491. ล้มงานเฉลิมฉลอง
รัศมีสีม่วงจากฝั่งตะวันออกเข้าปกคลุมเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว เสียงม่านป้องกันระเบิดดังกึกก้องมาจากรัศมีสีม่วง
เหล่าแขกผู้มาเซียนในกองกำลังสีม่วงทั้งหมดต่างรับรู้ถึงความผิดปกตินี้ได้ พวกเขาวางแก้วไวน์ลงและเงยศีรษะขึ้นมองไปทางฝั่งทิศตะวันออก
“ไม่เพียงแต่สามารถปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระแต่ระดับบ่มเพาะยังบรรลุระดับกลางขั้นแปลงวิญญาณอีกด้วย!” จ้าวซิงชาใบหน้าบูดบึ้ง เขากำหมัดแน่นและบดขยี้แก้วไวน์แตกละเอียดเป็นผุยผง
ไม่เพียงแค่เขา แต่น้องสองที่อยู่ถัดไปก็เผยใบหน้าตื่นตกใจ เขายืนขึ้นด้วยใบหน้ามืดมน พลางก้าวไปข้างหน้าเปลี่ยนเป็นลำแสงสีม่วงลอยเข้าหาเส้นขอบฟ้าเส้นนั้น
ดวงตาป๋ายเวยเผยแสงอันลึกลับขณะหยิบแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาจิบและเผยรอยยิ้มบาง
ส่วนน้องสี่ผู้กักขังหวังหลิน นางสงบนิ่งและไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้เพียงหนึ่งนิ้ว
น้องสองแห่งกองกำลังสีม่วง ชายวัยกลางคนพุ่งตัวออกไปและร้องตะโกน “วันนี้เป็นงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ของสำนักชะตาสวรรค์ ใครก็ตามที่กล้าทำลายงานแห่งนี้จะถูกสังหารโดยไม่มีคำถาม!” เขาตัดสินหวังหลินต้องโทษมหันต์ก่อนที่จะปล่อยให้เอ่ยอะไร ขณะที่พูดออกมานั้นฝ่ามือสร้างผนึกและตะโกนอีกครั้ง “พลังแห่งปฐพี!”
หลังกล่าวจบ แสงสีเหลืองและคล้ายกับพื้นดินปรากฎในฝ่ามือเปลี่ยนเป็นมวลฝุ่นละอองและเคลื่อนไหวราวกับทอร์นาโดเข้าหารัศมีสีม่วงจากฝั่งตะวันออกทันที
หวังหลินสายตาเหี้ยมโหด เพียงก้าวหนึ่งครั้งเขาก็ปรากฎตัวเหนือก้อนเมฆ ขณะนั้นพายุทรายที่เกิดจากพลังแห่งดินของพี่สองก็มาถึง
ดวงตาหวังหลินสงบนิ่งไร้อาการตื่นตระหนกและไม่ได้หยุดชะงัก ฝ่ามือขวาตบกระเป๋าพลันปรากฎธงกฎเกณฑ์ในฝ่ามือ เพียงสะบัดหนึ่งครั้งกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนลอยออกมาและเริ่มโคจรรอบตัวเขา ในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนกลายเป็นทอร์นาโดสีดำที่เกิดจากกฎเกณฑ์
เพียงหมุนหนึ่งครอบมันก็สร้างสายลมรุนแรงและเกิดเสียงลมหอนเต็มไปทั้งฟ้าดิน
พายุทรายที่กำลังเข้ามาได้รับผลกระทบจากสายลมนี้ ในขณะที่พายุทรายเข้าใกล้มันก็ถูกทอร์นาโดฉีกกระชากเป็นสองส่วนทันทีและถูกทอร์นาโดกฎเกณฑ์ดูดซับ
หวังหลินก้าวออกจากทอร์นาโดอย่างเย็นชาและจ้องศิษย์พี่สองด้วยใบหน้าเยือกเย็น “เจ้ายั่วยุข้าสองครั้ง หากข้าไม่สังหารเจ้า ข้าไม่ใช่หวังหลิน!”
สิ้นคำหวังหลินยกนิ้วชี้ขวาขึ้นมา ปราณสวรรค์ในร่างเคลื่อนไหวปรากฎเสี้ยวเพลิงมารบนปลายนิ้ว
ใบหน้าชายกลางคนเปลี่ยนสีและตะโกน “น้องเจ็ด นี่คืองานเฉลิมฉลองวันเกิดของอาจารย์ มีสหายเซียนหลายคนที่นี่ อย่าทำอะไรผลีผลาม!”
หวังหลินมองไปยังเหล่าเซียนรอบๆด้วยใบหน้านิ่งเฉย เซียนทั้งหมดที่นี่เฝ้าดูด้วยสายตาเยือกเย็นและไม่มีใครที่ดูมีเจตนาจะช่วยเหลือ
“เหล่าสหายเซียน วันนี้เป็นการแข่งขันของกองกำลังสีม่วงของเรา หากคนภายนอกกล้าแทรกแซงก็จงอย่ากล่าวหาสำนักชะตาสวรรค์ของข้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในภายภาหน้า!” ขณะที่หวังหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาก้าวไปข้างหน้าและนิ้วชี้ขวากดลงบนชายกลางคน
ชายกลางคนรีบถอยกลับหลัง เขาเจอดีจากเพลิงมารนี้เมื่อก่อนและตอนนี้เขาเห็นมันอีกครั้ง ความคิดล่าถอยจึงเกิดขึ้นในสมอง
ขณะนั้นจ้าวซิงชาก้าวไปข้างหน้าและมาถึงเบื้องหน้าชายกลางคน “น้องเจ็ดกลับที่นั่งของเจ้าซะ! วันนี้ไม่ใช่วันของการแข่งขันกองกำลังสีม่วง!”
หวังหลินไม่กระทั่งมองจ้าวซิงชา เขาพลิกนิ้วทำให้เพลิงมารพุ่งออกไป ขณะที่เพลิงมารออกจากนิ้วหวังหลินมันก็ขยายเป็นเพลิงยักษ์ที่มีสีสันคล้ายก้อนเมฆสี่วง
“เพลิงมาร!” มีผู้คนจากหลากหลายสำนักที่เคยมีประสบการณ์มามากและพวกเขาก็สามารถระบุเพลิงนี้ได้ทันที
“สำนักชะตาสวรรค์ทำตามความปรารถนาของตนอย่างแท้จริง ไม่ประหลาดใจเลยว่าจะมีคนที่สามารถใช้เพลิงมารได้ ทว่าคนผู้นี้ไม่คุ้นเคยยิ่ง ข้าไม่รู้ว่ามีคนเช่นนี้อยู่ในกองกำลังสีม่วงด้วย!”
“ข้าได้ยินสหายเซียนจ้าวเรียกเขาว่าน้องเจ็ด หรือเขาจะเป็นศิษย์ลำดับเจ็ดของกองกำลังสีม่วง? ไม่ใช่น้องเจ็ดของกองกำลังสีม่วงคือซุนหยุนหรอกหรือ?!”
การสนทนาหลากหลายดังขึ้น
เพลิงมารพุ่งออกไปและตรงเข้าหาชายกลางคน ใบหน้าจ้าวซิงชามืดครึ้มขณะฝ่ามือสร้างผนึกและเอ่ยเบาๆ “มนตราฟ้าดินแห่งอิสรภาพ!”
หลังจากเอ่ยขึ้นมา วงแหวนแสงพุ่งออกจากฝ่ามือจ้าวซิงชา วงแหวนขยายออกและล้อมรอบเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว
หวังหลินเผยใบหน้าเยาะเย้ยและตะโกน “ระเบิด!”
เพลิงมารที่ถูกวงแหวนแสงเริ่มกระพริบรุนแรงและรวดเร็ว แทบกระพริบตาก็เกิดการระเบิดสั่นสะเทือนสวรรค์ เพลิงมารแตกกระจายและระเบิดตัวเอง
แรงระเบิดออกมาจากภายในเพลิงมา หลังจากนั้นรัศมีชั่วร้ายที่เกิดขึ้นมาได้เฉพาะคนที่เดินบนเส้นทางมารเท่านั้นพลันพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
ดวงดาวเผาไหม้นับไม่ถ้วนมีพลังเหนือจินตนาการกำลังหมุนวงลมรอบวงแหวนแสง วงแหวนแสงเพียงแค่ต่อต้านได้ชั่วขณะก่อนจะเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านด้วยเพลิงสีม่วง
วงแหวนแสงสีขาวเปลี่ยนเป็นวงแหวนเพลิงและเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านด้วยเวลาเพียงสามลมหายใจเท่านั้น
จ้าวซิงชาใบหน้าบูดบึ้งขณะรีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่ศิษย์ลำดับสองก็ล่าถอยโดยไม่มีความลังเลเช่นกัน
นอกจากทั้งสองคน ยังมีเหล่าเซียนมากหน้าหลายตาจากสำนักอื่นๆต่างก็ใช้วิชาหลบหนีเมื่อเห็นเพลิงมากำลังระเบิด
แรงระเบิดของเปลวเพลิงกระจายออกไปมากกว่าพันฟุตก่อนจะแตกหายไป
โต๊ะเก้าอี้ภายในรัศมีหนึ่งพันลี้ถูกเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านและแม้กระทั่งก้อนเมฆก็ถูกหลอมละลายทิ้งไว้แต่เพียงหลุมยักษ์
ร่างหวังหลินเคลื่อนตัวราวกับสายฟ้า เขาพุ่งออกไปด้วยกระบี่สวรรค์ในมือ กวัดแกว่งกระบี่จนเกิดปราณกระบี่สูงมากกว่าสิบฟุตเข้าใส่ชายกลางคน
ดาบครึ่งจันทราพุ่งออกไปหลังจากกวัดแกว่งกระบี่สวรรค์
เมื่อศิษย์ลำดับสองตระหนักได้ว่าไม่สามารถล่าถอยได้เร็วพอ ฝ่ามือจึงสร้างผนึกและร้องตะโกน “วิชาต้องห้าม ร่างเซียนอมตะ!”
สิ้นคำพูดปรากฎเสียงแตกร้างออกมาจากร่างกาย ขณะนั้นปราณกระบี่ก็เข้ามาถึง เขาเปลี่ยนกลายเป็นหมอกสีดำ
ปราณกระบี่พุ่งเข้าไปและแบ่งหมอกสีดำออกเป็นสองส่วน ทว่าหมอกนั้นกลับคืนอย่างรวดเร็วและเคลื่อนไหวออกด้านข้าง ชัดเจนแล้วว่าชายกลางคนมีเจตนาหลบหนี
หวังหลินเยาะเย้ยและโยนกระบี่สวรรค์ออกไป ตามด้วยเสียงคำรามของฉวี่ลี่กั๋ว กระบี่สวรรค์ไล่ตามหลังหมอกสีดำอย่างกระชั้นชิด
กระบี่ครึ่งจันทราเร็วกว่าหนึ่งก้าว มันพุ่งเข้าไปในหมอกดำและอาละวาดข้างใน เสียงกรีดร้องโหยหวนของชายกลางคนดังออกมาจากภายในสายหมอกทันที
จ้าวซิงชาจ้องหวังหลินด้วยท่าทีเยาะเย้ยแต่ไม่ได้หยุดเขา
หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองจ้าวซิงชา เขาก้าวออกไปและเลือนหายไป เมื่อปรากฎตัวอีกครั้งก็อยู่จุดที่หมอกสีดำกำลังหลบหนี
หวังหลินเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าจะหนีไปไหนได้!”
หมอกสีดำแตกกระจายและพยายามรวมกลับคืนทว่าเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของชายกลางคนออกมาจากภายใน “วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองวันเกิดของอาจารย์! หากเจ้าสังหารข้า เจ้าจะถูกอาจารย์เตะออกจากสำนักแน่นอน!”
ดวงตาหวังหลินเผยความเย็นชาพลันตบกระเป๋าและแส้ฟาดวิญญาณปรากฎขึ้น เพียงฟาดมันหนึ่งครั้งหมอกสีดำที่เริ่มรวมเข้าด้วยกันก็แตกสลายอีกครั้ง
ขณะเดียวกันวิญญาณดั้งเดิมของชายกลางคนถูกผลักออกไปจากหมอกดำ ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขายื่นมืออกไปเข้าหาวิญญาณดั้งเดิม
วิญญาณดั้งเดิมกรีดร้องและพยายามเคลื่อนที่พริบตา
หวังหลินตวัดแส้ฟาดวิญญาณ เขาฝึกใช้แส้นี้มาหลายเดือนดังนั้นนึงรู้ว่ามันสามารถยืดหดได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน แส้สามารถไปถึงได้
เสียงดังปัง วิญญาณดั้งเดิมที่ห่างออกไปพันฟุตสั่นเทาและกำลังแตกสลาย รอยลึกปรากฎบนหลังมันและพลังปราณสวรรค์จำนวนมากพรั่งพรูออกมา
ร่างหวังหลินหายไป พลันปรากฎตัวด้านหน้าวิญญาณดั้งเดิมและคว้าจับมันไว้
วิญญาณดั้งเดิมเผยอาการหวาดกลัวและพยายามพูดกับหวังหลิน แต่หวังหลินโยนมันเข้าไปในธงวิญญาณจากนั้นก็หันไปมองจ้าวซิงชาที่กำลังเฝ้าดูและเอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นคนถัดไป!”
จ้าวซิงชาจ้องมองหวังหลินและยิ้มทันที “น้องเจ็ดเจ้าสังหารพี่สองของเจ้าและทำลายกฎยิ่งใหญ่ของสำนัก ผู้อาวุโสคุมประพฤติโปรดจับเขาและส่งให้อาจารย์เป็นการลงโทษ!”
หวังหลินเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเย็นชา “ใครก็ตามที่กล้าขวางทางข้าคือศัตรู!” สิ้นคำเขาเดินตรงเข้าหาจ้าวซิงชา!
มีผู้อาวุโสคุมประพฤติหลายคนท่ามกลางกองกำลังสีม่วงรอบๆ หลังจากพวกเขาทั้งหมดมองกันและด้วยด้วยแววตาลังเล ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว
ใบหน้าจ้าวซิงชาบูดบึ้งและเขาก้าวถอยหลัง จากนั้นหันศีรษะไปมองป๋ายเวยและน้องสี่ “น้องสี่!”
ศิษย์ลำดับสี่ผู้เป็นสตรีพลันเงยศีรษะขึ้นอย่างสงบนิ่ง นางมองจ้าวซิงชาและเอ่ยออกมา “ข้าชดใช้หนี้ของท่านเมื่อสามเดือนก่อนและยอมที่จะไม่แข่งขันเพื่อตำแหน่งศิษย์สายตรงกับท่าน ตอนนี้ไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่ข้าควรช่วยท่าน!”
จ้าวซิงชากัดฟันแน่น “ดี! ดีนัก!” จากนั้นเขาหันศีรษะเข้าหาหวังหลิน สายตาแฝงเจตนาชั่วร้าย “น้องเจ็ด ข้าวางแผนจะใช้วิชานี้ระหว่างการแข่งขันเพื่อตำแหน่งศิษย์สายตรง แต่เมื่อเจ้าบังคับข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรความแข็งแกร่งของวิชาเซียนบทนี้!”
เมื่อจ้าวซิงชาเอ่ยจบ ฝ่ามือสร้างผนึกและพึมพำด้วยคาถาอันซับซ้อนอย่างยิ่ง
หวังหลินอ้าปากออกมาและธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงปรากฎขึ้น เพียงสะบัดหนึ่งครั้ง วิญญาณหลักที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็ออกมา
ภายใต้คำสั่งของหวังหลิน วิญญาณหลักทั้งหมดพุ่งเข้าหาจ้าวซิงชา
ในขณะเดียวกันหวังหลินก็โยนบางอย่างออกไปด้วยแขนขวา กับดักอสูรเปลี่ยนเป็นราชรถสังหารเทพและร่อนลงด้านข้าง