Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 423

Cover Renegade Immortal 1

423. ราชาผู้เก่งกาจและทุกข์ใจ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาต้องการจะล่าถอย เหล่ากระบี่ที่สร้างจากร่างคนกลับเร็วกว่าสายฟ้าดังนั้นจึงเข้าถึงเขาโดยเร็ว

สายตาจูเซว่จื่อหมองหม่นขณะใช้แขนสร้างผนึกเบื้องหน้า เมื่อผนึกปรากฎ รัศมีอันแข็งแกร่งล้อมรอบจูเซว่จื่อไว้ทันที

กระบี่เหินได้เข้ามาถึงตัว

ตู้มมมม!

เสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน

จูเซว่จื่อเหาะเหินกลัยราวกับอุกกาบาตและไม่หยุดแม้เพียงชั่วขณะ

ผนึกเบื้องหน้าเขาล่มสลาย แม้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บทว่าสีหน้าซีดเผือดและบรรยากาศความเหนือกว่าที่เขาเปล่งออกมาพลันหายไป

กระบี่เหินทั้งเก้าเล่มหายวับไปเปลี่ยนกลับเป็นดวงวิญญาณ

ตุ้นเทียนมองฉากเหตุการณ์ข้างหน้าและเอ่ยอย่างเจ็บปวด “ผนึกซูซาคุลี้ลับ!”

ผนึกซูซาคุลี้ลับเป็นมนต์คาถาเรียนได้เฉพาะซูซาคุแต่ละรุ่นเท่านั้น มันตกทอดมาจากซูซาคุรุ่นก่อนหน้าและไม่สามารถฝึกกันเองได้

ผนึกนี้ไม่ได้คิดค้นโดยซูซาคุรุ่นแรก มันเป็นมนต์คาถาที่สมาพันธ์เซียนยกให้

ผนึกซูซาคุลี้ลับจะไม่เพิ่มระดับบ่มเพาะของผู้ใช้แต่ทว่ามันทรงพลังมาก มีวิธีใช้เพียงแค่สองแบบเท่านั้นคือโจมตีกับตั้งรับ

รูปแบบโจมตีสามารถทำลายได้ทุกอย่างส่วนรูปแบบป้องกันยิ่งแข็งแกร่งกว่าทั้งค่ายกลซูซาคุตอนที่ป้องกันเพียงคนเดียวเสียอีก

ไม่มีใครรู้ว่าสมาพันธ์เซียนสร้างมนต์บทนี้ขึ้นมาได้อย่างไร บนดาวเคราะห์เซียนระดับหกมีเพียงคนเดียวที่รู้วิธีใช้ นอกจากนั้นไม่มีใครสามารถใช้ได้เว้นเสียแต่เขาจะตาย แม้กระทั่งว่าซูซาคุรุ่นก่อนหน้ายังมีชีวิตอยู่ เมื่อซูซาคุรุ่นปัจจุบันเรียนผนึกซูซาคุลี้ลับ ซูซาคุรุ่นก่อนจะสูญเสียพลังของผนึกทันที

เล่าลือกันว่าการใช้ผนึกซูซาคุลี้ลับมีค่าใช้จ่ายบางอย่าง มีเพียงคนที่เรียนรู้ไปแล้วเท่านั้นถึงจะทราบ ผนึกที่จูเซว่จื่อพึ่งใช้ไปคือผนึกนี้เอง

ร่างคนซึ่งเกิดจากก้อนเมฆพลันแตกกระจาย สีหน้าตุ้นเทียนซีดเผือดขณะจดจ้องซูเซว่จื่อ จากนั้นเริ่มหัวเราะ “อายุขัยของข้าใกล้จะหมดลงแล้ว การเห็นโจรเฒ่าเช่นเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์นี้ทำให้ข้าพึงพอใจมาก!”

จูเซว่จื่อกำลังหอบ เขาไม่ต้องการใช้ผนึกซูซาคุลี้ลับโดยเฉพาะผนึกโจมตีเว้นแต่ว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆ เขาใช้มันเพราะว่าจำเป็นต้องทำให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ดีที่สุดในการต่อสู่กับเผ่าละทิ้งอมตะ

“ตุ้นเทียน สำนักหลอมวิญญาณเคยเป็นกิ่งก้านของซูซาคุและบรรพชนเจ้าต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรพชนรุ่นแรกต่อต้านผ่าละทิ้งอมตะ ทำไมวันนี้เจ้าถึงดื้อรั้น? หากเจ้าส่งธงวิญญาณมา ข้าจะช่วยเจ้าสร้างสำนักขึ้นใหม่ ช่วยเจ้ารวบรวมเหล่าศิษย์และช่วยเจ้าสร้างสำนักหลอมวิญญาณบนแคว้นตัวเองอีกครั้ง”

สายตาตุ้นเทียนสว่างวาบและแกล้งเผยรอยยิ้ม “เจ้าโจรเฒ่าจูเซว่ ข้ามองเจ้าออก เจ้ากลัวได้รับบาดเจ็บไม่เช่นนั้นคงไม่จบลงที่ความน่าอับอายเช่นนี้ สงครามกับเผ่าละทิ้งอมตะเริ่มขึ้นแล้ว ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก”

จูเซว่จื่อขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าบรรพชนสิบเอ็ดใบไม้ของเผ่าละทิ้งอมตะจะแข็งแกร่ง ข้ามีไพ่ตายซ่อนไว้อยู่แล้ว เมื่อไพ่นั้นเผยออกมา เผ่าละทิ้งอมตะจะตายแน่นอน! ตุ้นเทียนข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะส่งธงวิญญาณมาได้ไหม?”

สายตาตุ้นเทียนพลันเย็นชา เขาสูดหายใจลึกและโบกสะบัดแขน ลำแสงสีม่วงทองบนผืนธงเริ่มกระพริบแต่ไม่คงที่

“เจ้าโจรเฒ่าจูเซว่ ข้าขอเตือนให้เจ้าจากไปเสียแต่ตอนนี้และอย่าบังคับข้าให้นำวิญญาณดวงที่สี่ออกมา!” น้ำเสียงตุ้นเทียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ใบหน้าจูเซว่จื่อเผยการเยาะเย้ยอยู่ภายใน เขากำลังรอให้วิญญาณดวงที่สี่ปรากฎตัว ตามจริงแล้วที่เขาต้องการตลอดมาคือวิญญาณดวงที่สี่

ซูซาคุทุกรุ่นต่างศึกษาวิญญาณดวงที่สี่เพื่อหาทางเอาชนะธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงให้ได้ จูเซว่จื่อมั่นใจว่าจะชนะถึงแปดในสิบส่วน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขามาในวันนี้

หลังครุ่นคิดเล็กน้อยจูเซว่จื่อจึงเอ่ยขึ้นมา “เข้าศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับพลังของวิญญาณดวงที่สี่ในบันทึก แต่ข้าไม่ได้เห็นมันด้วยตัวเอง โอกาสการยืมครั้งนี้ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่าวิญญาณดวงที่สี่มีความพิเศษอะไร!”

ตุ้นเทียนกัดฟันแน่นและชี้หน้าผากตัวเองด้วยแขนซ้าย เขานำลูกบอลแสงสีทองออกมาและรีบกดมันเข้าไปในธงวิญญาณ จุดสีม่วงทองบนธงวิญญาณพลันหลุดลอยออกมา

“โลกได้แบ่งออกเป็นห้าธาตุตามธรรมชาติและสร้างรากวิญญาณที่แตกต่างกันขึ้นมา มีหนึ่งธาตุนั่นหมายถึงเจ้าสามารถบ่มเพาะเซียนได้ มีสองนั่นหมายถึงความฉาลาด มีสามหมายถึงเจ้ามีพรสวรรค์ มีถึงสี่หมายถึงเจ้ามีพรสวรรค์เทียมฟ้าและมีถึงห้านั่นหมายถึงความสมบูรณ์”

“ธาตุทั้งห้าคือโลหะ พฤกษา วารี อัคคีและปฐพี หายากจะมีถึงสองธาตุ สามธาตุยิ่งหายากกว่า สี่ธาตุแทบไม่เคยได้ยิน และไม่เคยได้ยินว่าใครจะมีถึงห้าธาตุ”

“วิญญาณดวงที่สี่เป็นคนที่มีถึงสามธาตุอันหายาก แต่พรสวรรค์นี้ไม่ได้ประจักษ์ตอนที่เขายังมีขีวิต เขาใช้ชีวิตและตายไปตอนที่อยู่ระดับขั้นแปลงวิญญษณ แต่สำนักหลอมวิญญาณได้หลอมวิญญาณเขาด้วยกรรมวิธีพิเศษซึ่งได้เปลี่ยนเขาให้สามารถเอาชนะได้กระทั่งขั้นเทวะระดับปลาย!”

“การจับกุมวิญญาณดวงนี้จำเป็นต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมากและต้องเปิดผลึกดาวเคราะห์เซียนตอนที่อายุขัยใกล้จะหมดสิ้น” บันทึกส่วนนี้แล่นผ่านศีรษะจูเซว่จื่อ

จูเซว่จื่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วิญญาณโลหะไตรธาตุ!”

ตุ้นเทียนหัวเราะเสียงแหบ ดวงตาหมองลงเพราะอายุขัยสุดท้ายพึ่งถูกใช้กระตุ้นวิญญาณดวงที่สี่

วิญญาณดวงที่สี่ไม่สามารถนำออกมาได้ด้วยวิธีการธรรมดา นั่นหมายความว่าผู้ใช้ต้องส่งพลังชีวิตให้เพื่อเรียกมันออกมาจากธงวิญญาณ

ในจังหวะที่วิญญาณดวงที่สี่ปรากฎ มันเรืองแสงสีม่วงทองพร่ามัว ภายในแสงที่ส่องสว่างนั้นมีเพียงสิ่งเดียว เข็ม

เข็มนี้ไม่ได้ใหญ๋มาก มันยาวเพียงแค่หัวแม่มือเท่านั้นทว่าปลดปล่อยกลิ่นอายแข็งแกร่งห่างชั้นกว่าของกระบี่ซูซาคุเสียอีก

วิญญาณโลหะไตรธาตุคือสมบัติสามารถที่สามารถเจาะทะลวงทุกอย่างและสามารถทำอันตรายได้แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิม

ดวงตาตุ้นเทียนส่องสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “วิญญาณดวงที่สี่ ฆ่า!”

เข็มสีม่วงทองกระพริบวาบและหายวับไป

สีหน้าจูเซว่จื่อเปลี่ยนไปขณะถอยร่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็โบกสะบัดแขนทำให้กระบี่ซูซาคุเข้ามาป้องกันเบื้องหน้า เสียงติ๊งดังขึ้น รูเท่าเข็มปรากฎบนกระบี่ซูซาคุ

ในช่วงเวลาเดียวกันจูเซว่จื่อร้องคำรามพร้อมใช้นิ้วชี้ไปยังกลางอากาศ พลังปราณกระบี่พุ่งทะลักผ่านร่างกายและกดลงไปพร้อมกับปลายนิ้ว

เสียงดังปัง จูเซว่จื่อถอยไปสามก้าว แสงสีม่วงทองหายไปไร้ร่องรอยแต่จูเซว่จื่อรู้ว่าวิญญาณดวงที่นี่ยังอยู่รอบๆ

เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหนาวเหน็บ “วิญญาณดวงที่สี่แข็งแกร่งจริง! แต่ว่าตุ้นเทียน หากเจ้าเป็นเซียนขั้นเทวะระดับต้นและใช้พลังปราณสวรรค์เกินกว่าสิ่งที่เซียนขั้นแปลงวิญญาณทำได้ เจ้าจะทำให้มันเร็วและทรงพลังกว่านี้ ข้าคงต้องวิ่งหนีหากเป็นแบบนั้น แต่หากเจ้าต้องการสังหารข้า วิญญาณแค่นี้ยังไม่เร็วพอ!”

คำพูดของจูเซว่จื่อมีจุดมุ่งหมาย วิญญาณดวงที่สี่ที่เขาต้องการจับกุมไม่ใช่ตอนนี้ เขาต้องการให้มันอยู่ในสภาวะที่แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ มีเพียงทางเดียวที่จะทำให้มันอยู่ในสภาวะทรงพลังยิ่งขึ้นได้คือกลืนกินดวงวิญญาณจำนวนมาและวิญญาณดวงหลัก

กล่าวได้ว่าในแง่ความเจ้าเล่ห์แล้ว ตุ้นเทียนไม่อาจเปรียบได้กับจูเซว่จื่อ

ตุ้นเทียนจ้องจูเซว่จื่อขณะชี้กลางอากาศและดวงวิญญาณแตกสลาย

วิธีการแตกสลายประหลาดมาก ทุกครั้งที่ดวงแสงม่วงกระพริบ วิญญาณหนึ่งดวงพลันแตกสลาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากและในไม่ช้าเหล่าดวงวิญญาณกลุ่มหนึ่งก็หายไป

แสงม่วงเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนกระทั่งมองเห็นได้แต่เส้นสีม่วงเส้นเดียว

เหล่าดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกวิญญาณดวงที่สี่ดูดซับไป ตุ้นเทียนไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องกังวลเรื่องดวงวิญญาณแล้ว

สายตาจูเซว่จื่อส่องสว่าง เขากำลังขยับไปข้างหน้าแต่ต้องถอยกลับหลังทันที รูเท่าเข็มปรากฎบนแขนและเลือดเนื้อหลุดออกมาจากแผลนั้น

ตอนนี้มีวิญญาณมากมายล่มสลาย วิญญาณหลักสิบดวงถูกวิญญาณที่สี่กลืนกิน ความเร็วจึงพุ่งขึ้นเกินจิตนาการ

หัวใจตุ้นเทียนเจ็บปวดเพราะวิญญาณของธงจำนวนหนึ่งในสามถูกวิญญาณที่สี่กลืนกินไปทันทีพร้อมกับวิญญาณหลักสิบดวง ธงวิญญาณไม่เจอความสูญเสียนี้มานานแล้ว ตุ้นเทียนสูดหายใจลึกและร้องตะโกน “วิญญาณดวงที่สี่ หยุดซะ!”

แสงสีม่วงทองหยุดกึกและจึงค่อยพุ่งเข้าหาจูเซว่จื่อ

จูเซว่จื่อถอนหายใจ เขาต้องการรอจนกว่าวิญญาณดวงที่สี่กลืนกินดวงวิญญาณทั้งหมดก่อนที่จะใช้วิธีที่ซูซาคุรุ่นก่อนคิดขึ้นมาเพื่อจับขังมันไว้ น่าเสียดายที่ตุ้นเทียนหยุดมัน จูเซว่จื่อจึงไม่เอ่ยอะไรอีกไม่เช่นนั้นเจตนาของเขาคงถูกเปิดเผย

จูเซว่จื่อถอยกลับอย่างต่อเนื่องขณะชี้ไปกลางอากาศเบื้องหน้า เสียงแตกกระจายดังขึ้นหลายชุดทำให้จูเซว่จื่อถอยกลับเร็วยิ่งขึ้น รอยแผลเท่ารูเข็มหลายรอยปรากฎบนร่างและโลหิตไหลออกมาจากรูเหล่านั้น

ทุกครั้งที่มีหนึ่งรูปรากฎ ใหบน้าเขาจะเกลียดชังมากขึ้นและรัศมีอ่อนแอลง

อย่างไรก็ตามโลหิตเขาเริ่มปกคลุมวิญญาณดวงที่สี่

จูเซว่จื่อสายตาเย็นชาพลันตบกระเป๋านำน้ำเต้าสีแดงขนาดเล็กออกมา ฝ่ามือสร้างผนึกและเอ่ยขึ้น “หลอม!”

เพียงหนึ่งคำ เปลวไฟสีขาวเส้นหนึ่งออกมาจากน้ำเต้า ล้อมรอบพื้นที่หนึ่งพันฟุตให้กลายเป็นทะเลเพลิงทันที เปลวไฟนี้แข็งแกร่งกว่าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งซูซาคุเสียอีก!

“มาดูว่าวิญญาณโลหะไตรธาตุจะแข็งแกร่งกว่าน้ำเต้าเปลวเพลิงสวรรค์หรือไม่! ข้าจะหลอมวิญญาณดวงที่สี่!”

ภายในทะเลเพลิง เข็มสีม่วงทองเปลี่ยนไปเป็นสีแดง แม้ว่ามันไม่ได้ละลายแต่ทว่าโลหิตของจูเซว่จื่อรวมเข้ากับวิญญาณดวงที่สี่อย่างช้าๆ

คราวนี้วิญญาณดวงที่สี่เริ่มหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว สร้างสายลมกรรโชกรุนแรงเปิดขึ้นภายในทะเลเพลิง

“วิญญาณหลบหนี!” ตุ้นเทียนตะโกน เข็มม่วงทองหายวับไปและลอยเข้าหาจูเซว่จื่อ

ดวงตาจูเซว่จื่อสว่างขึ้น ใบหน้าปรากฎร่องรอยความสุขและหัวเราะ “ตุ้นเทียน เมื่อเจ้าไม่ต้องการส่งธงวิญญาณมา ข้าจะไม่เซ้าซี้แต่จะขอดวงวิญญาณนี้ไปเลยแล้วกัน!”

จูเซว่จื่ตบกระเป๋าและนำก้อนโคลนสีดำออกมา เขาพ่นโลหิตไปบนก้อนโคลนและควันสีดำเส้นหนึ่งพวยพุ่งขึ้น

ฝ่ามือจูเซว่จื่อชี้นำควันสีดำให้สร้างเป็นรูปร่างประหลาด

“ข้าขอใช้สถานะซูซาคุคนปัจจุบันและยกอายุขัยจำนวนเก้าในสิบส่วนเพื่อเปิดผลึกดาวเคราะเซียน ข้าต้องการใช้เขตแดน’หยุด’ ที่สมาพันธ์เซียนให้เราเป็นของขวัญ!” ฝ่ามือชี้ไปที่สัญลักษณ์นั้นและมันลอยออกไปอย่างรวดเร็วและหายวับไปเบื้องหน้าจูเซว่จื่อสามฟุต

คราวนี้ทุกสิ่งภายในระยะหนึ่งพันฟุตหยุดชะงัก

จังหวะที่สัญลักษณ์หายวับไป มีแสงกระพริบสีม่วงทองหนึ่งครั้งและเข็มม่วงทองหายไปด้วย

จูเซว่จื่อยื่นมืออกไปและคว้าวิญญาณดวงที่สี่ ตอนนี้เวลาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครา

จูเซว่จื่อก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าเผยท่าทางดุร้ายและยื่นมือเข้าหาตุ้นเทียน

ตุ้นเทียนหัวเราะ เขาหันกลับมามองถ้ำที่ถูกเปลวไฟทำลายไปและหลับตา

แต่ขณะที่จูเซว่จื่อยื่นมืออกไป เสียงหัวเราะมืดดำออกมาจากตำแหน่งที่หวังหลินเคยอยู่ข้างใน

“จงไปซะ!”

สีหน้าจูเซว่จื่อเปลี่ยนไป เขาสัมผัสความเจ็บปวดออกมาจากวิญญาณดั้งเดิมและรู้สึกกลัวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนหลังจากกลายเป็นซูซาคุ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version