516. การเดินทางของทันหลาง
ขอแก้ชื่อนะครับ เปลี่ยนจาก ‘ฉวี่หยุนซาน’ เป็น ‘ซุนหยุนซาน’
หลังซุนหยุนซานกล่าวจบ ลำแสงสีม่วงเส้นหนึ่งพุ่งผ่านเข้ามาราวกับสายฟ้า มันเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วและร่อนลงพื้นเผยร่างเป็นหวังหลินอยู่ภายใน
หวังหลินยิ้มบางและคำนับฝ่ามือ “ข้าพบเรื่องล่าช้าเล็กน้อยระหว่างทางมาที่นี่ ข้าไม่คิดว่าพี่ฉวี่กำลังรอ”
ซุนหยุนซานหัวเราะ “ไม่มีปัญหา เดิมทีข้าจะไปทะเลวิญญาณมารตะวันออกเมื่อวานแต่ได้ยินว่าน้องหวังเป็นคนที่ท่านเทียนหยุนเลือกให้ไป ข้าคิดและตัดสินใจรออีกสองสามวันแล้วเราค่อยไปด้วยกัน ข้าไม่ได้เร่งรีบ”
หวังหลินให้รอยยิ้มอบอุ่นและเอ่ยออกมา “ขอบคุณที่ท่านคำนึงถึงข้า” จากนั้นเขามองผู้คนรอบๆซุนหยุนซาน
ซุนหยุนซานหัวเราะ “สามคนนี้คือผู้อาวุโสของสำนักเสี่ยวหยวนที่ดูแลความปลอดภัยของข้า ระดับบ่มเพาะของข้าไม่อาจเทียบกับน้องหวังได้ อาห์ หากไม่ใช่คำสั่งของท่านพ่อข้าคงไม่ไปทะเลวิญญาณมารหรอก”
หวังหลินยิ้ม “พี่ฉวี่เป็นคนตลกจริงๆ!”
ขณะที่หญิงสาวสวมชุดสีชมพู สายตาของนางเลื่อนไปจ้องหวังหลินและเผยอาการประหลาดใจ
ซุนหยุนซานชี้ไปที่นางและเอ่ยออกมา “น้องหวัง นางคือน้องสาวคนเล็กของข้า ซุนลั่วหนาน! (孫若南 Sūnruònán)” จากนั้นเขาจ้องมองนางและตะโกนขึ้น “คนผู้นี้คือศิษย์หลักของเทียนหยุน หวังหลิน ทำไมเจ้ายังไม่ทักทายเขา?!”
ซุนลั่วหนานย่นจมูกขณะทักทายหวังหลินพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกับนกกำลังขับขานเสียงเพลง “ลั่วหนานขอทักทายพี่ใหญ่หวัง!”
หวังหลินยิ้มและพยักหน้าตอบ เขามองเพียงครั้งเดียวก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย
ซุนหยุนซานเป็นคนฉลาดและรู้ทันความคิดหวังหลินทันที ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “น้องหวัง นี่มันก็สายแล้ว เช่นนั้นเราไปกันเถอะ!”
หวังหลินพยักหน้าจากนั้นทั้งสองคนเดินเข้าหาใจกลางค่ายกลเคลื่อนย้าย
ขณะที่ซุนหยุนซานเดินเข้าไป เขาเอ่ยขึ้นช้าๆโดยไม่ได้หันศีรษะกลับมา “ซวนยี่ กลับมา!”
ซวนยี่หันกลับมาโดยไม่ได้กล่าวอะไรและเดินเข้ามาค่ายกลเคลื่อนย้ายพร้อมกับผู้อาวุโสอีกสองคน เหลือเพียงคนเดียวนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายคือหญิงสาวชุดสีชมพู นางกระทืบเท้าและตะโกนเข้าหาซุนหยุนซาน “พี่ใหญ่ให้ข้าไปด้วยเถอะ!”
ซุนหยุนซานกล่าวโดยไม่มีความลังเล “ไม่!”
“กระตุ้นค่ายกล!”
หลังเสียงตะโกน ศิษย์นับร้อยนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายลืมตาตื่นขึ้นและเร่ิมใช้พลังปราณของตัวเองทำให้พลังปราณจำนวนมากเข้าสู่ค่ายกล
ค่ายกลแห่งนี้ไม่ใช่ค่ายกลธรรมดาแต่เป็นการส่งคนเข้าสู่อวกาศ จำนวนหินหยกสวรรค์และหินวิญญาณที่จำเป็นต้องใช้เพื่อกระตุ้นค่ายกลนับว่ามากมายมหาศาล
เสียงดังสั่นออกมาจากค่ายกลขณะที่พลังรุนแรงสายหนึ่งเริ่มกระจายตัวออกไปราวกับคลื่นกระแทก
เหล่าศิษย์หลายร้อยคนโอนเอนและเกิดเสียงกระพือจำนวนมาก ใบหน้าแต่ละคนขาวซีดแต่ไม่มีใครขยับเขยื้อนแม้เพียงน้อยนิด
หลังจากนั้นไม่นานสายรุ้งเส้นหนึ่งกว้างหลายร้อยฟุตพุ่งขึ้นไปทันทีและแทงทะลุยอดฟ้า วงแหวนแสงเริ่มกระจายตัวออกกลางท้องฟ้าและน่าฟ้าดาวเคราะห์ถูกปกคลุมไปด้วยระลอกคลื่นวงแหวนนี้
ระลอกคลื่นนี้กินเวลาเพียงครึ่งก้านธูปก่อนจะเลือนหายไป
ในจังหวะที่สายรุ้งแทงทะลุขึ้นสู่ยอดฟ้า หญิงสาวที่อยู่ถัดจากค่ายกลเผยความทระนงตน ฝ่ามือนางสัมผัสกระเป๋าและหินหยกก้อนหนึ่งปรากฎในอุ้งมือ
“ฮึ่ม หากท่านไม่ต้องการให้ข้าไป เช่นนั้นข้าจะตามพวกท่านไปอย่างลับๆ! ข้าขโมยหินหยกพันเปลี่ยนจากท่านพ่อมา และด้วยสิ่งนี้ข้าสามารถติดตามพวกท่านไปได้ ข้าอาจจะได้สมบัติมาบ้างในทะเลตะวันออก!”
ขณะที่หินหยกปรากฎในมือนาง มันปลดปล่อยแสงสีขาวและล้อมรอบหญิงสาวในทันที แสงสีขาวกระพริบหนึ่งครั้งเปลี่ยนร่างนางเป็นลำแสงสีขาวหนึ่งเส้นและรวมเข้ากับสายรุ้ง
ฝั่งตะวันออกของดาวเทียนหยุน ตำแหน่งประตูทะเลวิญญาณมารตะวันออก
เหลือเวลาเพียงสามวันเท่านั้นจนกว่ามันจะเปิดขึ้น!
จำนวนเหล่าเซียนรอบด้านเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว อย่างน้อยมีผู้คนนับหมื่นที่นี่ ทว่าท่ามกลางเหล่าเซียนทั้งหมดนี้ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเข้าไปข้างในได้ ส่วนใหญ่คนที่อยู่ที่นี่มาเพื่อชมช่วงเวลานี้
เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกห้าพันปี สำหรับเซียนบางส่วนแล้วนั่นเป็นทั้งชีวิตของเขา
หากไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นหยินหยางและทะลวงผ่านก้าวแรกไปได้ พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้เกินห้าพันปี
แม้แต่พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่หาตัวจับยากยังปรากฎตัวที่นี่นอกทะเลวิญญาณมารตะวันออก บางส่วนมาด้วยตัวเอง บางส่วนมีลูกศิษย์มาด้วย และทุกคนที่ปรากฎตัวขึ้นมาจะเกิดความโกลาหลและหาพื้นที่ให้ตัวเอง
แต่ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ก็ยิ่งมีน้อยคนที่จะไปขัดใจพวกเขา
โชคดีที่ผู้คนทั้งหมดต่างเป็นคนที่รู้จัก ดังนั้นแม้พวกเขาจะจับจองพื้นที่ก็ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกันและกัน อย่างเช่นลูกสาวของบรรพชนโลหิต เหยาซีเชว่ ไม่มีใครก้าวเข้าไปในพื้นที่รอบตัวนางหนึ่งพันฟุตเลย
วันนี้เหลือเพียงอีกสองวันเท่านั้นจนกว่าประตูจะเปิด
จุดแสงจำนวนมากปรากฎในอากาศ จุดแสงเหล่านี้มีมากเกินไปจนดูเหมือนดวงดาวในท้องฟ้าที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพื้นที่แห่งนี้
เพียงแค่ลำแสงนี้กลับสร้างแรงกดดันทรงพลังราวกับพายุยักษ์กำลังเข้ามาถึง
ชั่วขณะนั้นนอกจากพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชื่อเสียง เหล่าเซียนอื่นๆทั้งหมดต่างเปลี่ยนสีหน้า แม้กระทั่งลูกสาวของบรรพชนโลหิต เหยาซีเซว่ ก็ลืมตาขึ้นมองจุดแสงสีทองไร้ที่สิ้นสุดพวกนั้น
นางพึมพำเบาๆ “เซียนกระบี่…”
จุดแสงสีทองที่เข้ามาจากระยะไกลเปลี่ยนเป็นกระบี่โบราณ จากนั้นปราณกระบี่หลายเส้นเข้ามาใกล้ในทันทีจนเกิดแรงกดดันทรงพลัง ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ เหล่าเซียนรอบด้านทั้งหมดตรงทางเข้าทะลวิญญาณต่างก็หลีกทางให้
ฉากเหตุการณ์นี้ยิ่งใหญ่อลังการมากกว่าพวกเซียนเฒ่าคนอื่นๆที่มาถึงเสียอีก
ท่ามกลางปราณกระบี่จำนวนมากนี้มีอสูรกิเลนยักษ์อยู่หนึ่งตัว เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวนั่งอยู่บนหัวกิเลน ดวงตาส่องสว่างราวกับคบเพลิงยามมืดมิด
ด้านหลังเขาเป็นกระบี่มายากระพริบสว่างอยู่สี่เล่มทำให้เขาภาพลักษณ์ดูดุร้ายมากขึ้นไปอีก
ด้านหลังเซียนกระบี่มีคนอยู่ถึงสิบสองคน!
แต่ละคนมีกระบี่โบราณแนบอยู่กับแผ่นหลัง ภาพมายาอสูรดุร้ายออกมาจากดาบแต่ละเล่มก่อเกิดเป็นอสูรสิบสองตัว
“สิบสองกระบี่!” บางคนที่อยู่ที่นี่จดจำสิบสองคนนี้ได้
ผู้คนบนดาวเทียนหยุนทั้งหมดรู้ว่าเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวมักแข่งขันกับเทียนหยุนมาตลอด มันนานจนนับไม่ได้แล้วและยังคงดำเนินต่อไป
เทียนหยุนอยู่สูงเหนือเซียนกระบี่ไปหนึ่งช่วงแต่เซียนกระบี่ไม่เคยหมดกำลังใจและไม่เคยหยุดก้าวเดิน
เทียนหยุนมีเจ็ดศิษย์ชะตาสวรรค์และเขาจึงสร้างสิบสองกระบี่แห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวขึ้นมา!
เจ็ดศิษย์ชะตาสวรรค์มีการสืบทอดวิชาเทพ ขณะที่สิบสองกระบี่มีวิญญาณอสูรมารคอยปกป้อง
ขณะที่เซียนกระบี่ได้มาถึง พื้นที่รัศมีห้าสิบลี้เปิดขึ้นทันทีและภายในนั้นมีเพียงเซียนกระบี่และศิษย์สิบสองคนเท่านั้น
ใบหน้าหลิงเทียนโฮวหมองหม่น เดิมทีเขาคงไม่มาที่นี่เร็วขนาดนี้แต่การเดินทางครั้งนี้สำคัญอย่างมากสำหรับเขา เขามองไปที่ทะเลที่มีสิ่งของลอยอยู่และเผยใบหน้าหวนรำลึก
ตอนนั้นที่เขากลับจากแดนสวรรค์ วิญญาณกระบี่ตัวนั้นไล่ตามหลังเขามา สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือความแข็งแกร่งของวิญญาณกระบี่ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ล่อลวงมันมาที่นี่และใช้วิชาพิเศษเพื่อขังมันไว้ในทะเลวิญญาณมารตะวันออก
ครั้งนี้เขามาเพื่อยืมพลังของช่วงเวลาสำคัญเพื่อลากวิญญาณกระบี่เข้าไปในส่วนลึกของทะเลวิญญาณมารจนมันไม่สามารถกลับมาได้ตลอดกาล
“วิญญาณกระบี่เป็นของแม่ทัพเทพสตรีคนนั้น แม้มันทรงพลังมากแต่มันไม่ฟังคำสั่งข้า เมื่อมันไม่ฟังข้าก็จงไม่มีใครได้รับมัน โดยเฉพาะเจ้าโจรเฒ่านั่น เทียนหยุน!” หลิงเทียนโฮวพ่นลมหายใจเบาๆออกมาและเผยใบหน้ามืดมัว
หลิงเทียนโฮวกำลังคิดทันใดนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนไป เขามองเข้าไปในอากาศและเผยแสงอันลึกลับ
ก้อนเมฆเย็นขนาดใหญ่พลันปรากฎขึ้นในความว่างเปล่า ก้อนเมฆนี้มีสีเขียวคล้ำและเต็มไปด้วยหัวกะโหลก มีหัวกะโหลกนับไม่ถ้วนในก้อนเมฆเขียวคล้ำก้อนนี้อย่างน้อยก็นับพันหัว!
บางชิ้นยังมีเลือดเนื้อติดอยู่บนกะโหลกอีกด้วย
ท่ามกลางกะโหลกเหล่านี้มีหนึ่งหัวที่มีขนาดใหญ่มาก ชัดเจนแล้วว่าหัวกะโหลกนี้เป็นของอสูรดั้งเดิม บนยอดกะโหลกยักษ์มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่
คนผู้นี้มีรัศมีแห่งความตายบดบังร่างเอาไว้ ภาพหัวกะโหลกกระพริบไปรอบๆร่างเขาราวกับผืนป่าหัวกะโหลกไม่มีที่สิ้นสุด
ระหว่างทางเขาพุ่งผ่านตรงๆไม่สนใจคนอื่นและตรงเข้าไปในพื้นที่รัศมีห้าสิบลี้รอบเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้
ชายวัยกลางคนที่ล้อมรอบด้วยรัศมีแห่งความตายและนั่งอยู่บนหัวกะโหลกยักษ์พลันหัวเราะเสียงแหบ “สหายเฒ่าหลิงเทียน!”
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวยิ้มบาง “ทันหลาง!”
ทันหลางคนนี้คือคนที่อยู่บนดาวซูซาคุซึ่งต้องการกลืนกินเซียนโบราณเพื่อฟื้นฟูระดับบ่มเพาะของตนเอง เขายังเป็นคนที่ต้องการหาว่าทัณฑ์สวรรค์มาจากไหนและไม่รู้ว่าจะหาหวังหลินอย่างไร
คนผู้นี้ยังเป็นผู้ร้ายตัวหลักในการพยายามขโมยลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจากซือถูหนานอีกด้วย
เพื่อหลีกเลี่ยงซือถูหนาน เขาหลบหนีมาที่นี่เพื่อหาสหายเก่า เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว
“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นเช่นไร?” เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวสามารถมองออกถึงอาการบาดเจ็บของทันหลางคนนี้ที่ยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ได้ทันที
ดวงตาของทันหลางปลดปล่อยประกายแสงชั่วร้ายขณะเอ่ยออกมา “เรื่องมันยาว ข้าไปที่สำนักกระบี่ต้าหลัวเพื่อหาเจ้า เมื่อได้ข่าวว่าเจ้ามาที่นี่ข้าจึงรีบมาและอยากให้เจ้าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่! หากเจ้าและข้าร่วมมือกันเมื่อนั้นเจ้าจะสามารถเหนือกว่าเจ้าเฒ่าเทียนหยุนได้!”