาเข้าไป

หลังจากเข้ามาในรอยแยก สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินคือโลกสีแดงโลหิต มีหลายตาจับจ้องอยู่บนเสาหิน โดยเฉพาะคนที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ รูม่านตาหวังหลินหรี่เล็กลง สถานที่แห่งนี้เป็นทะเลโลหิตของจริง

สายตาหวังหลินตกไปบนชายที่อยู่บนยอดเสาสูงสุด ชายคนนั้นมีผมสีแดงโลหิต มีบรรยากาศแห่งความเย่อหยิ่งกระจายออกมา หลังมองหนึ่งครั้งหวังหลินรู้สึกราวกับไม่อาจหายใจได้

ขณะนั้นเอง เซียนมารคนอื่นทั้งหมดกลับมา รวมไปถึงกลุ่มของตัวมู่ด้วย หลังพวกเขาเข้ามาในทะเลโลหิต ทั้งหมดต่างนั่งลงบนเสาหินที่แตกต่างกัน

เซียนมารทั้งหมดพบเสาหินของตนเอง นั่งลงและจดจ้องไปที่หวังหลิน

ทั้งหมดนั่งขัดสมาธิ หวังหลินเป็นเพียงคนเดียวที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ

ดวงตาหวังหลินกวาดไปทั่วพื้นที่ มีเซียนมากมายนักอย่างน้อยก็หนึ่งพัน ในคนเหล่านี้เขาเห็นเมิ่งหลังค่อม ตวนมู่จวี่ หวังฉิงเย่ จอมเวทย์ปิศาจฟ้า…

ในขณะนั้น บรรยากาศถัดจากชายผมแดงพลันปรากฎรอยแยกหนึ่งขึ้น ชายร่างสูงเดินออกมา ขณะที่เขาปรากฎตัวได้มองไปที่หวังหลินและเผยใบหน้าปิติยินดี พร้อมกับพูดกับชายผมแดง “นายท่าน เขาคือวิญญาณกลืนกิน” จากนั้นนั่งลงบนเสาหินหนึ่งใกล้เคียง

หวังหลินสังเกตได้จากการชำเลืองมองคนผู้นั้นซึ่งเป็นวิญญาณกลืนกินตัวใหญ่

รอบด้านเงียบเสียบสงัด จนเสียงแหบพร่าหนึ่งดังขึ้นจากชายผมแดง

“วิญญาณกลืนกิน…” ทันใดนั้นเขาเชิดศีรษะขึ้นและทั้งทะเลโลหิตสั่นไหว เสาหินรอบๆฉีดพ่นโลหิตออกมานับไม่ถ้วน ทั้งโลกถูกปกคลุมในสายธารโลหิตหลังจากนั้น

ดวงตาให้ความรู้สึกราวกับถูกพลังอันไร้ขีดจำกัดกลืนกินเข้าไป การจ้องมองของเขาให้ความรู้สึกเหมือนปิศาจไปที่หวังหลิน

ทันใดนั้นหวังหลินรู้สึกได้ถึงจังหวะที่ชายผมแดงจ้องมองเขา กฎเกณฑ์ล่องหนหนึ่งเริ่มกระตุ้นใกล้เขา หวังหลินไม่สามารถขยับร่างกายได้ทันที

“ดูดซับเสี้ยววิญญาณและปลดผนึกนี้ให้ข้าหรือไม่ก็ตาย!” หลังชายผมแดงพูดจบ เขาจับไปที่คิ้วตนเอง ใบหน้าเผยความเจ็บปวด ร่างกายสั่นเทาขณะที่ดึงแสงสีแดงออกจากร่างกาย แสงสีแดงโลหิตลอยเบื้องหน้าหวังหลิน

หลังจากนำแสงสีแดงออกมา ชายผมแดงหายใจหนักหน่วง มันทำให้เขาใช้เวลาช่วงหนึ่งก่อนจะที่ลมหายใจจะกลับมาเป็นปกติ

เซียนมารทั้งหมดจ้องไปที่แสงสีแดงพร้อมกับเผยแววตาที่ปนไปด้วยความกลัวและอิจฉา

ร่างชายผมแดงสั่นเทา เขาจ้องหวังหลินผ่านเส้นยุ่งๆ หวังหลินประหลาดใจแต่ใบหน้าสงบนิ่ง เขาพูดอย่างใจเย็น “ข้าสามารถช่วยท่านได้ แต่เมื่อท่านทำลายผนึกแล้ว ท่านต้องช่วยข้าออกไป!”

ปากชายผมแดงขยับเล็กน้อยและพยักหน้า หวังหลินมองเขาอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นวิญญาณขอบเขตจวี่ของเขากระโจนออกมาก่อร่างเป็นปากขนาดใหญ่และกลืนกินแสงสีแดง

ทันใดนั้นความรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในวิญญาณหวังหลินและร่างกายสั่นสะท้าน หลังจากผ่านไปนานความเจ็บปวดได้หายไป เขาตรวจสอบวิญญาณของตนเองและสังเกตได้ว่ามันมีขนาดเป็นสองเท่าจากของเดิม

เหตุผลที่เขากล้าเผยใบหน้าตัวเองก็เพราะมีความแตกต่างกันมากระหว่างมรดกแห่งพลังกับมรดกแห่งภูมิปัญญา ดังนั้นไม่มีโอกาสใดที่มันจะถูกสังเกตได้เว้นแต่จะมีมรดกเหมือนกันถูกสืบทอดสองคน

หนทางนี้นอกจากหวังหลินเอง ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับส่วนหนึ่งของมรดกมาแล้ว

ส่วนแสงสีแดง หวังหลินได้ยินจากกลุ่มตั่วมู่ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณเทพโบราณ หากเป็นคนอื่นคงกลัวมันเนื่องจากไม่มีความสามารถในการควบคุมมัน แต่สำหรับวิญญาณกลืนกิน เขาสามารถกลืนกินมันได้ด้วยตัวเอง

หลังจากเห็นเศษเสี้ยววิญญาณถูกกลืนกิน ชายผมแดงจ้องหวังหลินด้วยแววตาเย็นเฉียบ ผ่านไปนานจึงกล่าวออกมา “แม้ว่าเจ้าจะเป็นวิญญาณกลืนกินตนหนึ่ง เจ้ายังไม่ได้สร้างอัญมณีวิญญาณของเจ้า ทว่าการที่เจ้าสามารถบังคับกลืนเศษเสี้ยววิญญาณได้เป็นเรื่องน่าพอใจ วิญญาณเร่ร่อน ช่วยเขาสร้างอัญมณีวิญญาณ”

ชายที่เป็นร่างของวิญญาณเร่ร่อนได้สั่นสะท้าน เขาลังเลเล็กน้อยแต่รีบกลับมามั่นคงและกระซิบ “ตามที่ท่านต้องการ” พลันชี้นิ้วตัวเองที่ระหว่างคิ้ว ทั่วร่างสั่นและเห็นได้ชัดว่าอ่อนแอลงอย่างมาก ขณะเดียวกันบอลสีแดงประกายได้ปรากฎระหว่างคิ้วของเขา

ขณะที่บอลสีแดงปรากฎ ร่างกายสูญสลายกลายเป็นรูปร่างวิญญาณเร่ร่อนแต่เขาไม่สามารถคงสภาพร่างนี้ไว้ได้อีกนาน หลังจากผ่านไปสักพักจึงค่อยๆกลับมาเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง

โดยไม่ต้องเอ่ย วิญญาณขอบเขตจวี่ออกมาอย่างรวดเร็วและล้อมรอบบอลแสง บอลนั้นมีพลังวิญญาณของวิญญาณเร่ร่อนตัวใหญ่นั้น หวังหลินสามารถดูดซับมันได้โดยไม่มีอุปสรรค ผ่านไปครึ่งชั่วโมงจึงดูดซับมันได้สมบูรณ์

หวังหลินรู้สึกได้ชัดเจนว่าวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นหลายเท่าทันที ชายผมแดงขบคิดเล็กน้อย “วิญญาณเร่ร่อน ดำเนินต่อไป”

วิญญาณเร่ร่อนหัวเราะขำ มันไม่คิดว่าหวังหลินจะเป็นวิญญาณกลืนกินโดยไม่มีอัญมณีวิญญาณ หากเขารู้เช่นนั้นคงไม่บอกเจ้านาย เรื่องนี้ทำให้มันเองตกอยู่ในสภาวะเสียใจ อีกทั้งวิญญาณกลืนกินตนนั้นมีอะไรผิดปกติจริงๆ แม้กระทั่งบอลวิญญาณหนึ่งลูกก็ดูไม่พอที่จะให้มันสร้างอัญมณีวิญญาณได้

อัญมณีวิญญาณเป็นสิ่งที่วิญญาณกลืนกินค่อยๆสร้างเมื่อถึงจุดหนึ่งและกลืนกินวิญญาณได้จำนวนหนึ่ง เป็นสิ่งที่แกนของพวกมันสร้างขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ

พูดตามปกติแล้ว วิญญาณกลืนกินเกือบทุกตัวจะกลืนกินวิญญาณจำนวนมหาศาล ในขณะที่มันวิวัฒนาการเป็นวิญญาณกลืนกินจะพยายามสร้างอัญมณีวิญญาณให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แทบไม่มีตนไหนรอนานๆเพื่อสร้างอัญมณีวิญญาณของตัวเองเลย

ความแตกต่างระหว่างวิญญาณกลืนกินที่มีกับไม่มีก็คือ วิญญาณกลืนกินที่มีอัญมณีวิญญาณสามารถสร้างวิญญาณเร่ร่อนได้

วิญญาณเร่ร่อนหัวเราะอย่างขมขื่น เขาชี้มือตัวเองระหว่างคิ้ว ร่างกายสูญสลายอีกครั้ง เวลานี้เขาไม่สามารถสร้างร่างมนุษย์ได้อีกนาน ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่งบอลสีแดงจึงปรากฎจากร่างวิญญาณเร่ร่อนของเขาอีกครั้ง

เวลานี้ลมหายใจขาดช่วง แม้ว่าเขาจะยังแข็งแกร่งมากกว่าวิญญาณเร่ร่อนปกติ แต่มีความแตกต่างจากครั้งก่อนอย่างมหาศาล

สายตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาส่งวิญญาณตนเองออกมาล้อมรอบบอลและเริ่มกลืนกินมัน ตอนนี้เขารู้สึกความแตกต่างหนึ่งได้ชัดเจน วิญญาณเขาไม่เติบโตอีกต่อไป แต่ภายในมีอนุภาคขนาดเท่าเมล็ดข้าวเริ่มควบแ่นขึ้น

ชายผมแดงขมวดคิ้ว หากวิญญาณกลืนกินตนหนึ่งไม่มีอัญมณีวิญญาณ พวกมันจะไม่สามารถรองรับเสี้ยววิญญาณจำนวนมากได้ แต่หลังจากชายคนนี้ดูดซับบอลวิญญาณสองลูก ทำได้เพียงบรรลุก้าวแรกของการสร้างอัญมณีวิญญาณ

บอลวิญญาณทั้งสองลูกนั้นสร้างขึ้นจากพลังวิญญาณที่วิญญาณเร่ร่อนมี ชายผมแดงครุ่นคิดเล็กน้อย ความคิดหนึ่งแล่นผ่านหัวสสมอง เขายื่นแขนขวาออกและยกวิญญาณเร่ร่อนขึ้น วิญญาณเร่ร่อนกรีดร้องโหยหวน ร่างกายหดลงอย่างรวดเร็วและควบแน่นเป็นวิญญาณหนึ่งลูก ชายผมแดงคว้าบอลวิญญาณและโยนไปที่หวังหลิน

บอลวิญญาณนี้ถูกสร้างจากชีวิตของวิญญาณเร่ร่อน หลังดูดกลืนบอลวิญญาณ หวังหลินรู้สึกได้ว่าเมล็ดข้าวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ามันมีขนาดเท่านิ้วโป้ง

ทันใดนั้นความรู้สึกประหลาดเข้ามาในใจหวังหลิน วิญญาณขอบเขตจวี่ของเขาพลันหดเล็กลงและรวมเข้ากับบอลอัญมณีขนาดเท่านิ้วโป้ง สำหรับบอลอัญมณีมันหายเข้าไปในระหว่างคิ้วของเขา

ดวงตาหวังหลินกระพริบถี่ ขณะนั้นเขาเป็นวิญญาณกลืนกินของจริงด้วยความสามารถในการสร้างวิญญาณเร่ร่อน

ความรู้ทั้งหมดได้ปรากฎขึ้นราวกับมันถูกสืบทอดมาในขณะที่อัญมณีวิญญาณถูกสร้างขึ้น

ชายผมแดงดึงความสนใจออกมา เขาสะบัดแขนขวาและรอยแยกหนึ่งปรากฎกลางอากาศ ถัดจากนั้นเขาคว้าอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งทะเลโลหิตสั่นอย่างรุนแรงและร่างลวงตาขนาดใหญ่ร่างหนึ่งปรากฎจากรอยแยก

เมื่อร่างนั้นปรากฎ หวังหลินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณกลืนกินตนหนึ่งทันที ชัดเจนแล้วว่าร่างนี้เป็นวิญญาณกลืนกินจากบททดสอบที่สาม

ในไม่ช้าร่างอันลวงตาปรากฎตัวราวกับเมฆหมอกและผ่านรอยแยกมาเผยให้เห็นทั่วทั้งร่างกาย ดวงตาชายผมแดงสว่างขึ้น ร่างกายสั่นเทาขณะที่แสงสีแดงโลหิตเริ่มปลดปล่อยออกมาจากร่างเขา คลื่นหมอกโลหิตกระจายออกมา แทบจะในทันทีทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยหมอกโลหิต เขาดูเหมือนกำลังอดทนกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้ ผ่านไปเวลานานจึงเชิดศีรษะขึ้นพร้อมกับใบหน้าเปื้อนเลือดและพูดด้วยน้ำเสียแหบแห้ง “ออกมาซะ เสี้ยววิญญาณของตู่ซือ!”

จังหวะที่คำพูดเปล่งออกมา แสงสีแดงจำนวนมากมายถูกบังคับออกจากร่างเขา ขณะที่พวกมันปรากฎขึ้นได้เริ่มหมุนวนราวกับพายุทอร์นาโดสีแดง แสงสีแดงต่างมีกลิ่นอายอันชั่วร้าย

เซียนมารรอบๆทั้งหมดโค้งศีรษะด้วยความหวาดกลัว ยกเว้นกลุ่มของตั่วมู่ที่มองดูแสงสีแดงด้วยใบหน้ามืดหม่น

ร่างเงาที่เป็นวิญญาณกลืนกินได้ก่อร่างเป็นปากข้างหนึ่ง ปากนั้นเริ่มขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่มากขึ้นจนยืดออกข้างนอก มันปิดเบื้องหน้าชายผมแดง แสงสีแดงหลายสิบถูกมันดูดกลืนเข้าไป

แต่ในเวลาเดียวกัน แสงสีแดงส่วนที่เหลือพลันเริ่มกระพริบสว่างและหมุนวงกลมที่ชายผมแดงอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่วงกลมหมุนรอบเขา สัญลักษณ์หลายจุดปรากฎขึ้นและวางบนร่างชายผมแดง ทุกครั้งที่มันร่อนลง ร่างกายเขาจะสั่นสะท้าน

ในขณะเดียวกันที่ร่างกายเขาสั่นเทา แสงสีแดงหลายสิบจุดปรากฎขึ้นจากทะเลโลหิตเพื่อทดแทนจุดที่วิญญาณกลืนกินได้จัดการไป พวกมันหมุนรอบร่างชายผมแดง

ส่วนวิญญาณกลืนกิน หลังจากกินเสี้ยววิญญาณได้มากกว่าสิบ ร่างก้อนเมฆของมันเริ่มเรืองแสงสีแดง ชัดเจนแล้วว่ามันต้องใช้เวลาย่อยและไม่สามารถกลืนกินเพิ่มได้

ชายผมแดงเผยใบหน้าเจ็บปวดขณะที่มองหวังหลิน

ตอนนี้หวังหลินเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมถึงต้องการวิญญาณกลืนกินถึงสองตน หากมีเพียงตนเดียว จะยิ่งมีเสี้ยววิญญาณปรากฎเพิ่มมากขึ้นก่อนที่มันจะย่อยสลายเสร็จ ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ไม่ลบผนึกออก แต่มันจะเพิ่มเศษเสี้ยววิญญาณให้มากขึ้น

แต่ด้วยวิญญาณกลืนกินสองตนเพื่อกลืนกินเศษเสี้ยววิญญาณ อาจจะเป็นไปได้งั้นหรือ? ถึงเช่นนั้นโอกาสเป็นไปได้ต่ำมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version