Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 745

Cover Renegade Immortal 1

745. เยี่ยม เยี่ยมมาก

สายตาหวังหลินที่จับจ้องบนเท้าลี่หยวน ขณะนั้นหวังหลินเกิดความรู้สึกประหลาด ราวกับว่าคนผู้นั้นและกระบี่เหล็กเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

หวังหลินถอนสายตาและถอนสัมผัสวิญญาณ เขาก้าวมาข้างหน้าและก้าวเข้าไปในความว่างเปล่า ขณะนั้นราวกับหวังหลินผ่านได้ผ่านขอบเขตออกไป เสียงดังสนั่นจากสายฟ้าดูเหมือนจะทบทวีขึ้นหลายเท่า

แม่นางเก้อพ่นลมหายใจและคิดขึ้นมา ‘สมบัติวิเศษชิ้นนี้สืบทอดมาจากตระกูล แม้มันจะไม่มีพลังอำนาจแต่มันมีความสามารถในการต่อต้านสายฟ้าไร้ที่เปรียบ!’ ขณะที่นางคิด กระบี่เหินเริ่มเคลื่อนไหวไปตามโซ่ตรวนสายฟ้า สายฟ้าจากโซ่ดูเหมือนจะไร้ผลกระทบบนกระบี่เหิน

แม่นางเก้อมองลี่หยวนและขมวดคิ้ว ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่จะมาพูดอะไรได้ แม้กระบี่ไม่ได้เร็วนักมันก็ล่องลอยไปตามโซ่ตรวนได้อย่างมั่นคง

รอบๆด้านไม่มีอะไรเลยและไม่สามารถมองเห็นอะไรเบื้องหน้าได้ แต่ว่าไม่มีเซียนคนใดในแดนสวรรค์อัสนีจะลงทางเพราะตราบใดที่ตามโซ่ตรวนสายฟ้าไป พวกเขาจะเจอทิศทางที่ถูกต้อง

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อกระบี่เหาะเหิน พวกเขาก็ค่อยๆเข้าสู่ความว่างเปล่าอย่างช้าๆ แม่นางเก้อไม่สามารถแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาได้ดังนั้นนางจึงมองไม่เห็นหวังหลิน นางกำลังสงสัยว่านางหลงทางกับเขาอยู่หรือไม่ ดังนั้นจึงหันตัวกลับมาและทันใดนั้นเองสัมผัสถึงเส้นสายฟ้าหนึ่งเส้นแทงทะลุเข้าใส่ นางแข็งกระด้าง ดวงตาตกตะลึง ตวามหวาดกลัวที่มีต่อหวังหลินพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด

นางเห็นหวังหลินเหยียบไปบนโซ่ตรวนสายฟ้าด้วยชุดสีขาว เขาเดินไปทีละก้าวราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้นดินเรียบเนียน

สายฟ้าแล่นผ่านร่างกายเขาแต่ไม่มีผลกระทบอะไร ความจริงแล้วเขากลับรู้สึกสะบายยิ่งนัก วิญญาณดั้งเดิมกระทั่งกำลังดูดซับสายฟ้าทั้งหมด

ขณะหวังหลินเดินไป เขาพลันปล่อยคลื่นสายฟ้ารุนแรงไปด้านหลังด้วย ฉากเหตุการณ์นี้ชัดเจนมากแม้จะมองจากระยะไกล มันราวกับเป็นแสงสัญญาณสดใสยามกลางคืน

ลี่หยวนซึ่งยืนอยู่บนปลายกระบี่กลับเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ ขณะที่เขายืนอยู่บนปลายกระบี่ คลื่นอารมณ์ก็หลุดออกมาจากในจิตใจเขา เขาแทบไม่สามารถควบคุมมันได้

“สหายเฒ่า นี่มันก็นานมาก…นานมากแล้ว…ตั้งแต่ที่เราเจอกัน…” ลี่หยวนถอนหายใจในใจและจากนั้นเพ่งความคิดตัวเอง เขาระมัดระวังการเปลี่ยนแปลงของแม่นางเก้อทันทีและมองกลับหลังโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นหวังหลินกำลังเดินอยู่บนโซ่ตรวนสายฟ้า รูม่านตาพลันหดเล็กลงไปด้วย

“เขาสามารถยืนอยู่บนโซ่ตรวนสายฟ้าด้วยร่ายกายได้!” รูม่านตาที่หดเล็กลงรีบกลับคืนสู่ปกติ

หวังหลินไม่พูดคุยเลยระหว่างทาง แต่สายฟ้าเหมือนกับเป็นเพลิงเผาไหม้ยามค่ำคืน สายฟ้าด้านหลังเขาค่อยๆหายไป มันใช้เวลาเกือบเดือนในความว่างเปล่า เส้นทางสายฟ้าด้านหลังหวังหลินจึงจะหายไปในที่สุด

มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่ทำให้หวังหลินผ่อนคลาย ทว่าสายฟ้าที่แสดงออกมานี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแต่เพราะหวังหลินมีร่างกายที่บรรจุสายฟ้า สายฟ้าจึงสร้างแรงเสียดทานขึ้นจากสายฟ้าภายนอกและสายฟ้าภายใน

หวังหลินไม่ชอบปรากฏการณ์แบบนี้เพราะมันสะดุดตาเกินไปและเชิญชวนปัญหาที่ไม่ต้องการเข้ามา ตอนนี้ที่ร่างกายหวังหลินปรับตัวเข้ากับโซ่ตรวน เขาจึงผ่อนคลายได้เล็กน้อย

“เมื่อฟังจากทั้งสองคน ดูเหมือนเหตุผลที่วิญญาณชีวิตของลี่หยวนตกอยู่ในกำมือตระกูลของหญิงสาวเป็นเพราะพวกเขาช่วยชีวิตเอาไว้ แต่ว่าข้ากลัวว่าจะมีอย่างอื่นอีก…” ขณะที่เขาเดินทางไปพร้อมกับโซ่ตรวน หวังหลินยังคงสังเกตการณ์ทั้งสองคนและขบคิดถึงสถานการณ์

“กระบี่ของหญิงสาวคนนี้สามารถทำให้ลี่หยวนเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ ข้าเดาว่าการถูกช่วยชีวิตและขังไว้กับตระกูลของนางทั้งหมดนั้นเป็นแผนของเขา!” สายตาหวังหลินตกลงบนกระบี่เหล็ก หลังจากมองอย่างละเอียดหลายครั้งเขาไม่สามารถค้นพบเบาะแสอะไรได้ กระบี่เหล็กเล่มนี้มีพลังต่อต้านสายฟ้าแข็งแกร่งมาก ยิ่งเดินทางไปบนโซ่ตรวนสายฟ้าลึกขึ้นก็ยิ่งมีสายฟ้าปล่อยออกมาแข็งแกร่งขึ้น แต่กระบี่เหล็กไม่ได้รับผลกระทบเลย

ระหว่างทางทั้งสามคนไม่พูดคุยกันเลย ทุกครั้งที่แม่นางเก้อมองมาที่หวังหลินจะมีความหวาดกลัวอยู่ในสายตาด้วย ตอนนี้นางหวาดกลัวหวังหลินเข้าแล้วจริงๆ เขาจับภูติสวรรค์ของนางอย่างง่ายดายและสามารถก้าวไปบนโซ่ตรวนสายฟ้าได้อย่างปลอดภยั ทั้งหมดนั้นทำให้ความหวาดกลัวต่อหวังหลินยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะเมื่อนางพิจารณาว่าวิญญาณส่วนหนึ่งของนางตกอยู่ในกำมือเขา นั่นทำให้นางยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

นางคิดขึ้น ‘ข้าไม่ได้มีความขัดแย้งถึงตายกับเขา มันเป็นเพียงแค่ความขัดแย้งบางอย่างเท่านั้น เมื่อเขาเป็นผู้อาวุโส ตราบใดที่ข้ายังคงเชื่อฟังระหว่างทางและทำตามคำสั่ง ข้าก็สามารถรอดชีวิตไปได้’

ส่วนลี่หยวนนั้น เขาระงับความตื่นตระหนกเรื่องหวังหลินไว้ในใจและยืนอยู่ปลายกระบี่อย่างเงียบเชียบ เขายืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับเป็นเช่นนี้มาตลอด

เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนเหาะเหินไปในความว่างเปล่าเกือบสองเดือน แดนสวรรค์อัสนีกว้างใหญ่ไพศาลและในสองเดือนนี้พวกเขาไม่ได้เจอเซียนคนใดเลย ราวกับว่าในสองเดือนมีเพียงพวกเขาสามคนอยู่บนโลกนี้

การเดินทางอันน่าเบื่อทำให้แม่นางเก้อค่อนข้างประสาทเสีย อย่างไรก็ตามแต่ละครั้งที่นางอยากจะระบายอารมณ์บนลี่หยวน นางกลับเกิดความรู้สึกลึกลับอย่างบอกไม่ถูก เหตุการณ์แบบนี้ช่างเป็นอะไรที่คุ้นเคย

ความรู้สึกคุ้นเคยทำให้นางระงับอารมณ์ของตัวเอง แต่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าความรู้สึกคุ้นเคยนี้มันอะไร

“ข้ารู้สึกเหมือนเคยเจอฉากเหตุการณ์แบบนี้จากที่ไหนสักแห่งมาก่อน…” แม่นางเก้อใช้เวลาส่วนใหญ่ในการขบคิดถึงคำถาม

ณ วันนี้ยิ่งพวกเขาเดินทางมาไกล สายฟ้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เสียงคำรามสายฟ้าดังกึกก้องไม่มีที่สิ้นสุด สายฟ้าแพร่กระจายออกมาดุจมังกรหลากหลายตัวและกระจายไปทุกทิศทาง

หวังหลินรู้สึกถึงความไม่สบายใจจากสายฟ้านี้ได้เช่นกันและเขาเริ่มระมัดระวังตัวเพราะสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจไม่ใช่สายฟ้าแต่เป็นแรงสั่นสะเทือนที่ออกมาจากโซ่ตรวนสายฟ้า

แรงสั่นสะเทือนนี้มาจากด้านหน้า พวกมันทำให้โซ่ตรวนสายฟ้าสั่นเทาและส่งสายฟ้าแพร่กระจายออกมาทุกทิศทุกทาง

แม้กระทั่งม่านแสงรอบกระบี่เหล็กยังกระพริบวาบราวกับสามารถแตกสลายได้ทุกเวลา แม่นางเก้อตื่นตระหนักและเพิ่มการควบคุม ส่วนลี่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ขณะที่พวกเขาเคลื่อนตัวมาข้างหน้า การสั่นสะเทือนก็เพิ่มขึ้นอีก สายฟ้าดูเหมือนจะบรรจุกลิ่นอายรุนแรง แค่สัมผัสเล็กน้อยก็ทำให้เกิดสายฟ้าดังสนั่นแล้ว

หวังหลินยังคงขมวดคิ้ว สายตาระมัดระวังมากขึ้นไปอีก เขารู้สึกถึงเรื่องแย่ๆราวกับมีตัวตนที่น่าหวาดกลัวอยู่ข้างหน้า

“ผู้อาวุโส แม้ว่าผู้น้อยยังไม่เคยมาแดนสวรรค์ตรงหน้า ข้ารู้ว่าโซ่ตรวนที่เชื่อมกับอีกฝั่งไม่ควรจะสั่นไหวรุนแรง ผู้อาวุโส ดูตรงนั้นสิ!” ลี่หยวนชี้เข้าหาความว่างเปล่าทางด้านซ้าย ตรงปลายสุดขอบความว่างเปล่ามีแสงกระพริบเลือนลาง

“ผู้อาวุโส ที่นั่นก็มีโซ่ตรวนสายฟ้าอยู่เช่นกันแต่เรายังเห็นแสง ข้ากลัวว่าการสั่นสะเทือนไม่ใช่เพียงแค่โซ่ตรวนของเราแต่เป็นโซ่ตรวนส่วนใหญ่ในเขตแห่งนี้! ข้าคิดว่ากำลังมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้น!”

“เรา…เรากลับไหม? ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ผู้อาวุโสในตระกูลได้บอกว่าหากโซ่ตรวนที่เชื่อมกับเศษแดนสวรรค์กำลังสั่นสะเทือน นั่นหมายความว่า…หมายความว่าเศษชิ้นส่วนสวรรค์สองจุดกำลังพังทลาย!” ใบหน้านางซีดเผือดและสามารถสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนจากโซ่ตรวนได้เช่นเดียวกัน

แรงสั่นสะเทือนถี่มากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น แรงสั่นสะเทือนที่ปล่อยออกมานั้นน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

หวังหลินระมัดระวังตำแหน่งที่ลี่หยวนชี้ไปก่อนแล้ว หลังขบคิดอยู่เล็กน้อย เขามองตรงหน้าอย่างมืดมนและเอ่ยขึ้น “คำตอบอยู่ตรงหน้าพวกเรา ไม่มีเส้นทางให้ล่าถอยแล้ว ดังนั้นเราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้เห็นมัน”

ลี่หยวนพยักหน้า เขาก็มีความคิดนี้เช่นกัน ทั้งหมดเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้ การกลับหลังตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไร แม้ว่าเหล่าเซียนยังต้องระมัดระวังตัว เมื่อเผชิญกับเส้นทางที่ถอยกลับไม่ได้ พวกเขาจำเป็นต้องกล้าเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

ลี่หยวนมองสตรีสาวและอธิบาย “แม่นางเก้อ แม้ว่าการสั่นสะเทือนจะเกี่ยวข้องกับการที่เราเข้าไปลึกมากขึ้น แต่มันสายเกินไปแล้วที่จะล่าถอย!”

หวังหลินไม่ได้กล่าวอะไรอีก ร่างกายกระพริบวาลและเพิ่มความเร็วของตนเอง เขากระโดดข้ามทั้งสองคนและพุ่งตรงไปข้างหน้า

ลี่หยวนมองแผ่นหลังของหวังหลินและคิดขึ้นมา ‘ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งเต็มที่จริงๆ คนผู้นี้ไม่ธรรมดา! ความสามารถในการประเมินคนนั้นไม่ผิดพลาด! อาจกระทั่งสามารถเอาชนะเซียนขั้นมายาหยินได้ง่ายๆ!?’

หวังหลินพุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าตรงหน้าได้ไม่นาน สายตาพลันหรี่แคบและหยุดยั้งเอาไว้ เขาจ้องไปข้างหน้าและเห็นหมอกขนาดใหญ่ที่มีพลังปราณสวรรค์อยู่เต็มเปี่ยมกำลังแพร่กระจายออกมา หมอกนี้ไร้ขอบเขตและกีดขวางเส้นทางข้างหน้าทั้งหมด

ตอนนี้เมื่อกระบี่เหล็กมาถึง เมื่อลี่หยวนเห็นหมอกนี้เขาพลันตื่นตะลึง หลังจากมองอย่างละเอียดแล้วสีหน้าจึงเปลี่ยนไปและตะโกน “นี่มันกฏเกณฑ์!”

หวังหลินสังเกตได้ว่าหมอกนี้บรรจุร่องรอยของพลังแห่งกฏเกณฑ์ เขาเอ่ยทันที “เมื่อนี่มันเป็นกฏเกณฑ์ เจ้ามั่นใจว่าจะทำลายมันได้ไหม?”

ลี่หยวนขมวดคิ้วและมองมันอย่างละเอียด ดวงตาส่องประกาย “ข้าไม่มั่นใจ นี่ไม่ใช่กฏเกณฑ์แบบเดี่ยวแต่มีหลายกฏเกณฑ์รวมเข้าด้วยกันและพวกมันหยิบยืมพลังอำนาจแห่งสายฟ้าจากแดนสวรรค์อัสนีมาด้วย ใครกันที่กล้าวางกฏเกณฑ์แบบนี้ที่นี่กันนะ?!”

เขามีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดพร้อมกับตบกระเป๋านำเข็มทิศชิ้นหนึ่งขึ้นมา เขาสร้างผนึกในฝ่ามือขึ้นมาทำให้เข็มของมันหมุนไม่หยุด สายตาคาดคำนวณและส่องประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น จากนั้นชั่วครู่เข็มทิศในมือก็ระเบิดเป็นผุยผงและเลือนหายไป

“นี่คือกฏเกณฑ์สวรรค์ระดับกลางที่ใช้แดนสวรรค์อัสนีเป็นพื้นฐานพร้อมกับวิญญาณ 9,999 ดวงเป็นตาของค่ายกล มันสามารถสร้างค่ายกลไร้เทียมทานจนสามารถหลอมรวมทุกสิ่งในโลกได้!”

ขณะนั้นเสียงหัวเราะออกมาจากหมอกไกลๆ ตามมาด้วยชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากสายหมอก เขาถือบางอย่างในมือ มันคือโซ่ตรวนสายฟ้าหนึ่งสาย!

“เอ๋? การเจอเจ้าที่นี่ยืนยันได้ว่าเจ้าเป็นคนที่ต้องชะตากับข้าจริงๆ! ข้ากำลังจะหาเจ้าอยู่เลย แต่เจ้ามาด้วยตัวเอง เยี่ยม เยี่ยมมาก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version