736. แดนสวรรค์อัสนี
เซียนทุกคนที่มีเตาหลอมจะถูกดึงเองไปตามลำดับ แต่ละคนจะมีอยู่ไกลเกินกว่าจะเป็นคนอื่นๆเว้นแต่จะมาจากดาวเคราะห์เดียวกัน
เมื่อมองไปรอบๆจะเป็นเพียงแค่ความมืดมิด นอกจากแสงที่ออกมาจากตัวเอง
ทว่าขณะนี้กลับมีลำแสงสายฟ้าทรงพลังเส้นหนึ่งพุ่งดุจอุกกาบาตและมาพร้อมกับเสียงดังสนั่น สายฟ้าเส้นนี้เร็วเกินจนบรรลุระดับที่คาดไม่ถึง
ทันทีที่ผ่านพวกเซียนไปหลายคน มันทำให้เกิดผลกระทบซึ่งทำให้แสงรอบตัวเซียนเล่านั้นกระพริบวาบราวกับกำลังดับลง
พวกเซียนทั้งหมดที่มาจากดาวเคราะห์เดียวกันต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาเพ่งสมาธิไปในทิศทางนั้นก็เห็นเพียงแต่แสงกระพริบอยู่ห่างไกลก่อนจะเลือนหายอย่างไร้ร่องรอย
ทิ้งไว้แต่เพียงความงุนงงและความหวาดกลัวในสายตาเซียนเหล่านั้น
“นั่น…นั่นมันอะไรกัน?” เซียนคนหนึ่งพึมพำขึ้นมา
หวังหลินอยู่ข้างในสายฟ้าดุจอุกกาบาตสายนั้น ความเร็วของมันทำให้เขาไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้เลย ราวกับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายและเกิดรอยเว้านับไม่ถ้วนอยู่บนร่าง
เขากระทั่งไม่กล้าแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ด้วยความเร็วปัจจุบันที่มีความเร็วสูงยิ่ง สัมผัสวิญญาณของเขาคงถูกฉีกออกไปและทำความเสียหายให้กับวิญญาณดั้งเดิม
ความเร็วหวังหลินนั้นเร็วเกินไป สายฟ้าดุจอุกกาบตลูกนี้พุ่งผ่านถนนสู่แดนสวรรค์ เซียนที่มาครั้งแรกบางคนตื่นเต้นที่จะได้เข้าประตูสวรรค์แต่เบื้องหน้าเขากลับเห็นอุกกาบาตน่าหวาดกลัวนี้เสียก่อน
แต่ละคนต่างตะลึงงันจนหลงลืมตัวไปชั่วขณะ
แม้แต่คนที่ไม่เผยอารมณ์ของตนเองง่ายก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่เพียงแต่เซียนที่มาครั้งแรกเท่านั้น แต่แม้กระทั่งพวกคนที่เห็นสายฟ้าราวอุกกาบาตเส้นนี้ สีหน้าแต่ละคนก็เปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความคลุมเครือ
ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ มีน้อยคนมากที่กล้าแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา แม้พวกเขาจะทำไปแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะจับลงบนอุกกาบาตที่เร็วปรี่เช่นนี้
ข้างในอุกกาบาตนั้นคืออะไรกัน? นั่นเป็นคำถามแรกที่ปรากฏขึ้นในใจเซียนส่วนใหญ่ก่อนที่พวกเขาจะก้าวไปบนแดนสวรรค์!
ปลายทางของอวกาศว่างเปล่านี้คือประตูสู่แดนสวรรค์อัสนี ประตูบานนี้คือสายฟ้าขนาดใหญ่ยักษ์ เพียงแต่มันขนาดใหญ่เกินกว่าจะมองเป็นปลายทางว่าสุดลงที่ตรงไหน
สายฟ้าเส้นนี้เป็นสีแดงเข้ม ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าและอีกด้านหนึ่งหายเข้าไปในความว่างเปล่าราวกับแม่น้ำ อย่างไรก็ตามมันไม่มีพลังชีวิตส่งออกมา
สายฟ้าเส้นนี้ในดาราจักรทุกชั้นฟ้ามีตำนานอยู่หลายเรื่อง ที่ยอมรับกันมากที่สุดคือเดิมทีไม่ได้มีประตูไปสู่แดนสวรรค์อัสนี ทั้งแดนสวรรค์คือทะเลสาปสายฟ้าขนาดยักษ์และไม่จำเป็นต้องใช้ประตู
ส่วนสายฟ้าสีแดงเข้มนี้ถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณของเทพทุกตนตอนที่แดนสวรรค์ล่มสลาย มันจึงกลายเป็นประตูหลังจากนั้น
ขณะนี้มีหลายคนกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้สายฟ้าสีแดงเข้มนี้ เฉิงกงฮู่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
นอกจากผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนี ยังมีคนบางคนที่หาตัวจับยากเช่นเซียนสันโดษจากดาราจักรทุกชั้นฟ้าซึ่งไม่ได้มีมากมายนัก หากไม่ได้มีระดับบ่มเพาะที่น่าหวาดกลัวเพื่อช่วยเหลือตัวเอง คงอยู่รอดได้ยากมาก
เซียนสันโดษแทบทุกคนต่างเป็นตัวตนที่ทรงพลังอำนาจ
หายากนักที่เหล่าผู้คนใต้ประตูแดนสวรรค์จะพูดคุยกัน ทั้งหมดต่างหลับตาราวกับไม่ต้องการไปรบกวนคนอื่น
บางครั้งก็มีเซียนตัวคนเดียวผ่านการชี้ทางของเตาหลอมเข้ามาถึง ส่วนมากเซียนคลื่นลูกแรกทั้งหมดจะเป็นเซียนที่บรรลุระดับสองไปแล้ว
หากพบเจอคนรู้จัก พวกเขามักจะแลกเปลี่ยนสนทนากันไม่กี่คำ นั่งถัดกันหรือไม่ก็นั่งอยู่โดดเดี่ยวหลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดสีน้ำเงินกำลังนัดถัดจากเฉิงกงฮู่ ใบหน้าเขาซีดเผือดไร้สีสันแต่สายตายังคงเย็นยะเยือก
ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ข้าได้ยินมาว่าเฉิงกงฮู่ที่มักจะโอหังมาตลอด ตอนนี้กลับมีนายเหนือหัวแล้ว ทีแรกข้าไม่เชื่อแต่เมื่อเห็นว่าเฉิงกงขาดวิญญาณแห่งเต๋าไปส่วนหนึ่ง ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องจริง! น่าสงสาร! น่าสงสาร!”
เฉิงกงฮู่มองชายกลางคนด้วยท่าทีเย็นชาก่อนจะกล่าววาจา “คนสายตาสั้นที่ไม่มีความทะเยอทะยานไม่เข้าใจหรอก คนที่มองเพียงผิวเผินไม่เข้าใจความคิดของคนทะเยอทะยานหรอกนะ ถังหยางเฟิง เจ้าไม่ใช่ข้านี่!”
ชายนามว่าถังหยางเฟิงกลับมีสายตาเย็นชาและเผยรอยยิ้มมืดมน “ข้าก็อยากเห็นว่าเจ้ามีความคิดแบบไหนกัน!”
เฉิงกงฮู่ไม่พูดไม่จาอีก ในช่วงระยะเวลายี่สิบปีนี้เขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมาย แรงกดดันนี้มาจากตระกูลเขาและอารามเทพอัสนี
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาให้คำปฏิญาณต่อหวังหลิน!
ในครอบครัวเขา เขาถูกด่าว่าตัดสินใจได้โง่สิ้นดี แม้จะเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนี เขาก็ไม่สามารถไปต่อต้านผู้อาวุโสในตระกูลได้
ส่วนอารามเทพอัสนี พวกเขาไม่ยอมรับผู้ส่งสาส์นที่ไปปฏิญาณตนกับคนอื่น แม้จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีสถานการณ์บ่งบอกอะไรเลยก็จริง เฉิงกงฮู่รู้สึกได้ว่าทางอารามเทพอัสนีกำลังตีห่างเขา
ตัวอย่างก็เช่นด้วยพรสวรรค์ของเขาแล้วไม่ควรมาอยู่ตรงนี้เลย เขาควรจะไปอยู่ร่วมกับกลุ่มใหญ่ของผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีและเข้าสู่แดนสวรรค์ผ่านเส้นทางอื่น
แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ส่งสาส์นคนเดียวที่อยู่นี่ แต่ในด้านตำแหน่งแล้วคนเหล่านั้นไม่อาจเทียบกับเขาได้
เมื่อคิดแบบนี้ เฉิงกงฮู่ไม่เพียงรู้สึกไม่เสียใจ เขากลับรู้สึกถึงความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ผิด เขายังรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจได้ดีที่สุดที่เคยทำมาในชีวิต! สิ่งที่เขาพูดกับถังหยางเฟิงเป็นสิ่งเดียวกับที่เขาพูดกับผู้อาวุโสในตระกูล!
“แม้แต่หัวหน้าผู้อาวุโสของตระกูลยังติดอยู่ที่ขั้นชำระสวรรค์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมาพูดเรื่องตำนานของขั้นที่สามเลย…พวกเขามีคุณสมบัติอะไรมาชี้ทางข้า!?” ดวงตาเฉิงกงฮู่ส่องประกายเจิดจ้า
ถังหยางเฟิงเยาะเย้ย เฉิงกงฮู่คนนี้เป็นคนแรกในรุ่นที่กลายเป็นผู้ส่งสาส์น เนื่องด้วยการก้าวผิดพลาด ตอนนี้จึงตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน
แต่ขณะนั้นเอง แสงสว่างหนึ่งจุดพลันปรากฏขึ้นห่างไกล วินาทีหลังจากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นพุ่งเข้ามาใกล้ดุจพายุ
เซียนทั้งหมดลืมตาขึ้นและมองออกไป ถังหยางเฟิงก็ไม่เว้น
ขณะที่เขามองออกไป แสงนั้นก็ทวีความสว่างขึ้นและมุ่งตรงมาตรงที่พวกเขา แสงนั้นได้พาเอาเสียงดังสนั่นและใกล้เข้ามาด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
มันเร็วเกินไปและเข้ามาใกล้แทบจะทันที เนื่องจากที่ตรงนี้ไม่ได้ขาดแคลนเซียนทรงพลัง ดังนั้นจึงมีหลายคนกระจายสัมผัสวิญญาณของตนเองออกมาเพื่อพยายามจับจ้องไปบนสายฟ้าเผื่อจะพบเบาะแสอะไรบางอย่าง
ทว่าเนื่องจากมันเร็วเกินไป สายฟ้าดุจอุกกาบาตเข้ามาใกล้ได้เร็วเกินกว่าที่พวกเขาจะจับได้ทัน มันพาเอาพลังแข็งแกร่งมาด้วยจึงทำให้สายตาทุกคนเคร่งเครียดขึ้น
ยิ่งมันเข้ามาใกล้ ไม่เพียงแต่มันไม่หยุดลงที่นี่ตามปกติ มันกลับเร็วขึ้นไปอีก มันกระพริบผ่านฝูงชนและพุ่งตรงไปที่ประตู!
ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน สายฟ้านั้นเข้าปะทะกับสายฟ้าสีแดงเข้มในทันที ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นกึกก้อง สายฟ้าเส้นนั้นหายเข้าไปในสายฟ้าแดงเข้า ทิ้งไว้ให้ทุกคนตะลึงงัน
“เข้าไป…มันเข้าไปแล้ว?” หนึ่งในเซียนที่ตะลึงงันนิ่งอึ้งได้เอ่ยออกมา
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่แทบทุกคนที่อยู่รอบๆที่นี่พลันยืนขึ้นทันทีและจ้องไปที่ประตู
พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีคนสามารถเข้าไปได้ก่อนที่ประตูจะเปิด มันเหนือเกินกว่าที่คาดคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
ถังหยางเฟิงจ้องประตูสวรรค์อย่างตกตะลึงจากนั้นพึมพำขึ้นมา “นี่มันอะไร…มีคนเข้าไปก่อนที่ประตูจะเปิดได้อย่างไร…หรือเป็นไปได้ว่าเจ้านั่นสามารถเข้าไปได้ก่อนที่มันจะเปิด?” เขาขมวดคิ้ว
เขาไม่ใช่คนแรกที่คิดแบบนี้ขึ้นมา แต่ไม่มีใครกล้าลองยกเว้นแต่ตัวประกอบผู้หนึ่ง ร่างของเขากระพริบวาบและเกิดร่างโคลนเดินออกมาจากด้านหลัง จากนั้นตัวประกอบชี้ไปข้างหน้าทำให้ร่างโคลนพุ่งเข้าไปหาสายฟ้าสีแดงเข้ม
ทุกคนมองตามในทันที ทั้งหมดเห็นร่างโคลนสัมผัสกับสายฟ้าสีแดงเข้มแต่ร่างกายของมันสั่นเทาและพังทลายอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น สายฟ้าสีแดงเข้มหนึ่งสายพุ่งออกมาเข้าหาเซียนตัวประกอบที่ส่งร่างโคลนออกไปด้วย
สีหน้าของเซียนตัวประกอบรายนี้เปลี่ยนไปมหาศาล เขาเป็นเซียนขั้นมายาหยินแต่เมื่อเผชิญกับสายฟ้า หนังศีรษะรู้สึกด้านชาและกำลังจะสูญสิ้นสติ เขารีบหันตัวกลับและวิ่งหนีทันที แต่สายฟ้าแดงเข้ามากระชั้นชิดเกินไป สายฟ้าแดงเข้าสู่ร่างเขา โคจรผ่านร่างกายหนึ่งรอบแล้วจึงลอยกลับไป
ร่างกายเซียนคนนั้นสั่นเทา จากนั้นร่างกายรวมถึงวิญญาณดั้งเดิมและกระเป๋า ทั้งหมดแตกสลาย!
เซียนทั้งหมดรอบด้านเงียบสนิท
ไม่มีใครสังเกตได้ว่าในตอนนี้เฉิงกงฮู่ก้มศีรษะลงแต่สายตาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึงและตื่นเต้นเหนือจินตนาการ ตอนที่เขาเห็นสายฟ้าดุจอุกกาบาตผ่านไป เขาสัมผัสถึงร่องรอยกลิ่นอายของนายเหนือหัวที่อยู่ข้างในได้ เนื่องมาจากวิญญาณแห่งเต๋าของเขา
“ข้าเฉิงกงฮู่คิดไว้ไม่ผิด ผู้อาวุโสคนนี้เป็นคนอัศจรรย์โดยแท้ สายฟ้าที่เขาดึงดูดมาบรรลุถึงระดับนี้และสามารถเข้าสู่แดนสวรรค์อัสนีได้ก่อนที่มันจะเปิด ระดับบ่มเพาะเป็นของจริง…ช่างเหลือเชื่อ!”
ณ เศษเสี้ยวของแดนสวรรค์ที่ยังไม่เปิด มีคนผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน
คนผู้นี้เป็นชายชรา เส้นผมสีขาวล้วนพริ้วในอากาศ เสื้อผ้าสีขาวสะบัดว่อน เขาไพล่มือด้านหลังและขมวดคิ้วราวกับกำลังคิดเรื่องบางอย่าง แต่ว่าเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อมองออกไปไกลและอุทานเบาๆ
“น่าสนใจ!” ชายชราเผยความสนใจออกมา สายลมพัดปลิวออกไปและร่างกายเขาเปลี่ยนไปเป็นจุดแสงสีทองนับไม่ถ้วนพร้อมกับเลือนหายตัวไปจากภูเขาสายฟ้าแห่งนี้
หากหวังหลินอยู่ที่นี่เขาคงจำชายชราที่หายตัวไปคนนั้นได้ เพราะมีกลิ่นอายบางๆแห่งการกลับคืนสู่ต้นกำเนิด…