337. ไม่ยอมแพ้
หินวิญญาณระดับสูงแบบนี้จึงเรียกกันว่า ‘หินวิญญาณระดับสูงปลอม’
หลังได้เห็นรายละเอียดของตำรับยานี้แม้กระทั่งจิตใจที่แข็งแกร่งของหวังหลินยังตกตะลึง ตำรับยานี้โหดร้ายเกินไป
กล่าวได้ว่าหินวิญญาณระดับสูงของปลอมทั้งหมดมีเส้นใยโลหิตอยู่ข้างในซึ่งสามารถใช้วิญญาณดั้งเดิมของเซียนขั้นตัดวิญญาณหรือสูงกว่าเท่านั้นถึงจะมองเห็นได้
เขานำหินวิญญาณระดับสูงออกมาและตรวจสอบพวกมันทีละชิ้น
“ข้าไม่คิดว่าทั้งหมดนี้จะมีเส้นใยโลหิตไม่เว้นแม้แต่ชิ้นเดียว…” หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะหายตัวไป
สิบวันถัดมากลุ่มของหวังหลินปรากฎตัวในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่ชายแดนแคว้นซู
ครั้งนี้เมื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย หวังหลินไม่มั่นใจว่าเขาจะเห็นภาพหลอนหรือไม่แต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เสียงนี้มาจากหินวิญญาณระดับสูง
พวกเขากลับมาที่หุบเขาในแคว้นซู สถานที่แห่งนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่ที่จากไปครั้งนั้น ลิ่วเฟยและเที่ยหยานไปอยู่ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในครั้งก่อนและเริ่มฝึกฝนควบแน่นพลังปราณในร่างกายเพื่อให้สามารถบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายในไม่เร็วๆนี้
ชีวิตของหวังหลินสงบลงอีกครั้ง เขารักษาร่างกายลี่มู่หวานขณะที่นางศึกษาตำรับยาระดับหกไปด้วย วัตถุดิบหลายอย่างสูญพันธุ์ไปแล้วดังนั้นงานของนางคือค้นหาของทดแทน
นางไม่กลัวการตายแต่นางไม่ต้องการจากหวังหลิน การจะอยู่กับหวังหลินได้นางต้องทุ่มความพยายามทั้งหมดเข้าไปสู่การศึกษาตำรับยานี้
บางครั้งนางยกศีรษะขึ้นและเห็นหวังหลินฝึกฝนอยู่ใกล้ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและภายในความอ่อนโยนนั้นมีความเศร้าและความรักบรรจุไว้
ลี่มู่หวานถอนหายใจในหัวใจ
หลังพยายามค้นหาวัตถุดิบทดแทนมาหนึ่งเดือน โอวหยางจื่อได้ถูกหวังหลินเรียกเข้าไปหลายครั้ง น่าเสียดายที่นักปรุงยาระดับห้าคนอื่น เทียนหยุนจื่อได้เสียชีวิตไปตอนที่พยายามบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดเมื่อหลายปีก่อน ด้วยระดับการศึกษาตำรับยาของสามคน กระบวนการจะยิ่งรวดเร็วขึ้น
โอวหยางจื่อบ้าคลั่งการปรุงยามากราวกับเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เมื่อเขาเห็นตำรับยาระดับหกราวกับว่ามันเป็นเป้าหมายในชีวิต เขากลายเป็นคนบ้าในทันทีและเริ่มศึกษาสิ่งทดแทนและการรวมกันของวัตถุดิบทั้ง 138 ชนิด
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาพบสิ่งทดแทนได้ ลิ่วเฟยและซ่งฉิงจะออกไปค้นหารอบๆและส่งวัตถุดิบออกมาให้
หากเป็นสิ่งที่สำนักเมฆาฟ้าไม่มี พวกเขาจะซื้อมันด้วยราคาที่สูงยิ่งจากหลายสำนักแคว้นอื่น
หากมันยังเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่วัตถุดิบตัวนั้นและมีลิ่วเฟยกับเที่ยหยานรวบรวมพวกมัน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองปีหลังจากนั้นจากวัตถุดิบ 138 ชนิดเหลือเพียงแค่สามชนิด น่าเศร้าที่พวกมันยังไม่ค้นพบวัตถุดิบทดแทนสำหรับทั้งสามนี้
ในเวลาสองปีนี้โอวหยางจื่อลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง เขามุ่งความสนใจไปที่ตำรับยาระดับหกโดยสิ้นเชิง
สำหรับลี่มู่หวานแล้วในสองปีที่ผ่านมานี้นางค่อยอายุมากขึ้น ผิวนางไม่ขาวหิมะอีกต่อไปแล้วจนตอนนี้มันเริ่มแสดงสีเทาเล็กน้อย
สองปีแห่งการประคับประคองร่างกายได้สิ้นสุดลงเมื่อพลังปราณที่ฉีกเข้าไปในร่างกายไม่สามารถหยุดวงจรแห่งชีวิตและความตายของสวรรค์ลงได้
แววตาไม่เต็มใจของลี่มู่หวานยิ่งรุนแรง
ในคืนนี้ฝนเริ่มตกในหุบเขา หลังลี่มู่หวานหลับลงไปหวังหลินยืนอยู่ในสายฝนพร้อมกับมองไปที่ภูเขาห่างออกไปไกล ความเจ็บปวดในหัวใจยิ่งปวดร้าวหนักขึ้น
“ร่างกายหวานเอ๋อกำลังอ่อนแอลง หากนางพยายามบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดด้วยกำลัง ร่างกายนางจะไม่สามารถทนไหว มันจะถูกทำลาย ในตอนนั้นวิญญาณแรกกำเนิดที่ไม่สมบูรณ์จะสูญสลายไป ข้ากระทั่งไม่สามารถดึงวิญญาณของนางออกมาได้…”
หวังหลินจ้องมองไปไกลและถอนหายใจ เขาดูเศร้ามากพลันนำเหล้าน้ำเต้าและดื่มไปอึกใหญ่ เขานั่งลงและแผ่นหลังอิงกับบ้านหิน
เหล้านี้คือเหล้าผลไม้ มันไม่ได้เหลืออยู่มากนักในกระเป๋าของหวังหลิน ทุกครั้งที่เขาดื่มมันจะคิดถึงตอนที่ต้าหนิวส่งเหล้ามาให้เขา
“ลุงหวัง ท่านมาเมืองหลวงเพื่อหาเงินให้มากๆแล้วกลับบ้านไปแต่งงานกับภรรยาใช่ไหม?”
“หลังจากลุงหาเงินได้มากๆ เขาจะกลับบ้านไปแต่งงานหล่ะ”
ฉากเหตุการณ์จากอดีตปรากฎในใจ เขาดื่มเหล้าทั้งหมดในไม่กี่อึกจากนั้นยกศีรษะขึ้นมองท้องฟ้า
ขณะนี้เองเสียงกรีดร้องอันตื่นเต้นดังออกมาจากห้องโอวหยางจื่อ หลังจากนั้นไม่นานโอวหยางจื่วิ่งออกมาจากห้อง เขาค้นหาหวังหลินกลางสายฝนอย่างตื่นตะลึง “ท่านจ้าวสำนัก ข้าพบวัตถุดิบทดแทนสำหรับส่วนผสมสามชนิดสุดท้ายแล้ว!”
แววตาหวังหลินเคร่งขรึมขณะมองไปที่โอวหยางจื่อ
โอวหยางจื่อรีบนำหินหยกออกมา เขายื่นมันให้หวังหลินและเอ่ยขึ้น “วัตถุดิบสามชิ้นที่สูญพันธุ์นี้ข้าพบว่าวัตถุดิบของส่วนผสม 37 ชนิดให้ผลเหมือนกัน แม้ว่าผลลัพธ์มันจะอ่อนแอแต่มันไม่คลาดเคลื่อนจากเดิมไปมากนัก”
หวังหลินรับหินหยก ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและจดจำในทันที
โอวหยางจื่อเอ่ยขึ้น “วัตถุดิบเหล่านี้หายากสักหน่อย สำนักเมฆาฟ้ามีเพียงแค่สี่ชนิด เราจะต้องไปแคว้นอันดับสี่มาเพื่อหาที่เหลือ”
หวังหลินยืนขึ้นด้วยหินหยกในมือ เขาหายวับไป
จังหวะที่เขาจากไป สายตาของลี่มู่หวานก็ตื่นเต้นและเผยความโศกเศร้า
“ท่านไม่เคยเห็นข้าช่วงที่ข้าเหงาที่สุด นั่นก็เพราะข้าจะเหงาก็ต่อเมื่อท่านไม่อยู่แถวนี้”
สองหยดน้ำตาไหลรินจากดวงตาลี่มู่หวาน ริ้วบางๆปรากฎบนหน้าผากของนาง นางดูแก่ขึ้นหลายสิบปีในช่วงเวลาสองปีนี้
หวังหลินไม่ต้องการเสียเวลามากเกินไป เจ็ดเดือนต่อมาเขาก็กลับมาถึงด้วยใบหน้าเหน็ดเหนื่อย
ในช่วงเจ็ดเดือนนี้หวังหลินไม่ได้พักผ่อนเลย ส่วนใหญ่เขาไปแคว้นอันดับสี่และกระทั่งแคว้นอันดับห้าบางแห่ง
ในที่สุดเขาก็ได้วัตถุดิบทั้งหมดจนครบโดยการซื้อ แลกเปลี่ยนหรือกระทั่งขโมยมา
ในเจ็ดเดือนนี้หวังหลินพบอันตรายมามากนัก เวลาที่อันตรายที่สุดก็คือในแคว้นเซียนอันดับห้ากับการต่อสู้กับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางด้วยเขตแดนพิเศษ เขตแดน ‘หลงลืม’ หวังหลินสามารถเอาชนะได้ในตอนท้ายแต่มันเกือบจบชีวิตเขาไปแล้ว
เขตแดนหลงลืมน่าหวาดกลัวต่อหวังหลินจริงๆ
อีกเหตุการณ์หนึ่งก็คือกับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย แม้ว่าเขตแดนของเขาจะธรรมดามากแต่ก็ใกล้จะบรรลุระดับปลายขั้นสูงสุดแล้ว เขตแดนของเขาไม่เปลี่ยนแปรเลยภายใต้คำสั่งของหวังหลิน
ภายหลังหวังหลินคาดคำนวณได้ว่าพลังของคนผู้นี้เหนือกว่าผีเสื้อสีชาดไปเล็กน้อย ในท้ายสุดหวังหลินต่อสู้ด้วยการยืนกรานต่อต้านคนผู้นี้
ในเจ็ดเดือนนี้หวังหลินตระหนักได้ว่าในเหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณ ผีเสื้อสีชาดไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แม้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้บรรลุขั้นแปลงวิญญาณ พวกเขาต่างทรงพลังมาก
โดยเฉพาะเขตแดนพิเศษซึ่งมีความแข็งแกร่งผิดธรรมดา
หลังกลับมาแคว้นซู หวังหลินรีบเข้าหาหุบเขาอย่างรวดเร็ว
ข้างในหุบเขา หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกและพบว่าทั้งเที่ยหยานและลิ่วเฟยต่างเข้าใกล้เจดีย์ได้ถึงห้าร้อยเมตรจากเมื่ก่อน ระดับฝึกฝนของทั้งคู่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
หวังหลินปรากฎตัวข้างนอกบ้านหิน เขาเปิดประตูและร่างกายสั่นเทาเมื่อเห็นแผ่นหลังคนผู้หนึ่ง
ร่างนี้มีผมศีรษะยาวแต่ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว
หัวใจหวังหลินปวดร้าว เขาเดินเข้าไปและยืนข้างลี่มู่หวาน เขามองใบหน้าอันสุดสวยของนางซึ่งตอนนี้แก่ชราไปมากแล้ว
หวังหลินกระซิบ “หวานเอ๋อข้ากลับมาแล้ว ข้ารวบรวมวัตถุดิบมา”
ลี่มู่หวานยิ้มบาง นางไม่ได้พูดสิ่งใดขณะมองหวังหลิน จากนั้นนางกระซิบ “อย่าจากข้าไปอีกเลย เพียงใช้เวลาอยู่กับข้าให้มากขึ้น ข้าไม่มีเวลาเหลืออยู่แล้ว…”
หวังหลินมองลี่มู่หวานและพูดอีกครั้งด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “เจ้าจะไม่ตาย!”
ลี่มู่หวานกัดริมฝีปากและพยักหน้าเบาๆ นางอิงตัวต้านกับหวังหลินและหลับตา
การกลับมาของหวังหลินทำให้โอวหยางจื่ออุทิศตัวกับการหลอมเม็ดยาระดับหก ความฝันในชีวิตเขาคือการหลอมเม็ดยาระดับหก มันราวกับวิญญาณเขาได้ปะทุขึ้นมา
วัตถุดิบทดแทนแทบทั้งหมดต่างเป็นสิ่งที่เขาเลือกสรรค์หลังการค้นคว้าเป็นเวลาอันยาวนาน เขาใช้วัตถุดิบมากกว่าพันชนิดเพื่อทดแทน 138 ชนิดพวกนี้ การคำนวณเหล่านี้รวมไปถึงผลลัพธ์ของวัตถุดิบแต่ละชนิดและระยะเวลาที่จะหลอมมันด้วย
หากเขาไม่มีประสบการณ์ปรุงยาเป็นพื้นหลังคงไม่มีทางที่เขาจะหลอมมันขึ้นมาได้
แม้กระทั่งโอวหยางจื่อเองก็ไม่สามารถละความประมาทได้ เขาไม่ได้สนใจเรื่องลี่มู่หวานเลย นี่เป็นเพื่อตัวเองล้วนๆ ราวกับเติมเต็มความฝันของตัวเอง เขาบอกกับตัวเองตลอดว่าเขาสามารถล้มเหลวอีกหลายครั้งได้ตามที่ต้องการในชีวิต แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถล้มเหลวได้
ขณะที่กระบวนการปรุงยากำลังดำเนินต่อไป นิสัยของโอวหยางจื่อยิ่งแย่ลง บางครั้งเขาก็ใจร้อนต่อหวังหลินเมื่อเข้ามาถามเกี่ยวกับกระบวนการ
ไม่ใช่เพราะเขาไม่กลัวหวังหลินแต่เนื่องจากนิสัยส่วนตัว เขามักจะลืมเลือนโลกภายนอก ความคิดมีเพียงแค่การปรุงยาเท่านั้น
หวังหลินไม่คิดมากต่ออารมณ์ของโอวหยางจื่อ ความจริงแล้วในเหล่าผู้คนทั้งหมดในสำนักเมฆาฟ้า โอวหยางจื่อเป็นคนที่ใกล้เคียงจะบรรลุขั้นตัดวิญญาณมากที่สุด
เพราะเขาหมกหมุ่นเกี่ยวกับการปรุงยาราวกับเขาสามารถรู้แจ้งสวรรค์และเข้าใจเขตแดนได้
ทว่าระดับฝึกฝนของเขายังติดอยู่ที่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับกลาง หากเขาสามารถบรรลุระดับปลายขั้นสูงสุดได้ เช่นนั้นการบรรลุขั้นตัดวิญญาณเป็นเพียงแค่เวลาเท่านั้น
วันเวลาค่อยๆผ่านไป ในพริบตาเดียวสามปีก็ผ่านไปแล้ว การหลอมของโอวหยางจื่อยังคงดำเนินต่อไป ดูเหมือนว่าเขาติดอยู่ในม่านบางอย่างดังนั้นอารมณ์จึงยิ่งแย่ลง บ่อยครั้งเขามักจะได้ยินตัวเองร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
หลังการกลับมาของหวังหลิน เขาใช้ทุกวินาทีอยู่ข้างๆลี่มู่หวาน ผมของนางขาวโพลนโดยสิ้น หากไม่ใช่ว่าหวังหลินได้ถ่ายโอนพลังปราณเข้าสู่ร่างกายนางไม่หยุดเป็นเวลาสามปี ความงามของนางอันยาวนานคงได้สิ้นสุดลงตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป…
สามปีที่เพิ่มเข้ามานี้โอวหยางจื่ได้ทะลวงระดับการปรุงยาของตนเอง แม้เขาจะไม่ได้ปรุงยาเสร็จแต่มันห่างไปอีกไม่ไกลแล้ว กลิ่นโอสถรุนแรงออกมาจากบ้านหินของเขา
ร่างกายลี่มู่หวานอ่อนแออย่างที่สุด นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก นางเพียงแค่นอนอยู่บนเตียงและมองหวังหลิน แววตาไม่เต็มใจของนางยิ่งรุนแรงมากขึ้น