91. สุดยอดพลังปราณหยิน
เถิงฮว่าหยวนก้าวอย่างระวังผ่านเข้ามาในป่าขณะที่ปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาทันใดนั้นใบหน้าเขาสว่างขึ้นเมื่อพบหวังหลินแต่เมื่อกำลังจะเคลื่อนย้ายระยะไกล ลมหอบหนึ่งอันน่าขุนลุกพัดหอบมาตามมาด้วยเสียงโศกเศร้า
“ออกไปจากที่นี่ซะ!”
เถิงฮว่าหยวนเปลี่ยนไปทันที รีบถอยหลังโดยไม่ต้องคิดและมองไปรอบๆ
เขาเพียงมองหมอกมืดกำลังลอยเข้ามาหาไกลลิบๆหมอกมืดนั่นล้อมรอบไปด้วยลมอันน่าขนลุกมือแห้งเหี่ยวโผล่ออกมาจากหมอกมืดและพุ่งเข้าหาเถิงฮว่าหยวน
เถิงฮว่าหยวนตรวจสอบหมอกนี้ด้วยสัมผัสวิญญาณและตกใจ ระดับพลังฝึกตนของคนผู้นี้อยู่ขั้นผลิดอกระดับกลาง นั่นทำให้เขาถอยหลังอีกครั้ง
มือเหี่ยวนั้นกวาดวาบ มือยักษ์ข้างหนึ่งปรากฎและกำลังจะจับตัวเถิงฮว่าหยวน
เถิงฮว่าหยวนยิ้มขึ้น เขาหน้ากลับและวิ่งหนีโดยไม่ลังเลเพราะว่าเซียนขั้นผลิดอกระดับกลางไม่ใช่เรื่องที่เขาจะตอแยได้เขารู้ว่ามีเซียนที่แข็งแกร่งที่นี่แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเซียนขั้นผลิดอกระดับกลาง
เถิงฮว่าหยวนหายตัวไปราวกับกระพริบตา มือยักษ์ข้างนั้นปล่อยไอเย็นเฉียบและหายไปเช่นกัน
เถิงฮซ่าหยวนปรากฎในท้องฟ้าด้านนอกป่า สีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อมือยักษ์ได้ปรากฎเงียบๆด้านหลังเขาและจะจับเขาอย่างโหดเหี้ยม
เถิงฮว่าหยวนลอบคร่ำครวญ เขารีบหยิบหนังสัตว์ออกมาชิ้นหนึ่งอย่างรวดเร็วเขาชี้ไปที่มือนั้นและแผ่นหนังสัตว์ได้ห่อตัวเขาและเคลื่อนย้ายห่างไปหลบหนีมือยักษ์ได้อย่างฉิวเฉียด
แม้เขาจะหลบหนีได้ ก็ยังโดนตีด้วยนิ้วมือยักษ์นั้นเขาไออกมาเป็นเลือดและใบหน้าเริ่มจะเซีดเผือดแต่ต้องรีบหนีออกมาโดยไม่หันกลับไปมอง
หมอกสีดำปรากฎในอากาศ พวกมันได้หดตัวลงอย่างช้าๆจนปรากฎเป็นร่างคนหนึ่งร่างนั้นแห้งเหือดและดูเหมือนเหลือแต่กระดูดเขามองตรงไปทางที่เถิงฮว่าหยวนหนีไป แต่ทว่าไม่ได้ไล่ตามและกลับเข้าไปในป่า
เขาเหินกลับไปรอบๆอย่างใจเย็นขณะที่มองหาอะไรบางอย่างไม่นานหลังจากนั้นเขาก็หยุดบนพื้นที่เปิดแห่งหนึ่งจ้องไปที่พื้นโดยไร้อารมณ์ใดๆ จากนั้นกระแทกพื้นด้วยมือเป็นเสียงดังปังรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฎบนพื้นทันที
ขณะที่รอยแตกปรากฎขึ้นเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังออกมาจากพื้นขณะที่ร่างมืดทมึนได้เหินออกมาพยายามหนีร่างแห้งเหือดนั้นปล่อยไอเย็นเฉียบและครอบพื้นที่ด้วยกรงขังอันหนึ่งร่างมืดนั้นตีเข้ากับกรงขังและโดนสะท้อนกลับ มันไม่ได้พยายามวิ่งหนีไปอีกแต่คุกเข่าลงและเริ่มหงุดหงิด
ร่างแห้งเหือดพูดอย่างช้าๆ “หลังจากไม่ได้เจอข้ามาร้อยปีไม่คิดว่าร่างของนายท่านจะกลายเป็นซอมบี้และมีวิญญาณเป็นของตัวเองเช่นนั้นเจ้ายังถือเป็นคนในยุคของข้าดังนั้นข้าจะให้เจ้ามีชีวิตต่อไปแต่เจ้าต้องติดต่อนายท่านเพื่อช่วยข้าตามหาเขา”
ร่างซอมบี้พยักหน้าอย่างรวดเร็วขณะที่จ้องชายแห้งเหือดนั้นด้วยแววตาหวาดกลัว
ร่างแห้งเหี่ยวโบกมือตัวเองและกรงขังก็หายไปเขาจ้องไปที่ซอมบี้และพูดด้วยเสียงมืดมน “มาสิ นำข้าไปหานายท่านหากเจ้าช่วยข้าหาวิญญาณขั้นผลิดอกของนายท่านได้เมื่อนั้นที่ข้ากลืนมันและเป็นอิสระ ข้าจะช่วยเจ้าให้กลายร่างเป็นมาร”
ซอมบี้ตัวนั้นตื่นตัวและเผยใบหน้าปิติยินดี มันพยักหน้ารวดเร็วและวิ่งเข้าไปในป่า
ชายคนนั้นเดินตามเข้าไปอย่างลำพัง
ขณะเดียวกัน ที่ไหนสักที่ในซากปรักหักพังที่ไม่มีแสงส่องถึง ร่างชายผิวสีฟ้ามองไปทิศทางที่หวังหลินอยู่ด้วยแววตาเอ๋อ
ส่วนหวังหลิน แม้ว่าเขาจะดูดซับพลังหยินจำนวนมาก ทั้งหมดคุณภาพดีอันดับ 6 หรืออันดับ 7 ด้วยคุณภาพนี้ ไม่ว่าเขาจะดูดซับไปมากเท่าไหร่พลังวิญญาณของเขาก็เปลี่ยนไปไม่มากพอและไม่นานพอที่จะให้เขาทำการทะลวงผ่านขั้นได้หวังหลินหันไปจ้องที่ซากปรักหักพังที่ลึกขึ้น เป้าหมายของเขาอยู่บนนั้น!
เขาตัดสินใจสำรวจเล็กน้อยและหาสถานที่ที่มีพลังหยินคุณภาพสูงที่สุดอยู่
ยิ่งคุณภาพสูงเท่าไหร่ โอกาสสำเร็จในการทะลวงขั้นก็สูงเท่านั้น
เวลาเที่ยงคืนของวันนี้ได้มาถึง มือของหวังหลินสร้างเป็นผนึกวิชาค้นหาพลังหยินขณะที่เขาเดินผ่านเข้าไปในซากปรักหักพัง
พลังจากเดินเข้าไปไกลสักหน่อย แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น เสียงป๊อป มันแบ่งออกเป็นสองลูก
ขณะที่แสงสีแดงแบ่งออกเป็นสองนั้น หวังหลินเผยความสุข เขารู้ว่านั่นหมายถึงพลังหยินได้ทะลุผ่านจากคุณภาพทั่วไปและกลายเป็นคุณภาพดี
ขณะที่ก้าวเดินเข้าไปข้างหน้า แสงสีแดงสองเส้นได้เติบโตขึ้นขณะที่ระดับได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
คุณภาพดีอันดับ 2 อันดับ 3….จนถึงอันดับ 5 หวังหลินก็หยุดลงก่อนที่เขาจะอยู่บนถนนกว้างที่มีซากปรักหักพังทั้งสองด้านเห็นได้ชัดว่ามันผ่านมาอย่างยาวนาน นี่เป็นพื้นที่ที่มีประชากรเยอะมาก
หวังหลินคำนวนระยะทางเล็กน้อยและสังเกตได้ว่าเขายังเดินเข้ามาไม่ถึงหนึ่งพันส่วนของระยะพื้นที่เมืองดังนั้นจึงเริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้น
แสงสีแดงที่ถูกปล่อยออกมาจากวิชาเซียนได้สะดุดตาในความมืดมิด หวังหลินปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาคอยตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวไปเรื่อยๆ
คุณภาพของพลังหยินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณภาพดีอันดับ 6…7….8…
ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกลงไป ในสี่วันหวังหลินก็มาถึงส่วนลึกของซากปรักหักพังเรียบร้อยเขาเดาได้ว่าจุดที่เขาอยู่ตอนนี้คือใจกลางเมืองหากไม่ใช่ก็ไม่น่าจะไกลจากที่นี่
บนทางนี้ เขาเห็นหลุมลึกหลายสิบหลุม กว้างหลายเมตรและเต็มไปด้วยน้ำฝน กระทั่งยังมีงูลึกลับที่กระโดดมาหาหวังหลินพร้อมกับเขี้ยวพิษ
นอกจากนี้ซากปรักหักพังที่โดนทำลายล้างยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ บนเส้นทางที่เขาอยู่ตอนนี้ ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สูงกว่าสิบเมตรเลย
นอกจากหญ้ารกชัฎแล้วก็ยังมีหนองบึงมีสิ่งมีชีวิตลึกลับอาศัยในบึงอยู่บ้างครั้งหนึ่งหวังหลินเกือบจะโดนเขมือบด้วยสิ่งมีชีวิตพวกนี้ทำให้เขาตื่นตัวต่อสิ่งรอบด้านตลอดเวลา
แม้จะเข้าไปลึกในซากปรักหักพัง คุณภาพของพลังหยินยังไม่เคยมีคุณภาพหนากว่านี้
ในคืนหนึ่งของวันที่ห้าเขาเดินออกจากหนองบึงและด้านหน้าเขาเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งแม้ว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้จะทรุดตัวลงก็ยังเห็นได้ว่ามันเคยมีประชากรเยอะมากขนาดไหน
จุดที่สะดุดสายตาที่สุดก็คือหลุมบนพื้นที่กว้างพันเมตรและลึกเป็นร้อยเมตร
หลุมยักษ์นี้แปลกประหลาดมาก ปกติหลุมแบบนี้ควรจะเต็มไปด้วยน้ำฝน แต่นี่กลับเห็นน้ำสักหยด
หวังหลินมองเข้าไปใกล้ๆแม้ว่านี่จะเป็นกลางคืนและมีพลังหยินบนเส้นทางอยู่หนาแน่นหวังหลินยังคงเห็นถ้ำรังผึ้งจำนวนมากที่อยู่ข้างใต้หลุมยักษ์อย่างชัดเจน
ขณะที่หวังหลินมาถึงขอบของหลุมเพื่อตรวจสอบมันแสงสีแดงบนมือเขาก็เกิดปฏิกิริยาขึ้น แสงสีแดงได้รวมกันเป็นหนึ่งจากนั้นแยกออกมาเป็นสาม ชี้ให้เห็นว่าพลังงานหยินที่นี่มีคุณภาพดี
สายตาหวังหลินสว่างขึ้นเขาไม่ได้รีบเข้าไปแต่เดินรอบๆหลุมอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาอยู่ด้านตรงข้ามแสงสีแดงสามอันก็ได้กลับไปเป็นหนึ่งและสองอีกครั้ง
เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุผลว่าที่พลังงานหยินได้มีคุณภาพดีนั่นก็เพราะหลุมยักษ์นี้
หวังหลินยกศีรษะขึ้นและมองไปบนท้องฟ้า ด้วยความลึกของหลุมนี้ มันควรจะเต็มไปด้วยน้ำฝนหลังจากผ่านมาหลายปี
สายตาหวังหลินชำเลืองมองและเพ่งสมาธิไปบนหลุมรังผึ้งพวกนับไม่ถ้วนพวกนี้ที่อยู่ข้างใต้หลุมยักษ์
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าหลุมพวกนี้จะลึกแค่ไหน น้ำทั้งหมดก็ต้องตกผ่านลงไปเขาสัมผัสไปที่หลุมและพบว่าพวกมันยังชื้นอยู่ยืนยันความคิดของเขาก่อนหน้านี้
หวังหลินลูบคางตัวเองหลังจากคิดชั่วครู่ เขาไม่ได้กระโดดเข้าไปทันทีแต่นั่งลงและรอให้ถึงตอนเช้า
เวลาผ่านไปยาวนานจนถึงเช้าของอีกวัน ขณะที่พลังงานหยินได้จางหายไปหวังหลินก็กระโดดเข้าไปในหลุมยักษ์ เมื่อถึงพื้นหวังหลินปล่อยกระบี่เหินสีเขียวออกมา มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความเย็น
แสงด้านหน้าหวังหลินได้สว่างขึ้นและสว่างขึ้นเรื่อยๆเปลี่ยนจากหนึ่งไปเป็นสอง จากนั้นก็เป็นสาม
คุณภาพทั่วไปอันดับ 4…6…8…10…คุณภาพดีอันดับ 3…6…10…และผ่านเข้าไปคุณภาพหนาแน่น
นี่มันยังไม่ถึงเที่ยงคืนและพลังหยินได้มีคุณภาพหนาแน่นถึงอันดับ 1
ใบหน้าหวังหลินเผยความสุขเขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาและพบสาเหตุว่าทำไมคุณภาพพลังหยินถึงได้สูงขึ้นที่นี่นั่นก็เพราะมีบางสิ่งบางอย่างในหลุมพวกนี้
เขาเห็นเศษพลังหยินออกมาจากหลุมและรวมเข้ากับพลังงานหยินรอบด้าน
วันเวลาผ่านไป แสงสีแดงได้ส่องสว่างขึ้นและเข้าสู่คุณภาพหนาแน่นอันดับ 2 เมื่อเที่ยงคืนมาถึง พลังหยินก็ได้ถึงคุณภาพหนาแน่นอันดับ 5
หวังหลินไม่ลังเลอีกต่อไปและเริ่มฝึกฝนอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเขาสะสมพลังหยินมาขึ้นบนอก ก็พบกับความแตกต่างได้อย่างหนึ่ง พลังหยินนี้มีความบริสุทธิ์มากกว่าครั้งก่อนสิบเท่า
การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทำให้เปลี่ยนแปลงปริมาณขึ้นด้วยหมายความว่าเมื่อเขาสะสมพลังหยินที่นี่ในหนึ่งนาทีนั่นก็จะได้มากกว่าการสะสมพลังหยินครั้งก่อนสิบนาที
ไม่นานนัก พลังหยินบนอกเขาก็เริ่มก่อร่างเป็นลมหมุนพลังหยินขณะที่หมุนเร็วมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดที่ได้เกิดขึ้นครั้งล่าสุดก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
พลังหยินในร้อยจ้างรอบหวังหลินได้เปลี่ยนไปและพุ่งเข้าหาเขา
ขณะที่ลมบนหน้าอกเขาดูดซับพลังหยินมากขึ้น มันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ไม่นานนักมันก็มีรัศมีหนึ่งพันจ้าง
ระยะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 1200 จ้าง 1400 จ้าง 1500 จ้าง….
ภายในระยะสิบลี้ พลังหยินได้เคลื่อนไหวราวกับโดนบังคับไปที่หวังหลินและกลืนลงไป
ขณะที่พลังงานหยินบนหน้าอกได้ใหญ่ขึ้นนั้นหวังหลินก็เริ่มจะรู้สึกเหมือนกับกำลังเสียการควบคุมเขารู้ขีดจำกัดของตัวเองจึงได้ควบคุมพลังงานหยินเพื่อเริ่มทะลวงผ่านจุดฉีไห่ขั้นแรก
ลมพลังหยินราวกับคมมีดกระบี่ที่หมุนวนตลอดเวลาเพื่อกระแทกให้จุดฉีไห่เปิดขึ้นในไม่ช้า จุดฉีไห่ก็ค่อยๆเผยให้เห็นสัญญาณที่กำลังจะเปิดขึ้น
สัญญาณนั้นยิ่งแข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆหากเปรียบเทียบการทะลวงขั้นครั้งนี้คือการทำลายกำแพงกำแพงนี้ก็เต็มไปด้วยรอยแตกและพร้อมจะพังทลายตลอดเวลา
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ฉีไห่(ทะเลปราณ)ก็ไม่สามารถคงสภาพไว้ได้และพังทลายเสียงดังปัง
ศักยภาพพลังงานจำนวนมหาศาลที่ระเบิดออกมาจากจุดฉีไห่เหมือนกับภูเขาไฟระเบิดมันรวมพลังงานหยินเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วสร้างเป็นพลังหยินอันแข็งแกร่งอย่างมาก
(tl: พลังงานหยิน(Yin energy) กับพลังหยิน(Yin force) ต่างกันนะครับ)
ในตอนนี้พลังปราณในจุดตันเถียนของเขาก็เริ่มไม่สงบ มันเคลื่อนที่ไปแรงพลังหยินนั้นและเริ่มจะกลืนกินเข้าไป
เมื่อเศษพลังหยินถูกสร้างขึ้นพลังปราณของหวังหลินก็กลืนกินมันลงไปเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองพลังปราณของหวังหลินค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มก๊าซปรากฎขึ้นในจุดฉีไห่ของหวังหลิน คลื่นพลังสีฟ้าปล่อยออกมาจากกลุ่มก๊าซนั้น
หวังหลินรู้สึกพลังนี้แปลกประหลาดอย่างมากในร่างกาย สายตาเขาส่องสว่างขึ้นขณะที่สัมผัสกับหินข้างเขาเบาๆ
ในทันทีที่มีแสงวาบสีฟ้าขึ้นนั้น ก้อนก็ถูกแช่แข็งทันทีขณะที่ปล่อยพลังงานหยินไปด้วย
หวังหลินสูดหายใจลึกขณะที่เตะก้อนหินแช่แข็งอย่างรวดเร็ว เสียงรอยร้าวหลายรอยผุดขึ้น ก้อนหินแตกเป็นเศษหลายชิ้น
หวังหลินตรวจสอบอย่างระมัดระวังและสูดลมหายใจเข้าในอากาศหนาวเหน็บเมื่อดูอย่างใกล้ชิด เขาพบว่าโครงสร้างภายในหินได้เปลี่ยนไปมันไม่เหมือนกับหินแต่เหมือนกับผลึกน้ำแข็งมากกว่า
อีกความหมายหนึ่ง พลังวิญญาณที่เขาสัมผัสครั้งเดียว ไม่ได้แค่แช่แข็งหินเท่านั้นแต่เปลี่ยนทั้งโครงสร้างไปเป็นน้ำแข็ง
หวังหลินไม่รู้ว่าหลังจากกลืนพลังงานหยินเข้าไปพลังปราณเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมหาศาล หากซือถูหนานตื่นอยู่ตอนนี้เขาคงไม่สามารถคิดเรื่องนี้ออกได้
ในการฝึกเซียนโบราณนั้น นอกจากความต่างเรื่องระดับฝึกตนแล้วมีอยู่สามขอบเขตสำหรับขั้นพลังวิญญาณนั่นก็คือ จวี่ เต๋า และฉี(極、道、始 Jí, dào, shǐ)
สามขอบเขตนี้ไม่ได้ถูกจัดอันดับเรียงกัน แต่คู่ขนานกันไป หนึ่งขอบเขตที่เข้าไปนี้จะไม่สามารถสลับเปลี่ยนไปขอบเขตอื่นได้
ความยากในการเข้าไปในสามขอบเขตนี้ไม่ได้สูงแต่ก็ไม่ได้ง่ายนัก ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับโชค
ในเวลาฝึกเซียนแบบโบราณนั้นเซียนที่มีความรู้เฉลียวฉลาดจะไม่เลือกขอบเขตจวี่ขณะที่พลังโจมตีขอบเขตจวี่สูงมากแต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างหนึ่งในข้อเสียร้ายแรงที่สุดเมื่อเข้าสู่เส้นทางขอบเขตจวี่นั้นก็คือคนผู้นั้นจะใช้ได้เพียงพลังปราณจวี่เท่านั้นซึ่งนั่นเป็นปัญหาใหญ่ในการก้าวข้ามจากขั้นผลิดอกสู่ขั้นเซียนสร้างวิญญาณ
ขั้นเซียนสร้างวิญญาณจำเป็นอย่างมากที่คนนั้นจะจะต้องรวมเข้ากับขอบเขตขั้นวิญญาณแล้วและไม่ก้าวเดินไปเส้นทางที่สุดโต่งไป
แม้ว่าขอบเขตจวี่จะมีข้อเสียพวกนั้น แต่ก็ยังมีข้อดีจำนวนมากคือพูดได้ว่าผู้คนที่อยู่ระดับฝึกตนเดียวกันไม่สามารถต่อต้านขอบเขตจวี่ได้ทั้งหมด
แม้ว่าคนผู้นั้นจะไม่มีโอกาสเข้าสู่ขั้นเซียนสร้างวิญญาณหลังจากเข้าถึงขั้นผลิดอกระดับสูงสุดคนผู้นั้นจะเป็นอันดับหนึ่งของทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นผลิดอก
สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการเพิ่มพลังฝึกตนเซียนขอบเขตจวี่ไม่ได้ต้องการสมบัติเซียนนั่นก็เพราะว่าพลังปราณของขอบเขตจวี่มีพลังปราณชนิดที่แข็งแกร่งสูงสุด
ส่วนขอบเขตเต๋าเป็นความฝันของเซียนทุกคนเมื่อพลังวิญญาณเข้าสู่ขอบเขตเต๋าได้เมื่อนั้นการเข้าสู่เซียนขั้นสร้างวิญญาณจะเป็นเรื่องง่ายมาก
ด้วยเหตุนี้ ขอบเขตเต๋าจึงเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลกเซียนแห่งนี้
ส่วนขอบเขตฉี หากกล่าวว่าขอบเขตจวี่คือความตาย ขอบเขตฉีก็คือชีวิตมันไม่ใช่ขอบเขตที่คนที่อยู่ต่ำกว่าเซียนขั้นสร้างวิญญาณจะเข้าใจและแม้แต่เซียนสร้างวิญญาณบางคนด้วยเช่นกันมันเป็นบางสิ่งที่เขาแค่อยากจะมีไว้เท่านั้น
สามขอบเขตพลังวิญญาณเป็นเรื่องยากมากๆที่จะได้ไขว่คว้าได้มาและทำลายลงไปในโลกของเซียนโบราณข้อมูลเกี่ยวกับสามขอบเขตนี้ค่อนข้างจะหายไปจำนวนมาก
ผู้ฝึกเซียนตอนนี้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพลังวิญญาณ มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขานำมาใส่ใจก็คือระดับฝึกเซียน
หวังหลินไม่รู้ว่าเพราะพลังงานหยินที่เขากลืนไปทั้งหมด ได้เปลี่ยนพลังวิญญาณของเขาไปสู่ขอบเขตจวี่
เหตุผลทั้งหมดนั่นก็คือเพราะวิถีเซียนนรกนี้ มันเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีที่สามารถสร้างพลังวิญญาณขอบเขตจวี่ได้
แม้ว่าวิถีเซียนนรกที่ซือถูหนานให้หวังหลินมาจะไม่เหมือนกับวิชาที่มาจากโลกของเซียนโบราณผ่านกาลเวลา วิธีฝึกบางส่วนได้สูญหายไปจึงมีเพียงผู้รับช่วงต่อที่ต้องจัดระเบียบข้อมูลที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น
ส่วนพลังวิญญาณของหวังหลินที่กำลังเข้าไปประตูขอบเขตจวี่ ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
หวังหลินจ้องปลายนิ้วตัวเองและสายตาสว่างขึ้นขณะนั้นเองเขาก็ยกศีรษะขึ้นและกระโดดออกไปจากหลุมเขามองเห็นร่างชายผิวสีห้ากำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว