338. ลี่มู่หวาน
ข้าไม่อาจต่อสู้กับวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิดได้และกาลเวลาจะไม่รอคอย เมื่อไหร่ท่านจะมาพาข้ากลับบ้าน…
ในมือซ้ายของข้าเป็นผลกรรมจากทะเลปิศาจ ในมือขวาเป็นความโดดเดี่ยวมากกว่าร้อยปี
ลี่มู่หวานนอนเงียบๆบนเตียงสวมชุดเดรสสีขาว แม้ว่าใบหน้าของนางจะดูมีอายุทว่าแววตายังคงใสกระจ่างจ้องมองบุรุษเบื้องหน้าของนาง…
นางต้องการสลักภาพคนผู้นี้ไว้ในความทรงจำ
นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางสัมผัสได้ต่อบุรุษเบื้องหน้านางคือรักแท้หรือไม่ แต่นางรู้ได้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีเมื่อไหร่ที่นางเล่นดนตรี ภาพของเขาคงปรากฎในใจนางเสมอ
หวังหลินคว้าแขนของลี่มู่หวานด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับหัวใจที่สัมผัสความรู้สึกราวกับถูกตัดเป็นชิ้นๆ
ลี่มู่หวานขยับสายตาไปนอกหน้าต่างและกระซิบขึ้น “หวังหลิน เมื่อคืนข้าฝันเห็นพี่ใหญ่ยิ้มให้ข้าและมีสองผู้อาวุโสอยู่เบื้องหลัง พวกเขาดูเหมือนกับครอบครัวของข้านัก…”
ครอบครัวของลี่มู่หวานเสียชีวิตตอนที่นางยังเยาว์วัย มีแต่พี่ใหญ่ของนางที่เลี้ยงดูมา
หัวใจหวังหลินเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
กลางดึกคืนนี้หวังหลินยืนข้างนอกห้องหินมองไปทางแคว้นจ้าว หัวใจเขาเรียกหาไปทางนั้น
ในแคว้นจ้าวใต้ภูเขาเหิงยั่วลึกลงไป ชายหนุ่มผมแดงใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายพลันลืมตาขึ้นทันที
เมื่อเขาลืมตาขึ้นทั่วทั้งแคว้นจ้าวสั่นเทาราวกับมารร้ายกำลังตื่นขึ้น เซียนทุกคนในแคว้นจ้าวตื่นกลัวกันอย่างยิ่ง
สายตาในร่างดั้งเดิมของเขาเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและโหดเหี้ยมอำมหิต บนหน้าผากมีดวงดาวสีม่วงกำลังหมุนปั่นและสายฟ้าม่วงล้อมรอบร่างกาย
เขาหันศีรษะเบาๆ สายตาดูเหมือนสามารถแทงทะลุผืนดินมองไปทางแคว้นซู เขาตัดผืนดินและเดินไปทางแคว้นซูจากใต้ดิน
หกเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ร่างกายของลี่มู่หวานอ่อนแอยิ่งนัก วิญญาณของนางอยู่บนหุบเหวแห่งการแตกสลาย วัฎจักรเวียนว่ายตายเกิดดึงนางไปอย่างต่อเนื่องราวกับต้องการพานางออกไปจากหวังหลิน
ในวันนี้เองโอวหยางจื่อเข้ามาพร้อมกับเม็ดยาสีแดงส่องสว่าง เผยความตื่นเต้นที่ปิดไม่มิดพลันยื่นมันให้หวังหลิน
“ข้าโอวหยางจื่อปรุงเม็ดยาระดับหกได้สำเร็จ!” หลังเอ่ยจบแววตาพลันสลัวและฟุบลงไป
เขาไม่ได้เสียชีวิตเพียงแค่อ่อนแออย่างมาก
หวังหลินถือเม็ดยามองไปยังลี่มู่หวานผู้ซึ่งนอนบนเตียง เส้นผมของนางทุกเส้นขาวโพลนและใบหน้านางเยาว์วัยและสวยงามอีกครั้งจากผลกระทบของเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลา
ในหลายปีที่ผ่านมานี้หวังหลินเห็นนางมีอายุขึ้นอย่างช้าๆและความงดงามของนางกำลังหมดลง
ความเศร้าเสียใจเติมเต็มพื้นที่ในใจของเขา ทว่าจิตใจอันลึกล้ำนั้นก็ถึงจุดสิ้นสุดเปลี่ยนไปเป็นหยาดน้ำตาสองสายไหลริน
เขาเดินบนเส้นทางท้าทายกฎสวรรค์และฝึกฝนเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความวกวนบิดเบี้ยว ขณะที่หัวใจเขาเหนื่อยล้า เขายังคงเชื่อมั่น ทว่าในตอนนี้แม้ว่าใบหน้าจะไม่เปลี่ยนไปแต่จิตใจของเขามีอายุมากขึ้นไปพร้อมกับหญิงสาวเบื้องหน้า
ในสายตาเขา อายุของนางเป็นเพียงแค่ภาพมายา ในสายตาเขานางยังเป็นคนเดิมที่เขาหันกลับมองในทะเลปิศาจ เป็นคนเดียวกับที่เล่นพิณในกระท่อม เป็นคนเดียวกับที่ยืนมองเขาจากไป
หวังหลินลูบใบหน้าลี่มู่หวานอย่างเบามือขณะค่อยๆบรรจงนำเม็ดยาในมือเข้าสู่ปากนาง เม็ดยาละลายในทันทีและใบหน้านางเริ่มแดง
ในทันทีทันใดพลังปราณอันไร้ที่สิ้นสุดดูดมาจากทั่วทั้งแคว้นซูและเข้ามาในร่างกายลี่มู่หวาน
บ้านหินไม่สามารถทนทานต่อพลังปราณทรงพลังแบบนี้ได้ดังนั้นรอยร้าวจึงเริ่มปรากฎไปทั้งหลัง เพียงสายลมพัดเบาๆบ้านหินก็เปลี่ยนไปเป็นฝุ่นผงและหายวับไป
ลิ่วเฟยและเที่ยหยานตื่นขึ้นจากการฝึกฝนของตนเอง ใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนแปลงทันที ตอนนี้เองที่ร่างโอวหยางจื่อถูกผลักออกห่างด้วยพลังสายหนึ่งและร่อนลงเบื้องหน้าลิ่วเฟยและเที่ยหยาน
น้ำเสียงหวังหลินพัดเข้ามาหาพวกเขา “นำโอวหยางจื่อไปและรอข้าในสำนักเมฆาฟ้า!”
เที่ยหยานไม่ได้เอ่ยอะไร เขารีบคว้าร่างโอวหยางจื่อและจากไปพร้อมกับลิ่วเฟย จนเมื่อพวกเขาออกห่างมาได้มากกว่าห้าสิบลี้จึงหันกลับมามองข้างหลัง
แม้ว่าบ้านหินจะถูกทำลายไปแล้ว ร่างกายลี่มู่หวานยังคงลอยคว้างในอากาศ พลังปราณจำนวนไร้สิ้นสุดพรั่งพรูเข้าไปในร่างของนางทำให้ใบหน้ายิ่งแดงมากขึ้น แกนพลังสีทองค่อยๆก่อตัวในร่างของนาง
จังหวะที่แกนพลังสีทองปรากฎทำให้พลังปราณทั้งหมดพุ่งพรวดเข้าไป
หวังหลินสร้างผนึกหลายอย่างร่อนลงบนแกนพลังสีทอง
ใบหน้าเขาเคร่งเครียดอย่างยิ่งและเริ่มสร้างผนึกเร็วขึ้นจนกระทั่งรอยร้าวหนึ่งปรากฎบนแกนพลังสีทอง
เป้าหมายของเม็ดยาคืนต้นกำเนิดระดับหกคือทำให้คนผู้นั้นดูดกลืนพลังปราณจำนวนมากอย่างรวดเร็วเพื่อทะลวงคอขวด ทว่าร่างกายลี่มู่หวานอ่อนแอเกินไปพร้อมกับชีวิตของนางแทบจะสูญสิ้นมันจึงยากนักที่จะทนต่อเรื่องเช่นนี้ได้
หวังหลินลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาไม่ได้มองลี่มู่หวานแต่หันศีรษะจ้องมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าตั้งมั่นแทน
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสวรรค์ วัฎจักรแห่งชีวิตและความตาย
แกนพลังสีทองของลี่มู่หวานเริ่มร้าวมากขึ้นขณะที่ดูดซับพลังปราณมากยิ่งกว่าเดิม แสงสีทองรั่วไหลออกมาจากรอยร้าวทว่าลำแสงไม่อาจเห็นได้ชัดแต่เปล่งความรู้สึกอันอ่อนนุ่มออกมาแทน
ถึงอย่างไรก็ตามในตอนนี้ควันสีเทาปรากฎรอบร่างกายนาง ปริมาณของควันสีเทาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและปกคลุมร่างกายนางในที่สุด
เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของหวังหลินปกคลุมทั้งร่างกายลี่มู่หวานอยู่แล้วแต่เมื่อเปรียบเทียบกับม่านคลุมสีเทานี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
เหล่าคนธรรมดาไม่สามารถเห็นม่านสีเทานี้แม้กระทั่งเซียนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเห็นมันได้ มีแต่เพียงหวังหลินซึ่งฝึกฝนเขตแดนแห่งชีวิตและความตายเท่านั้นทีสามารถมองเห็นได้
มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่ามันคือสิ่งใด!
ม่านสีเทานี้คือกฎแห่งสวรรค์ มันเป็นวัฎจักรแห่งชีวิตและความตาย มันเป็นสัญญาณที่บอกว่าคนผู้หนึ่งกำลังจะตาย
ดวงตาลี่มู่หวานเผยความรู้สึกที่ผืนใจอันลึกล้ำ นางมองหวังหลินด้วยสายตาแห่งความคิดถึงและจากนั้นมองไปรอบๆก่อนจะค่อยๆหลับตาลง หยาดน้ำตาไหลรินจากมุมสายตาของนาง
หยาดน้ำตาไหลลงอย่างช้าๆเกิดเป็นเสียงเบาๆตอนที่มันหล่นลงสู่พื้นดิน
เสียงนี้เข้าสู่โสตประสาทของหวังหลินทำให้เขารู้สึกว่าอดีตกำลังจะสลายลงไป…
ไม่มีใครรู้ว่าหยดน้ำตาที่ตกลงไปจะสร้างพื้นที่ความทรงจำหนึ่งและความเศร้าโศกในปีต่อไป…
ขณะที่นางหลับตา แกนพลังสีทองสลัวลงในทันทีและในไม่ช้าก็แตกกระจาย ร่างเล็กๆที่ดูเหมือนกับลี่มู่หวานในอดีตไม่ผิดเพี้ยนปรากฎขึ้น สายตาของนางบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่กลับปิดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการตายของลี่มู่หวาน
หวังหลิน ข้ายินดียอมทุกอย่าง แม้ดวงดาวจะเลือนหายไป ตราบใดที่ข้าไปด้วยกันกับท่าน หัวใจของท่านเป็นแสงที่สว่างที่สุด
หวังหลิน ข้ายินดียอมทุกอย่าง หากแม้ชีวิตที่ผ่านมาของข้าทั้งหมดสิ้นไป ข้าจะไม่เต็มใจจะดับสูญเพื่อจากท่านไป
หวังหลิน ข้ายินดียอมทุกอย่าง หากแมัชีวิตของข้าจะจบลง หากแม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไป ข้าหวังว่าดอกไม้แห่งความทรงจำจะไม่ร่วงโรยตลอดกาล
หวังหลิน นี่คือโชคชะตาของเราสอง นี่คือทางเลือกของสวรรค์ เราทั้งคู่ต่างเป็นหมึกและน้ำที่กำลังดิ้นรนใต้ฟ้าดิน
“แม้สวรรค์ต้องการให้เจ้าตาย ข้าจะชิงเจ้าคืนมา!!!” ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ทันใดนั้นเขายกศีรษะขึ้นและจดจ้องด้วยความตั้งมั่น เขตแดนแห่งชีวิตและความตายพรั่งพรูออกมา
กลางท้องฟ้าเหนือหุบเขา ม้วนคัมภีร์สีดำขาวปรากฎขึ้นอีกครั้งและค่อยๆกางออกมา
ราวกับมีมือยักษ์เคลื่อนไหวข้ามผ่านม้วนคัมภีร์เกิดเป็นระลอกคลื่น
จังหวะที่ม้วนคัมภีร์ปรากฎ เสียงดังกึกก้องกระจายผ่านทั่วทั้งแคว้นซู
ร่างกายลี่มู่หวานเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วและสลายกลายเป็นฝุ่นหล่นลงสู่พื้นดิน วิญญาณเซียนของนางก็แตกสลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ทว่าขณะที่ม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายของหวังหลินปกคลุมท้องฟ้า ความเร็ววิญญาณเซียนของนางที่กำลังแตกสลายกลับช้าลง
จากนั้นหวังหลินพุ่งออกมาปรากฎกลางท้องฟ้า เขายื่นมือเข้าหาม้วนคัมภีร์และดึงลง ม้วนคัมภีร์ล้อมรอบวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานในทันที
ตอนนี้ม้วนคัมภีร์ครอบคลุมวิญญาณไว้ ฉากประหลาดอย่างยิ่งได้ตีแผ่ออกมา ก้อนเมฆสีแดงหลายก้อนปกคลุมทั้งท้องฟ้าและแสงสายฟ้าอันตื่นกลัวกระพริบหมุนวนอยู่ภายในก้อนเมฆสีแดง พวกมันดูเหมือนกำลังจะมองไปที่หวังหลิน
ฉากอันไม่คุ้นเคยนี้ทำให้ร่างหวังหลินสั่นเทา ทว่าเขายังจ้องบนท้องฟ้าด้วยสายตาตั้งมั่น เบื้องหลังเขาเป็นวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานซึ่งห่อหุ้มอยู่ในม้วนคัมภีร์
หวังหลินใช้เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของตัวเองเพื่อปกป้องวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานไม่ให้แตกสลาย
เขากำลังต่อสู้ต่อต้านสวรรค์!
“แม้สวรรค์ต้องการให้เจ้าตาย ข้าจะชิงเจ้าคืนมา!” นี่คือคำสัญญา รวมถึงการประกาศสงครามของหวังหลินเพื่อฝืนกฎสวรรค์!
ลำแสงสองเส้นในท้องฟ้าค่อยๆหายไป ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก้อนเมฆสีแดงนับไม่ถ้วนควบแน่นกลายเป็นมือยักษ์และพุ่งเข้าหาวิญญาณเซียนของลี่มู่หวาน
หวังหลินร้องตะโกน เขาคว้าจับม้วนคัมภีร์อย่างรวดเร็วและลอยออกไปไกล
มือยักษ์ดูเหมือนจะสามารถย่นระยะทางและยื่นมือเข้าหาม้วนคัมภีร์ในฝ่ามือหวังหลินได้
ดวงตาหวังหลินเรืองแสงขึ้น เขาเงยศีรษะและกระแทกเข้ากับมือยักษ์
ปัง!
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนหลุดออกจากร่าง ทว่าเขาหวังหลินรีบคืนสู่ร่างกายและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา เขามองหาสิ่งหนึ่ง
มือยักษ์ถอยกลับและดวงตาสองข้างที่อยู่ข้างในก้อนเมฆสีแดงพลันปรากฎและมองไปที่ม้วนคัมภีร์ในฝ่ามือหวังหลิน จากนั้นมือยักษ์ยื่นลงมาอีกครั้ง
หวังหลินร้องคำราม “ร่างดั้งเดิม!”