Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 784

Cover Renegade Immortal 1

784. ตำหนักของสะสม

เข็มเงินปรากฏเบื้องหน้าเซียนชื่อเฉิน เข็มแต่ละอันแผ่แสงสีน้ำเงินพร้อมกับฝ่ามือเริ่มสร้างผนึกขนาดใหญ่ ร่างมายาปรากฏขึ้นรอบตัว แต่ละร่างเต็มไปด้วยปรานสวรรค์ ชี้เข้าหาหวังหลินและเข็มก็พุ่งใส่แผ่นหลังหวังหลิน

เซียนซ่งผนึกรูปแบบหยินหยางบนฝ่ามือพร้อมกับสะบัดมันออกมา สายฟ้าแล่นวูบวาบเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิมอันแข็งแกร่ง พุ่งตรงเข้าหาหวังหลิน

เขาพุ่งออกไปตามตามหลังรูปแบบหยินหยาง ฝ่ามือขวาสร้างผนึกประหลาด พลันเกิดเส้นใยสีดำยาวขึ้น ส่งแรงกดดันทรงพลังและเกิดหมอกเขียวจำนวนมาก

คนสุดท้ายเป็นเซียนหญิงที่สูญเสียร่างกาย นางอ้าปากแล้วพ่นพัดผลึกแก้วออกจากปากและคว้าเอาไว้จากนั้นโยนออกไปและพ่นพลังดั้งเดิมออกมากลายเป็นมังกรหกตัวล้อมรอบหวังหลินเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีในทันที

ดวงตาทั้งสามคนแดงก่ำ พวกเขาต่างถือความคิดว่าจะต้องฆ่าหวังหลินเพื่อให้ได้วิชาเทพจากชั้นเก้ามา แต่ละคนต่างใช้วิชาเซียนและสมบัติวิเศษของตัวเองเข้ามาใกล้หวังหลิน ไม่นานพวกเขาก็เข้ามาใกล้พอ

หวังหลินยังคงอยู่ในภาวะมึนงง จิตใจยังคงนึกถึงฉากมหัศจรรย์ที่ได้เห็นพร้อมสายลม ในขณะที่ทั้งสามคนเข้ามาใกล้ หวังหลินจึงชี้นิ้วไปที่พวกเขาโดยไม่รู้ตัวและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “เรียกขานสายลม”

ขณะเอ่ยเช่นนั้นพลันเกิดสายลมสีดำออกมาจากฝ่ามือหวังหลิน สายลมขยายตัวล้อมรอบทั่วพื้นที่ทันที สายลมหนาวพัดผ่านไป ท้องฟ้ามืดมนราวกับมันกำลังถอยห่าง

ทั้งชิ้นส่วนแดนสวรรค์เริ่มสั่นสะเทือน กลิ่นอายทรงพลังแผ่ออกมาปกคลุมทั่วโลก ทั้งหมดนี้เกิดจากสายลมทมิฬ! เพราะวิชาเทพวิชานี้! ราวกับว่าโลกมีความทรงจำเกี่ยวกับวิชาเซียนบทนี้ ราวกับว่าท้องฟ้าเคยถูกโจมตีด้วยวิชานี้มาก่อน

ทันทีที่สายลมทมิฬปรากฏวิชาของจักรพรรดิเทพที่สูญหายไปเนิ่นนานได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!

มันพุ่งตรงเข้าหาเซียนทั้งสามด้านหลังหวังหลินโดยไม่มีความลังเล

ขณะที่เข็มเงินจากเซียนเฉินสัมผัสกับสายลมทมิฬ มันเกิดระเบิดขึ้นโดยไม่มีทางต่อต้าน ร่างมายาที่ตรงไปทางหวังหลินสลายหายไปราวกับเป็นเปลวไฟที่ถูกลมพัด

“นี่คือวิชาเทพจากชั้นเก้า!” แววตาของเซียนเฉินเผยความกลัว หนังศีรษะด้านชา ในความคิดเขา สายลมทมิฬกำลังจะกวาดชีวิตเขาออกไป เขาไม่สามารถต่อต้านได้ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอำนาจสวรรค์

เขาหันตัวหนีกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลและใช้เคลื่อนที่พริบตา อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีการใช้เคลื่อนพริบตามันก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อสายลมพัดมา ร่างกายเขาก็สั่นสะท้านและก็ใช้ก้าวพริบตาอีกครั้ง แววตาซีดจางลงและร่างกายแตกสลาย

วิญญาณดั้งเดิมของเขาเหมือนเปลวไฟที่ถูกดับด้วยสายลมทมิฬ…

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา นอกจากนั้นยังมีเซียนเฉินและเซียนซ่งก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน อักขระหยินหยางพังทลายลงพร้อมๆกับร่างของเขาในทันที เขารีบทิ้งร่างกายเอาไว้และหลบหนีอย่างรวดเร็ว มันน่าหวาดกลัวยิ่ง

ส่วนเซียนลิ่ว พัดในมือก็พังลงทันทีที่สัมผัสกับสายลมทมิฬ นางเป็นในร่างวิญญาณอยู่แล้ว จึงรีบหนีอย่างรวดเร็วและหวาดกลัวไปด้วย

ขณะนั้นสายลมมทิฬก็สูญหายไปราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แววตาหวังหลินไม่งุนงงอีกต่อไปและเผยความกระจ่างสดใส

“เช่นนั้นนี่คือวิชาเทพ” เรียกขานสายลม!” เขาสูดหายใจลึก ใบหน้าซีดจางพลันก้าวไปข้างหน้า ธงวิญญาณพันล้านดวงพุ่งออกมาจากกระเป๋าและปรากฏหมอกทมิฬแพร่กระจายไล่ตามเซียนลิ่วไป

ส่วนตัวเองแววตาเย็นชาขึ้นและพ่นทรายเม็ดหนึ่งออกมา กลายเป็นตราประทับไล่ตามเซียนซ่งไป มันไล่ตามทันในเสี้ยววินาทีและกระแทกใส่อย่างโหดเหี้ยม

เซียนซ่งกรีดร้อง วิญญาณดั้งเดิมปล่อยพลังดั้งเดิมออกมามากมาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและพยายามหนีต่อไป แต่แส้แห่งเวรกรรมปรากฏและลากเขาไปหาหวังหลิน

“สหายเซียนซิ่วโปรดเมตตา ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว!” หวังหลินบีบนิ้วโดยไม่สนใจเซียนซ่ง วิญญาณดั้งเดิมของเซียนซ่งพังทลายลงทันทีเปลี่ยนเป็นพลังดั้งเดิมและถูกหวังหลินดูดกลืนไป

พลังดั้งเดิมทรงพลังหมุนเวียนผ่านร่างกายหวังหลิน ใบหน้าไม่ซีดจางอีกต่อไป เขาสูดลมหายใจลึกและไล่ตามเซียนลิ่วที่ถูกขังไว้ในธงวิญญาณทันที

ยื่นมือออกไปฟาดแส้แห่งเวรกรรมใส่ในหมอกทมิฬหลายครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็เขย่าธงวิญญาณและจับวิญญาณดั้งเดิมดวงนั้นเอาไว้ ดวงตาหวังหลินเย็นชาพลันกระชากวิญญาณดั้งเดิมของเซียนลิ่วออกจากธงวิญญาณ

“หากเจ้าสังหารข้า ตระกูลลิ่วจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!!!” เซียนลิ่วกรีดร้อง แต่ก็เสียงก็หยุดลงทันทีที่หวังหลินบีบวิญญาณดั้งเดิมและดูดกลืนเข้าไป

ใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงซีดขาว หวังหลินเอื้อมมือไปยังธงวิญญาณและดึงวิญญาณดั้งเดิมของเซียนคนแรกที่เขาฆ่าที่นี่ออกมาอย่างไม่ลังเล

หลังจากบีบมันให้กลายเป็นพลังดั้งเดิม เขาก็ดูดกลืน

หลังจากได้ดูดกลืนวิญญาณดั้งเดิมของทั้งสามแล้วหวังหลินก็นั่งลงบ่มเพาะทันที

หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ยังมีร่องรอยของความหม่นหมอง หวังหลินลืมตาขึ้นและพ่นกลิ่นเหม็นออกจากปาก

ลมที่เขาพ่นออกมาเป็นสีดำซึ่งน่าตกใจอย่างยิ่ง

‘ช่างเป็นวิชาเทพที่ทรงพลังยิ่งนัก! ข้าทำความเข้าใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อใช้มันข้าก็ไม่สามารถควบคุมมันได้จริงๆ มันใช้พลังดั้งเดิมในปริมาณมากจนเกือบดูดพลังดั้งเดิมรอบขอบเขตจวี่ หากข้าฟื้นตัวไม่เร็วพอผลที่ตามมาก็คงไม่ดีนัก!’

‘แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ดูไม่เหมือนวิชาเทพ มันน่าจะเรียกได้ว่าเป็นวิชาปิศาจ! ทั้งยังใช้พลังดั้งเดิมมากเกินไป…การจะใช้มันข้าต้องเตรียมวิญญาณดั้งเดิมของเซียนขั้นหยินและหยางหลายคนไว้ก่อน’

หวังหลินยืนขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าของเซียนที่เขาฆ่า เขามองไปยังตำหนักของสะสมและกล่าวพึมพำ “น่าเสียดายที่ตำหนักแห่งนี้ไม่สามารถเอาออกไปได้…ไม่เช่นนั้นตระกูลใหญ่ทั้งสี่คงเอามันออกไปจากแดนสวรรค์ไปแล้ว แต่ข้าไม่ยอมทิ้งไว้ที่นี่ ถ้าหากสามารถนำมันออกไปได้ละก็…”

ในขณะที่เขาวิเคราะห์ ดวงตาของหวังหลินก็พลันสว่างขึ้นและเขาก็นึกถึงถ้อยคำที่ได้ยินในภาพวาด

“ปรมาจารย์อิสระจะวาดภาพเพื่อเปิดตำหนักของสะสมเป็นครั้งแรก…” ดวงตาหวังหลินพลันสว่างขึ้นนึกถึงผนึกฝ่ามือของเด็กชายใต้ต้นไม้

“ตอนที่ข้าใช้ผนึกนี้คราวก่อน รู้สึกได้ว่าศาลาสั่นสะเทือน…” หัวใจของหวังลินราวกับหยุดเต้นและเคลื่อนไหวมาถึงตำหนักของสะสมทันที

หวังหลินสูดลมหายใจลึก ฝ่ามือสร้างผนึกที่เรียนรู้จากเด็กน้อย วินาทีนั้นตำหนักของสะสมก็เริ่มส่องแสง เบื้องหน้าสายตาหวังหลิน ศาลาเริ่มหดเล็กลงและเล็กลงจนมีขนาดพอดีกับฝ่ามือและลอยมาอยู่ในฝ่ามือของหวังหลิน

ตำหนักสะสมอยู่ในกำมือหวังหลิน แม้หวังหลินจะมีความคิดจิตใจแข็งแกร่งก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความสุข!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version