Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 799

Cover Renegade Immortal 1

799. รีบออกไป 3

หวังหลินมองชายชุดน้ำเงินและถอนธงวิญญาณออกมาแล้วค่อยกลับไปยังชิ้นส่วนแดนสวรรค์ของตนเอง เหล่าเซียนทั้งหมดบนชิ้นส่วนต่างยืนขึ้นและมองเข้ามา

หลังจากร่อนลงบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ หวังหลินนั่งลงและชิ้นส่วนก็พุ่งตัวออกไป

ขณะที่หวังหลินนั่งลงเขาก็กลืนกินวิญญาณดั้งเดิมในมือ จากนั้นชี้มือขวาออกไปที่ท้องฟ้า “เรียกขานสายลม!”

สายลมทมิฬพลันปรากฏขึ้นมาเปลี่ยนเป็นมังกรดำพุ่งเข้าใส่ชายชุดน้ำเงิน ใบหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงทันทีและรีบหนี ทว่าชั่วขณะที่เจ้ามังกรดำอ้าปากออกมานั้นได้พ่นลมสายลมทมิฬเย็นเยือกออกมาด้วย

สายลมคำรามเต็มไปทั่วดินแดน ดวงตาชายชุดน้ำเงินหมองลงและแสดงอาการดิ้นรน ทว่าเขากลับไม่สังเกตเห็นรอยแยกอวกาศยาวสามสิบฟุตที่ปรากฏด้านหลัง ขณะล่าถอยจึงเข้าไปในรอยแยกนั้นตรงๆ

ร่างกายเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับเสียงคำรามแห่งความสิ้นหวัง สิ่งเดียวที่คงอยู่ตอนนั้นคือเสียงของเขาดังสะท้อนไปในความว่างเปล่า

ชิ้นส่วนของหวังหลินเหาะเหินออกไปพร้อมกับเหล่าเซียนจำนวนมากติดตามด้านหลังอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตามมาหรือคนที่อยู่บนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ พวกเขาต่างก็มองหวังหลินด้วยความกลัว

ผู้คนที่เห็นการต่อสู้ของหวังหลินกับชายผมขาวประหลาดต่างไม่ได้ตกใจที่หวังหลินสามารถฆ่าเซียนขั้นรูปธรรมหยางได้สามคน พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนที่ไม่เคยเห็นหวังหลินก่อนหน้านี้ต่างก็ตกใจ โดยเฉพาะคนที่ลังเลจะลงมือก่อนหน้านี้ต่างรู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้ว บางคนถึงกับต้องการขโมยชิ้นส่วนแดนสวรรค์จากหวังหลิน พวกเขารู้สึกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หลังเหตุการร์นี้ ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ต่างก็เงียบกริบ แรงกดดันที่สัมผัสไม่ได้ก่อตัวบนชิ้นส่วนแห่งนั้น นี่คือความเคารพและหวาดกลัวต่อบารมีที่หวังหลินปลดปล่อยออกมา

ชิ้นส่วนเหาะเหินเร็วขึ้นและเร็วมากขึ้น หลังผ่านไปอีกหลายชั่วโมง สายตาหวังหลินขมวดเข้าด้วยกันและเห็นปราณกระบี่เส้นหนึ่งอยู่ไกล คนที่อยู่ในลำแสงนั้นคือเฉินกงฮู่

ขณะที่เฉินกงฮู่เหาะเหินเขาพลันหันกลับมาและเห็นชิ้นส่วนพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นหวังหลิน สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและรีบเหาะเข้าหาทันที

เฉินกงฮู่หยุดลงเบื้องหน้าหวังหลินและเอ่ยด้วยความเคารพ “เฉินกงฮู่ขอคารวะนายท่าน!” สายตาที่มีต่อหวังหลินเต็มไปด้วยความนอบน้อม

หวังหลินเผยรอยยิ้มบาง เขาพยักหน้าและเอ่ยออกมา “นั่งลงข้างๆข้าและพาข้าไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายของอารามเทพอัสนี!”

เฉินกงฮู่ไม่ได้มองคนอื่นๆบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์เลย เขานั่งลงทันทีและเอ่ยออกมา “นายท่าน เราอยู่ไม่ไกลจากค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว!” ขณะเอ่ยขึ้นก็พลางชี้ไปเส้นทางข้างหน้า

ผู้คนบนชิ้นส่วนต่างตกใจกับสถานการณ์ มีคนบนนั้นรู้จักเฉินกงฮู่ เมื่อพวกเขาได้ยินหวังหลินถูกเรียกว่า “นายท่าน” ต่างก็เกิดความคิดของตัวเอง

ดวงตางดงามของซื่อจื่อเฟิงมองไปแผ่นหลังหวังหลิน ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับนึกอะไรบางอย่างออกมาได้

ขณะที่ชิ้นส่วนลอยผ่านความว่างเปล่า การล่มสลายของแดนสวรรค์อัสนีก็มาถึงจุดสูงสุด สายลมเย็นเยียบขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากรอยแยกอวกาศ

เสียงแตกร้าวของชิ้นส่วนที่กำลังพังทลายดังกึกก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้พื้นที่ชั้นในของแดนสวรรค์ ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ทั้งมิติเต็มไปด้วยรอยร้าว บางรอยแยกออกไปเชื่อมต่อกับรอยร้าวอื่นจนมีขนาดกว้างกว่าหนึ่งพันฟุต

หวังหลินควบคุมชิ้นส่วนแดนสวรรค์ด้วยสายตาเคร่งขรึม ขณะนั้นดวงตาพลันเบิกกว้างเมื่อชิ้นส่วนด้านล่างเขาเปลี่ยนไปและเหาะเหินเป็นวงโค้ง

ขณะที่เขาตีวงโค้ง รอยแยกขนาดสองพันฟุตปรากฏขึ้นมา เซียนหลายคนไม่อาจตอบสนองได้ทันและถูกรอยร้าวกลืนเข้าไปจนเกิดเสียงร้องให้ช่วยมากมาย

หวังหลินเพ่งสมาธิควบคุมชิ้นส่วนอย่างสมบูรณ์ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่น เขาควบคุมชิ้นส่วนให้หลีกเลี่ยงรอยร้าวขนาดใหญ่แต่สีหน้าก็ยิ่งมืดมนยิ่งขึ้น

หวังหลินถาม “อีกไกลแค่ไหน!?”

“น้อยกว่าห้าลี้” เฉินกงฮู่เคร่งเครียดเช่นกัน รอยร้าวเบื้องหน้าทำให้เขาหนังศีรษะด้านชาไปรอบนึง

หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยและหลีกเลี่ยงรอยร้าวอีกสองสามแห่ง พวกเขาค่อยๆเข้าใกล้ขึ้นจนหวังหลินสัมผัสถึงม่านแสงกว้างหมื่นฟุตได้ ซึ่งมีชิ้นส่วนแดนสวรรค์แห่งหนึ่งผสมอยู่ในม่านแสงแห่งนั้น

นอกจากนี้ยังมีค่ายกลและมีคนอีกหลายคนยืนอยู่ข้างในค่ายกล หนึ่งในนั้นคือจางกงเล่ย เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมจะเคลื่อนย้ายออกไป ยังมีผู้ส่งสาส์นข้างนอกค่ายกลอีกเจ็ดถึงแปดคน พวกเขาต่างดูเหมือนกำลังพูดคุยกันอยู่

ขณะนั้นพวกเขาคล้ายจะสังเกตบางอย่างได้และหันกลับมามองทิศทางของหวังหลิน มีคนหนึ่งยกแขนขึ้นและชี้อกไป เกิดพลังดั้งเดิมผันผวนแพร่กระจายออกมาจากม่านแสง

พลังดั้งเดิมรวมตัวกันเปลี่ยนกลายเป็นแขนยักษ์กวาดผ่านพื้นที่ในทันที รอยร้าวรอบๆม่านแสงเริ่มขยายตัวออกราวกับกำลังจะก่อตัวเป็นคูน้ำที่มิอาจข้ามผ่านได้

เมื่อพวกมันเชื่อมต่อกัน จะไม่มีใครสามารถข้ามผ่านมาถึงชิ้นส่วนแดนสวรรค์ใต้ม่านแสงได้!

“ไปซะ!” ในเวลาเดียวกัน ข้อความสัมผัสวิญญาณอันเยือกเย็นเต็มไปด้วยความไม่แยแสพลันดังสะท้อนออกมาจากความว่างเปล่า

ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบและใช้พลังดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกายเข้าสู่ชิ้นส่วนแห่งนั้น ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าเร่งความเร็วของชิ้นส่วนตัวเองขึ้นสองเท่าราวกับมันผสานเข้ากับโลก

ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ของหวังหลินพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งในพริบตา รอยร้าวทั้งหมดที่อยู่ในทางผ่านถูกบดขยี้ เหล่าเซียนด้านหลังต่างกัดฟันแน่นและไล่ตามหลังไม่คิดชีวิต

เส้นทางรอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว! ถ้าพวกเขาเข้าไปได้พวกเขาก็จะรอด ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะตาย!

ชิ้นส่วนของหวังหลินแทบทิ้งภาพติดตาไว้ด้านหลังพุ่งผ่านความว่างเปล่า เสียงดังสนั่นกึกก้องดุจอุกกาบาตพุ่งเข้าใส่ม่านแสง พยายามพุ่งไปถึงก่อนที่รอยแยกอวกาศจะเชื่อมต่อกัน

หวังหลินยืนขึ้นตบกระเป๋า กระบี่สวรรค์ปรากฏในมือ ยกกระบี่ขึ้นและผ่าลงมาด้านหลัง ครั้งนี้หวังหลินไม่ได้ผ่าลงมาแค่ครั้งเดียวแต่กลับผ่าถึงเก้าครั้ง!

ตัดสวรรค์เก้าลำแสงผสานกลายเป็นหน่งก่อเกิดเป็นกฏแห่งกระบี่ที่มิอาจจินตนาการได้ มันลอยออกไปกลายเป็นลำแสงสีดำและร่อนลงบนรอยแยกอวกาศที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน

ตู้มมมมมม!

แม้รอยแยกอวกาศได้เชื่อมต่อกัน ภายใต้อำนาจแห่งตัดสวรรค์ มันยังคงฉีกกระชากได้ รอยแยกอวกาศถูกฉีกเปิดออกและเปิดช่องว่างขึ้นในทันที

พลังอำนาจแห่งตัดสวรรค์ยังคงอยู่ มันลอยผ่านรอยแยกอวกาศและร่อนลงบนม่านแสงจนปรากฏคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นและทุกอย่างข้างในเกิดการบิดเบี้ยว

ในเวลาเดียวกันชิ้นส่วนของหวังหลินก็พุ่งเข้ามาข้างในพร้อมกับกองทัพหนึ่ง กระแทกเข้าใส่ม่านแสงดุจอุกกาบาตหลังโดนตัดสวรรค์เข้ากระแทกใส่

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้รอยแยกอวกาศใกล้เคียงปิดตัวลงทันที แม้แต่ผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีข้างในยังมองออกมา เมื่อจางกงเล่ยเห็นหวังหลิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หลังเสียงผ่านไปพลันก่อเกิดเสียงระเบิดแตกร้าวออกมาพร้อมกับรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนบนม่านแสงและยังแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเหล่าเซียนที่ตามหลังมาอย่างใกล้ชิดก็พุ่งผ่านช่องว่างไปด้วย

หวังหลินควบคุมชิ้นส่วนแดนสวรรค์ของตนเองให้ถอยกลับมาหลายสิบฟุต เหล่าเซียนใกล้เคียงทั้งหมดต่างเพ่งสมาธิไปบนชิ้นส่วนกลับกลายเป็นกระแทกใส่ม่านแสงอีกครั้ง

รอยร้าวอีกหลายแห่งปรากฏขึ้นมาบนม่านแสงและแพร่กระจายไปทุกที่ แสงจากม่านแสงยิ่งหมองลง

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ผู้ส่งสาส์นหนึ่งในนั้นมีสีหน้ามืดมน ร่างกายปกคลุมอยู่ในสายฟ้าพลันก้าวออกมาจากม่านแสง

“กล้าดีอะไรเช่นนี้ เจ้ากล้าพุ่งเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามของอารามเทพอัสนี!” เขาคลุมร่างตัวเองอยู่ในสายฟ้าพลันเดินออกมา ทว่าก่อนที่หวังหลินจะได้ทำอะไรอื่น เซียนหลายคนกระโจนออกจากชิ้นส่วนหวังหลินและเริ่มต่อสู้กับเขา

มีคนผู้หนึ่งต่อสู้กับผู้ส่งสาส์นคนนั้นรีบเอ่ยตะโกนออกมา “ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขา เราจะต่อกรเอง!”

หวังหลินพยักหน้าและให้ชิ้นส่วนล่าถอยเล็กน้อย คราวนี้เขาเตรียมการไว้สิบวินาที ทว่าไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น เหล่าเซียนทั้งหมดลอยออกมาจากชิ้นส่วนและกดฝ่ามือตัวเองใส่ลงไป

ทุกคนใช้พลังทั้งหมดของตัวเองผสานรวมกันภายใต้การชี้แนะของหวังหลินก่อนที่จะพุ่งออกไป พลังจากคนทั้งหมดก่อเกิดตัวเป็นปลายแหลมด้านหน้าชิ้นส่วนแดนสวรรค์

ชิ้นส่วนกระแทกใส่ม่านแสงจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ในที่สุดม่านแสงก็แตกสลาย

เศษม่านแสงนับไม่ถ้วนกระจายออกไปทั่วทุกที่และมีมากกว่าครึ่งกระแทกเข้าไปในชิ้นส่วนแดนสวรรค์ของผู้ส่งสาส์น เหล่าเซียนข้างในพุ่งตัวออกมาทันที ทันใดนั้นชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายต่างก็เต็มไปด้วยเหล่าเซียนที่หาทางรอดชีวิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version