Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 562

Cover Renegade Immortal 1

562. พลังของขั้นแปลงวิญญาณสูงสุด

“ผู้เข้ามา จงหยุด!” เสียงคำรามดังออกมาภายในค่ายทหาร น้ำเสียงแฝงจิตสังจิตสังหารอันแข็งแกร่ง!

ในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีดำเส้นหนึ่งโผล่ออกมาจากกำแพงรอบค่าย ก่อเกิดเป็นหมอกสีดำคล้ายกับม่านป้องกัน

ภายในค่าย เหล่าทหารปิศาจเกราะทมิฬหนึ่งหมื่นนายยืนอยู่ใจกลาง เบื้องหน้าพวกเขาคือสหายร่างกำยำในชุดเกราะดำมองออกไปข้างนอกค่ายด้วยสายตาเยือกเย็น

ซือหม่าหยานยืนอยู่ข้างๆชายคนนี้ด้วยท่าทางเคารพ จากอาการของเขาแสดงให้เห็นว่าใบหน้าเต็มไปด้วยความนอบน้อมต่อชายร่างกำยำคนนี้อย่างยิ่ง

นอกจากซือหม่าหยานแล้วยังมีชุดเกราะดำอีกสามคน จากเสื้อผ้าของพวกเขาแสดงว่าเป็นผู้บัญชาการเช่นเดียวกันและท่าทางของแต่ละคนมีความเคารพเหมือนกัน

ร่างหวังหลินพุ่งทะยานราวกับอุกกาบาตและไม่ได้หยุดลงเลย เมื่อเขาเข้าไปใกล้หมอกดำ หวังหลินเพียงพ่นลมหายใจและใช้ปราณสวรรค์ในร่างกระจายออกมา หมอกสีดำด้านหน้าเขาแตกสลายทันทีเปิดให้เขาก้าวเดินเข้าไปอย่างสงบนิ่ง

ชายร่างกำยำมองหวังหลินด้วยสายตาเย็นชาพร้อมสะบัดแขนและตะโกนขึ้น “ใครก็ตามที่กล้าพุ่งเข้ามาในค่ายทหารจะถูกฆ่าโดยไม่ต้องตั้งคำถาม!”

ผู้บัญชาการสามคนด้านหลังเขาพุ่งทะยานออกไปโดยไร้ความลังเล ซือหม่าหยานจดจำหวังหลินได้ดังนั้นจึงลังเลเล็กน้อยก่อนจะกัดฟันแน่นและพุ่งตัวออกไป

ในผู้บัญชาการสี่คนนี้มีอยู่สามคนที่เทียบเท่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นและมีหนึ่งคนเทียบเท่าระดับกลาง หากเป็นตอนหวังหลินก่อนจะเข้าไปในถ้ำเขาก็ยังสามารถเอาชนะได้ แต่จะทำให้เขาเกิดปัญหาและชะลอลงเล็กน้อย

เนื่องจากทั้งสี่คนมีปราณปิศาจจำนวนมาก เมื่อพุ่งเข้ามาหาหวังหลิน ปราณปิศาจแต่ละคนจึงสร้างรูปร่างของอสูรปิศาจสี่ตัวที่ดุร้ายยิ่งขึ้น!

แต่ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่เหนือเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณ เมื่อหวังหลินเห็นทั้งสี่คนรีบเร่งเข้ามา ใบหน้าจึงสงบนิ่งอย่างที่สุด

“หยุดซะ!” หวังหลินอ้าปากเอ่ยคำพูดเพียงสองคำเท่านั้น

แม้นำเสียงเขาจะบางเบาแต่บรรจุปราณสวรรค์ของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับสูงสุดเอาไว้ เสียงนี้ราวกับฟ้าฝ่าดังก้องในหูของผู้บัญชาการสี่คน

มีเพียงผู้บัญชาการที่มีพลังเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางเท่านั้นที่สามารถต่อต้านได้โดยแค่ท่าทางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนอีกสามคนนั้นมีระดับความแตกต่างกันกับหวังหลินมากเกินไป ใบหน้าแต่ละคนซีดเผือด ร่างกายสั่นเทาและหยุดลงโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าระดับบ่มเพาะแต่ละคนสามารถเปรียบเทียบได้กับเซียนขั้นแปลงวิญญาณ พวกเขายังห่างชั้นกับระดับหวังหลินอยู่มากโข หวังหลินที่ตอนนี้อยู่ระดับสูงสุด!

หวังหลินเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ แม้จะก้าวช้าๆแต่กลับมั่นคง ผู้บัญชาการที่มีระดับเท่าเซียนระดับกลางพลันก้าวไปด้านข้างโดยไม่กล้าหยุดหวังหลิน

ส่วนที่เหลือสามคนเต็มไปด้วยอาการตื่นตกใจ โดยเฉพาะซือหม่าหยานที่ตกตะลึงโดยสิ้นและไม่กล้าแม้แต่มองหวังหลิน เขากลับรู้สึกโชคดีอย่างยิ่ง หากรู้ตัวว่าหวังหลินมีระดับบ่มเพาะสูงส่งขนาดนี้ เขาคงไม่กล้าไปตอแยหวังหลินเมื่อก่อน

แต่จิตใจเขาสั่นสะท้านทันทีเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉือซานและฮัวเป่า เขาลอบสาปแช่งและรู้สึกเสียใจ

ขณะที่หวังหลินก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น ทหารปิศาจหมื่นนายทั้งหมดแยกเปิดทางให้ พวกเขาจดจำหวังหลินได้และฉากเหตุการณ์ในอดีตแล่นผ่านทุกคน ความรู้สึกอันซับซ้อนและความหวาดกลัวอดีตผู้บัญชาการเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

ทหารปิศาจบางส่วนที่นี่พึ่งมาใหม่และไม่เคยเห็นหวังหลินมาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะมีความสงสัยในใจ แต่หลังจากเห็นท่านผู้บัญชาการหลายคนไม่กล้าหยุดเขา จึงได้แต่ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

เมื่อทางเดินยาวปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินแทบในเสี้ยววินาที ปลายทางเดินคือชายกำยำในชุดเกราะที่อยู่ตรงกลาง สายตาเขายังคงเย็นชาแต่ตอนนี้กลับเกิดบรรยากาศเคร่งเครียดรอบๆตัวเขาแล้ว

สายตาของเขาเย็นชาแต่ของหวังหลินกลับยิ่งเย็นกว่า ทั้งร่างหวังหลินราวกับน้ำแข็งไม่มีวันละลายขณะเดินก้าวเข้าไปหาชายกำยำคนนั้น

ขณะที่หวังหลินก้าวเดินไป ทหารปิศาจเกราะทมิฬที่อยู่ใกล้เขาทั้งหมดก้าวถอยหลัง พร้อมกับเกิดความรู้สึกอึดอัดมาจากเบื้องลึกของจิตใจ

กลิ่นอายเคร่งขรึมรอบชายกำยำยิ่งรุนแรงขึ้นพร้อมกับร้องคำรามและก้าวออกมาข้างหน้า

การก้าวของเขาครั้งนี้ทำให้กลิ่นอายพุ่งพล่านออกมาทันที กลิ่นอายจับต้องไม่ได้แต่ทหารปิศาจรอบด้านทั้งหมดรู้สึกถึงมันจึงทำให้พวกเขาก้าวถอยมากขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว

หวังหลินยังมีท่าทางเยือกเย็น เขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าทีละก้าวโดยไม่ได้หยุดลงเลย

กลิ่นอายจากชายกำยำเกราะดำได้เลือนหายไปขณะที่มันร่อนลงบนร่างหวังหลินและไม่ส่งผลกระทบต่อหวังหลินเลย หวังหลินสามารถมองทะลุระดับบ่มเพาะของชายยำกำยำคนนี้ได้เพียงแค่ชำเลืองมองครั้งเดียว ปราณปิศาจของเขาเทียบเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายแต่ยังไม่ได้บรรลุระดับสูงสุด

กลิ่นอายของหวังหลินเพิ่มพูนขึ้นอย่างรุนแรงทุกก้าวที่เขาก้าวไป ยิ่งก้าวเดินก็ยิ่งเริ่มปรากฏน้ำแข็งขึ้นบนพื้นและกระจายตัวออกมา

ชายร่างกำยำเสียเปรียบเมื่อเผชิญกับกลิ่นอายนี้ ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นในใจทันที เขาอยากก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวแต่ต้องบังคับตัวเองให้หยุดตัวเอง เขารู้ว่าหากถอยหลัง เขาจะเสียชั้นเชิงและอีกฝ่ายจะใช้โอกาสนั้นโจมตีได้ทันที!

แต่หากเขาไม่ถอยกลับมา แรงกดดันที่มองไม่เห็นคงหนาแน่นบนตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาเผชิญกับแรงกดดันแบบนี้ตอนที่เผชิญหน้ากับแม่ทัพปิศาจเท่านั้น

ในที่สุดเมื่อหวังหลินห่างจากเขายี่สิบก้าว ชายกำยำจึงมีเหงื่อเต็มหน้าผากและร้องตะโกน “ผู้บัญชาการหวัง! ท่านตั้งใจจะทำอะไร!?”

หวังหลินอ้าปากกล่าวขึ้นมาขณะก้าวเดินต่อไป “ที่นี่มันค่ายทหารของข้า เจ้าคิดว่าข้าตั้งใจจะทำอะไร?!”

ชายร่างกำยำรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลบนร่างกายราวกับภูเขายักษ์นับไม่ถ้วนกดทับบนร่าง เขาระงับแรงกระตุ้นให้ถอยของตัวเองไว้และตะโกนกลับไป “เจ้าหายตัวไปมากกว่าหนึ่งปี และแม่ทัพปิศาจปลดเจ้าจากขั้นผู้บัญชาการไปนานแล้ว!”

‘หนึ่งปี…เช่นนั้นก็ผ่านไปแค่หนึ่งปีสินะ!’ จิตใจหวังหลินรู้สึกโล่งอก แต่กลิ่นอายยิ่งรุนแรงมากขึ้น

“ผู้ติดตามของข้าสองคนอยู่ไหน?!” ตอนที่หวังหลินเข้ามาในค่ายทหาร เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาแต่กลับไม่พบฉือซานหรือฮัวเป่าเลย

ตอนนี้เหลือความห่างระหว่างเขากับชายกำยำอยู่เพียงสิบก้าวเท่านั้น

กลิ่นอายทรงพลังระเบิดบดขยี้ลงบนตัวชายกำยำราวกับสัตว์ป่า เขาระงับแรงกระตุ้นให้ถอยของตัวเองเพราะเขาเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการ เขาไม่สามารถยอมให้ผู้บัญชาการคนเดียวมากดดันได้ ไม่เช่นนั้นตำแหน่งของเขาจะไม่มั่นคงอีกต่อไป! แม้แต่ระดับฝึกฝนของผู้บัญชาการยังทรงพลังมากกว่าเขา!

หวังหลินสังเกตว่าอาการของชายกำยำกำลังถึงขีดจำกัด ดังนั้นจึงเร่งความเร็วขึ้นและก้าวไปเจ็ดก้าวในครั้งเดียว!

ชายร่างกำยำสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลินที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งได้ในเจ็ดก้าว มันให้ความรู้กคล้ายกับภูเขานับไม่ถ้วนพึ่งปะทะเข้าใส่เขา เขาไม่สามารถทนต้านแรงกดดันนี้ได้อีกต่อไปและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว!

เมื่อถอยไปหนึ่งก้าว แรงกดดันนของเขาก็อ่อนแอลง ก่อเกิดให้แรงกดดันของหวังหลินพุ่งทะยานขึ้นทันทีและพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด!

“ไม่ดีแล้ว!” ใบหน้าของชายกำยำเปลี่ยนไปและในขณะเดียวกัน ดวงตาหวังหลินก็ยิ่งเยือกเย็น เขาก้าวเข้ามาราวกับสายฟ้าและพุ่งตรงเข้าใส่ชายร่างกำยำคนนั้นทันที

ในจังหวะนี้ ระดับบ่มเพาะขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุดของเขาก็เผยตัวตนออกมา!

ขณะที่ชายกำยำถอยกลับ ฝ่ามือกำหมัดและโยนออกไปทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องทันที คลื่นเสียงกระจายออกไปข้างหน้าและในเวลาเดียวกันปราณปิศาจในร่างก็พวยพุ่งขึ้นและก่อเกิดเป็นเต่าดำขนาดหนึ่งพันฟุตทันที!

เต่าดำปกคลุมไปด้วยหนามแหลมบนหลังและหางนับไม่ถ้วน ขณะที่หางของมันกวัดแกว่งกลับให้ความรู้สึกเสมือนอากาศแตกกระจายเป็นเส้นสีดำหลายเส้น

หวังหลินก้าวเดินผ่านอากาศ เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า นิ้วโป้งยกขึ้นกลางอากาศพร้อมกับใช้ดัชนีแห่งความตาย ตอนนี้ที่ระดับบ่มเพาะของเขามาถึงจุดสูงสุดของขั้น ดังนั้นพลังดัชนีแห่งความตายจึงแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว!

หากไม่ใชว่าเหล่าทหารปิศาจได้ถอยตัวออกไปแล้ว พวกเขาคงได้เผชิญกับการถูกดัชนีแห่งความตายดูดปราณปิศาจออกไป แม้จะถอยห่างออกไปไกลแล้วแต่ละคนยังถูกปราณปิศาจบางส่วนดูดซับไปบ้าง

ตอนนี้คลื่นปราณปิศาจรวบรวมบนนิ้วหวังหลินจากฟ้าดิน ทหารปิศาจบางส่วนที่ไม่ได้คุ้นเคยกับหวังหลินจึงอยู่ใกล้เกินไปและรู้สึกว่าโลหิตใจร่างกำลังเดือดปุดๆ พริบตาเดียวโลหิตก็เปลี่ยนเป็นไอและลอยออกมาจากร่างแต่ละคน

โชคดีที่สหายแต่ละคนได้ดึงคนที่แข็งกระด้างออกไปได้ จึงป้องกันการสังหารหมู่!

ท้องฟ้าและผืนปฐพีเปลี่ยนสีสันจากดัชนีแห่งความตายของหวังหลิน ทั้งค่ายทหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด คลื่นเสียงจากกำปั้นชายกำยำที่โยนออกมาได้พังทะลายทันที

หวังหลินกดลงบนร่างชายกำยำโดยไม่หยุดชะงัก!

ในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมีหนึ่งพันฟุตรวบรวมไว้บนนิ้วของหวังหลิน ดัชนีแห่งความตายตกลงมา ชายร่างกำยำในชุดเกราะได้เกิดภาพมายา เขากำลังดิ้นรนต่อสู้ต้านกับฟ้าดิน

เขาร่ำร้องออกมาและร่างกายรวมเข้ากับเต่าดำด้านหลังทันที ดวงตาเต็มไปด้วยแสงปิศาจ ตอนนี้ในที่สุดหวังหลินก็ได้เผชิญกับวิชาปิศาจของคนที่นี่!

ตอนที่ชายร่างกำยำรวมร่างเข้ากับเต่าดำ ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งพร้อมกับร้องคำรามและใช้หางฟาดเข้ามาหาหวังหลิน

หวังหลินกดดัชนีแห่งความตายลงบนหางของเต่าดำด้วยสายตาเย็นชา หางของมันเริ่มแตกกระจายออกมาหนึ่งนิ้วทันทีและเกิดผลกระทบไปทั้งร่าง

ความแตกต่างระหว่างเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุดและระดับปลายธรรมดาถือว่าเป็นช่วงที่กว้างใหญ่ซึ่งไม่สามารถข้ามกันได้โดยง่าย! ไม่ต้องกล่าวถึงกับการเผชิญวิชาที่ทรงพลังอย่างมาก กับความแข็.แกร่งของดัชนีที่มีพลังใกล้เคียงกับเซียนขั้นเทวะ!

ร่างเต่าดำแตกสลายและเกราะของชายกำยำแตกร้าวกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย เขากระอักโลหิตออกมาก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวและคุกเข่าลงหนึ่งค้าง

“วิชาปิศาจมีพลังอำนาจพิเศษของมันเองแน่นอน!” หวังหลินมองชายร่างกำยำอย่างเยือกเย็น หากเป็นเซียน ระดับบ่มเพาะคงถดถอยแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะดูสาหัสแต่พื้นฐานไม่ได้เสียหายเลย!

มือขวาหวังหลินยื่นไปด้านหลังและร่างซือหม่าหยานลอยเข้าหาเขาและถูกจับไว้ทันที

“ผู้ติดตามของข้าอยู่ไหน?!” น้ำเสียงของหวังหลินราวกับสายลมในฤดูหนาวที่พัดเข้าใส่หูของซือหม่าหยาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version