Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2080

Cover Renegade Immortal 1

2080. อะไรคือความจริง?

มู่ปิงเหมยจากไปแล้ว

นางออกไปจากโลกถ้ำและออกไปจากดาวซูซาคุแต่ไม่ได้จากไปคนเดียว มีชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายนาง เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวและมีเรือนผมสีขาวแม้จะมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ทว่าเปล่งบรรยากาศที่ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย เขากุมมือมู่ปิงเหมยไว้เหมือนอยู่ในความฝันและไม่ปล่อยไปไหน

เขาได้ยินมู่ปิงเหมยพูดอยู่ในท้องฟ้า

“ท่าน…ท่านคือร่างอวตารหรือร่างดั้งเดิม…”

หวังหลินมองมู่ปิงเหมยและพูดออกมาเบาๆ “ข้าคือหวังหลินและอยู่ข้างเจ้า”

มู่ปิงเหมยมองหวังหลินและเผยรอยยิ้มอย่างช้าๆ รอยยิ้มทั้งงดงามและเปี่ยมไปด้วยความสุข

ทั้งคู่ออกไปจากดาวซูซาคุและไม่รู้ว่าจากไปที่ใด

หลังจากทั้งคู่กลายเป็นลำแสงและเลือนหายไปลับขอบฟ้า ในสถานที่หนึ่งอันห่างไกล ทั้งสองมิอาจมองเห็นว่าหวังหลินกำลังมองด้วยรอยยิ้ม

ร่างอวตารหรือร่างดั้งเดิม? มีเพียงหวังหลินที่รู้คำตอบบนี้

บางทีคนที่จากไปคือร่างอวตารของหวังหลินและคนที่กำลังเฝ้าดูพวกเขาจากไปคือร่างดั้งเดิม หรือบางที…อาจจะตกกันข้าม!

ไม่มีคำตอบ…

ฉือซานเองก็จากไปเช่นกัน เขาใช้ชีวิตเพื่อไล่ตามรอยเท้าของหวังหลิน ตอนนี้หวังหลินบังคับให้เขาบินอย่างโดดเดี่ยว ยามวิหคเติบโต พวกมันต้องเผชิญหน้ากับสายลมและสายฝนตัวคนเดียว เมื่อเห็นสายรุ้งเท่านั้นจึงจะเติบโตกลายเป็นบุรุษที่สามารถค้ำจุนโลกได้ทั้งใบ

ทั้งหมดจากไปแล้ว…มีเพียงหวังหลินที่อยู่บนดาวซูซาคุ ก่อนจะเข้าไปในความฝันกับหลิวเหมย เขาได้ออกไปหาหลุมศพของพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้หวังหลินได้กลับมายังหุบเขาเดิมที่ลี่มู่หวานเอ่ยถึง

หุบเขาสูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว แต่เขาสามารถฟื้นคืนมันขึ้นมาได้

ในหุบเขานั้นหวังหลินได้นั่งลงและอยู่กับลี่มู่หวาน เขากอดนางเอาไว้และอยู่ด้วยกันผ่านการเกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ราวกับมันเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดกาล

ภายในความโดดเดี่ยวนี้เองเขาได้จมดิ่งเข้าไปในความสงบสุขภายในและเจอกับความอบอุ่น

วันเวลาผ่านไปในแต่ละปี เมื่อยามฤดูใบไม้ผลิทุกสิ่งก็ฟื้นคืนมา หวังหลินปลูกดอกไม้ไว้หลายต้น เขาเฝ้าดูดอกไม้เบ่งบาน เฝ้าดูธารน้ำตกยามฤดูร้อน เฝ้าฟังสายลมเล่นบทเพลงไปตามกาลเวลา เฝ้าดูหิมะล่องลอยไปในฤดูหนาว

หวังหลินอยู่เช่นนี้กับลี่มู่หวาน ฟังเสียงพิณเหมือนย้อนกลับไปหลายพันปีในอดีต

เป็นเช่นนี้นับสิบปี…จนหวังหลินอยู่ในหุบเขาอันสงบเงียบแห่งนี้ถึงเจ็ดสิบปี

หวังหลินได้อยู่กับลี่มู่หวาน ที่นี่ทำให้เขาลืมเลือนทุกอย่าง ไม่คิดถึงระดับบ่มเพาะของตัวเอง ไม่คิดถึงการรู้แจ้งแก่นแท้และไม่คิดถึงแผนการและคำหลอกลวงทุกอย่าง ในสายตาเขามีเพียงลี่มู่หวาน ในใจเขามีเพียงร่างนี้อยู่เท่านั้น และในหูมีเพียงเสียงพิณที่คงอยู่จากตอนนั้น

หลังจากหวังหลินกลับมาสู่โลกถ้ำจนย่างเข้าปีที่สองร้อย แขกผู้หนึ่งมาเยือนหุบเขาของหวังหลิน แขกผู้นี้คือชายหัวล้าน เขาดูเหมือนเดิมเช่นอดีตและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เขาปรากฏตัวออกมาและยืนอยู่นอกหุบเขาเป็นเวลาพักใหญ่ เฝ้าดูทุ่งสวนดอกไม้ในหุบเขา มองดูบ้านหลังเล็กข้างในสวน มองดูร่างอันโดดเดี่ยวที่กำลังนั่งหน้าบ้าน

ชายผู้นั้นถอนหายใจและเผยสีหน้าเศร้าหมอง

เขาถือขวดสุราในมือ ส่งเสียงถอนหายใจพลางเดินเข้าไปในหุบเขา เดินผ่านทุ่งดอกไม้และมาอยู่ข้างหวังหลิน มองหวังหลินอยู่นานก่อนจะนั่งตรงข้าม

หวังหลินลืมตาและมองชายหัวล้านตรงหน้า จากนั้นเผยรอยยิ้ม

“เจ้ามาแล้ว”

ชายหัวล้านพยักหน้าเงียบๆ

“ข้าไม่อาจลืมได้…” ชั่วขณะต่อมาชายหัวล้านจึงส่งขวดสุราให้หวังหลินและหยิบอีกขวดออกมา เขาดื่มไปอีกใหญ่ น้ำสุราไหลเยิ้มบนมุมปากและรดใส่เสื้อผ้า

“ข้าไม่เคยอยากลืม ดังนั้นจึงไม่มีคำพูดว่า ‘ลืมไม่ได้’ ” หวังหลินหยิบขวดสุราไปดื่มไปหนึ่งจิบ

“เจ้ากำลังทรมานตัวเอง” ชายหัวล้านมองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อน

“ทรมาน…” หวังหลินพึมพำ เขาดื่มสุราและไม่พูดอะไรอีก

ชายหัวล้านส่ายศีรษะและพูดขึ้นเบาๆ “ข่างมันเถอะ…เจ้าจะทำไม่สำเร็จ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเจ้าจะเหนื่อยและหวานเอ๋อร์ก็จะเหนื่อย…”

หวังหลินมองท้องฟ้า ขบคิดเล็กน้อยและพูดต่อ “ข้าควรเรียกเจ้าว่า ‘โม่จื่อ’ หรือชื่ออื่น”

ชายหัวล้านคือคนที่พูดกับหวังหลินว่า ‘หากหัวใจหยุดเต้น เป็นเพียงลืมความรู้สึก’ ในอารามยามฝนตกเมื่อตอนนั้น!

“โม่จื่อ…นี่คือชื่อข้ามาตลอด” ชายหัวล้านถอนหายใจ

“หวังหลิน เจ้าควรคาดเดาคำตอบได้หมดแล้ว ข้าจะบอกให้เจ้าฟังว่า..เจ้า…” โม่จื่อกำลังจะพูด

“ไม่ต้องพูดหรอก ให้ข้าคิดด้วยตัวเองดีกว่า” หวังหลินส่ายศีรษะและดื่มสุราไปอึกใหญ่

“ดื่มกับข้า…เราไม่ได้เจอกันมานาน” หวังหลินยิ้มและมองโม่จื่อ

ชายหัวล้านครุ่นคิดและดื่มกับหวังหลินจนความมืดเข้ามาเยือน กระทั่งรุ่งสางทั้งสองก็ไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อดวงอาทิตย์ผุดขึ้นบนขอบฟ้าอีกครั้ง โม่จื่อจึงยืนขึ้นมองหวังหลินและถอนหายใจ

“ข้าขอตัวก่อน…ข้าหวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จ…” เขาไม่ได้แนะนำอะไรให้หวังหลินอีกแต่หันตัวจากไป พอเขากำลังจะเดินออกไปนอกหุบเขา เขาหยุดลงแต่ไม่ได้หันกลับมา

“อาจารย์บอกข้าให้ถามเจ้าว่าเมื่อใดเจ้าจะคืนเข็มทิศแห่งดินแดนฝืนชะตาปฐพี…” โม่จื่อเอ่ยเสียงดัง หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปจากหุบเขาและหายตัวไป

หวังหลินยังคงนั่งดื่มสุราตรงนั้น ไม่ได้พูดสิ่งใดเกี่ยวกับคำพูดของโม่จื่อ

เขาเข้าใจบางอย่างได้นานแล้วแต่รู้ว่าเขาคือตัวเองและชื่อหวังหลิน เขาเกิดบนดาวซูซาคุและเป็นลูกชายของช่างไม้ เติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้ภูเขา

เขาก้าวแต่ละก้าวไปบนเส้นทางแห่งการฝึกเซียนและบรรลุถึงระดับในตอนนี้

ชุบชีวิตลี่มู่หวานคือการตัดสินใจของตัวเองแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิทธิพลหรือการแทรกแซงจากการเกิดใหม่อื่น นี่คือเส้นทางที่เขาเลือก

‘ข้าคือข้า…’ ในแววตาหวังหลินไม่มีความสับสน มีแต่ความกระจ่างชัด

“ไม่ว่าจะโม่จื่หรือผีเสื้อสีชาด แม้แต่อาจารย์ของโม่จื่อและเทียนหยุน…ทั้งหมดคิดว่าโลกนี้ โลกถ้ำ แดนสวรรค์ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นจากเต๋าแห่งความฝันของข้าและไม่ใช่ความจริง…” หวังหลินพึมพำ เขาเกิดความเข้าใจเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว

‘แต่มันเป็นอย่างที่คิดจริงหรือไม่…’ หวังหลินยิ้มเบาบาง เขายืนขึ้นมองท้องฟ้าและมีแววตาเปล่งประกาย

“เทียนหยุน เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าไม่รู้ต้นกำเนิดของเจ้า?” หวังหลินจับจ้องไปในท้องฟ้า ราวกับสามารถมองทะลุผ่านท้องฟ้า ผ่านแดนสวรรค์ ผ่านความมืดอันไร้ขอบเขตจนเห็นร่างชุดดำผมยาว มีกลิ่นอายสังหารและการทำลายล้างออกมาจากระยะไกล

ที่ตั้งของร่างนั้นอยู่ในแผ่นดินเซียนดารา

‘เทียนหยุน คำตอบสำหรับทุกอย่างการที่เจ้าบอกข้าว่าความจริงอยู่ในแดนเทพบรรพกาล แต่ข้ากำลังบอกความจริงกับเจ้า! ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าความจริงที่แท้จริงคืออะไร!’ หวังหลินสะบัดแขนและปรากฏกะโหลกขึ้นมา

กะโหลกนี้เป็นของจื่อเฉียง

กะโหลกกะพริบและมีประโยคเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนนั้นและไม่นานก็หายไป

‘พวกเจ้าทั้งหมดคิดผิด…’ หวังหลินถอนสายตาและยิ้มออกมาพลางกลับมาที่บ้านไม้ เขามองลี่มู่หวานที่กำลังหลับใหลและนั่งอยู่ข้างกายนาง สายตาที่เฝ้ามองช่างดูอ่อนโยนยิ่ง

‘หวานเอ๋อร์ เจ้าจะตื่นขึ้น…เพราะข้าได้ค้นพบหนทางแห่งความจริงแล้ว…และข้าก็เริ่มเตรียมการในอารามบรรพชนอาณาเขตฉีไปแล้วด้วย’

ในสายตาหวังหลินมีความบ้าคลั่งแฝงเอาไว้ นี่คือวิธีที่บ้าบิ่นจริงๆ!

วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆและฤดูกาลผันเปลี่ยน หวังหลินอยู่ในหุบเขา อยู่กับลี่มู่หวานตลอดหลายปี ความเงียบรูปแบบนี้สำหรับหวังหลินถือว่าหาได้ค่อนข้างยาก นอกจากตอนที่เขาเปลี่ยนกลายเป็นธรรมดาหรือตอนที่อยู่ในเต๋าแห่งความฝัน

ขณะที่เขาอยู่กับลี่มู่หวาน เขาพูดเกี่ยวกับความทรงจำของตัวเองและตกอยู่ในโลกของตัวเอง

ตลอดหลายปีนั้นฉือซานได้กลับมาหาเขาหลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะอยู่กับหวังหลินหลายเดือนก่อนจะจากไปเดินบนเส้นทางการฝึกฝนและชีวิตของตัวเอง

ฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวใช้วิธีการบางอย่างจนค้นพบจงเฟยเจินได้จริงๆ ทั้งสามร่วมมือกันทำสิ่งที่ต้องการในโลกถ้ำและมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

ร่างกายแต่ละคนถือกำเนิดบนแผ่นดินเซียนดารา ดังนั้นจึงสามารถจากไปและกลับมาใหม่ได้ตามที่ต้องการโดยยืมพลังของหวังหลินเพื่อผ่านประตู หลังจากเล่นในโลกถ้ำจนพอใจ ทั้งสามคนรวมทั้งมังกรสมุทรก็ได้ออกไปจากโลกถ้ำ เริ่มตำนานบทใหม่ของตัวเองบนแผ่นดินเซียนดารา

แต่ก่อนจากไป กลุ่มทั้งสามคนของฉวี่ลี่กั๋วได้มาหาหวังหลินเพื่อรับใช้และประจบประแจง ท้ายที่สุดหวังหลินก็หัวเราะ ทิ้งกลิ่นอายของตัวเองและประทับเอาไว้ให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย ทั้งสามจึงจากไปด้วยความตื่นเต้น

มีหวังหลินคุ้มกะลาหัวและมีพลังต่อสู้ของมังกรสมุทรแล้ว พวกเขาจึงมั่นใจว่าจะสามารถหลอกได้ทุกคนบนแผ่นดินเซียนดารา!

ย่างปีที่ 60 หลังจากกลุ่มของฉวี่ลี่กั๋วจากไป หวังหลินจึงนำลี่มู่หวานออกมาจากหุบเขาและออกมาจากดาวซูซาคุ ออกมาจากโลกถ้ำและมุ่งหน้าสู่แผ่นดินเซียนดารา

ก่อนจากมา สัมผัสวิญญาณของเขาได้เห็นแดนสวรรค์และเห็นเซียนที่นั่นกำลังเรียนรู้เต๋าที่เขาทิ้งเอาไว้ เขาเห็นฉือซานและสหายเก่าจำนวนมาก

หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณและมองมายังโลกถ้ำครั้งสุดท้าย

เหลืออีกสามเดือนก่อนแดนเทพบรรพกาลเปิดออก ที่นั่นจะเป็นศึกสุดท้ายของหวังหลิน

“เมื่อข้าก้าวเดินออกมาจากแดนเทพบรรพกาล หวานเอ๋อร์ เจ้าจะได้อยู่กับข้า…” หวังหลินพึมพำพลางก้าวเดินผ่านประตูโลกถ้ำและเลือนหายไป

………………………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version