Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 884

Cover Renegade Immortal 1

884. พลังชีวิต

พื้นดินสั่นเทา หวังหลินสัมผัสคลื่นพลังหนึ่งกำลังออกมาจากใต้ดิน พื้นผิวดินสั่นเทาก็เกิดจากคลื่นพลังนี้

คลื่นทรงพลังยิ่ง เมื่อมันมาถึงผิวดินทำให้ทั้งดาวสั่นไหวรุนแรง

“มีเรื่องอะไร…” น้ำเสียงสงบนิ่งดังสะท้อนฟ้าดิน จากนั้นกลิ่นอายโบราณเติมเต็มไปทั่วบริเวณราวกับเสียงนี้ไม่ได้มาจากด้านล่างแต่มาจากความว่างเปล่าและผ่านช่วงเวลา น้ำเสียงราวกับออกมาจากโลกแห่งเซียนโบราณเมื่อหลายพันหลายหมื่นปีก่อน

ดวงตาขวาฉิงชุ่ยกระพริบแสงสีแดง เขามองลงไปพื้นดินด้านหน้าแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนอันใด

ผู้เฒ่าเซี่ยงกล่าวด้วยความเคารพ “การต่อสู้ระหว่างดาราจักรทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียนเริ่มขึ้นแล้ว คนผู้นี้ได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันตำแหน่งเทพและได้รับคำสัญญาจากตระกูลเซี่ยงของเรา ทว่าสิ่งที่เขาขอเป็นสิ่งที่ผู้น้อยมิอาจทำได้ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสยินดีจะใช้วิชาเจ็ดยามเย็น!”

หลังเซี่ยงหยุนตงกล่าวจบ หวังหลินรู้สึกถึงสัมผัสวิญญาณเหนือจินตนาการจับจ้องมาที่เขา ช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง หวังหลินบังคับตัวเองไม่ให้ล่าถอย สงบนิ่งให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

สัมผัสวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไปแต่มันไม่อาจมองทะลุเขาออกอย่างปรุโปร่ง วินาทีนี้เสี้ยวต้นตอพลังดั้งเดิมจากตาที่สามก็แพร่กระจายออกมาในร่างกาย

สัมผัสวิญญาณตรวจสอบเขาอีกครั้งและถอยกลับอย่างรวดเร็ว

“ให้เขาลงมาด้วยตัวเอง!” น้ำเสียงโบราณดังสะท้อน จากนั้นเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากพื้นดินเบื้องหน้า บนพื้นเปิดช่องว่างหนึ่งเป็นห้วยลึก

เซี่ยงหยุนตงพยักหน้าอย่างรวดเร็วและหันกลับมามองหวังหลิน เดิมทีเขามั่นใจเพียงแค่ห้าในสิบส่วน อีกทั้งบรรพชนมีความคิดประหลาดๆ บรรพชนอาจจะไม่สนใจเรื่องสัญญาจากการแข่งขันตำแหน่งเทพ

ตอนนี้นั้นบรรพชนยอมตกลงแล้ว เซี่ยงหยุนตงยิ้มและเอ่ยขึ้น “ซิ่วมู่ลงไป ข้าจะรอเจ้าที่นี่”

หวังหลินพยักหน้าและมองไปที่ฉิงชุ่ย

ตาขวาฉิงชุ่ยส่องประกายสีแดงเจิดจรัส เขากล่าวอย่างสงบนิ่ง “หากมีใครกล้าทำร้ายเจ้า เมื่อนั้นสายธารโลหิตจากคนตระกูลเซี่ยงจะไหลนองบนดาวตงหลิน” แม้น้ำเสียงแจ่มใสแต่กลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร เซี่ยงหยุนตงขมวดคิ้ว ทำได้แค่เพียงยิ้มบิดเบี้ยวเงียบๆ

หวังหลินเผยความกตัญญูรู้คุณ ในชีวิตเขามีคนไม่มากนักที่เขากตัญญูด้วย ซื่อถูหนาน โจวยี่ ตุ้นเทียน…และตอนนี้ฉิงชุ่ย!

หวังหลินสูดหายใจลึก คำนับฝ่ามือใส่ฉิงชุ่ยและเซี่ยงหยุนตง จากนั้นหันกลับมาเดินเข้าไปในร่องธาร!

ร่องธารนี้ใหญ่มาก หวังหลินเดินลงไปอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า กำแพงเรียบเนียนแต่ไม่มีสัญญาณชีวิตข้างใน ทว่าลำห้วยแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

ยิ่งลงไปเรื่อยๆ กลิ่นอายแห่งความตายก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ท้ายที่สุดกลิ่นอายก็ล้อมรอบบริเวณและเกือบเปลี่ยนกลายเป็นรูปร่าง ทำให้หวังหลินรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

เขารู้สึกเหมือนเป็นเปลวเพลิงเล็กๆที่ถูกสายลมเย็นห่อหุ้มเอาไว้ แตกดับได้ทุกเมื่อจากสายลมเย็น

กลิ่นอายแห่งความตายค่อยๆรุนแรงและเจาะทะลุเข้าไปในร่างหวังหลิน หากเป็นคนอื่นคงตัวแข็งทื่อ ชีวิตตกอยู่ในอันตราย

ทว่าหวังหลินฝึกฝนเขตแดนแห่งชีวิตและความตายมาตอนที่เขาอยู่ระดับขั้นแรก ในช่วงการฝึกฝนแรกเริ่มหวังหลินก็ฝึกฝนวิถีเซียนนรก ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับกลิ่นอายแห่งความตาย

ณ ตอนนี้พลังดั้งเดิมเขาโคจรไปมา ปลาหยินหยางเริ่มหมุนวนรอบตัว กลิ่นอายแห่งความตายถูกผลักออกไปจนเขาไม่ได้ถูกมันทำร้ายบาดเจ็บสาหัส

ล้ำห้วยแห่งนี้ลึกมากราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด หวังหลินเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วแต่กระนั้นผ่านไปเจ็ดนาทีเขาก็ยังไม่เห็นปลายทาง โคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายด้วยสีหน้าสงบนิ่งและกระตุ้นเขตแดนแห่งเวรกรรม

หลังผ่านไปอีกสักพัก ขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายหนาหน่น กระทั่งปลาหยินหยางก็ยังได้รับผลกระทบและชะลอตัวลง ทว่าวินาทีนั้นร่างกายหวังหลินสั่นเทาเมื่อเหยียบไปบนพื้น

สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาคืออุโมงค์แห่งหนึ่ง อุโมงค์แห่งนี้มืดมิดไร้แสงไฟ กระทั่งด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินเองก็ยังไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน เขาเห็นแต่เพียงเส้นผิวขรุขระเท่านั้น

“มานี่!” น้ำเสียงโบราณดังกึกก้องในอุโมงค์เงียงสงัดและให้ความรู้สึกประหลาด หวังหลินขบคิดชั่วครู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเดินไปบนเส้นทาง

อุโมงค์นี้ไม่ได้ยาวนัก หลังจากเดินมาได้เจ็ดนาทีหวังหลินก็มาถึงปลายหลุม สิ่งที่เขาเห็นทำให้รูม่านตาหดลงทันที!

กะโหลกมนุษย์!

กะโหลกมนุษย์ทับซ้อนกันอย่างหนาแน่นนับไม่ถ้วน!

ปลายสุดอุโมงค์มีพื้นที่กว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตามีแต่เพียงกะโหลกที่ปลดปล่อยเย็นเยียบหนาแน่น

ทุกสิ่งเบื้องหน้าเขาคือทะเลกะโหลกมนุษย์!

แม้ความคิดจิตใจหวังหลินจะแข็งแกร่ง ศีรษะก็ยังด้านชา อดไม่ได้ที่จะถอยไปสองก้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ที่นี่มีกะโหลกมนุษย์มากมายเกินไป มากเกินกว่าจะนับได้ ใครก็ตามที่ได้เห็นจิตใจคงสั่นเทา กลิ่นอายแห่งความตายอันหนาแน่นก่อตัวเป็นพายุพัดผ่านทะเลกะโหลกมนุษย์เหล่านี้

ภายใต้ผลกระทบจากกลิ่นอายความตาย หวังหลินรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก แววตาหวาดกลัวถึงขีดสุด

ภายในพายุ ณ ใจกลางทะเลกะโหลกมนุษย์ มีแท่นก่อด้วยมือซึ่งมีโลงศพสีเหลืองอยู่บนนั้น โลงศพไม้มีแผลกัดแต่กลับมีกลิ่นอายบ้าคลั่งออกมาจากมัน

“เจ้าชื่ออะไร?” น้ำเสียงโบราณดังออกมาจากโลงศพและสะท้อนอยู่ในพื้นที่

หวังหลินสูดหายใจลึกพลางระงับความตกใจและกลิ่นอายหนักหน่วง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยซิ่วมู่ขอคารวะผู้อาวุโส!”

“เจ้าใช่ไหมที่ต้องการให้ข้าใช้วิชาเจ็ดยามเย็น?” มิอาจบอกได้ว่าเจ้าของเสียงโกรธหรือยินดีแต่มีแรงกดดันล้อมรอบบริเวณด้วย

หวังหลินสงบจิตใจและตอบกลับไป “ครับ!”

“ข้าช่วยเจ้าได้ แต่ว่าแค่สัญญาจากตระกูลเซี่ยงยังไม่พอ ข้าต้องการพลังชีวิตเจ้าครึ่งนึง!”

น้ำเสียงโบราณเปลี่ยนกลายเป็นสัมผัสวิญญาณ วินาทีที่มันแพร่กระจายออกมาทำให้กลิ่นอายในบริเวณรอบด้านหนาแน่นขึ้นไปอีก

กระทั่งกะโหลกมนุษย์ในทะเลยังเริ่มเคลื่อนไหว กะโหลกนับไม่ถ้วนส่องแสงชั่วร้ายออกมาภายในตา

ฉากเหตุการณ์นี้ประหลาดเกินไป ในสายตาหวังหลินมันราวกับกะโหลกทุกหัวลืมตาขึ้นมามีวิญญาณอยู่ข้างใน สายตาทุกดวงรวมกันจ้องไปที่ร่างเขา

วินาทีนั้นสายตาที่มิอาจประมาณได้ตกลงมาหาเขา พลังชีวิตในร่างหวังหลินพังทลายและหายไป เส้นผมครึ่งนึงของเขาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวดุจหิมะ

รูปร่างหวังหลินแก่ชราขึ้นทันทีด้วยตาเปล่า เปลี่ยนจากชายหนุ่มเป็นวัยกลางคน

สัมผัสแห่งความอ่อนแอที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนพลันปรากฏขึ้นในจิตใจหวังหลิน แม้ระดับบ่มเพาะไม่ได้รับผลกระทบแต่ความรู้สึกอ่อนแอนี้ไม่จางหายไป

น้ำเสียงบรรพชนตระกูลเซี่ยงค่อยๆเอื้อนเอ่ยออกมา “นำคนที่เจ้าต้องการให้ช่วยออกมา!”

หวังหลินขบคิดชั่วครู่ก่อนจะตบกระเป๋านำวิญญาณแรกกำเนิดซึ่งถูกผนึกด้วยทรงกลมกฏเกณฑ์ออกมา ทว่าก่อนที่มันจะตกลงไปในมือหวังหลิน กลิ่นอายแห่งความตายกดขี่พุ่งเข้ามารับทรงกลมกลับเข้าไปในใจกลางพายุความตาย

วินาทีนั้นหวังหลินลืมเลือนทุกสิ่ง ลืมแม้กระทั่งความห่างชั้นระหว่างทั้งสองคน แววตาเปลี่ยนเป็นแดงฉาน แสงสีแดงออกมาจากตาที่สาม

“ท่านกำลังจะทำอะไร!?!” หลังกลิ่นอายแห่งความตายห่อหุ้มรอบลี่มู่หวาน หวังหลินร้องคำรามพลางพุ่งออกไป

โลงศพพ่นลมหายใจเย็นออกมา กลิ่นอายแห่งความตายอีกหนึ่งสายพุ่งใส่หวังหลิน วินาทีนั้นหวังหลินบ้าคลั่งไปแล้ว เปิดตาที่สามโดยไม่ลังเล แสงสีแดงแผ่ออกมาและร่อนลงใส่กลิ่นอายแห่งความตายซึ่งมีเป้าหมายหาหวังหลิน

กลิ่นอายแห่งความตายแตกสลายทันที หวังหลินเคลื่อนร่างดุจสายฟ้าเข้าหาทรงกลมกฏเกณฑ์ซึ่งมีลี่มู่หวานอยู่ข้างใน!

“หนวดหู ข้าดึงพลังชีวิตเจ้ามาครึ่งส่วนและเอามาใช้กับวิชาเจ็ดยามเย็น!” น้ำเสียงดังสะท้อน ร่างหวังหลินหยุดลง จ้องโลงศพเบื้องหน้า ดวงตาเผยความเย็นเยียบ

ทรงกลมกฏเกรฑ์รอบลี่มู่หวานแตกสลายภายใต้กลิ่นอายแห่งความตาย หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดในใจ วิญญาณลี่มู่หวานลอยขึ้นกลางอากาศโดยไม่ได้บาดเจ็บ

“เช่นนั้นเจ้ามาก็เพื่อเปลี่ยนวิญญาณที่สูญเสียพลังชีวิตและถูกยัดเหยียดให้อยู่ต่อ! ไม่สงสัยเลยว่าเจ้ามาหาข้าเพื่อใช้วิชาเจ็ดยามเย็น!”

หวังหลินขบคิดเงียบๆและมองโลงศพตรงหน้า

“อย่างไรเสียถ้าข้ามีพลังเต็มเปี่ยมและใช้วิชาเจ็ดยายามเย็น ข้าสามารถทำให้มันฟื้นคืนกลับมาได้ แม้แต่การปลุกนาง ข้าก็ทำได้ ทว่าตอนนี้ข้ามั่นใจเพียงสามในสิบส่วนเท่านั้น!” ขณะพูดขึ้นมา ทะเลกะโหลกมีดวงตาหลายดวงส่องสว่างขึ้น จากนั้นกลิ่นอายแห่งความตายห่อหุ้มรอบหวังหลิน

หวังหลินไม่ได้ต่อต้าน มันถึงพลังชีวิตออกมาจากเขาซึ่งก็คืออายุขัย!

ขณะที่พลังชีวิตเขาหายไป เส้นผมเปลี่ยนเป็นขาวโพลนและหลุดลง ร่างกายค่อยๆแห้งเหี่ยว ผิวหนังเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น

ใบหน้าค่อยๆแก่ขึ้นจากชายวัยกลางคนจนกลายเป็นชายชราโดยมีรูปลักษณ์เดิมซ่อนเอาไว้ในใบหน้าอย่างเบาบาง

ดวงตาหวังหลินหมองหม่น ความอ่อนแอเพิ่มขึ้นหลายเท่า กระทั่งรู้สึกว่ามีบางอย่างเรียกหาเขาจากความว่างเปล่า

ราวกับมีพลังสายหนึ่งกำลังโบกมือให้เขาและต้องการพาเขาไปด้วย

หลังจากฝึกเซียนมาเกินกว่าพันปี หวังหลินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพลังนี้คืออะไร…นี่คือวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ของสวรรค์ เขาไม่ได้มีอายุขัยเหลืออยู่มากนักและวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่นี้จึงเรียกหาเขา เช่นเดียวกับที่เกิดกับลี่มู่หวาน เมื่ออายุขัยเขาหมดลง เขาก็จะตาย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version