Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 695

Cover Renegade Immortal 1

695. คำขอของหวังผิง

ตั้งแต่ที่บรรพชนตระกูลรานและซานเหรินหายตัวไป ตระกูลซุนก็ฮุบตำแหน่งตระกูลรานบนดาวรานหยุนให้ซุนซื่อ พวกเขาเริ่มแข็งแกร่งมากกว่าตระกูลรานในอดีตและกลายเป็นอันดับหนึ่งบนดาว

ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงยี่สิบปีนี้ ผู้คนของตระกูลซุนก็เริ่มโอหัง

เมืองเวิ้งวารีก็มีสาขาของตระกูลซุนด้วย ตอนนี้ผู้อาวุโสขั้นตัดวิญญาณสามคนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลักของบ้านตระกูลสาขา ก่อนหน้านั้นพวกเขาทั้งหมดคือคนที่เก่ียวข้องกับเหตุการณ์ที่เหลาอาหาร

เป็นครั้งแรกที่ฉิงยี่พัวพันกับสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นนางจึงเคร่งเครียดมาก นางก้มศีรษะลงต่ำและวางตัวด้วยความเคารพยิ่ง

อาจารย์ของนางเป็นเซียนขั้นแกนลมปราณกำลังยืนอยู่ข้างๆ ทว่าใบหน้าเขาซีดเผือดและระดับบ่มเพาะตกลงจากขั้นแกนลมปราณมาที่ขั้นพื้นฐานลมปราณระดับปลาย

ผู้อาวุโสตระกูลซุนคนหนึ่งเป็นชายชราใบหน้าสีแดง เขาลืมตาเล็กน้อยและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เขาพูดเช่นนั้นจริงๆหรือ?”

ชายชราขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายผู้พยายามหยุดหวังหลิน เขารีบพยักหน้าและเอ่ยออกมา “ผู้น้อยได้ยินไม่ผิดแน่นอน เขาพูดชัดเจนว่า ‘แค่ครั้งนี้เท่านั้น!’”

ลมหายใจเย็นพ่นออกมาจากชายชราชุดเขียว จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาเย็นชา “ดูเหมือนเขาต้องการตอแยตระกูลซุนของเรา คนผู้นี้สามารถทำให้แกนลมปราณของเซียนขั้นแกนลมปราณพังทลายได้ด้วยการชำเลืองมองครั้งเดียวและทำให้เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดล่าถอยได้ด้วยการก้าวครั้งเดียว ข้ากลัวว่าเขาจะเป็นขั้นแปลงวิญญาณ!”

ผู้อาวุโสคนสุดท้ายเอ่ยขึ้น “เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดอะไรกัน? บรรพชนตระกูลซุนของเรายังอยู่ที่นี่และยังมีผู้อาวุโสคนนั้นที่จะปกป้องตระกูลเราไปร้อยปี แม้แต่ตระกูลฮวนจากดาวพันมายายังไม่กล้าตอแยผู้อาวุโสคนนั้น เมื่อมีเขาอยู่รอบๆ ตระกูลซุนของเราจะไม่ล่มสลาย!”

ผู้อาวุโสใบหน้าแดงเอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่สอง “คนผู้นั้นแซ่อะไร?”

เหล่าเซียนเงียบเป็นเวลานาน ชายชราขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายพลันยิ้มบูดเบี้ยวและเอ่ยตอบ “ข้าไม่รู้ แต่ดูเหมือนจะมีตระกูลสายนอกของเราคุยกับเขา บางทีนางอาจจะรู้”

สายตาของผู้อาวุโสใบหน้าแดงตกลงบนฉิงยี่

“เจ้ารู้ใช่ไหม?”

ร่างฉิงยี่สั่นสะท้าน หลังจากขบคิดเล็กน้อยนางก็ส่ายศีรษะ “ผู้น้อยไม่รู้จัก…”

“กล้าดีอะไร!” ผู้อาวุโสใบหน้าแดงพลันขมวดสายตา ด้วยประสบการณ์ของเขาจึงบอกได้ว่านางกำลังโกหก

ฉิงยี่ก้มศีรษะลงอย่างขมขื่นและเอ่ยเสียงเบา “ผู้น้อยไม่รู้จักจริงๆ”

ผู้อาวุโสใบหน้าแดงพ่นลมหายใจเย็น จากนั้นยืนขึ้นและกล่าวต่อ “วางเรื่องนี้ได้ก่อน ข้าได้แจ้งทางตระกูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วและพวกเขาจะส่งเซียนขั้นแปลงวิญญาณมาจัดการ ส่วนสมาชิกตระกูลสายนอกคนนี้ เมื่อมีคนอื่นอยู่ในใจก็เตะนางออกไปจากตระกูลซุนซะ!”

“ข้าอยากเห็นว่าคนผู้นี้มีเบื้องหลังเช่นไรถึงได้กล้าพูดคำพูดโอหังเช่น ‘แค่ครั้งนี้เท่านั้น!’ บนดาวรานหยุนที่ไม่มีใรกล้าพูดแบบนี้กับตระกูลซุน!”

ณ ฝั่งทิศเหนือของเมืองเวิ้งวารี ป้ายใหม่ของบ้านหวังหลินได้ถูกวางเอาไว้ หวังหลินเขียนมันด้วยตัวเองว่า “คฤหาสน์หวัง”

หวังหลินไม่ได้เปลี่ยนสาวรับใช้ในคฤหาสน์และเก็บพวกเขาเอาไว้ นี่เป็นวิธีที่ทำให้คฤหาสน์ไม่เหงาจนเกินไป

ตกกลางดึกยามพระจันทร์ส่องลงมา หวังหลินและหวังผิงกำลังนั่งตรงข้ามกันเพื่อศึกษาเรื่องในอดีต

หวังหลินกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ผิงเอ๋อ ใช้ชีวิตธรรมดาเป็นเวลาสิบเก้าปี ใช้เวลาแปดปีเพื่อออกผจญภัยและถัดไปข้าจะให้ความมั่งคั่งกับเจ้าเป็นเวลาสามสิบปี ชีวิตคนผู้หนึ่งมีทั้งทุกข์และโศกเศร้า เจ้าควรจะรู้จักมันไว้ทั้งหมดว่าการรวยและจนต่างก็เป็นเหมือนกัน”

หวังผิงขบคิดอย่างเงียบเชียบ ผ่านไปสักพักจึงเผยรอยยิ้มบาง ดวงตาเปล่งประกายสดใสและถามออกมา “ท่านพ่อ นี่คือค่าตอบแทนที่ไม่ให้ข้าฝึกเซียนใช่ไหม?”

หวังหลินมองหวังผิงและเอ่ยขึ้นช้าๆ “ใช่แล้ว” สายตามองออกไปเหนือหวังผิงและตกลงด้านนอกหน้าต่างออกไป ไกล ในสถานที่ที่หวังผิงไม่อาจมองเห็นได้ที่ซึ่งแฝงความเศร้าในแววตาหวังหลิน

ความเศร้านี้มีมากมาย มากจนไม่มีใครรู้ หวังหลินไม่สามารถเผยความลับนี้ไม่ว่าจำเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้เขาจะรู้ว่าหวังผิงแกล้งทำเป็นสัญญาไม่ฝึกเซียนพร้อมกับร่องรอยความน้อยใจ

‘ผิงเอ๋อ ไม่ใช่ว่าพ่อไม่ต้องการให้เจ้าฝึกเซียน แต่…เพียงแค่…เจ้าไม่สามารถฝึกได้…’ หวังหลินถอนหายใจในใจ ความเศร้ายิ่งมากมายขึ้นไปอีก…

หวังผิงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ อะไรคือความมั่งคั่ง?”

หวังหลินถอนสายตาและเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง “เจ้าต้องการความมั่งคั่งแบบไหน?”

“ท่านพ่อสอนข้าว่าคนผู้หนึ่งควรจะเดินบนเส้นทางที่ฝืนกฏสวรรค์และไม่ถูกทางโลกกดดัน พบเจอภูเขาก็ปีนขึ้นไป พบเจอแม่น้ำก็ว่ายผ่านไป พบเจอมหาสมุทรก็ข้ามมันไป และไม่เคยยอมแพ้ต่อโลกใบนี้ เมื่อท่านพ่อไม่ต้องการให้ข้าฝึกเซียน เช่นนั้นข้าก็อยากกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดในหมู่มนุษย์!” หวังผิงมองไปที่พ่อของตน

“หากเจ้าต้องการ เจ้าก็สามารถทำได้!” หวังหลินหลับตา

หวังผิงเติบโตขึ้นภายใต้อิทธิพลของหวังหลิน เขาค่อยๆได้รับความเชื่อของตนเองและมุมมองที่มีต่อโลก เขาไม่ได้เป็นเด็กที่จะฟังคำพูดของพ่อเสมอไป ตอนนี้เขามีความคิดและอุดมการณ์ของตนเอง

หวังผิงมองพ่อของตนและกระซิบ “ข้าไม่ได้ต้องการกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดที่ยื่นมือส่งมาให้ แต่ข้าต้องการได้รับมันด้วยตัวเอง!”

หวังหลินกล่าว “ใช่แล้ว…” เขาโบกแขนขวาและเงาหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังและเดินเข้าไปในเงาของหวังผิง

“ด้วยสิ่งนี้ เจ้าสามารถทำอะไรก็ตามได้บนดาวรานหยุน” หวังหลินยืนขึ้น เขาไม่ได้มองกลับมาที่หวังผิงขณะเดินออกไปจากการนั่งศึกษา แผ่นหลังหวังหลินดูเหงาและโดดเดี่ยวเล็กน้อย

หวังผิงอ้าปากดูเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดออกมาและเพียงถามตัวเองในใจเท่านั้น ‘ท่านพ่อสามารถให้ข้าได้ทุกอย่าง แล้วทำไม…ถึงไม่ปล่อยให้ข้าฝึกฝน…ผิงเอ๋อไม่ได้ต้องการฝึกเซียนเพื่อตัวเอง แต่เพื่อ…คำสัญญาเมื่อตอนนั้น…เพื่ออยู่กับท่านตลอดไป…ท่านพ่อช่างโดดเดี่ยว…แต่ทำไม…’

ขณะหวังหลินยืนอยู่ในลานกว้างใต้แสงจันทรา เงาของเขายืดยาวออกไปไกล เขากลับไปห้องตัวเอง นอนลงบนเตียงและเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา “วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ ข้าหวังว่าวันนั้นจะมาถึงให้ช้าลง ความจริงแล้วข้าหวังให้เจ้าจะหาไม่เจอไปตลอด…”

คืนนั้นหวังผิงจึงไม่ได้หลับ

สามวันถัดมามีคนผู้หนึ่งมาถึงเมืองเวิ้งวารี เขาสวมชุดเสื้อคลุมสีดำดูค่อนข้างเก่าแก่ หลังจากมาถึงก็ตรงไปที่สาขาของตระกูลซุน

เหล่าเซียนทั้งหมดในตระกูลสาขาต่างออกมาเพื่อคำนับเซียนท่านนี้ แม้พวกเขาจะเดาได้แล้วว่าคนที่มาหาต้องเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณ แต่เมื่อผู้อาวุโสสามคนเห็นคนที่เข้ามา ทั้งหมดต่างอ้าปากค้างและยิ่งเคารพมากกว่าเดิม

“คำนับท่านรองตระกูล!”

คนผู้นี้คือซุนฉีหมิง ด้วยเพราะเรื่องของหวังหลิน สถานะในตระกูลของเขาจึงเพิ่มขึ้น อีกทั้งเขายังบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย จึงถูกซุนซื่อแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าตระกูลคนถัดไป

ซุนฉีหมิงไม่พูดพล่ามทำเพลงและถามตรงประเด็น “เขาอยู่ไหน?” พวกคนในตระกูลไม่รู้ความหมายของการสามารถทำลายแกนลมปราณเพียงชำเลืองมองในครั้งเดียว แต่เขาทราบเป็นอย่างดี แม้จะทำแบบนั้นได้ด้วยแต่เขาก็ไม่สามารถทำให้เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดสามคนล่าถอยได้เพียงการก้าวหนึ่งครั้งโดยไม่ใช้วิชาอันใด

หากใช้วิชาขึ้นมาก็สามารถอธิบายมันได้ แต่อย่างไรก็ตามหากหินหยกที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงและไม่ได้ใช้วิชาอะไร เช่นนั้นของแบบนี้สามารถทำได้ด้วยเซียนเฒ่าขั้นเทวะเท่านั้น เซียนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version