517. ความคิดของทันหลาง
ดวงตาเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวสว่างวาบและเอ่ยถามขึ้น “ต้องมีชะตาแบบไหนถึงทำให้ทันหลางสนใจได้เพียงนั้น?”
ทันหลางขบคิดเล็กน้อยจากนั้นกัดฟันแน่นมองเซียนกระบี่และกระซิบ “เซียนกระบี่จำตอนที่สมาพันธ์เซียนส่งข้อความเพื่อตามหาของเมื่อหมื่นปีก่อนได้ไหม? มันคือลูกปัดและของรางวัลคือวิชาเทพระดับสูง! นี่เป็นวิชาเทพระดับสูง ของรางวัลที่ใหญ่ที่สุดที่สมาพันธ์เซียนเสนอมา! จากแหล่งของข้า สมาพันธ์เซียนมีวิชาเทพระดับสูงครอบครองไม่เกินสิบวิชา!”
สายตาหลิงเทียนโฮวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “อาการบาดเจ็บของเจ้าเกี่ยวข้องกับลูกปัดนี้ใช่ไหม?”
ทันหลางพยักหน้าและยิ้มอย่างเจ็บปวด “อย่าพึ่งพูดเรื่องที่ผ่านมาเถอะ เป็นเพราะระดับบ่มเพาะของข้าไม่สูงเพียงพอ แต่หากเซียนกระบี่ลงมือนับว่าง่ายดาย!”
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวเงยศีรษะขึ้นมองเข้าไปในความว่างเปล่า หลังจากนั้นสักพักจึงเอ่ยออกมา “มันยังไม่สายเกินไปหากจะพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากทะเลวิญญาณมารตะวันออกจบลง แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าต้องช่วยข้าเรื่องนึง!”
แววตาของทันหลางวาวโรจน์ “เซียนกระบี่ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือ?”
เซียนกระบี่เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เข้าไปในทะเลวิญญาณมารตะวันออกและปกป้องศิษย์ของข้าสิบสองคนจนกว่าภารกิจลับที่ข้าให้เขาจะเสร็จสมบูรณ์ หากเจ้าทำได้ข้าก็จะช่วยเจ้า”
ใบหน้าทันหลางจมลง “หลิงเทียนโฮว ท่านหมายถึงอะไรที่จะช่วยข้า?”
หลิงเทียนโฮวหันไปมองทันหลาง พลางเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเฉย “ทันหลาง ตอนที่ข้าสร้างชื่อเสียงท่ามกลางดวงดาว เจ้ายังไม่ได้เริ่มบ่มเพาะเลยด้วยซ้ำ แผนของเจ้าชัดเจนเบื้องหน้าสายตาข้า หากเจ้าไม่ได้บังคับให้ข้าเป็นเจ้าของลูกปัด ทำไมเจ้าถึงเร่งรีบมาหาข้าเล่า? หากข้าผลักไสเจ้าไปเสียตอนนี้ ข้ากลัวว่าหลังจากนั้นไม่นานเราคงต้องจากกันไม่อยู่ก็ตาย!”
ทันหลางขบคิดชั่วครู่ เขายิ้มและตอบกลับมา “เซียนกระบี่กังวลมากเกินไป ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ข้าสัญญาว่าจะปกป้องศิษย์ของเจ้าให้ปลอดภัย! แต่ว่าข้าได้ยินมาเรื่องประตูสู่ทะเลวิญญาณมารตะวันออกเป็นเรื่องลี้ลับ ดังนั้นข้าไม่ทราบว่าจะสามารถเข้าไปด้วยระดับบ่มเพาะของข้า…”
หลิงเทียนโฮวตอบกลับ “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เจ้าบาดเจ็บและเป็นรอบของข้าในการเปิดประตู ดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าเข้าไปข้างในได้”
ทันหลางพยักหน้าและไม่พูดสิ่งใดอีก
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุย ก้อนเมฆเจ็ดสีขนาดใหญ่เข้ามาจากระยะไกล
ดวงตาทันหลางส่องสว่างและจากนั้นเขาเลือนหายไปทันที หากมองอย่างใกล้ชิดจะเห็นได้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นเงาอยู่ข้างกายเซียนกระบี่และนิ่งเงียบ
ก่อนที่ก้อนเมฆเจ็ดสีจะเข้ามาใกล้ๆ สัมผัสแห่งความสงบครอบคลุมพื้นที่ ภายในก้อนเมฆเจ็ดสีมีเทียนหยุนชุดสีขาวค่อยๆเดินออกมา
เขายิ้มและพยักหน้าให้กับคนที่รู้จัก ด้านหลังเป็นคนจำนวนเก้าคน
ทั้งเก้าคนนี้สวมเสื้อคลุมสีแตกต่างกัน ดวงตาแต่ละคนคมกริบราวกับสายฟ้าและมีระดับบ่มเพาะทรงพลัง ท่ามกลางคนเหล่านี้มีคนหนึ่งที่เคยสู้กับหวังหลินเพื่อตำแหน่งศิษย์สายตรงของกองกำลังสีม่วง ศิษย์พี่หกของหวังหลิน เฉินต้าว!
ตอนนี้เฉินต้าวสวมเสื้อคลุมสีม่วงและปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง เขาเสมือนกระบี่ที่กำลังกวัดแกว่งและปลดปล่อยความเฉียบแหลมของมัน
กลุ่มสิบคนของเทียนหยุนเคลื่อนตัวเข้าหาประตูด้วยท่าทีสงบนิ่ง เซียนทุกคนหลีกทางให้อย่างเคารพและภาพเหตุการณ์ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่กลุ่มเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวมาถึงเสียอีก
พริบตาเดียวกลุ่มของเทียนหยุนได้มาถึงด้านหน้าประตู พวกเขาอยู่ห่างจากกลุ่มของหลิงเทียนโฮวหนึ่งพันฟุต สายตาทุกคนจับจ้องบนสองกลุ่มนี้
นอกเหนือจากคนพวกนี้ เหล่าเซียนเฒ่าที่แข็งแกร่งทั้งหมดต่างกำลังมองมาที่หลิงเทียนโฮวและเทียนหยุนเพื่อหวังจะเฝ้าดูการแสดงดีดี
ขณะนี้กล่าวได้ว่าเซียนเกือบทั้งหมดจากดาวเทียนหยุนและใกล้เคียงมารวมตัวกันที่นี่ซึ่งเกือบเป็นพลังเต็มที่ของดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ดนามว่าเทียนหยุนแห่งนี้
เหลืออีกเพียงหนึ่งวันเท่านั้นจนกว่าจะถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นทุกห้าพันปี!
เมื่อประตูเปิดขึ้นช่วงหนึ่งจะเป็นฉากอันลืมไม่ลงต่อคนทุกคนในครั้งแรกที่เห็น การเดินทางสู่ทะเลวิญญาณมารตะวันออกครั้งนี้จะบรรลุขึ้นสู่ยอดใหม่ หลังจากนั้นจะเป็นเวลาแห่งการทดสอบอันโหดเหี้ยมข้างใน!
เทียนหยุนยืนอยู่ที่นี่อย่างเป็นกลางและมีเซียนหลายคนทักทายเขา ขณะที่กำลังพูดคุย สายตาก็มองออกไปไกลราวกับกำลังหาอะไรบางอย่างเป็นพักๆ
ศิษย์เก้าคนเบื้องหลังเขาทั้งหมดต่างเป็นสหายกันและพูดคุยสนทนา นอกจากนั้นเฉินต้าวก็เป็นคนที่กำลังมองไปรอบๆราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างด้วยเช่นกัน
“ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่…” เฉินต้าวขมวดคิ้วเบาๆ
วันสุดท้ายก่อนการเปิดทะเลวิญญาณมารตะวันออกได้ผ่านเข้ามาอย่างช้าๆ
วันนี้เหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น วันนี้คือวันที่ประตูวิญญาณมารตะวันออกจะเปิดออก!
ทะเลที่มีสิ่งของลอยอยู่ซึ่งถูกเรียกขานกันว่าทะเลวิญญาณตะวันออกเริ่มเปลี่ยนแปลงไป สิ่งของทั้งหมดเคลื่อนไหวผ่านอากาศเร็วขึ้นจนสังเกตได้
การเปลี่ยนแปลงนี้จับความสนใจเซียนรอบด้านทั้งหมด
ชั่วขณะนั้นดวงตาของเฉินต้าวส่องสว่างขึ้นขณะหันหน้ามองออกไปไกลและเผยรอยยิ้มช้าๆ
แสงหลายเส้นเข้ามาจากระยะไกล การมาถึงของพวกเขาไม่ได้ทำให้เซียนคนอื่นๆให้ความสนใจแต่ดวงตาเฉินต้าวจับจ้องไปที่ร่างสีม่วงคนนั้น
“น้องเจ็ด…” ดวงตาเฉินต้าวเผยแสงลึกลับ
เทียนหยุนมองไปที่ร่างสีม่วงนั้นด้วยเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มเบาบางแต่ไม่ได้กล่าวอะไร
เมื่อหวังหลินเห็นกลุ่มของเทียนหยุนจากระยะสายตา เขาคำนับฝ่ามือและเอ่ยออกมา “พี่ซุน ข้าต้องไปพบอาจารย์ของเข้า เช่นนั้นเราจะแยกกันตรงนี้ หากมีโอกาสเราค่อยเจอกันในทะเลวิญญาณตะวันออก!”
ใบหน้าซุนหยุนซานปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาต้องเร่งรีบด้วยความเร็วเต็มที่เพื่อให้มาที่นี่ได้ทันเวลา เขายิ้มบางและเอ่ยออกมา “หลังจากเราเข้าไป ข้าจะพึ่งน้องหวังให้ตามหาข้าเสียแล้ว!”
“ไม่มีปัญหา!” หวังหลินยิ้มขณะก้าวไปข้างหน้าและเปลี่ยนเป็นเมฆควันสีม่วงก่อนจะเหาะเหินเข้าหาเทียนหยุน
หวังหลินเคลื่อนตัวเข้าหาเทียนหยุนราวกับสายฟ้า ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ ผู้คนต่างได้ยินการทำลายกำแพงเสียง ใบหน้าเขาสงบนิ่งและดวงตามีประกายแฝงควันสีเทา ภาพลักษณ์ของเขาตอนนี้ไม่ได้ดูอ่อนแอไปกว่าเฉินต้าวตอนนี้เลย
การเคลื่อนไหวของหวังหลินทำให้เซียนบางคนให้ความสนใจทันที เมื่อเห็นผ้าคลุมสีม่วงและป้ายสิทธิ์ เซียนบางส่วนจึงเดาตัวตนของเขาได้ทันที
“หวังหลิน ศิษย์ลำดับเจ็ดของกองกำลังสีม่วงแห่งสำนักชะตาสวรรค์!”
เหยาซีเชว่ที่กำลังนั่งอยู่บนหยกแดงยักษ์พลันลืมตาขึ้นมองหวังหลิน หลังจากชำเลืองมองไม่กี่ครั้งนางก็ถอนสายตา
เยาซีเชว่ลอบคิด ‘ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านพ่อถึงขอให้ข้าเพิ่มความสนใจในตัวศิษย์คนใหม่ของสำนักชะตาสวรรค์ด้วย ระดับบ่มเพาะของเขาก็ธรรมดาและดูไม่เหมือนมีอะไรโดดเด่น…แต่ว่าการถูกเทียนหยุนเลือกตัวให้มาที่นี่หลังจากเข้าร่วมสำนักชะตาสวรรค์นั้นเป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ’
หวังหลินเหาะเหินตรงเข้าหาและมาถึงด้านหน้าเทียนหยุนในไม่เวลาไม่นาน เขากล่าวอย่างเคารพ “ศิษย์หวังหลินขอคารวะท่านอาจารย์!”
เทียนหยุนยิ้มและเอ่ยตอบ “ไปยืนด้านหลังอาจารย์ เหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทุกห้าพันปีกำลังถือกำเนิด จงให้ความสนใจ อาจจะมีสมบัติที่ต้องชะตากับเจ้าปรากฎขึ้นเช่นกัน!”
หลังเทียนหยุนกล่าวจบ เขามองหวังหลินอย่างมีนัยยะและจากนั้นไม่กล่าวอะไรอีก
หวังหลินพยักหน้าตอบสนอง จากนั้นไปยืนด้านหลังเทียนหยุนและรวมเข้ากับแถวศิษย์เก้าคน
สายตาเหล่าศิษย์เก้าคนทั้งหมดจ้องไปบนหวังหลิน นอกจากเฉินต้าวที่มีสายตาลี้ลับแล้ว สายตาคนอื่นๆแน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า
หวังหลินไม่สนใจคนทั้งเก้าเหล่านี้ เขาเพียงแค่ชำเลืองและรู้ว่ามีสตรีสามคนและบุรุษหกคน
ดวงตาเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อยเมื่อหวังหลินมาถึง เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาคุ้นเคยเล็กน้อยตั้งแต่ที่เห็นตอนงานเลี้ยงวันเกิดของเทียนหยุน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ออก
“เอ๊ะ?” ทันหลางอุทานออกมาจากด้านหลังเซียนกระบี่
หลิงเทียนโฮวถามขึ้นเบาๆ “เจ้ารู้จักเด็กคนนี้?”
“ข้าไม่รู้จักเด็กคนนี้แต่เขาให้ความรู้สึกคุ้นเคย…อาจจะเป็นลูกหลานของสหายเก่า..“ ดวงตาทันหลางส่องสว่างขึ้นแต่รีบซ่อนมันไว้ทันที
การปรากฎตัวของหวังหลินให้ความสนใจในเหล่าเซียนเฒ่าทรงพลังด้วยกันเช่น เหตุผลที่พวกเขาสนใจหวังหลินก็คือเพราะเทียนหยุนไม่เคยรับศิษย์คนใดโดยไม่มีเหตุผล เทียนหยุนวางทุกสิ่งทุกอย่างให้กับโชคชะตา หากไม่ใช่โชคชะตาแล้วเขาคงไม่มีทางรับศิษย์
พวกเขาเพียงแค่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่โชคชะตานั้นจะเป็นเขาหรือศิษย์คนอื่นๆเสียบ้าง
ชั่วขณะนั้นเสียงอึกทึกออกมาจากทะเลตะวันออก เสียงนี้คล้ายกับการโยนหินลงในบ่อน้ำจนเกิดระลอกคลื่นออกมา
สายตาของเซียนมากกว่าหมื่นคนเพ่งพินิจไปบนทะเลที่มีสิ่งของลอยอยู่และทั้งพื้นที่เงียบสนิท
ท่ามกลางเหล่าเซียนรอบด้าน มีบางคนที่เคยเห็นช่วงเวลาทุกห้าพันปีนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง ทว่าแทนที่จะทำให้พวกเขาสงบนิ่งมากกว่าเดิมแต่จิตใจยิ่งสั่นสะท้านขึ้นในแต่ละครั้ง
เซียนส่วนใหญ่ทั้งหมดที่เห็นช่วงเวลานี้ต่างมั่นใจว่าทะเลตะวันออกต้องเคยเป็นสถานที่ที่วิเศษก่อนที่มันจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้
ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่จะสร้างช่วงเวลาน่าตกตะลึง ช่วงเวลานี้คล้ายกับความลึกลับที่ยังปกคลุมเหนือศีรษะคนบนดาวเทียนหยุน