Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 782

Cover Renegade Immortal 1

782. คุณสมบัติของขุนนางเทพระดับเก้า

เรื่องที่คนภายนอกไม่ทราบนั่นก็คือเหล่าตระกูลเซียนมีการจัดแบ่งกลุ่มกันคล้ายกับดาราจักรพันธมิตรเซียนซึ่งมีดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ดเป็นตัวตนสูงที่สุดที่แสดงให้เห็น

แคว้นเซียนระดับแปดหายากมาก ทั้งดาราจักรพันธมิตรเซียนมีแค่สามแห่ง ส่วนแคว้นเซียนระดับเก้าอันลึกลับนั้นมีแค่แห่งเดียวในดาราจักรพันธมิตรเซียน!

ตระกูลเซียนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าต่างก็มีการจัดแบ่งคล้ายๆกันนี้ ทว่าพวกเขาเน้นไปที่ประวัติศาสตร์มากกว่า มีเพียงแค่ตระกูลเซียนที่อยู่มานานที่สุดจึงจะกลายเป็นตัวตนน่าเกรงขามในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

ดาราจักรแห่งนี้ โดยทั่วไปแล้วตระกูลเซียนจะอยู่บนดาวเคราะห์เซียนหลักของเขตที่แตกต่างกันสี่แห่ง ความแข็งแกร่งของแต่ละตระกูลไม่ต่างกันมากนัก มีตระกูลเซียนอยู่สามถึงสี่ตระกูลอยู่แต่ละดาวเคราะห์

ตัวอย่างก็เช่นตระกูงถังและตระกูลจางต่างก็อยู่จุดสูงสุดบนดาวเคราะห์ตนเอง

เหนือตระกูลเหล่านี้ยังมีตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูลที่สืบทอดมาจากแดนสวรรค์ พวกเขาต่างก็ทรงอำนาจมากที่สุดในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

ย้อนรอยกลับไปยังรากของแต่ละตระกูล บรรพชนของสี่ตระกูลใหญ่นั้นคือเทพทั้งหมดในแดนสวรรค์อัสนีก่อนที่มันจะล่มสลาย ดังนั้นแล้วสถานะของตระกูลจึงไม่เป็นสองรองใคร

ในทำนองเดียวกันก็ยังมีอีกสองตระกูลที่เหนือล้ำกว่าสี่ตระกูลใหญ่ ปกติพวกเขาทำตัวไม่โดดเด่นแต่กลับเป็นอำนาจที่แท้จริงในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

พวกเขาสืบทอดเก่าแก่ยิ่งกว่าสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลเหล่านี้คงอยู่มาในอดีตกาลก่อนที่แดนสวรรค์จะล่มสลายและรอดพ้นหายนะมาได้ ตระกูลเหล่านี้สืบทอดมาจากโลกเซียนโบราณและมีอยู่หกตระกูลในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

ตระกูลเซี่ยงอันลี้ลับแห่งดาวตงหลินและตระกูลของลี่หยวนก็รวมอยู่ในหกตระกูลนี้ด้วย

ทว่าหลังกาลเวลาอันยาวนานผ่านไป หลายตระกูลที่สืบทอดมาจากโลกเซียนโบราณก็ทรุดโทรมลง ตระกูลลี่นับว่าเป็นตัวอย่าง นอกจากนี้ยังมีอีกสามตระกูลที่โดนไปด้วย ตอนนี้จึงเหลือรอดเพียงแค่สองตระกูลเท่านั้น!

เช่นเดียวกับดาราจักรพันธมิตรเซียนที่มีดาวเคราะห์เซียนระดับเก้า ดาราจักรทุกชั้นฟ้าก็มีตระกูลเซียนที่อยู่รอดมานานตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม

ตระกูลเซียนดั้งเดิมคือมหาอำนาจที่แท้จริงของดาราจักรทุกชั้นฟ้าและเป็นสิ่งที่ลึกลับอย่างยิ่ง

การที่มีตัวตนจากยุคดั้งเดิมมาจนถึงวันนี้ พลังแบบนั้นนับว่าน่าหวาดกลัว ซึ่งก็หมายความว่าตระกูลนี้ได้พบประสบการณ์การพัฒนาการบ่มเพาะจากยุคโบราณ พบเจอการล่มสลายของแดนสวรรค์ พบเจอการถือกำเนิดของอารามเทพอัสนี พวกเขาเจอการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

มีความเป็นไปได้มากว่าตระกูลที่คงอยู่มาตั้งแต่ยุคดั้งเดิมจะรู้เรื่องความลับของแดนสวรรค์โบราณ แค่วิชาของพวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะยืนล้ำเหนือดาราจักรทุกชั้นฟ้า

นอกจากดาวเคราะห์เซียนระดับแปดและระดับเก้าในดาราจักรพันธมิตรเซียน หวังหลินได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ขณะมาที่นี่ลี่หยวนก็บอกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลเซียน

ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินจึงสงบนิ่งยามเผชิญหน้ากับสี่ตระกูลใหญ่ที่สืบทอดมาจากแดนสวรรค์

ชายชราสองคนกำลังค้ำยันตราประทับเหนือตำหนักพร้อมกับครุ่นคิดเงียบๆ หนึ่งในนั้นยิ้มบิดเบี้ยวเอ่ยออกมา “การที่สหายเซียนมีวิชาและสมบัติแกร่งกล้าเช่นนี้ เจ้าไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม โปรดทิ้งชื่อเอาไว้!”

หวังหลินเอ่ย “ซิ่วมู่!”

ดวงตาชายชราหรี่แคบ “แม้น้องซิ่วไม่ได้บรรลุขั้นส่องสวรรค์ เราก็ไม่อาจหยุดเจ้าได้ เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าตำหนักของสะสม!”

ขณะที่เอ่ยจบ ชายชราด้านข้างมองหวังหลินและถามขึ้นทันที “สหายเซียนซิ่วมีความเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลิน?”

หวังหลินจ้องมองคนที่พูดประโยคนั้นด้วยสายตาเย็นชา

ชายชราลังเลก่อนที่ดวงตาส่องสว่างและเอ่ยออกมา “หากสหายเซียนไม่ได้มาจากตระกูลซิ่ว ข้าในนามตัวแทนของตระกูลเฉินจะขอเชิญชวนสหายเซียนให้กลายเป็นผู้อาวุโสไร้ตระกูลของเรา!”

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและเผยรอยยิ้มบาง

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เป้าหมายของข้าตอนนี้คือการเข้าไปในตำหนักของสะสม ข้าหวังว่าสหายเซียนทั้งสามจะยอมให้ข้าเข้าไป!” หวังหลินชำเลืองไปที่วิญญาณดั้งเดิมที่สูญเสียร่างกายเนื้อ

เซียนที่สูญเสียร่างกายถอนหายใจออกมาและรู้สึกสับสน ตอนที่เขาได้ยินคำพูดของหวังหลินจึงรู้ได้ว่าหวังหลินรอบรู้เรื่องราวกับเกี่ยวตำหนักของสะสม

ต้องเปิดตำหนักของสะสมเท่านั้นถึงจะให้ใครสักคนเข้าไปได้และมันจำเป็นต้องใช้อย่างน้อยสองคนจากสี่ตระกูลให้เปิดมัน

เรื่องถัดไปเป็นเรื่องง่ายดาย ทั้งสามคนร่วมกันเปิดประตูตำหนักของสะสม ทั้งสี่มุมสั่นเทาอย่างช้าๆและเขาทั้งสี่ค่อยๆสัมผัสใส่กัน

ลำแสงอ่อนๆปรากฏขึ้นมารูปร่างวงรีตรงจุดที่เขาทั้งสี่สัมผัสกัน

“สหายเซียนซิ่ว ตระกูลเฉินของข้าเข้าไปในตำหนักของสะสมหลายร้อยครั้งแล้ว แม้ว่าการได้รับวิชาเทพขึ้นอยู่กับโชคชะตาและทุกคนต่างก็เห็นอะไรแตกต่างกัน แต่มันไม่ได้สุ่มไปเสียหมดซะทีเดียว ยิ่งเจ้าอยู่นานเท่าไหร่ วิชาเทพที่เจ้าจะได้ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น”

หวังหลินพยักหน้าเล็กน้อย จากความทรงจำของสมาชิกตระกูลเหยา เขารู้ได้ว่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ไม่ได้มีพลังอำนาจที่จะวางกับดักข้างในตำหนักของสะสมหรอก

ยิ่งไปกว่านั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นมาคือสิ่งเดียวกับในความทรงจำของสมาชิกตระกูลเหยาคนนั้น หวังหลินไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเรียกสมบัติกลับมาและปรากฏตัวเบื้องหน้าประตู จากนั้นสูดหายใจลึกและก้าวไปข้างใน

หลังจากหวังหลินเข้าไปข้างใน ชายชราที่สูญเสียกายเนื้อจึงถอนหายใจ “หากเรารู้ว่าเขาทรงพลังเช่นนี้ เราคงไม่โจมตีและปล่อยให้เข้าไปข้างใน ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา ชั้นสูงที่สุดที่เข้าไปได้คือชั้นที่สี่เหมือนกับเรา”

“ชั้นที่สี่คือขีดจำกัดของเราแล้ว แต่วิชาและสมบัติวิเศษของเขาช่างแข็งแกร่ง เรามีระดับบ่มเพาะเท่ากันแต่เห็นได้ชัดว่าเขารั้งฝีมือเอาไว้ ข้ากลัวว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้เรื่องที่จำเป็นต้องให้เราเปิดตำหนักของสะสม เขาคงไม่ฆ่าแค่เราหนึ่งคนในการต่อสู้ก่อนหน้านี้”

ชายชราที่สูญเสียร่างกายพลันยิ้มบิดเบี้ยว “ใช่แน่นอน ข้าบอกได้ว่าเขาต้องการฆ่าสองคน หากไม่ใช่เพราะข้าหลบหนีได้เร็วพอ วิญญาณของข้าคงแตกสลายไปด้วย”

ชายชราจากตระกูลเฉินเอ่ยขึ้นมา “ช่างมันเถอะ พูดตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด? เมื่อเขาเข้าไปแล้วก็แล้วไป วิชาเทพที่ชั้นสี่เป็นขีดจำกัดของเขา ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับโชคชะตา”

ชายชราที่สูญเสียร่างกายถามขึ้นมา “ผู้อาวุโสเฉิน ท่านชวนคนผู้นั้นให้กลายเป็นผู้อาวุโสไร้ตระกูลในตระกูลเฉินจริงๆหรือ?”

ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้า “คนผู้นั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่ง ตระกูลเฉินของข้าต้องการคนเช่นเขา ดังนั้นเหล่าสหายเซียนโปรดอย่าแข่งขันกับข้า! หากคนผู้นี้กลายเป็นผู้อาวุโสไร้ตระกูลของตระกูลเฉินจริงๆ เช่นนั้นพวกท่านโปรดแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับสหายเซียนเหยา! ส่วนเรื่องร่างกายของสหายเซียนลิ่วนั้น ตระกูลเฉินของข้าจะชดเลยให้! สหายเซียนซ่ง ตระกูลเฉินข้าจะให้ของขวัญเจ้าด้วย! แน่นอนว่าเรื่องนี้อยู่ภายใต้ข้อตกลงที่เขาคนนั้นยอมเข้าตระกูลเฉินของข้า!”

ขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันนั้น หวังหลินก็มาถึงอวกาศอันลึกลับ รอบด้านปกคลุมอยู่ในหมอกสีเทา สัมผัสวิญญาณไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้ เสียงพึมพำเบาๆออกมาจากทุกทิศทางเข้าสู่หูหวังหลิน แต่เขาไม่อาจได้ยินชัดนักว่ากำลังพูดเรื่องอะไร

ชั่วขณะนั้นหมอกรอบด้านก็เริ่มเคลื่อนไหว มันเคลื่อนไหวรวดเร็วก่อตัวเป็นคลื่นสายหมอกเบื้องหน้าหวังหลิน พริบตาเดียวมันเปลี่ยนกลายเป็นคนผู้หนึ่ง

คนผู้นี้ถูกสร้างขึ้นจากหมอก เสื้อผ้าพร่ามัวแต่ใบหน้าเด่นชัด รูปลักษณ์ธรรมดาแต่มีกลิ่นอายแตกต่างจากเซียนไปมากนัก หลังจากปรากฏตัวขึ้นเขาก็มองหวังหลินด้วยความสงบนิ่ง จากนั้นยกแขนขวาขึ้นผลักฝ่ามือออกมาและสงบนิ่งไร้การเคลื่อนไหว

รูม่านตาหวังหลินหรี่แคบ เขารู้มาจากความทรงจำของตระกูลเยาว่าทุกคนมีกระบวนการไม่เหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่คล้ายกันในตอนเริ่มต้นนั่นก็คือการทดสอบระดับบ่มเพาะ

หลังขบคิดเล็กน้อย หวังหลินก้าวมาข้างหน้าและมาถึงเบื้องหน้าเขา ยกแขนขวาขึ้นมาประทับลงด้านกับฝ่ามืออีกฝ่าย

พลังลึกลับเข้าไปในร่างหวังหลินในพริบตา มันโคจรผ่านร่างกายหนึ่งครั้งก่อนจะออกไปและเอ่ยเสียงต่ำดังกึกก้อง

“มหาเทพระดับแปด! เจ้าสามารถเข้าไปในตำหนักของสะสมชั้นที่สี่ได้เพื่อทดสอบโชคชะตาแห่งวิชาเทพ!”

หวังหลินดึงแขนขวากลับมา ดวงตาส่องสว่างและพึมพำ “มหาเทพระดับแปด…ข้าสงสัยว่าระดับบ่มเพาะในหมู่เทพแบ่งกันได้อย่างไร ข้ายังไม่เคยบรรลุขั้นรูปธรรมหยางสงสุด เมื่อข้าบรรลุระดับสูงสุดจะเป็นเทพระดับใดกัน…”

ขณะนั้นคนที่เกิดขึ้นจากสายหมอกก็ค่อยๆหายไป หวังหลินรู้ว่าเมื่อมันหายไปอย่างสมบูรณ์ เขาจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ชั้นสี่และทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับโชคของเขา

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะโชคดีอย่างไรก็สามารถได้รับวิชาเทพจากชั้นที่สี่เพียงหนึ่งวิชาเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าตำหนักของสะสมมีกี่ชั้น แต่เห็นได้ชัดว่ายิ่งชั้นสูงขึ้นก็ยิ่งได้วิชาเทพคุณภาพดีขึ้น!

ยิ่งชั้นสูงที่สุด แม้แต่วิชาเทพที่พบได้ทั่วไปยังเป็นระดับชั้นยอดของชั้นที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตามการทดสอบระดับบ่มเพาะไม่สามารถหลอกกันได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นและตัวมันเองก็ถือเป็นโชคอย่างหนึ่ง

มีเพียงคนที่มีระดับบ่มเพาะทรงพลังเท่านั้นจึงจะได้รับวิชาเทพอันล้ำค่า หากระดับบ่มเพาะไม่สูงส่งเพียงพอคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงมัน

เมื่อเห็นว่าคนที่เกิดขึ้นจากสายหมอกกำลังหายไปอย่างสมบูรณ์ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและทันใดนั้นเกิดความคิดบ้าๆขึ้นมา จังหวะที่ความคิดนี้บังเกิด หัวใจเริ่มเต้นกระดอนและลำคอแห้งผาก

หวังหลินกัดฟันแน่นและปรากฏเจดีย์ในฝ่ามือ ดวงตาลดปล่อยแสงอันลึกลับใช้แขนซ้ายตีเข้าใส่เจดีย์ หญิงสาวชุดขาวพลันปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน

หวังหลินล่าถอยกลับไปสองสามก้าวและฝ่ามือสร้างผนึก ใช้พลังดั้งเดิมของตัวเองเพื่อควบคุมหญิงสาวให้ยกแขนขวาขึ้นมาสัมผัสกับฝ่ามือร่างที่กำลังหายไปคนนั้น

ในเสี้ยวพริบตานั้น ชายที่สร้างขึ้นจากสายหมอกก็แสดงอาการแตกสลาย ร่างกายสั่นเทาและหลังจากนั้นสักพักก็บังเกิดน้ำเสียงต่ำสะท้อนออกมา

“ขุนนางเทพระดับเก้า! ท่านสามารถเข้าไปในตำหนักของสะสมชั้นที่เก้าเพื่อตรวจสอบวิชาเทพ!”

สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กระชับหมัดเล็กน้อยและดึงหญิงสาวกลับเข้าไปในเจดีย์และเก็บใส่กระเป๋าทันที หัวใจกำลังเต้นรัว หายากยิ่งที่เขาจะเกิดความรู้สึกลิงโลดรุนแรงแบบนี้

“นี่มันแตกต่างกันมหาศาลระหว่างการได้รับวิชาเทพจากโชคชะตาและเลือกวิชาเทพด้วยตัวเอง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version