535. เพิ่มดวงวิญญาณ
หวังหลินชี้ไปที่อากาศด้วยดวงตาเย็นชา ร่างสิงโตสั่นเทาจากนั้นเปลี่ยนเป็นควันสีดำสายหนึ่งลอยเข้าสู่ธงวิญญาณของฉือซานและเลือนหายไป
“อสูรตัวนี้พอที่จะเป็นวิญญาณหลักของธงวิญญาณสิบดวงของเจ้าได้ แต่ว่าจงจำไว้ให้ดี ไม่มีเคล็ดลับอะไรในการใช้วิชาหลอมวิญญาณ เจ้าสามารถผนึกมันได้แต่มันก็สามารถปฏิเสธเจ้าได้ เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนสำหรับเจ้า!” เมื่อหวังหลินกล่าวเช่นนั้นเขาก็หันตัวกลับเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขา
ฉือซานมีใบหน้าละอายใจขณะมองธงในมือและเริ่มขบคิด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและหนึ่งเดือนผ่านไป ชายหนุ่มทั้งหมดในหมู่บ้านออกไปกลางดึก
โอวหยางฮัวและฉือซานคือแนวหน้าขณะที่พาทุกคนตรงไปยังถ้ำ
หวังหลินไม่ได้ตามไปด้วยและกระทั่งไม่ได้ใช้สัมผัสวิญญาณติดตามไป นี่คือบททดสอบของพวกเขาและหากเกิดผิดพลาดขึ้นนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอและหวังหลินคงจากไปเมืองปิศาจโบราณเพื่อหาโอกาสอื่น
ห้าวันต่อมาขณะที่หวังหลินกำลังฝึกฝนข้างในส่วนลึกของหุบเขา เขาพลันลืมตาขึ้น ไม่นานนักเกิดเสียงดังขึ้นให้ได้ยินจากระยะไกลพร้อมกับผู้คนแถวยาวมุ่งมาที่หุบเขาด้วยเส้นทางคดเคี้ยว
แถวยาวนี้เกิดจากคนที่ไม่ได้มาจากหมู่บ้านและใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มีกระทั่งบุรุษและสตรีท่ามกลางพวกเขา และที่สำคัญคือแขนแต่ละคนผูกกันด้วยเชือก มีอยู่เจ็ดคนต่อเชือกหนึ่งเส้น ทุกเส้นถูกมัดไว้กับแขนขณะที่ค่อยๆเดินมาช้าๆ
โอวหยางฮัวเดินอยู่ด้านหน้าและปกคลุมด้วยรอยเลือด แม้หน้าตาดูเหน็ดเหนื่อยแต่ใบหน้าตื่นเต้น
คนของหมู่บ้านขนาบข้างแถวนี้ หากนักโทษเดินทางช้าเกินไป ชาวบ้านจะเข้าไปละตะเบ็งเสียงดังใส่
ฉือซานเดินอยู่ท้ายแถว กลิ่นอายของเขาแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาไม่มีความอวดดีอีกและดูสงบนิ่งมากกว่า ตอนนี้ใบหน้าเผยความตั้งมั่น
เขาเดินอยู่ด้านหลังพร้อมกับคนรอบๆหลายคน ทว่าพวกเขาทั้งหมดรักษาระยะห่างและสายตาแต่ละคนมีความเคารพ
กล่าวได้ว่าฉือซานสามารถเผยช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ เมื่อมีเขาและโอวหยางฮัวต่อสู้ร่วมกัน พวกเขาสามารถอ้อมค่ายกลและจัดการศัตรูได้สำเร็จ
ผู้อาวุโสของศัตรูถูกสิงโตของฉือซานอัญเผชิญมากลืนกินตั้งแต่เริ่ม จากนั้นเขาก็ใช้วิชาหลอมวิญญาณตรงหน้าศัตรูเพื่อหลอมวิญญาณของผู้อาวุโสอีกฝั่งและผนึกไว้ข้างในธงวิญญาณ
ในขณะเดียวกันโอวหยางฮัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เขาหลอมวิญญาณผู้คนที่ตายในการต่อสู้อย่างรวดเร็วและผนึกเอาไว้
เหตุการณ์เช่นนี้เป็นที่ตกตะลึงให้กับศัตรูเป็นอย่างยิ่ง!
เส้นสายยาวเยียดค่อยๆมาถึงข้างในหุบเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นสตรีทั้งหมดนำถังไม้ออกมาจากบ้านตนเองทันทีเหมือนเคยชินกับเรื่องนี้
มีของเหลวสีเขียวอยู่ข้างในถังและยังเดือดปุดๆ มันส่งกลินเหม็นคละคลุ้ง
ศีรษะคนนอกทุกคนถูกกดลงเข้าไปในถังและถูกบังคับให้ดื่มของเหลวสีเขียวนี้เข้าไปบางส่วน หลังจากดื่มไปแล้วพวกเขาเผยท่าทางงุนงงทันที จากคนชาวบ้านบางคนนำตัวไปและกระซิบบางอย่างเข้าไปในหูแต่ละคน
ตอนที่สัมผัสวิญญาณหวังหลินเห็นสิ่งนี้ เขาไม่ได้ประหลาดใจเลย เขารู้มาจากความทรงจำของลั่วหยุนว่าบรรพชนของลั่วหยุนพูดว่ามีทางเดียวที่ชนเผ่าเล็กๆจะเพิ่มจำนวนได้คือบังคับเชลยให้ดื่มซุบล้างความทรงจำหนึ่งถ้วย
ผลลัพธ์ของซุบนี้คือทำให้คนลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างและกระทั่งบางคนกระซิบชื่อใหม่พร้อมสถานะปัจจุบันของเผ่าให้ เมื่อเขาตื่นขึ้นก็จะกลายเป็นสมาชิกใหม่ของเผ่า
ซุบนี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษในสายตาหวังหลิน มันยังด้อยกว่าวิชาเสน่ห์มากมายนัก
หากคนที่ฝึกเซียนดื่มซุบนี้ โดยพื้นฐานแทบไร้ผลใดๆ
โอวหยางฮัวรีบเร่งเข้ามาหาหวังหลิน ตอนที่มาถึงยังค่อนข้างไกลแต่กลับโค้งคำนับอย่างเคารพและเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยโอวหยางฮัวขอคำนับท่านเทพสูงสุด”
หลังได้รับคำอนุญาตจากหวังหลิน โอวหยางฮัวรีบเข้ามาในส่วนลึกของหุบเขา เขาเห็นหวังหลินนั่งสมาธิอยู่ไกลๆ
เมื่อมาถึงด้านหน้าหวังหลินและนำของชิ้นนึงออกมา จากนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านเทพสูงสุด ผู้น้อยพบผลึกปิศาจจากเผ่าศัตรูจึงมามอบให้ท่าน!”
สายตาหวังหลินสว่างขึ้นจากนั้นโบกแขนและผลึกปิศาจลอยจากแขนโอวหยางฮัวมาหาเขา หวังหลินมองก้อนหินสีดำอย่างละเอียดยิบ ไม่มีสิ่งใดพิเศษและมันค่อนข้างขรุขระ
หวังหลินบิดฝ่ามือและหินสีดำแตกสลายทันทีเผยเป็นผลึกปิศาจขนาดเท่านิ้วโป้ง
“ผลึกปิศาจระดับสอง!” หวังหลินมองผลึกอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลืนกินมัน!
โอวหยางฮัวก้มศีรษะลงและเงียบเสียง เขาเผยท่าทางเคารพตลอดเวลา
หลังกลืนกินผลึกปิศาจ มันรวมเข้ากับผลึกปิศาจในตัวหวังหลินและกลายเป็นผลึกปิศาจระดับห้า!
หวังหลินมองโอวหยางฮัวก่อนจะตบกระเป๋าและนำหินหยกออกมา หลังจากกวาดล้างด้วยสัมผัสวิญญาณเขาจึงโยนมันให้โอวหยางฮัวและเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ามีบทร่ายสำหรับสามระดับแรกเท่านั้น เว้นแต่ว่าจะมีความสำเร็จจะไม่ได้มากกว่านี้ เจ้ากลับมาพร้อมกับผลึกปิศาจ ดังนั้นข้าจะให้บทร่ายระดับสี่กับเจ้า ศึกษามันให้ดีและอย่าสอนมันให้คนอื่น ไม่เช่นนั้นข้าจะริบมันคืนแน่นอน!”
โอวหยางฮัวระงับความตื่นเต้นไว้ในใจ หลังจากรับหินหยกมาเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่จากไป ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นพลันพึมพำกับตนเอง “ดูเหมือนว่านี่จะเป็นก้าวที่ถูกต้อง ขณะที่หมู่บ้านค่อยๆเติบโตขึ้นและดูดเผ่ารอบๆมา จำนวนผลึกปิศาจข้าจะได้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกเหนือจากนี้ยิ่งมีคนในเผ่ามากก็ยิ่งมีการฝึกฝนวิชาหลอมวิญญาณมากขึ้น นั่นหมายความว่าข้าจะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของธงวิญญาณล้านดวงให้เต็มในเร็ววัน!”
ตอนนี้หวังหลินกำลังยกระดับเสี้ยววิญญาณ!
วิญญาณทั้งหมดที่ผู้คนฝึกวิชาหลอมวิญญาณสามารถกลายเป็นของเขาได้เพียงแค่คิด
เมื่อถึงเวลาที่พอดีสำหรับหวังหลินในการเก็บรวบรวมวิญญาณทั้งหมด ธงวิญญาณล้านดวงจะกลับมาสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง!
จำนวนประชากรของหมู่บ้านเพิ่มขึ้นสองสามเท่าทันที บุรุษตอนนี้มีมากกว่าห้าสิบคน เหล่าสตรีถูกแบ่งไปตามชาวบ้านและมีสตรีคนสวยไม่กี่คนที่ถูกโอวหยางฮัวผู้ถูกความโลภเข้าครอบงำได้ยกเป็นของขวัญให้หวังหลิน
ทว่าเขากลับได้รับความเฉยชาในคราวนี้
สมาชิกเผ่าคนใหม่ทั้งหมดเริ่มฝึกฝนวิชาหลอมวิญญาณตอนนี้มีบรรยากาศของเหล่าเซียนในหุบเขาแล้ว
นอกจากคนที่ออกล่าทุกคน คนอื่นๆมุ่งสมาธิที่การฝึกฝน
มีแม้กระทั่งสตรีบางคนที่เริ่มฝึกฝน คราแรกโอวหยางฮัวต่อต้านเรื่องนี้แต่หลังจากถูกหวังหลินตะเบ็งใส่ผ่านข้อความสื่อสาร เขาจึงรีบเปลี่ยนความคิดและเปิดกว้างสนับสนุนการฝึกฝนของสตรี
เป็นผลให้ทุกคนในหุบเขา นอกจากเด็กแล้วไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีต่างก็เริ่มฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
การเรียนรู้วิชาหลอมวิญญาณนับว่าเริ่มต้นเรียนได้ง่ายและเพิ่มเติมจากความแข็งแกร่งของฉือซานกับโอวหยางฮัว ทั้งสองคนนี้จึงกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนในไม่ช้า
เวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบและในพริบตาเดียว ครึ่งปีก็ผ่นไปแล้ว หกเดือนที่ผ่านมานี้ผู้คนในหมู่บ้านออกไปข้างนอกเยอะมาก พวกเขาออกไปเป็นกลุ่มหรือไม่ก็ออกไปด้วยตัวเอง ทั้งหมดเพื่อสร้างธงวิญญาณหรือไม่ก็สังหารอสูรที่สามารถหลอมวิญญาณได้
นอกเหนือจากฉือซาน มีอีกสี่คนบรรลุระดับสามในหกเดือนและจำเป็นต้องสร้างธงวิญญาณของตัวเองขึ้นมา
ตอนนี้ทุกคนรู้กฎของหวังหลิน หากต้องการบทร่ายที่มีระดับเหนือกว่าระดับสาม มีอยู่สามวิธีในการได้รับมาเพื่อแสดงศักยภาพของตนเอง!
วิธีแรกคือส่งผลึกปิศาจมาให้ วิธีที่สองคือหาเบาะแสของคนนอกคนอื่นๆและสามคือสร้างธงวิญญาณสิบดวงมากกว่าสิบผืนและมีอย่างน้อยสี่ผืนต้องมีวิญญาณหลักข้างในหนึ่งดวง
หากใครก็ตามสามารถทำหนึ่งในสามสิ่งนี้ได้ หวังหลินจะตอบแทนด้วยบทร่ายระดับสี่ สำหรับบทร่ายระดับห้านั้นมีความต้องการที่เข้มงวดยิ่งกว่า
ณ ตอนนี้มีเพียงโอวหยางฮัวที่มีเงื่อนไขในการได้รับบทร่ายระดับสี่เท่านั้น
แม้กระทั่งฉือซานยังทำได้เพียงแค่หลอมธงวิญญาณไปเจ็ดผืน สิ่งที่ยากก็คือวิญญาณหลัก ซึ่งตอนนี้เขามีเพียงสองดวงเท่านั้นและตัวที่สองคือผู้อาวุโสของหมู่บ้านศัตรูที่เขาหลอมไปเมื่อครึ่งปีก่อน!
ซึ่งทำให้การเรียกร้องการโจมตีเผ่าอื่นยิ่งดังขึ้นและดังขึ้น มีเพียงการโจมตีเผ่าอื่นเท่านั้นที่จะทำให้ได้ผลึกปิศาจ วิญญาณหลัก และเสี้ยววิญญาณจำนวนมาก
ต้องกล่าวว่าคำพูดของโอวหยางฮัวกำลังเป็นจริง ทุกห้าพันปีเมื่อคนต่างถิ่นมาถึง จะนำพาความนองเลือกมาสู่ดินแดนวิญญาณปิศาจ
แค่เพราะการมาถึงของหวังหลินก็ทำให้หุบเขาจากหมู่บ้านอันเงียบสวบแห่งนี้เต็มไปด้วยความต้องการรุกรานชนเผ่าอื่นๆเพื่อได้บทร่ายระดับสูงขึ้น
เสียงร้องไห้แห่งสงครามกลายเป็นดังขึ้นและดังขึ้น ในที่สุดสงครามบทใหม่ก็เริ่มต้น!
คราวนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี นอกจากคนไม่กี่คนที่มีห่วงเด็กอยู่เบื้องหลัง ส่วนใหญ่ชาวบ้านทุกคนออกสู่สงคราม พวกเขาไม่ได้โจมตีเพียงสถานที่เดียวแต่แบ่งออกเป็นสามกลุ่มโจมตีเผ่าแตกต่างกันสามเผ่า
วิธีนี้เป็นหนทางเดียวในการทำให้แต่ละคนพอใจ เพราะหากโจมตีเผ่าเดียวกันหมดจะไม่มีทางแบ่งผลึกปิศาจและวิญญาณหลักได้เลย!
ไม่มีใครในดินแดนวิญญาณปิศาจรับรู้ถึงอำนาจที่กำลังเติบโตแห่งนี้ เพราะไม่มีใครเลือกที่จะตรวจสอบเผ่าพันธ์ในดินแดนไร้ค่า
มีคนต่างถิ่นไม่มากนักที่ตัดสินใจพำนักอยู่กับชนเผ่าเหมือนกับหวังหลินทำ พวกเขาทั้งหมดต่างเข้าแคว้นที่แตกต่างกันและได้รับตำแหน่งไม่เหมือนกัน ในการได้รับประโยชน์ทางการทหารและได้รับปิศาจโบราณนั้นพวกเขาจะต้องเริ่มการนองเลือดที่กินเวลากว่าห้าร้อยปี!