Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 563

Cover Renegade Immortal 1

563. ช่วยฉือซาน

ร่างซือหม่าหยานสั่นเทา น้ำเสียงที่เข้าสู่หูของเขาทำให้ร่างกายเย็นชา

“ครึ่งปีหลังจากท่านทิ้งไป ทั้งสองคนก็หายตัวไป…ข้าไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ไหน!”

หวังหลินมองซือหม่าหยานด้วยท่าทีเย็นชาและไม่เสียเวลากับเขาอีก ดัชนีสองนิ้วสร้างเป็นกระบี่และชี้เข้าที่ระหว่างคิ้วซือหม่าหยานทันที เขาใช้วิชาค้นวิญญาณอีกครั้ง!

ร่างซือหม่าหยานชักกระตุกรุนแรงและโลหิตไหลออกมาจากรูขุมขน ดวงตาเบิกกว้างราวกับพร้อมที่จะระเบิด

หวังหลินใช้สัมผัสวิญญาณค้นหาผ่านจิตใจของซือหม่าหยาน ความทรงในอดีตปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินอย่างต่อเนื่อง

ครึ่งปีหลังจากที่หวังหลินหายไป ฉือซานและฮัวเป่ามีข้อโต้เถียงกัน ฮัวเป่าตัดสินใจไม่รอและกลับไปที่เผ่าขณะที่ฉือซานตั้งมั่นจะรอคอยหวังหลินอยู่ที่นี่

ในที่สุดฮัวเป่าก็จากไปแต่เขากลับไปถึงปลายทางไม่สำเร็จ ซือหม่าหยานจับฮัวเป่าไว้ได้อย่างง่ายดายและใช้ข้ออ้างที่เขาฝ่าฝืนกฏกองทัพเพื่อทำลายระดับบ่มเพาะและโยนเขาเข้าไปในคุกมืด สามเดือนถัดมาฮัวเป่าก็หายไปอย่างลึกลับ!

คุกมืดถูกเฝ้าระวังไว้ได้ดีมาก ดังนั้นซือหม่าหยานจึงไม่รู้ว่าฮัวเป่าหายไปได้อย่างไร

ส่วนฉือซานพยายามช่วยเหลือฮัวเป่า แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถสู้กับซือหม่าหยานได้ เขาทำลายเส้นชีพจรและบดกระดูกทั้งหมดของฉือซานและกำลังจะโยนเขาเข้าห้องขังให้ตายเหมือนกับฮัวเป่า ทว่าหัวหน้าผู้บัญชาการมาเห็นและพาฉือซานไป

เหตุการณ์หลากหลายฉากนี้ปรากฎในสายตาหวังหลิน ดวงตาเขายิ่งเย็นเยียบขึ้นพร้อมกับหัวเราะด้วยความโกรธออกมาและเน้นย้ำคำว่า “เยี่ยม!” สามครั้ง!

หวังหลินมองตาปูดโปนของซือหม่าหยานด้วยความหนาวเย็นบาดลึก เขากระตุ้นศาสตร์สังหารเทพทันที จากนั้นร่างซือหม่าหยานก็เริ่มแห้งเหี่ยว

ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ร่างซือหม่าหยานระเบิดออกเสียดังปัง เศษเนื้อตกกระจายเต็มพื้น ควันสีเทาหลายเส้นออกมาจากเลือดเนื้อและรวบรวมระหว่างนิ้วหวังหลิน

ศาสตร์สังหารเทพใช้ยากมากแต่คราวนี้หวังหลินหลอมผนึกแห่งชีวิตจากซือหม่าหยานได้สำเร็จจากความโกรธเกรี้ยว

หลังจากฆ่าซือหม่าหยาน หวังหลินมองชายร่างกำยำที่อยู่ห่างไม่ไกล จากความทรงจำของซือหม่าหยาน มันคือคนที่พาฉือซานที่อยู่ปากเหวแห่งความตายไป!

หวังหลินก้าวหนึ่งคราและมาถึงด้านหน้าเขา พร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ฉือซานอยู่ไหน?!”

ชายร่างกำยำจ้องหวังหลินกลับ จากนั้นขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “คนที่เจ้าพูดถึงคือคนเถื่อนที่ซือหม่าหยานทิ้งไปเมื่อครึ่งปีก่อนน่ะหรือ? หากเจ้ากำลังหาเขา การถามข้านับว่าไร้ประโยชน์เสียแล้ว”

“แม่ทัพปิศาจมีคำสั่งให้รวบรวมคนที่มีร่างกายแข็งแกร่ง เจ้าคนเถื่อนนั่นมีปราณปิศาจรวบรวมไว้ในกายเนื้อและใช้วิธีลึกลับเพื่อหลอมรวมร่างกาย ข้าเห็นเขามีคุณสมบัติพอตามที่ท่านแม่ทัพต้องการ ข้าจึงรักษาเขาและพาไปให้ท่านแม่ทัพ!”

“ผู้บัญชาการหวัง หากท่านมีความสามารถก็อย่ามาเด่นที่นี่ เจ้ากล้าไปถามแม่ทัพปิศาจด้วยตัวเองไหม? สบายใจได้ ข้าไม่โกหกเรื่องที่เกี่ยวกับแม่ทัพปิศาจหรอก!” เขามองหวังหลินและเหยียดยิ้ม

“เจ้าช่วยฉือซานและพาเขาไปให้แม่ทัพปิศาจ เจ้ากระทำกับคนอื่นต่างกัน ดังนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!” หวังหลินใบหน้ามืดมนพลันเปลี่ยนเป็นควันเมฆพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและลอยตรงไปที่วังของแม่ทัพปิศาจ

ชายร่างกำยำพูดเรื่องสิ้นคิดไป เขาหวาดกลัวหวังหลินและไม่คิดว่าจะรอด แต่ตอนนี้กลับตกตะลึงไปเสียแล้ว

พลันเงยศีรษะขึ้นมองควันสีเขียวของหวังหลินที่หายไปในเส้นขอบฟ้า จากนั้นลังเลเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “เมื่อครึ่งปีก่อนแม่ทัพปิศาจปิดด่านฝึกตนและปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมด หากเจ้าต้องการจะเข้าไปมีเพียงทางเดียวคือทำลายมัน!” เขาจับที่หน้าอกขณะเดินออกห่างไป อาการบาดเจ็บสาหัสจำเป็นต้องกลับไปที่วังเพื่อฟื้นฟู

ขณะที่หวังหลินเหาะเหินผ่านท้องฟ้า เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและตรวจสอบพื้นที่ ค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมดในเมืองปิศาจโบราณซึ่งนำทางไปที่ปราสาทแม่ทัพถูกปิด ค่ายกลนี้ถูกปิดจากอีกด้านและทำอะไรไม่ได้จากฝั่งนี้เว้นแต่แม่ทัพปิศาจจะเปิดมันขึ้นมาเอง

“ฉือซานและฮัวเป่าถูกข้าพามาที่เมืองปิศาจโบราณ นั่นหมายความว่าข้าลากพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย…” หวังหลินลอบถอนหายใจ เดิมทีตอนที่เขาจากไป ไม่คาดคิดว่าจะไปสลบไสลอยู่ในถ้ำ จากเหตุการณ์หลายอย่างจึงสร้างความเจ็บปวดให้กับฉือซานและฮัวเป่า

“ในโลกนี้มีสิ่งที่ควรเกิดและไม่ควรเกิดขึ้น เหล่าเซียนหวังจะมีอายุยืนยาวและหนีรอดจากลิขิตฟ้า หลบเลี่ยงหายนะและพบโชคชะตาที่ดี! ฉือซานและฮัวเป่าไม่ได้อยู่ใกล้ข้าและการทะลวงเข้าสู่วังแม่ทัพปิศาจนั่นหมายถึงการต่อต้านแม่ทัพและแคว้นปิศาจฟ้า!”

“ข้าควรระวังอันตรายและอยู่ห่างมัน ดูไม่มีสิ่งใดคุ้มค่า!”

“แต่ว่าข้า หวังหลิน ไม่ต้องการทำตามกฏและวันใดวันหนึ่งต้องค้นหาเต๋าแห่งสวรรค์ ข้าต้องการมีชีวิตโดยไม่มีความรู้สึกผิดต่อคนอื่น ข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษ อันธพาล คนซื่อสัตย์หรือคนเสแสร้ง แต่มีหลายสิ่งในชีวิตที่ต้องทำให้เสร็จเพื่อเป้าหมาย!”

“จากมุมมองนี้ ข้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นเซียน!”

“แต่ว่ามีบางอย่างที่ข้าต้องทำ! หากข้าไม่ช่วยฉือซานแล้วข้าจะไล่ล่าเต๋าอะไร!?” หวังหลินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จิตใจของเขาตั้งมั่น!

มีอยู่หกประตูระหว่างค่ายทหารและปราสาทแม่ทัพปิศาจ หากเขาไม่สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ เขาจะต้องทำลายพวกมันทีละแห่งเพื่อเข้าไปข้างใน

ข้างในและข้างนอกประตูแต่บานถูกเฝ้าระวังไว้อย่างดี และทั้งปราสาทถูกล้อมรอบด้วยค่ายกลที่ป้องกันการเคลื่อนที่พริบตา

หวังหลินปรากฏตัวนอกประตูบานที่หก ประตูบานนี้สูงมากกว่าร้อยฟุตและถูกเชื่อมต่อกับกำแพงด้านนอกซึ่งมีกฏเกณฑ์ที่พริบตาอย่างต่อเนื่อง

ในจังหวะที่หวังหลินปรากฏตัว มีเสียงกระโกนหนึ่งดังออกมาจากยามที่อยู่ข้างประตู

“ผู้มาใหม่จงหยุดและจากไปให้เร็ว! หากก้าวมาอีกก้าว เจ้าจะถูกสังหารโดยไม่ต้องตั้งคำถาม!”

หวังหลินเงยศีรษะ ดวงตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น พลันสูดหายใจลึกสัมผัสกระเป๋าและกระบี่สวรรค์ลอยออกมา กระบี่หมุนวงกลมรอบร่างและเสียงคำรามของฉวี่ลี่กั๋วจึงโผล่ออกมาจากกระบี่

ขณะที่กระบี่สวรรค์ปรากฎขึ้น ทหารยามรอบประตูบานที่หกเผยจิตสังหารและจ้องหวังหลินทันที

หวังหลินก้าวหนึ่งครั้งทำให้ทหารยามพุ่งตัวออกมาทันที แต่ละคนเปิดใช้ปราณปิศาจเพื่อหยุดหวังหลิน

หวังหลินไม่ได้หยุดชะงักเมื่อเผชิญหน้ากับทหารปิศาจทั้งหมดนี้และก้าวเดินข้างหน้าทีละก้าว กระบี่สวรรค์ตัดผ่านอากาศรอบตัวหวังหลิน ใครก็ตามที่พยายามหยุดเขาจะถูกกระบี่สวรรค์กวาดผ่าน

เสียงร้องโหยหวนดังระงมเมื่อหวังหลินกระโดดขึ้นไปบนกระบี่สวรรค์และพุ่งตรงไปที่ประตู ปราณกระบี่พุ่งออกไปโดยที่หวังหลินยังยืนไม่มั่นคงและร่อนลงบนประตูบานที่หก

ตู้มมม!

ประตูบานที่หกแตกกระจายปลิวว่อนเป็นเศษเล็กเศษน้อย ตอนนี้มีทหารหลายพันนายตรงกลางระหว่างประตูบานที่หกและบานที่ห้า ทั้งหมดถูกบังคับให้ถอยไปเนื่องจากเศษของประตูบานที่หก

ขณะที่ประตูบานที่หกแตกกระจาย หวังหลินจึงเดินเข้าไปข้างใน

“ข้าต้องการพบแม่ทัพปิศาจ!” แม้ว่าน้ำเสียงจะสงบนิ่งแต่สัมผัสแห่งอำนาจค่อยๆกระจายออกมา

“ฆ่า!” เสียงคำรามออกมาจากปากทหารปิศาจหลายพันนายเต็มไปด้วยจิตสังหาร คำสั่งของพวกเขาคือฆ่าทุกคนที่กล้าทะลวงเข้ามาตอนที่แม่ทัพปิศาจปิดด่านฝึกตนอยู่

หวังหลินเผชิญหน้ากับเหล่าทหารปิศาจด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดวงตาเยือกเย็นและกระโดดลงจากกระบี่สวรรค์ ฝ่ามือสร้างผนึกและสะบัดออกไป สายลมประหลาดปรากฎขึ้นและก่อเกิดเป็นทอร์นาโดในพื้นที่นั้น มันข้ามผ่านพื้นที่พวกทหารและสร้างเป็นเส้นทางผ่านทหารปิศาจทันที

หวังหลินก้าวผ่านจัตุรัสตรงๆและมาถึงด้านหน้าประตูบานที่ห้า!

หวังหลินสร้างผนึกโดยไม่ได้หยุดตัวลงเลย ปราณสวรรค์ในร่างถูกกระตุ้นและกดมันลงไปบนประตู

เสียงดังปัง ประตูบานที่ห้าระเบิดออก ผลกระทบรุนแรงทำให้ประตูแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยออกไปทุกทิศทางราวกับพายุรุนแรง

เมื่อผ่านประตูบานที่ห้าไป ทหารปิศาจหลายหมื่นนายได้เรียนรู้แล้วว่ามีคนที่พยายามทะลวงผ่านปราสาทของแม่ทัพปิศาจ พวกเขาจึงพุ่งออกมา ขณะที่ประตูบานที่ห้าพังทะลาย มีทหารปิศาจมากกว่าหมื่นนายร้องคำรามและในเวลาเดียวกันปราณปิศาจรวมกันอย่างเหนียวแน่นด้วยวิธีลึกลับ ก่อเกิดเป็นพลังปราณปิศาจกดขี่อันรุนแรง!

ในจังหวะที่ประตูบานที่ห้าแตกกระจาย ปราณปิศาจก็พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง

แม้กระทั่งด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขายังต้องก้าวถอยกลับไปหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงมัน หวังหลินสัมผัสกระเป๋าและฝักกระบี่ไร้ชื่อสามชิ้นจากดาวซูซาคุลอยออกมา

หลังจากนั้นไม่นานนักปราณกระบี่สามเส้นลอยออกมาจากฝักราวกับมังกรโกรธเกรี้ยวสามตัวและปะทะเข้ากับปราณปิศาจ

เสียงระเบิดหลายชุดดังกึกก้องผ่านทั่วบริเวณราวกับพื้นดินกำลังสั่นเทา

หวังหลินเคลื่อนร่างราวกับสายฟ้าผ่านประตูเข้าไปด้วยกระบี่สวรรค์เพื่อเปิดทาง ทหารปิศาจนับหมื่นสร้างกำแพงปราณปิศาจเพื่อป้องกันหวังหลินไม่ให้บุกรุกเข้ามา

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและนำธงกฏเกณฑ์ออกมา เพียงสะบัดหนึ่งครั้ง กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนลอยออกมาราวกับมังกรสีดำและล้อมรอบเขาเป็นวงกลม

เมื่อยืมปราณกระบี่จากฝักกระบี่ ปราณกระบี่จากกระบี่สวรรค์ และรวมถึงควันกฏเกณฑ์สีดำจากธงกฏเกณฑ์ หวังหลินจึงทำลายสิ่งที่ขวางทางทั้งหมดและก้าวไปข้างหน้าต่อไป

ตอนนี้ทหารปิศาจหลายหมื่นนายจากประตูบานที่ห้าพุ่งออกมาจากด้านหลังเขาและล้อมรอบหวังหลินเอาไว้

“ท่านแม่ทัพปิศาจ หวังหลินขอเข้าเยี่ยม!” น้ำเสียงหวังหลินกระจายออกอย่างช้าๆ เขาเชื่อว่าหากแม่ทัพปิศาจปิดด่านฝึกตนอยู่จะยังได้ยินเสียงแน่นอน

แต่ขณะที่เวลาผ่านไป แม่ทัพปิศาจไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอันใด

ตอนนี้หวังหลินถูกล้อมด้วยทหารปิศาจทั่วทุกด้าน หวังหลินพยายามไม่ฆ่าใครแต่กลับต้องมาถูกบังคับให้ฆ่า!

เมื่อเผชิญกับการล้อมรอบ หวังหลินยกนิ้วโป้งขึ้นแสดงดัชนีแห่งความตายด้วยพลังเต็มที่ ท้องฟ้าและผืนดินเปลี่ยนสีและทหารปิศาจทุกตนภายในระยะหนึ่งพันฟุตสั่นสะท้านก่อนที่ร่างกายจะแห้งเหี่ยว เลือดเนื้อและปราณปิศาจทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในนิ้วโป้งของหวังหลิน!

หวังหลินเคลื่อนร่างเข้าหาประตูบานที่สี่ด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า ตอนนี้ไม่มีใครที่สามารถทำให้เขาหยุดได้แม้แต่เพียงเสี้ยววินาที

นิ้วโป้งหวังหลินประทับบนประตูบานที่สี่ในทันที!

ประตูบานที่สี่แตกกระจายดังปัง และตอนนี้มีร่างชราคนหนึ่งก้าวออกมาจากเบื้องหลัง ปราณปิศาจทรงพลังออกมาจากร่างเขาและเปลี่ยนเป็นอสรพิษยักษ์พยายามกลืนกินหวังหลิน

ขณะเดียวกันเสียงชราร้องตะโกนขึ้น “กลับมา!”

นิ้วโป้งหวังหลินประทับบนอสรพิษที่เกิดจากปราณปิศาจ ตอนนี้หวังหลินถูกบังคับให้ถอยไปหนึ่งก้าวแต่เจ้าอสรพิษร้องโหยหวนขึ้นและร่างกายพังทลายไปทีละนิ้ว หลังจากอสรพิษแตกสลาย ร่างชราผู้นั้นสั่นเทา ร้องโยหวนและถอยกลับไปหลายก้าวก่อนประคับประคองตัวเองให้มั่นคงได้

หวังหลินก้าวเท้าและเดินผ่านประตูบานที่สี่ไป นอกจากทหารปิศาจนับไม่ถ้วนเบื้องหน้าแล้วยังมีชายชราผมขาวเข้ามาอีกคน!

หวังหลินไม่คุ้นเคยกับชายชราคนนี้ แต่เขาคือคนเดียวกับที่เข้ามาค่ายทหารพร้อมกับผู้ดูแลกองทัพเมื่อหนึ่งปีก่อน!

ใบหน้าชายชราซีดเผือดโดยสิ้นเชิงและเผยอาการไม่เชื่อสายตา เขาเคยเจอหวังหลินเมื่อหนึ่งปีก่อนและตอนนั้นระดับพวกเขายังเท่าเทียมกัน ทว่าตอนที่พบเจอกันอีกครั้งในวันนี้ ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้นมามหาศาล หากไม่ใช่ว่าเขากำลังยืมพลังของทหารปิศาจ เปิดผนึกในร่างทั้งหมดและลอบโจมตี หวังหลินคงไม่ถูกถอยหลังกลับไปแม้แต่เพียงก้าวเดียว!

หวังหลินก้าวเข้าไปในบริเวณนั้นและใช้พลังของดัชนีแห่งความตายอีกครั้ง ชายชราร้องคำรามพร้อมกับใช้ปราณปิศาจทั้งหมดในร่างเพื่อกระตุ้นอัญเชิญอสรพิษยักษ์อีกครั้ง ร่างกายรวมเข้ากับอสรพิษและพยายามกลืนกินหวังหลินอีก

“เมื่อท่านแม่ทัพปิศาจไม่มาเจอข้า ก็อย่ามาดุด่าข้าที่ไล่ฆ่าระหว่างทางเข้าไป!” หวังหลินมีสายตาเยือกเย็นขณะที่ควันสังหารสีเทาปรากฏระหว่างนิ้วและกระจายตัวออกอย่างรวดเร็ว

ดวงตาเริ่มเรืองแสงสีแดงทันทีแฝงจิตสังหารจำนวนมหาศาล ตอนนี้หวังหลินใช้ศาสตร์สังหารเทพโดยไม่ต้องยั้งคิด!

กลิ่นอายสังหารปกคลุมฟ้าดิน หวังหลินไม่ได้ต่อสู้กับอสรพิษแต่กระโจนเข้าใส่เหล่าทหารปิศาจ ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนฝ่ามือ วิชาหนึ่งจะโผล่ออกมาและทหารปิศาจจะตายลงทันที

เมื่อรวมกับทหารปิศาจจากประตูบานที่ห้าและบานที่หกแล้ว ทหารปิศาจหลายหมื่นนายรายล้อมหวังหลินนับไม่ถ้วน ปราณปิศาจแต่ละคนทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเป็นค่ายกล

เมื่อค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ พวกมันจะควบแน่นกลายเป็นอสูรปิศาษหรือควันปิศาจทันที แรงระเบิดหลายชุดและการประทะกับค่ายกลดังขึ้นต่อเนื่องโดยมีหวังหลินโจมตีอยู่ด้านใน

เมื่อเผชิญกับทหารปิศาจเหล่านี้ หวังหลินจึงเข้าใจว่าคนเพียงคนเดียวไม่มีพลังพอจะฝืนกฏสวรรค์ไปได้!

มันยากมากที่จะทำลายค่ายกลที่เกิดจากทหารปิศาจหลายหมื่นนายสร้างขึ้นออกไปได้ เว้นแต่จะมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง

เขาสามารถสังหารได้หนึ่งคน สิบคน ร้อยคน พันคนหรือกระทั่งหมื่นคน แต่เมื่อฆ่าเสร็จสิ้น ปราณสวรรค์ทั้งหมดของเขาคงแห้งเหือด!

สมบัติวิเศษของหวังหลิน กระบี่สวรรค์ ดาบครึ่งจันทรา ธงกฏเกณฑ์และฝักกระบี่ได้ถูกสัมผัสวิญญาณของเขาควบคุมและเริ่มการนองเลือดไร้ที่สิ้นสุด เปรียบเทียบกับสมบัติวิเศษแล้วศาสตร์สังหารเทพได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ทุกครั้งที่ศาสตร์สังหารเทพฆ่าใครสักคน มันจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าเพียงคนเดียวจะห่างจากควันกฏเกณฑ์ที่ฆ่าไปสักร้อยคน แต่ยิ่งสังหารมากขึ้นเท่าไหร่ก็ความห่างก็ยิ่งแคบลง

หวังหลินใช้วิชาหลากหลายอย่างด้วยสายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ทว่ามีทหารปิศาจรอบตัวเขามากมายเกินไปและเมื่อปราณปิศาจหลอมรวมกัน พวกเขาสามารถกระตุ้นพลังโจมตีรุนแรงสุดขั้วไว้ได้ ดังนั้นแม้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินจะสูงถึงขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด พลังปราณสวรรค์ของเขาจะถูกใช้หมดลงอย่างรวดเร็ว!

หวังหลินตบกระเป๋าและหินหยกสวรรค์จำนวนมากลอยออกมาหมุนรอบตัว หวังหลินสูดหินหยกสวรรค์ทั้งหมดจนแห้งอย่างรวดเร็วเพื่อเติมเต็มปราณสวรรค์ในร่าง วงจรนี้ดำเนินต่อไปทำให้เขาใช้ปราณสวรรค์จำนวนมากมาย

“ดัชนีมาร!” หวังหลินไม่ได้กระตุ้นตัวตนปิศาจแต่ใช้ดับบ่มเพาะของตัวเองเพื่อกระตุ้นวิชาสังหารวิชาที่สอง! ปราณปิศาจในร่างถูกดัชนีมารผลักออกอย่างรวดเร็ว ดัชนีของหวังหลินประทับลงราวกับความตายของเทพ และปราณปิศาจจากดัชนีของขาเจาะทะลุทะลวงเข้าไปในเหล่าทหารปิศาจทำให้ร่างกายแต่ละคนระเบิดออก

แสงสีแดงโลหิตระเบิดปกคลุมฟ้าดิน หวังหลินพุ่งตัวตรงไปและเจาะเส้นทางผ่านทหารปิศาจหลายหมื่นนายตรงไปที่ประตูบานที่สาม

หนึ่งดัชนี เลือดเนื้อบนพื้นก็รวบรวมเป็นร่างมังกรที่สร้างจากโลหิต มังกรพุ่งทะยานไปตำแหน่งที่ดัชนีมารชี้ไป ชายชราในร่างอสรพิษต้องการหยุดมังกรโลหิต แต่ทันใดนั้นเองร่างเขาก็ระเบิดทันที!

เขาตายด้วยดัชนีมาร!

มังกรโลหิตที่สร้างจากดัชนีมารร่อนลงบนประตูบานที่สาม เสียงดังกึกก้องอยู่หลายชุดและทันใดนั้นประตูบานที่สามก็พังทลาย!

ทหารปิศาจหลายหมื่นตนพุ่งออกมาจากประตูบานที่สามตามมาด้วยชายชราผมขาวจำนวนห้าคน ขณะที่พวกเขาปรากฏตัว สายตาจับจ้องไปที่หวังหลิน

หวังหลินถอนหายใจ ตอนนี้มาถึงขีดจำกัดของเขาด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้แล้ว ในผู้อาวุโสห้าคนไม่มีคนไหนที่อ่อนแอไปกว่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย

เพิ่มด้วยทหารปิศาจหลายหมื่นนายรอบตัวเขา หวังหลินจึงรู้ว่าเขาต้องใช้การเคลื่อนไหวสุดท้ายหากต้องการจะทะลวงผ่านประตูบานที่สอง!

วิชาสังหารไพ่ตายที่ซือถูหนานสอนเขา วิชาสังหารที่ทรงพลังที่สุดนั้นมีพลังไร้ที่สิ้นสุดใกล้เคียงกับวิชาเทพระดับต่ำ มันคือวิชาสังหารวิชาที่สาม!

“ดินแดนวิญญาณปิศาจคืออำนาจแห่งพลังทหารโดยแท้ หากข้ามีทหารหลายแสนนายที่มีระดับขั้นแกนลมปราณ เช่นนั้นเซียนขั้นเทวะคงต้องพ่ายแพ้!”

“หากข้ามีทหารนับล้าน ผู้บัญชาการสักหน่อยและแม่ทัพที่มีระดับบ่มเพาะเท่าหัวหน้าผู้บัญชาการ ข้าคงสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นเทวะระดับปลายได้!”

“หากข้ามีพลังอำนาจของจักรพรรดิปิศาจที่มีทหารปิศาจนับสิบล้าน เหล่าแม่ทัพและผู้บัญชาการ ข้าก็คงไม่ต้องกลัวพวกคนที่ก้าวเข้าสู่ด่านหยินหยาง!”

หวังหลินถอนหายใจขณะเชผิญหน้ากับทหารหลายหมื่นและผู้อาวุโสห้าคนที่มีระดับเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย หวังหลินยกนิ้วก้อนขวาขึ้นและค่อยๆบรรจงวาดวงกลมอย่างช้าๆ

“นรกานต์(นรก)!”

หวังหลินเอ่ยเบาๆเพียงหนึ่งคำ!

ดัชนีนรกานต์เป็นหนึ่งในสามวิชาสังหารซึ่งใกล้เคียงกับวิชาเทพระดับต่ำ แม้กระทั่งซือถูหนานเองก็ยังลังเลมากที่จะสอนให้กับหวังหลิน!

หนึ่งดัชนี ท้องฟ้าพลันมืดมนไปพร้อมกับแสงไฟมอดดับทันที ขณะเดียวกันท้องฟ้านั้นดูคล้ายกับถูกเปิดออกมาด้วยฝ่ามือคู่ยักษ์ราวกับภาพวาดภูเขาและแม่น้ำกำลังปรากฏปกคลุมไปทั้งเส้นขอบฟ้า

ดัชนีนรกานต์(นรก)กระตุ้นด้วยเขตแดนของหวังหลิน ควันสีเทาหลายเส้นนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากม้วนคัมภีร์และควบแน่นกลายเป็นดัชนีนรกานต์นิ้วที่สองด้วยความเร็วเหนือจิตนาการ!

เส้นผมหวังหลินพริ้วไหวโดยไร้แรงลม ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ควันสีเทาล้อมรอบร่างกายซึ่งหวังหลินกำลังเชื่อมต่อกับดัชนีนรกานต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย

ด้วยหนึ่งดัชนีนี้ ทหารปิศาจหลายหมื่นนายรอบหวังหลินทั้งหมดสั่นสะท้าน ควันสีเทาหลายเส้นออกมาจากบนศีรษะแต่ละคนและรวมเข้ากับดัชนีนรกานต์ที่เกิดจากม้วนคัมภีร์

ในเวลาเดียวกัน หวังหลินลอยขึ้นไปกลางอากาศและรวมเข้าด้วยกันกับดัชนีนรกานต์นั้น ตอนนี้สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือดัชนีนั้น!

หนึ่งนิ้วชี้ไปที่ใต้ดิน!

หลังจากรวมเข้ากับดัชนีนรกานต์ หวังหลินพุ่งออกไปหาประตูบานที่สองทันที

ผู้อาวุโสห้าคนที่มีระดับเทียบเท่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายต่างตกตะลึงในพลังของดัชนีนรกานต์ แต่พวกเขากัดฟันแน่นและกระตุ้นปราณปิศาจในร่างกายเพื่อขัดขวางหวังหลิน

ทว่าพวกเขาประเมินพลังของดัชนีนรกานต์ต่ำไป ตอนที่หวังหลินเป็นเพียงระดับกลาง เขาสามารถต่อสู้กันซุนต้าวที่เป็นเซียนขั้นเทวะระดับกลางได้ แม้จะพ่ายแพ้แต่ก็ทำให้ซุนต้าวเกิดอาการตกใจอย่างใหญ่หลวง!

ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มมาถึงขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด ดังนั้นดัชนีนรกานต์เพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเหล่าเซียนขั้นเทวะ!

นี่คือไพ่ตายที่แท้จริงของหวังหลิน!

ด้วยหนึ่งดัชนี ผู้อาวุโสทั้งหมดห้าคนกระอักโลหิตออกมา ทั้งห้าถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและไม่สามารถหยุดหวังหลินได้แม้แต่เพียงครึ่งก้าว

ประตูบานที่สองถูกแรงกดดันของดัชนีนรกานต์ของหวังหลินทำลายไป ไม่มีทหารปิศาจคนใดอยู่เบื้องหลังประตูบานที่สอง แต่กลับมีอยู่คนเดียว!

คนผู้นี้ตัวเล็กมากแต่ดวงตาเป็นประกายราวกับสายฟ้า ขณะที่ประตูบานที่สองพังทลาย ดัชนีนรกานต์ของหวังหลินได้เข้ามาใกล้ เขาร้องคำราม ฝ่ามือสร้างผนึกเหมือนกับเซียนและผนึกทับซ้อนกันเป็นชั้นๆและพุ่งออกมาด้านหน้า

เกิดเสียงราวกับพายุกำลังกวาดผ่านไปทั่วบริเวณและแล้วดัชนีนรกานต์ของหวังหลินก็ถูกหยุดห่างจากฝ่ามือคนผู้นั้นไปสามนิ้ว ลูกแก้วขนาดเล็กถุกสร้างขึ้นระหว่างดัชนีนรกานต์และฝ่ามือคนผู้นั้น ลูกแก้วนี้เป็นสีขาวล้วนโดยมีสายฟ้าดำเคลื่อนอยู่ภายใน

คนตัวเล็กคนนี้ยืนอยู่ได้เป็นเวลาสามลมหายใจก่อนจะถูกบังคับให้ถอยและทิ้งร่องรอยลึกไว้บนพื้นสองรอย เขาไม่ได้เลือกจะถอยเองแต่ถูกดัชนีนรกานต์ของหวังหลินผลักกลับไป!

เขาต้องถอยเพราะหากต่อต้านต่อไป เขารู้ว่าไม่สามารถทนได้ หากพยายามขัดขืนด้วยกำลัง ผลลัพธ์มีเพียงร่างกายเขาที่จะระเบิด!

เขาถูกผลักถอยออกไปมากกว่าร้อยฟุตก่อนจะร้องคำรามและหยุดยั้งตัวเอง ดัชนีนรกานต์จากหวังหลินอยู่ห่างจากเขาสามนิ้วและกำลังดูดพลังชีวิตของเขาราวกับวังวนอย่างต่อเนื่อง

“ผู้บัญชาการหวัง! ข้าคือหัวหน้าผู้บัญชาการอันดับหนึ่งภายใต้ท่านแม่ทัพ เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

“ข้าต้องการพบแม่ทัพปิศาจ!” เพียงแค่เขาพูดจบ ควันสีเทาจำนวนมากก็ออกมาจากทหารปิศาจหลายหมื่นนายเบื้องหลัง ควันสีเทาเข้ามาจากทุกทิศทางและเข้าไปในร่างหวังหลินอย่างรวดเร็ว

นี่คือพลังอำนาจของดัชนีนรกานต์!

ควันสีเทาจำนวนมากมายเข้าไปในร่างกาย หวังหลินรู้ในใจว่าควันแต่ละเส้นคือหนึ่งชีวิต! เมื่อมีควันสีเทาในร่างกาย พลังของดัชนีนรกานจะพุ่งขึ้นจุดสูงสุด!

บุคคนตัวเล็กผู้นั้นรู้สึกถึงพลังอำนาจอันสุดยอดของดัชนีนรกานต์ได้ทันที สีหน้าเขาเปลี่ยนไปมหาศาลขณะที่ถอยกลับต่อเนื่อง

คราวนี้เขาถูกผลักให้กลับไปที่ประตูบานแรกจนเกิดเสียงดังปัง! ประตูบานแรกพังทลาย!

ในเวลาเดียวกัน คนร่างเล็กคนนั้นกระอักโลหิตคำโตออกมาและถูกโยนไปด้านข้าง ชั่วขณะนี้ร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งเดินออกมาจากประตูบานแรก เขาไม่ได้พูดอะไรเลยและโยนกำปั้นเข้าใส่ดัชนีนรกานต์ของหวังหลินตรงๆ!

ในพริบตานั้นหวังหลินสัมผัสถึงเจตนาการต่อสู้ข้างในหมัดได้อย่างชัดเจน!

หมัดเจตนาต่อสู้สิบพินาศ!

เจตนาแรกกระแทกลงมาราวกับน้ำหลาก พินาศแรก พินาศที่สอง พินาศที่สาม… ในพริบตาเดียวสิบพินาศทั้งหมดก็ปะทุออกมา คนผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก!

พินาศที่เจ็ด พินาศที่แปด พินาศที่เก้า! เจตนาไร้ที่สิ้นสุดของหมัดดูเหมือนจะหลอมรวมกับฟ้าดินให้กระแทกลงมา ควันสีเทาหนาแน่นและจิตสังหารในดวงตาหวังหลินพุ่งขึ้นระดับมหาศาล

พินาศที่สิบ! เกิดเสียงดังสนั่นจากนั้นระลอกคลื่นปรากฎบนพื้นดินระหว่างหวังหลินและร่างผู้นั้นพร้อมกับกระจายออกไปทุกทิศทาง มันเปลี่ยนกลายเป็นคล้ายกับคลื่นในมหาสมุทรและกระจายออกไปมากกว่าห้าลี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version