572. ศาสตร์สังหารเทพ 1
เสียงเพลงแห่งความสุขโดยมีความเศร้าลึกๆเข้าสู่หูของหวังหลิน มันทำให้เขาหยุดชะงักชั่วขณะแต่ไม่ได้หันกลับมาและเดินห่างออกไป
ขณะนี้ไม่ใช่ยามเที่ยงคืนแต่จันทราเต็มดวงก็ยังตั้งตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า แสงจันทราปกคลุมไปทั้งเมืองปิศาจฟ้าราวกับผ้าไหม้ชิ้นบาล
สองร่างปรากฏนอกคฤหาสน์แม่ทัพโม่และทั้งคู่ก็เลือนหายไปในแสงควัน พวกเขามุ่งหน้าเข้าหาคุกเมืองฮ่อง ทั้งสองเหาะเหินเหนือถนนและสิ่งก่อสร้างหลายอย่างด้วยความรวดเร็ว ในไม่ช้ามาก็ถึงด้านนอกคุกเมืองฮ่อง
มองไกลๆแล้วสถานที่แห่งนี้มีจิตสังหารและความขัดข้องใจจำนวนมหาศาล ราวกับเพลิงปิศาจที่เผาไหม้ในท้องฟ้ายามค่ำคืน!
ร่างสองคนจากคฤหาสน์แม่ทัพโม่พลันเผยตนเองออกมานอกคุกเมืองฮ่อง ทั้งคู่คือโม่ลี่ไฮ่และหวังหลิน!
ขณะที่ทั้งสองคนปรากฏตัว ประตูเหล็กบานยักษ์เบื้องหน้าพลันเปิดออกมาจากช่องเล็กๆ ชายหลังค่อมดูน่ากลัวเดินออกมาจากช่องว่างนั้น เขามองทั้งสองคนและไม่ได้กล่าวอะไรก่อนจะโบกแขนกลับเข้าไปข้างใน
หวังหลินขยิบตาโดยไม่มีใครสังเกต ระดับบ่มเพาะของชายน่ากลัวคนนั้นเท่ากับโม่ลี่ไฮ่ซึ่งก็คือระดับของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย!
โม่ลี่ไฮ่ก้าวเท้าออกมาและเคลื่อนตัวผ่านช่องว่างราวกับสายฟ้า หวังหลินติดตามด้านหลังเขาไปอย่างระมัดระวัง
ชายหลังค่อมพลันตรวจสอบหวังหลินและเอ่ยถามขึ้นมา “นี่ใช่คนที่พี่โม่พูดถึงใช่ไหม?”
โม่ลี่ไฮ่พยักหน้า “ใช่แล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับน้องซิ่ว”
ชายชื่อซิ่วพยักหน้าและเอ่ยตอบ “ท่านไปได้แล้ว ข้าจะพาเขาไปข้างใน!”
โม่ลี่ไฮ่เข้ามาข้างหวังหลินและกระซิบ “น้องหวัง ดูแลตัวเองด้วย! ข้าหวังว่าการฝึกของเจ้าจะสำเร็จ!” สิ้นคำเขาก็ก้าวเท้าและเลือนหายไป
“เจ้าชื่ออะไร?”
“หวังหลิน!” หวังหลินตอบน้ำเสียงสงบนิ่ง
ชายชื่อซิ่วไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาเพียงหันกลับมาและเดินเข้าไปในคุก หวังหลินติดตามเขาไปด้วยการก้าวเท้าอย่างมั่นคง ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งมีจิตสังหารเข้มข้นมากขึ้น
ชายชุดเทาคนนี้ดูเหมือนมีกลิ่นอายพึงพอใจ เขาลอบมองหวังหลินและประหลาดใจที่เห็นหวังหลินสงบนิ่ง จากนั้นคิดว่าหากโม่ลี่ไฮ่ลงมือมากขนาดนี้ คนผู้นี้ต้องมีบางสิ่งพิเศษ
คุกเมืองฮ่องแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนที่เหนือพื้นดินเป็นเพียงแค่ผิวเผิน มีอีกส่วนอยู่ใต้ดิน!
ชายชื่อซิ่วนำทางหวังหลินลงไปใต้ดินอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเดินลงบรรไดวนอันมืดมน
มีเปลวเพลิงชั่วร้ายด้านข้างกำแพงด้วย เพลิงกระพริบไปมาทำให้สถานที่ดูน่าขนลุกยิ่ง
เมื่อพวกเขาก้าวไปบนบันไดครั้งแรก มันเงียบสนิทมาก แต่เมื่อเดินลงไปกลับเกิดเสียงตะโกนและเสียงคำรามออกมาจากส่วนลึก เสียงเหล่านี้เต็มไปด้วยจิตสังหารและความขุ่นเคืองใจ เทียบกับที่เจอด้านบนแล้วมันรุนแรงมากกว่าสิบเท่า!
ชายชื่อซิ่วตั้งใจเดินลงช้าๆและลอบสังเกตหวังหลิน เขารู้ว่ากลิ่นอายที่มาจากคุกแห่งนี้แทบจะแข็งแกร่งพอจะควบแน่นกลายเป็นรูปร่าง แม้กระทั่งแม่ทัพปิศาจที่มีระดับบ่มเพาะใกล้กับๆเขายังรู้สึกอึดอัด สำหรับเขาที่อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปี เขาได้ชินชากับกลิ่นอายของมันจากการฝึกฝนที่นี่มายาวนานแล้ว
ยิ่งเขาดูเท่าไหร่ก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น ท่าทางหวังหลินยังดูปกติและจากการสังเกตของเขานั้นดูไม่เหมือนหวังหลินจะฝืนตัวเองให้ทำเช่นนั้น แต่กลับดูเหมือนหวังหลินกำลังหลอมตัวเองให้เข้ากับรอบๆด้าน
หลังจากการสังเกตหวังหลิน ชายชื่อซิ่วก็ยอมแพ้ความคิดที่เขามี เขาเข้าใจแล้วว่าคนคนนี้เลือกจะมาที่นี่เพื่อฝึกฝน เขาต้องมีบางอย่างพิเศษซึ่งหากสอดแนมต่อไปก็คงจะไม่เหมาะสม
ขั้นบันไดแห่งนี้ยาวมาก หลังจากผ่านไปสักพักทั้งสองก็มาถึงด้านล่าง ด้านล่างนี้น่าขนลุกมาก ราวกับกรงยักษ์ที่แบ่งออกไปหลายพันกรง
คลื่นเสียงตะโกนและเสียงคำรามพร้อมกับคำสาปแช่งดังก้องไปทั่วบริเวณ เสียงนี้ดังเกินไปซึ่งหากเป็นคนธรรมดาคงวิงเวียนศีรษะได้
ชายชื่อซิ่วเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมืดมน “ทั้งหมดหุบปาก!”
หลังกล่าวเช่นนั้น เสียงทั้งหมดจากกรงขังพลันหยุดลงและค่อยๆเกิดกลิ่นอายอึดอัดขึ้นอย่างช้าๆ
มีบ้านสีดำหลังหนึ่งอยู่ตรงทางเข้า เมื่อยืนด้านนอกบ้าน ชายชื่อซิ่วก็ตรวจสอบหวังหลินอีกครั้ง เขาเผยรอยยิ้มแต่รอยยิ้มนี้ทำให้ใบหน้าเขาน่าขนลึกมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก
“น้องหวัง พื้นที่ส่วนนี้เป็นส่วนที่ข้ารับผิดชอบ ข้าหยิบจับพวกมันได้หมดและต้องโทษประหารต้นปีหน้า เจ้าสามารถฝึกฝนตามที่ใจปรารถนาได้ แม้เจ้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดก็ไม่มีผิดอะไร!”
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่ามีพื้นที่หลายแห่งที่มีกฏเกณฑ์เฝ้าระวังไว้เป็นอย่างดี
หวังหลินคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณท่านมาก!”
ชายชื่อซิ่วหัวเราะเสียงแหบพร่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า หากเจ้าอยากขอบคุณก็ไปขอบคุณโม่ลี่ไฮ่ เขาถึงกับยกเจตจำนงหมัดสิบพินาศให้ข้าสามระดับแรกเพื่อให้เจ้าเข้ามาที่นี่!” เขามองหวังหลินอย่างสื่อความหมายก่อนจะเข้าไปในบ้านสีดำ
“สามระดับแรกของหมัดสิบพินาศ…โม่ลี่ไฮ่ลงทุนให้ข้าเข้ามาที่นี่มากมายจริงๆ” หวังหลินพึมพำเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในกรงขังใหญ่แห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้เสมือนตะแกรงหลายแถววางเรียงกันอย่างเป็นลำดับ เมื่อหวังหลินเดินเข้าไป แรงกดดันจากข้างหน้าก็ระเบิดขึ้น เสียงตะโกนและเสียงคำรามกลับคืนมากระจายออกไปราวกับวิชาคลื่นเสียง
หวังหลินเดินผ่านกรงขังหลายแถวเข้าไปโดยที่มีสีหน้าเป็นธรรมชาติ แขนสีดำนับไม่ถ้วนยื่นมือออกจากกรงขังราวกับพยายามจับต้องเขา ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงหัวเราะระเบิดออกมาจากกรงเหล่านั้นด้วย
“เจ้าคนใหม่มาจากที่ไหน? มานี่ให้ข้าสัมผัสเจ้าหน่อย ข้าไม่เห็นผิวละเอียดอ่อนมาหลายสิบปีแล้ว”
“เจ้าดูเหมือนนังแพศยาที่ข้าฆ่าไปก่อนหน้านี้เลย”
“คนต่างแดน ตอนนั้นข้าชอบฆ่าคนต่างแดนเป็นที่สุด!”
ดวงตาแดงฉานหลายคู่จ้องหวังหลินจากข้างในกรง มีหลากหลายอารมณ์ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาเหล่านั้น
หวังหลินมองคนเหล่านี้อย่างเย็นชา หลายปีก่อนคนพวกนี้ต้องไม่ได้เป็นบ้าแบบนี้ พวกเขากลายมาเป็นแบบนี้ได้เนื่องจากอยู่ที่นี่มานาน หากจิตใจไม่มั่นคงก็คงถูกจิตสังหารและความคับแค้นใจหลอมรวมเข้าด้วยกันกับที่นี่
ไม่ใช่นักโทษทั้งหมดที่กำลังร้องตะโกน ยังมีบางส่วนที่ยังนั่งเงียบอยู่ในกรงของตนเอง
“ผู้มาใหม่ เข้ามานี่!” ชายตัวดำจากกรงแหน่งหนึ่งข้างๆหวังหลินยื่นมือสองข้างออกมา เมื่อรับรู้ว่าหวังหลินหันมาหาเขา จึงพ่นน้ำลายเข้าใส่หวังหลินทันที
หวังหลินก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและหลบกลิ่นน้ำหลายเหม็นๆนี้
ชายตัวดำหัวเราะเสียงดัง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
ท่าทางหวังหลินยังคงเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขามองคนผู้นั้นและเผยรอยยิ้ม เท้าที่เดิมทีจะก้าวไปข้างหน้าพลันหยุดกึก
ชายตัวดำเห็นรอยยิ้มของหวังหลินและอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา ด้วยเหตุผลบางอย่างตอนที่เขาเห็นรอยยิ้มนั้น เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวเหลือคณานัปและสายตาดูถูกของเขาพลันชะงักค้าง ทว่าถูกแทนที่ด้วยความชั่วร้ายในทันที
หวังหลินยื่นมือขวาออกไปตำแหน่งที่คนคนนั้นยืนอยู่และเอ่ยอย่างเย็นชา “มานี่!”
เขาตกตะลึงพลันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและเผยใบหน้ามืดมน
หวังหลินกล่าวอีกครั้ง “มานี่!”
ตอนนี้เสียงตะโกนและเสียงคำรามยิ่งแรงกล้ามากขึ้น เนื่องจากเสียงตะโกนข้างๆกัน ชายตัวดำจึงกัดฟันแน่นกำมือเป็นกรงเล็บและยื่นเข้าหามือหวังหลินผ่านกรงขัง
ขณะที่คนผู้นั้นยื่นมือออกมา มือขวาหวังหลินเปลี่ยนเป็นกระบี่ชี้เข้าใส่ฝ่ามือของมันทันที ในเวลาเดียวกันพลังสังหารหนึ่งสายก็เจาะทะลวงเข้าไปด้วย
ร่างนักโทษสั่นเทาและก้าวถอยหลังอีก ทั้งร่างชักกระตุก โลหิตสีดำไหลออกจากรูทวารทั้งหมด ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับกำลังเจ็บปวดแสนสาหัส
ตอนนี้เสียงตะโกนของนักโทษรอบด้านยิ่งแรงกล้ามากขึ้น
แต่วินาทีต่อมาเสียงร้องโหยหวนก็ดังออกมาจากคนผู้นั้น เสียงกรีดร้องนี้เสมือนกระบี่แหลมที่เจาะทะลุทะลวงและระงับทุกสิ่งอย่างเด็ดขาด!
ตอนนี้คนใกล้เคียงหยุดร้องตะโกนแล้ว
เสียงกรีดร้องยังไม่หยุดและดังต่อเนื่องไป เสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัวรุนแรงทว่าหวังหลินดูไม่แยแส ชายข้างในกรงนั้นร่างกายผอมบางไปแล้วและยิ่งค่อยๆเหี่ยวแห้งขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นมัมมี่!
มัมมี่ตัวนี้อ้าปากออกและเต็มไปด้วยควันสีเทา ควันสีเทากลับคืนสู่มือหวังหลิน มันดูหนากว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
“ยังเพียงแค่หนึ่งสาย…” หวังหลินขมวดคิ้ว
หวังหลินยังคงสังเกตการณ์ ตอนที่พลังสังหารเข้าไปในร่างคนข้างหน้า มันเริ่มดูดซับพลังชีวิตเป้าหมายเอาไว้ รวมถึงวิญญาณ โลหิต เลือดเนื้อและทุกสิ่งทุกอย่าง
“การใช้พลังสังหารเพื่อฆ่าคนอื่นสามารถบำรุงมันได้เท่านั้น หากต้องการแบ่งเป็นอีกสายหนึ่งยังขาดบางอย่าง…บางอย่างที่ขาดหายไป…” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่มัมมี่เบื้องหน้า ระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้ไม่ได้สูงมากและด้วยกฏเกณฑ์ในร่างกายเขาจึงไม่สามารถแสดงพลังเต็มที่ออกมาได้ ไม่ใช่แค่เขาที่เป็นแบบนี้แต่นักโทษส่วนใหญ่ในคุกเป็นแบบเดียวกัน
เสียงกรีดร้องหยุดลงด้วยความตายของเขา และคุกเริ่มเงียบสงัด ทว่าความเงียบนี้กินเวลาเพียงชั่วอึดใจก่อนจะเริ่มตะโกนขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันระเบิดเสียงดังมากกว่าเดิม!
หวังหลินเดินไปหากรงถัดไป คนข้างในกรงเผยรอยยิ้มกระหายเลือดใส่หวังหลิน เขาเลียริมฝีปากขณะถอยห่างจากหวังหลิน “เจ้าหนู เจ้ากำลังฝึกฝนใช่ไหม? ทำอะไรสักอย่างให้ข้าได้ไหม สังหารคนตรงข้ามข้าให้หน่อยและข้าจะร่วมมือกับเจ้าเต็มที่ ว่าอย่างไร?”
คนที่ขังอยู่ในกรงตรงข้ามเป็นชายร่างกำยำ ชายคนที่อยู่กรงตรงข้ามจ้องหวังหลินและตะโกนขึ้นมา “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจแล้ว เจ้าหนู หากเจ้าฆ่าเขา ข้าจะร่วมมือกับเจ้าเต็มที่ด้วย! ข้าถูกขังในสถานที่บัดซบนี้มานานเกินพอแล้ว ก่อนที่ข้าจะตาย ขอให้ข้ากลับมาเกิดใหม่เร็วๆ!”
หวังหลินไม่ได้กล่าวอันใดพลันชี้ไปที่คนทั้งคู่ จุดแสงสีแดงสองจุดปรากฎบนหน้าผากทั้งสองคนและเริ่มกระจายออกมา ทั้งสองหล่นลงพื้นแต่สายตายังแฝงอาการไม่เชื่อ
ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาที่นี่ หวังหลินสัมผัสถึงกลิ่นอายแห่งความตายพร้อมกับความขุ่นข้องใจอย่างชัดเจน! ตอนแรกเขาคิดว่ากลิ่นอายแห่งความตายนั้นเป็นตัวตนที่แสดงว่ามีคนตายที่นี่มากมาย แต่หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้สักพัก หวังหลินจึงพบว่านั่นเป็นกลิ่นอายจากเหล่านักโทษ!
พวกเขาทั้งหมดต้องการตาย! แต่หลายคนไม่ได้ต้องการฆ่าตัวตาย!
ตอนที่ทั้งสองคนหล่นลงพื้น หวังหลินมองร่างทั้งคู่อย่างละเอียด เขาไม่ได้ใช้พลังสังหารเพื่อฆ่าทั้งสองดังนั้นร่างกายจึงอยู่ครบถ้วน
แต่กลิ่นอายประหลาดหนึ่งเลือนหายไปจากร่างนั้น
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขณะที่รู้สึกเหมือนจับต้องอะไรบางอย่างได้ หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเขายังคงรู้สึกงุนงง
“ศาสตร์สังหารเทพ หล่อหลอมพลังชีวิตของคนให้กลายเป็นผนึก ข้าได้ฝึกฝนและขบคิดวิชานี้อยู่หลายครั้ง…ข้ารู้สึกเหมือนข้ากำลังเข้าใจมาเสมอแต่บางครั้งทั้งหมดกลับเป็นภาพเบลอ…” หวังหลินยื่นฝ่ามือขวาออกไปและร่างชายกำยำคนนั้นถูกเขาจับเอาไว้
หวังหลินคุกเข่าลงพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หลุมระหว่างคิ้วคนผู้นั้นและตรวจสอบอย่างละเอียด
คิ้วหวังหลินขมวดเป็นปมมากขึ้นและมากขึ้น หวังหลินถอนหายใจขณะยืนขึ้นมาและเดินไปที่กรงถัดไป เมื่อหวังหลินก้าวเท้าไปจะมีนักโทษหนึ่งคนตายลง
ทุกครั้งที่เขาสังหารไปหนึ่ง หวังหลินจะมองศพนั้นอย่างละเอียดและตรวจสอบมันเป็นเวลานาน
หลังผ่านไปห้าวันมีนักโทษมากกว่าครึ่งที่นี่ได้ตายลงไป!
กลิ่นอายแห่งความตายอันหนาแน่นเต็มไปทั่วบริเวณและไม่เลือนหายไปเป็นเวลานาน
หวังหลินสังเกตร่างศพหลายพันคนและค่อยๆเกิดความรู้แจ้งบางอย่าง แต่ดูเหมือนจะมีม่านหมอกระหว่างเขาและการรู้แจ้งนี้ หวังหลินจึงไม่สามารถเห็นหรือจับต้องมันได้อย่างชัดเจนจริงๆเสียที
“ข้ากำลังขาดอะไร…” หวังหลินขบคิด
“เพราะเจ้าไม่ได้มีแรงสังหารมากพอ! แรงกระตุ้นให้สังหารของเจ้ายังไม่พอ!” ชายชื่อซิ่วค่อยๆเดินออกมาจากบ้านสีดำ สายตาที่จ้องมองหวังหลินมีบางอย่างแตกต่างกันออกไป
หวังหลินเงยศีรษะขึ้น เขามองไปที่ชายชื่อซิ่วคนนั้นและไม่ได้เอ่ยอะไร
ชายชื่อซิ่วค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “แม้ข้าจะไม่รู้รายละเอียดแต่วิชาที่เจ้ากำลังฝึกฝนน่าจะสัมพันธ์กับการสังหาร และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงต้องการฝึกฝนที่นี่ แต่ว่าเจ้ายังเลือกสถานที่ผิดไปเพราะการสังหารที่นี่ไม่ได้สร้างเจตนาฆ่าฟันได้เพียงพอจนสร้างกลิ่นอายสังหารขึ้นมาได้ แม้ข้าจะเห็นเจ้าฆ่าไปมากมายตลอดห้าวันนี้ เจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้นคว้า บางครั้งการไม่ค้นคว้าเลยก็เปรียบได้กับการจมดิ่งตัวเองไปกับการฆ่าฟัน รับรู้ประสบการณ์ความพิสมัยแห่งการฆ่าและได้รับจิตใจแห่งการฆ่าขึ้นมา!”
ดวงตาหวังหลินหรี่แคบ
“ข้าฝึกฝนเต๋าปิศาจแห่งการสังหาร!” ชายชื่อซิ่วมองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “มีพัศดีสิบคนในคุกเมืองฮ่องและมีข้าเพียงคนเดียวที่ฝึกฝนเต๋าปิศาจแห่งการสังหารนี้ ข้าใช้การเข่นฆ่าเพื่อหล่อหลอมจิตใจให้กลายเป็นปิศาจ จงเฝ้าดูจิตใจแห่งการฆ่าของข้าให้ดี!”
หลังชายชื่อซิ่วเอ่ยจบ ดวงตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ไม่มีจิตสังหารแฝงออกมาจากร่างกายแต่หวังหลินรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป แม้จะไม่มีจิตสังหารหวังหลินกลับรู้สึกว่าเส้นผมบนร่างของเขาตั้งขึ้น วิญญาณดั้งเดิมสั่นไหวโดยไม่รู้ตัวและสัมผัสอันตรายปรากฏขึ้นในใจ
มีกลิ่นอายไม่รู้จักปรากฎออกมาจากตัวคนผู้นี้ แม้กลิ่นอายนี้ไม่ได้กระจายออกมาแต่มันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
ชายชื่อซิ่วเอ่ยอย่างช้าๆ “ปลอกกระบี่แหลมคมอยู่แล้วจึงจะสร้างจิตสังหารขึ้นมาได้แต่การขาดรากฐานจำนวนหนึ่งเปรียบได้กับกระบี่ที่ดึงออกมาจากฝัก จิตใจแห่งการสังหารของจริงคือกระบี่ที่ดึงออกมาจากฝัก! หากเจ้าต้องการฝึกฝนการฆ่าฟัน ข้าสามารถพาเจ้าไปสถานที่ที่หนึ่งที่เจ้าจะสามารถได้รับประสบการณ์การฆ่าฟันของจริงได้”
หวังหลินมองเขาและเอ่ยขึ้น “เงื่อนไขเล่า!”
ชายชื่อซิ่วเผยความชื่นชมและเอ่ยออกมา “ช่วยข้าสังหารแม่ทัพที่ชื่อ ฉีเจี้ยน! ไม่ต้องถามเหตุผล ด้วยจิตใจแห่งการฆ่าฟันของข้า เมื่อสู้กันข้ามั่นใจร้อยส่วนในการฆ่าเขาได้ ถึงกระนั้นข้าถูกห้ามไม่ให้ออกไปจากคุกฮ่องแห่งนี้และเขาคงไม่เข้ามาที่นี่ตลอดชีวิต นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงขอให้เจ้าช่วยและข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนวิชาสังหารนั่น! แต่ข้ามีเงื่อนไขอีกข้อ เจ้าต้องสังหารเขาด้วยวิชาสังหาร! จงปล่อยให้เขาตายไปในเส้นทางของการเข่นฆ่า!” ชายชื่อซิ่วเผยสายตาเกลียดชัง
“หากข้าสามารถฝึกฝนวิชาสังหารของข้าให้สมบูรณ์ ข้าจึงจะยอมรับเงื่อนไขของท่าน!” หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง เขาจงใจไม่ได้พูดทุกอย่าง
“ตามมา!” ชายชื่อซิ่วเผยรอยยิ้มน่าขนลุกและหันกลับไป
“คุกเมืองฮ่องเป็นเพียงด่านหน้า กฏจริงๆของคุกทั้งสี่ในเมืองปิศาจฟ้าคือการหาจิตสังหารให้กับกระบี่ของจักรพรรดิปิศาจ!”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงต้องเข้าไปในคุกด้านล่าง มีเพียงที่นั่นเจ้าจึงจะสามารถเข้าใจจิตใจแห่งการฆ่าที่แท้จริงได้!”
หวังหลินติดตามชายชื่อซิ่วไปและออกจากพื้นที่ตรงนี้ลงไปบันไดด้านล่างอีก บันไดนี้ดูไร้จุดสิ้นสุด พวกเขาผ่านนักโทษหลายคนแต่ชายชื่อซิ่วไม่ได้หยุดลงและผ่านพวกเขาไปทั้งหมด
หลังผ่านไปเวลาพักใหญ่ ขณะที่หวังหลินเดินลงบันไดไปอย่างต่อเนื่อง กลิ่นคาวเลือดข้นคลั่กก็ปรากฎขึ้น จิตสังหารของที่นี่รุนแรงมากกว่าข้างบนสิบเท่า ร้อยเท่าและกระทั่งพันเท่า
ทางเดินด้านหน้าบันไดไม่ได้มืดอีกแล้วแต่เป็นแสงสีแดงโลหิตส่องสว่างขึ้น
ชายชื่อซิ่วค่อยๆเอ่ยออกมา “ข้าได้แหกกฏโดยการพาเจ้ามาที่นี่แล้ว เจ้าต้องห้ามบอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่โม่ลี่ไฮ่ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิปิศาจและมีจิตสังหารสะสมเพียงพอที่จะมีผลกระทบต่อจิตใจ อย่าไปสู้กับมันและยอมรับมันด้วยจิตใจของเจ้าแทน จงรับรู้ประสบการณ์จิตสังหาร!”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย หลังจากมองไปที่ชายชื่อซิ่ว เขารู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรงออกมาจากเบื้องล่าง จิตสังหารด้านล่างนั้นเรียกได้ว่ามหึมาและเอื้ออำนวยต่อศาสตร์สังหารเทพได้เป็นอย่างดี
หวังหลินไม่ได้เข้าไปใกล้แต่พลังสังหารหลายเส้นระหว่างนิ้วของเขาเริ่มหมุนเร็วขึ้น มีการสั่นเทาออกมาจากพวกมันเล็กน้อย การสั่นเทานี้ไม่ได้เกิดมาจากความหวาดกลัวแต่เป็นแรงกระตุ้นให้สังหาร!
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในพลังสังหาร หวังหลินก้าวเท้าเข้าไปในแสงสีแดงโลหิตและเดินลงไปในขั้นบันไดเบื้องล่าง