Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 831

Cover Renegade Immortal 1

831. อสรพิษพิฆาตจันทร์

ทันทีที่ตระกูลเหยาและตระกูลเซียนอื่นๆเริ่มไล่ล่าหวังหลิน เขาก็มีความคิดที่จะยืมพลังของอสรพิษพิฆาตจันทร์ มันแข็งแกร่งและทิ้งความประทับใจลึกๆเอาไว้ในใจหวังหลิน

ถ้าอสรพิษตัวนี้โกรธขึ้นมา ตระกูลเหยาและตระกูลเซียนอื่นๆจะมีค่าอันใด?

หวังหลินเคลื่อนที่เร็วมากไม่สนว่าจะทำให้มันตื่นหรือไม่ พุ่งตรงไปตำแหน่งกระดูก

หวังหลินใช้เวลาไม่นานก่อนจะมาถึงภายในส่วนลึกและเห็นกระดูกครึ่งส่วนที่เหลือจากเมื่อตอนนั้นมาอยู่ที่นี่ เดิมทีหวังหลินต้องการเอามันมาทั้งหมดแต่ก็ถูกบังคับให้ยอมเหลือครึ่งส่วน

ดวงตาส่องสว่างและพึมพำ “ตอนนั้นเตาสมบัติของกรีดก็ถูกเจ้าอสรพิษตัวนี้กลืนกิน…”

เมื่อคิดถึงเตาขนาดใหญ่นั่น หัวใจหวังหลินเต้นกระดอน เขามั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่ามันเป็นสมบัติที่เทพโบราณตู่ซือปรับแต่งแต่ก็ถูกโยนทิ้งไปเพราะเขาไม่พอใจ

ถ้าเป็นเวลาอื่นหวังหลินคงไม่คิดเรื่องเตาหลอมนั่น เพราะอย่างไรอสรพิษตัวนี้ก็น่าหวาดกลัวเกินไป เมื่อมันตื่นขึ้นมาจะก่อเกิดหายนะใหญ่หลวง

ทว่าตอนนี้มีเซียนมากมายข้างนอกช่วยระบายความโกรธของมัน ดังนั้นหวังหลินจึงกัดฟันและตัดสินใจเลือก

ร่างกายกระพริบวูบวาบ เคลื่อนผ่านอสรพิษพิฆาตจันทร์แต่ก็ส่งสัมผัสวิญญาณออกมา หวังหลินรู้ว่าข้างในตัวอสรพิษไม่ได้ปลอดภัยและเต็มไปด้วยอสรพิษตัวน้อยๆหลายตัว ตอนที่เขาพยายามแงะกระดูกก่อนหน้านี้เขาก็วิ่งไปเจออสรพิษตัวเล็กๆตัวหนึ่งและใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะหนีออกมาได้

ขณะนี้เซียนมากมายล้อมรอบดวงดาว เซียนพวกนี้ต่างระมัดระวังเพราะรู้เรื่องความโหดเหี้ยมของซิ่วมู่เป็นอย่างดี ความโหดเหี้ยมนั้นสลักลึกลงกระดูกตลอดทางการไล่ล่าแต่ละคน

ถ้าพวกเขาประมาทไปเล็กน้อยคงตายไปแล้ว ตอนที่พวกเขาเห็นหวังหลินเข้าไปในดาวเคราะห์ สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือที่แห่งนี้มีบางอย่างแปลกประหลาด

นอกจากนี้ด้วยการสนทนาจากเซียนเขตเหนือ ทุกคนรู้ว่าดาวเคราะห์นี้คืออสูรลึกลับ!

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจากตระกูลเหยาพลันเย้ยหยันและจ้องอสรพิษพิฆาตจันทร์ด้วยความดูถูก “แม้มันจะเป็นอสูร แล้วไงเล่า! มันไม่มีความสามารถในการโจมตี ถึงแม้มันจะมี เราก็สามารถฆ่ามันได้ถ้าโจมตีด้วยกันทั้งหมด!”

มีอสูรดุร้ายมากมายบันทึกไว้ในตระกูลเหยา บางส่วนก็ดุร้ายมากกว่าเจ้าตัวนี้ แต่ท้ายที่สุดพวกมันก็ยังตายภายใต้การโจมตีรวมกันของเหล่าเทพ

เจ้าอสูรตัวนี้ไม่มีอยู่ในบันทึกของตระกูล นั่นหมายความว่ามันไม่เป็นภัยคุกคาม ไม่เช่นนั้นมันคงบันทึกสืบทอดมาจากตระกูลแล้ว

“การฆ่าอสูรตัวนี้ไม่ได้ยาก!” หยาหยุนไฮ่ถอนสายตา เขาเป็นสมาชิกตระกูลเหยารุ่นที่สาม แม้ระดับบ่มเพาะไม่สูงส่งซึ่งเป็นขั้นรูปธรรมหยางสูงสุดเท่านั้น เขาก็ยังภาคภูมิใจยิ่ง ในสายตาเขาอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้ไม่ได้มีค่าอะไร

เหยาปิงหยุนจ้องสายหมอกทมิฬที่เกิดจากอสรพิษ ดวงตาส่องสว่างและพุ่งตรงเข้าไปในหมอก เมื่อการเคลื่อนไหวของนางเป็นตัวนำทาง คนที่มีระดับบ่มเพาะทรงพลังทั้งหมดต่างก็พุ่งเข้าไปในสายหมอกขนานกับนางด้วย

เหยาหยุนไฮ่คือหนึ่งในนั้น เขายืนบนกระบี่เหินและลอยเข้าไปในสายหมอก

เหล่าเซียนพุ่งเข้าไปในสายหมอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนดวงตาส่องประกายเจิดจ้า แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปในสายหมอก หลังจากไม่พบอันตรายจึงพุ่งผ่านเข้าไป พอทะลวงหมอกออกมาได้สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือหนวดที่กำลังส่ายไปส่ายมานับไม่ถ้วน

เหตุการณ์นี้ทำให้คนที่พุ่งเข้ามาต้องตกตะลึง ทว่าทุกคนก็กระจายตัวกันค้นหาร่องรอยหวังหลิน บางส่วนเข้าไปในส่วนลึกของดวงดาวเพื่อค้นหาอีกด้วย

เหยาปิงหยุนร่อนลงบนพื้นดิน ก้าวเท้าและจมเข้าไปในพื้น ขณะที่นางเข้าไปข้างในพลันเกิดความรู้สึกแย่ ทุกสิ่งรอบตัววทำให้นางรู้สึกประหลาดยิ่งนัก

ยิ่งเข้าไปลึกขึ้นก็ยิ่งเกิดความรู้สึกนี้รุนแรงมากขึ้น

“นี่มันอสูรแบบไหนกัน…”

เหยาปิงหยุนไม่ใช่คนเดียวที่จมลงไปในพื้นดิน เหยาหยุนไฮ่ก็ลงไปเช่นกัน เขามุ่งตรงลงไปโดยไม่สนใจไยดี มีเซียนสองสามคนติดตามเขาไปด้วย

เหล่าเซียนไม่ได้เข้าไปในดาวเคราะห์ทั้งหมด พวกเขายังอยู่ข้างนอกอีกมากมาย ล้อมรอบดาวเอาไว้ ท่ามกลางพวกเขายังมีสมาชิกตระกูลเหยาที่มองดวงดาวด้วยสายตาเปล่งประกาย

ด้วยเซียนจำนวนมากที่เข้าไปในดาวเคราะห์จึงทำให้เกิดระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนดาว ระลอกคลื่นนี้อ่อนแอมาก ถ้าไม่ได้สนใจก็คงยากที่จะสังเกตเห็น แม้แต่คนที่อยู่ข้างในก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้ชัดเจน พวกเขารู้สึกว่าแรงกดดันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ทว่าระลอกคลื่นนี้ทำให้หวังหลินที่กำลังเคลื่อนไหวในตัวอสรพิษต้องหยุดชะงัก หวังหลินเผยรอยยิ้มน่าขนลึกและพึมพำ “มีสัญญาณการตื่นแล้ว! เจ้าอสรพิษตัวนี้ไม่ได้หลับไปนาน ดังนั้นด้วยแรงกระตุ้นเล็กน้อยนี้มันก็จะตื่นอีกสักพัก…มาให้ช่วยปลุกเจ้าตื่นเร็วขึ้น!”

หวังหลินสายตาเย็นชาพุ่งเข้าหาด้านบนของกระดูกอสรพิษ ที่นี่คือจุดประสาทสัมผัสของมัน ตอนนั้นเขาทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้มันตื่น แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างกัน

ขณะเคลื่อนไหว สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขามองขึ้นและดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร จากนั้นก็พุ่งขึ้นไป

เหยาหยุนไฮ่ใบหน้าโอหังใช้สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านพื้นที่รอบๆพร้อมกับพุ่งลงมา ทว่าขณะนั้นพลันปรากฏกลิ่นอายเย็นเยียบขึ้นทำให้สีหน้าเปลี่ยนไป เขาพลันหยุดชะงักและเซียนสองสามคนที่ไล่หลังก็มาทัน

รอยร้าวหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังเซียนพวกนั้นและมีกลิ่นอายเย็นเยียบโผล่ออกมาจากข้างใน อสรพิษพิฆาตจันทณ์ตัวหนึ่งยาวพันฟุตพุ่งออกมาดุจสายฟ้า หนวดจำนวนมากเคลื่อนไหวรอบร่างมันค่อนข้างน่าตกตะลึง

อสรพิษตัวนี้รวดเร็วเกินไป เมื่อมันโผล่ออกมามันก็กลืนกินเซียนคนหนึ่งเบื้องหน้าก่อนที่เขาจะมีเวลาตอบสนอง จากนั้นร่างกายมันก็กระแทกใส่อีกคน เซียนคนนั้นกระอักโลหิต แววตาหวาดกลัว วิญญาณหลุดออกจากร่างและลอยขึ้นไปบนผืนดิน

เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากและจบในเสี้ยววินาที รูม่านตาเหยาหยุนไฮ่หรี่แคบ เส้นผมบนร่างทั้งหมดตั้งชูชัน เขาล่าถอยโดยไม่ลังเล ฝ่ามือสองข้างสร้างผนึกและกำลังจะร่ายวิชาเซียน ทว่าขณะที่สมาธิกำลังตกอยู่กับอสรพิษเบื้องหน้า หวังหลินก็ปรากฏตัวจากพื้นด้านหลังเขา

ดัชนีหวังหลินร่อนลงประทับด้านหลังเหยาหยุนไฮ่ตรงๆ

เมื่อเหยาหยุนไฮ่รับรู้ได้มันก็สายเกินไปแล้ว เขาตัดสินใจทิ้งร่างกายและกำลังจะใช้วิญญาณดั้งเดิมหลบหนี ทว่าหวังหลินเตรียมการไว้แล้ว ขณะนั้นแขนขวาเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิมยื่นมืออกไป

ขณะที่เหยาหยุนไฮ่กำลังจะต่อต้าน แส้แห่งเวรกรรมฟาดออกไปทำให้เหยาหยุนไฮ่กรีดร้อง หวังหลินไม่เสียเวลาอันใด เตะร่างเหยาหยุนไฮ่พร้อมทั้งส่งพลังดั้งเดิมขนาดใหญ่เข้าไปด้วย

ร่างเหยาหยุนไฮ่ระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต ก่อเกิดคลื่นพลังดั้งเดิมกระแทกอสรพิษตัวนั้นกลับไปเล็กน้อย จากนั้นหวังหลินก็ยืมพลังนี้และหายตัวไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version