995. วิญญาณ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงกระพริบตาซือถูหนานก็พักอยู่บนดาววิญญาณวารีถึงสองเดือน
ในวันนี้ขณะที่ค่ายกลเหนือสำนักชะตาสวรรค์เปิดขึ้น เทียนหยุนส่งคำเชิญชวนด้วยตัวเอง เซียนเฒ่าที่มีคุณสมบัติเข้าดินแดนวิญญาณปิศาจทั้งหมดต่างก็ได้รับการเชิญชวน
“ในอีกสิบวัน ดินแดนวิญญาณปิศาจจะเปิดขึ้นและเราจะเข้าไปในถ้ำเทพ!”
คำเชิญชวนนี้มีอยู่บรรทัดเดียวแต่เกิดพายุรุนแรงขึ้นท่ามกลางคนที่ได้รับสารเชิญ!
ความจริงแล้วเรื่องถ้ำเทพในดินแดนวิญญาณปิศาจนั้นไม่ได้เป็นความลับในหมู่เซียนเฒ่า ส่วนใหญ่รู้เรื่องไม่กี่อย่าง และบางคนคาดเดาว่ายังมีเทพที่มีชีวิตอาศัยอยู่ข้างในด้วย!
คนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเทพคนนี้อาจจะเป็นจักรพรรดิเทพฉิงหลิน!
อย่างไรมันก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ไม่มีหลักฐานใดเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่แค่นี้ก็ทำให้หัวใจเซียนเฒ่าเต้นเร็วและเลือดลมสูบฉีดได้แล้ว!
มีสมบัติเทพและวิชาเทพจำนวนมากอยู่ในถ้ำเทพ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เหล่าเซียนเฒ่าให้ความสนใจมากที่สุด
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจริงๆก็คือเทพที่น่าจะมีตัวตนอยู่ข้างใน!
หากคนข้างในเป็นจักรพรรดิเทพฉิงหลินจริงๆ เขาคือเทพที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางแดนสวรรค์สี่แห่ง ซึ่งพวกเขาอาจจะค้นพบความลับในการบรรลุขั้นที่สามบนร่าง!
ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าเซียนเฒ่าเช่นเทียนหยุนให้ความสนใจ!
จากการสำรวจมานาน เซียนเฒ่าบางส่วนได้รับข้อมูลจำนวนมากว่าฉิงหลินอยู่ข้างในถ้ำจริงๆ
เรื่องที่ฉิงหลินไม่ตายจากการล่มสลายของแดนสวรรค์แสดงให้เห็นว่าระดับบ่มเพาะเขาแข็งแกร่งแค่ไหน! แม้จะไม่ได้ถูกสังหารเขาก็บาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงต้องหาสถานที่ปิดด่านฝึกตน สัญญาณทั้งหมดนี้ชี้ไปที่ถ้ำเทพในดินแดนวิญญาณปิศาจ!
การจะสามารถเข้าสู่ถ้ำอดีตจักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งที่สุดได้ และจักรพรรดิเทพนั่นยังไม่ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บสาหัสดี แรงกระตุ้นแบบนี้ทำให้เหล่าเซียนทรงพลังตื่นเต้นมหาศาล
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเข้าสู่ดินแดนวิญญาณปิศาจหลายครั้ง พวกเขาแทบจะมั่นใจว่าคนที่อยู่ในถ้ำเทพยังไม่ฟื้นฟูดี
ตอนที่เทียนหยุนส่งสารเชิญชวน หลิงเทียนโฮวก็ออกมาจากส่วนลึกของดวงดาว เขามีความทะเยอทะยานของตัวเองด้วยจึงได้ส่งสารเชิญชวนออกไปเช่นกันและรอให้สหายมาถึง
ทันใดนั้นมีเซียนจำนวนมากรอบดาวเทียนหยุน ส่วนใหญ่มาจากดาวเคราะห์เซียนดวงอื่น มีน้อยคนได้รับเชิญมาและมีหลายคนไม่ได้รับเชิญ
การทำให้คนนอกไม่รู้เรื่องนี้ด้วยไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างไรเสียตอนนี้การต่อสู้ระหว่างฝ่ายทุกชั้นฟ้าและฝ่ายพันธมิตรเซียนก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกิดต่อสู้เล็กๆชึ้นตลอดเวลาและบางครั้งก็นำทางไปสู่การต่อสู้ขนาดปานกลาง เป็นผลให้มีเซียนแข็งแกร่งมาได้ไม่กี่คน ยิ่งไปกว่านั้นเทียนหยุนมีสถานะเป็นถึงผู้อาวุโสของพันธมิตรเซียนจึงทำให้เซียนทรงพลังบางคนไม่กล้าเข้ามาหาผลประโยชน์ในกระแสธารแห่งปัญหานี้
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหล่าเซียนรวมตัวกันที่ทางเข้าแล้ว พอมาถึงก็มีคนอีกมากปรากฏที่นี่
แม้กระทั่งเหล่าเซียนภายในระยะของดาวเทียนหยุนก็เข้ามา พวกเขาหวังจะใช้โอกาสนี้หาผลประโยชน์จากดินแดนที่เปิดขึ้น
พอถึงวันที่สิบเทียนหยุนก็มาถึง เขาก้าวผ่านความว่างเปล่ามาด้วยตนเอง เทียนหยุนชุดขาวดูท่าทีสงบนิ่ง เส้นผมสีเทาพริ้วไหวด้านหลังทำให้ดูเหมือนเทพจริงๆ!
อีกทั้งยังมีตรีศูลสีดำดุจหมึกเบื้องล่างฝ่าเท้า ทุกก้าวของเขาจะก้าวไปบนตรีศูล
เหล่าเซียนทุกคนที่รู้จักเทียนหยุนดีจะรู้ว่าหาได้ยากมากที่เขาจะใช้สมบติ เขาสามารถสั่นสะเทือนโลกได้เพียงแค่ใช้วิชาเทพมากมายของตนเอง
วินาทีนี้ยามที่สายตาทุกคนจับจ้องไปบนตรีศูลใต้ฝ่าเท้าเทียนหยุน พวกเขาก็ตื่นตะลึง! อย่างไรก็ตามไม่มีใครพูดเรื่องนั้นและเคลื่อนที่ออกห่างตอนที่เทียนหยุนมาถึงเหนือทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออก
เบื้องล่างเทียนหยุนคือทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออก ตรงนั้นมีวังวนที่ไม่มีพลังดึงดูด มันคือประตูสู่ดินแดนวิญญาณปิศาจ!
การปรากฏตัวของเทียนหยุนทำให้รอบด้านเงียบเสียง หวังหลินสีหน้าเป็นธรรมชาติมิอาจบอกได้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาจ้องมองไปยังทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออกราวกับกำลังครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นานพลังดั้งเดิมผันผวนออกมาจากไกล เหล่าเซียนเฒ่ามาถึงทีละคน หนึ่งในนั้นคือชายชรานั่งบนน้ำเต้าตอนที่หวังหลินกลับมา
เบื้องหลังชายชรามีคนจากสำนักตัวเองเก้าคน เขาลอยเหนือทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออกและคำนับต่อเทียนหยุน
เทียนหยุนยิ้มและพยักหน้า ไม่คุยอะไรกันหลังจากนั้น
ผ่านไปอีกสิบห้านาทีชายชราอีกคนก็ปรากฏ ก้อนเมฆสีแดงปรากฏออกมาไกล ก้อนเมฆแดงนี้ถูกสร้างขึ้นจากวิชาเซียนมันจึงไม่แปลกที่จะปรากฏขึ้นในอวกาศ
สตรีวัยกลางคนสุดสวยยืนอยู่บนก้อนเมฆแดง สตรีเยาว์วัยงดงามอีกสี่คนติดตามนาง มีนางคนหนึ่งที่เชิญชวนหวังหลินก่อนหน้านี้ พวกนางหน้าตาเหมือนเดิมจากคราวที่แล้ว มีคนหนึ่งสวมชุดสีชมพูมองไปรอบๆราวกับกำลังหาบางอย่าง
นางคือคนที่หลิงเทียนโฮวคาดว่าจะเป็นเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง!
จากนั้นก็มีเซียนเฒ่าอีกหลายคนโผล่ออกมา แม้จะถูกเรียกว่าเซียนเฒ่าแต่มีระดับขั้นส่องสวรรค์เท่านั้น หลังจากพวกเขามาถึงก็กระจายตัวพูดคุยกับเหล่าสหาย
ส่วนมากไม่ได้เป็นเซียนบนดาวเทียนหยุน พวกเขาเป็นกลุ่มเล็กๆหรือมาด้วยกันเอง แต่ทั้งหมดก็มองไปที่วังวนยักษ์เหนือทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออกเป็นพักๆ
ในไม่นานเสียงหวีดหวิวดังขึ้นและลำแสงสีทองหวีดผ่าน รวมตัวกันเหนือทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออก
ขณะที่ลำแสงเคลื่อนตัว ทั้งดินแดนคล้ายจะโดนลำแสงนี้ห่อหุ้ม ลำแสงสีทองทั้งหมดรวมตัวกันปลดปล่อยแสงกระพริบเจิดจ้า
คนผู้หนึ่งค่อยๆเดินออกมาจาลำแสงสีทอง เส้นผมยาวพริ้วไหวไร้สายลม เขามีร่างใหญ่และดูเหมือนเทพสงคราม
อายุราวๆสี่สิบปี ใบหน้าเด็ดเดี่ยว ดวงตาดุจสายฟ้า เพียงแค่มองเขาก็คงทำให้ตกตะลึง แค่ยืนอยู่ที่นี่เขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายองอาจออกมาแล้ว
รอบด้านมีเหล่าเซียนทรงพลังจำนวนมาก แต่เมื่อเพวกเขาเห็นส่ายตาของคนผู้นี้ก็อดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลง
เขาสวมชุดคลุมสีม่วง เซเบลสามตานอนอยู่บนไหล่ สายตาเป็นประกายมองไปรอบๆโดยไม่แยแส
จังหวะที่ชายชุดม่วงปรากฏ เทียนหยุนเงยศีรษะขึ้นและขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชายชราบนน้ำเต้าเปลี่ยนสีหน้าและมืดมน
ชายชุดม่วงยิ้มออกมา “สหายเซียนเทียนหยุน เราไม่เจอกันมาหลายปี วันนี้ข้าถูกชวนมา หวังว่าจะไล่ทันสหายเทียนหยุนได้บ้าง”
“ผู้อาวุโสซุนสุภาพเกินไปแล้ว” เทียนหยุนมองเขาอย่างสงบนิ่ง
เซเบิลดวงดาวบนไหล่ชายชุดม่วงมองไปรอบๆด้วยสายตาแห่งปัญญา มันเกาหน้าตัวเองเป็นพักๆ
หลังจากชายชุดม่วงปรากฏขึ้นไม่นาน ปราณกระบี่ก็เริ่มปรากฏออกมาไกล แสงปราณกระบี่ระยิบระยับเต็มไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นกิเลนแดงก็ปรากฏเหนือเส้นขอบฟ้า
ชายชราร่างผอมนั่งอยู่บนหลังกิเลน ส่งเสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนที่เขาจะมาถึง
“พี่ซุนเร็วยิ่ง ระหว่างทางข้าสงสัยอยู่ว่าพี่ซุนจะมาไหม”
ชายชุดม่วงยิ้มและเอ่ยขึ้น “เมื่อเซียนกระบี่ส่งคำเชิญ ข้าก็ต้องมาเป็นธรรมดา! ไม่ใช่แค่ข้าหรอก แต่คนผู้นั้นก็ตอบรับคำชวนเจ้าด้วย!”
ดวงตาเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวส่องประกายและเกิดความปิติยินดีอย่างรวดเร็ว
ณ เวลานี้ในดินแดนวิญญาณปิศาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ขึ้น!
ดินแดนวิญญาณปิศาจถูกแบ่งออกเป็นเก้าแคว้น ทว่ามีเผ่าหนึ่งเรียกตัวเองว่าเผ่าหลอมวิญญาณได้กลายเป็นขั้วอำนาจใหม่ระหว่างแคว้นปิศาจอัคคีและแคว้นปิศาจฟ้า
เผ่าพันธุ์นี้ก้าวร้าวมาก หลังจากกลืนกินคนไปมากมายพวกเขาก็กลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งภายในสองแคว้น
มีชนเผ่าหลายล้านคนและใหญ่พอจนแม้แต่สองแคว้นยังหวาดหวั่น ทว่าเรื่องน่าประหลาดก็คือเหล่าปิศาจโบราณไม่ได้ต่อต้านเผ่าพันธุ์นี้ ทุกคนจึงงุนงงสับสน
สิ่งที่กองทัพของสองแค้นหวาดกลัวมากที่สุดคือสมาชิกของเผ่าแทบทุกคนจะสามารถใช้วิชาอันทรงพลังได้ พวกเขาจะนำธงผืนใหญ่ออกมาและมีวิญญาณมากมายโผล่ขึ้น จากนั้นรวมตัวกันกลายเป็นอสูรวิญญาณกลืนกินฝ่ายตรงข้าม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้นำที่มีพลังอันน่าอัศจรรย์ ยิ่งคนที่ชื่อฉือซานผู้รวบรวมดวงวิญญาณมาฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งและมีพลังอำนาจพอจะเผชิญหน้ากับแม่ทัพปิศาจ!
อีกทั้งยังมีหัวหน้าเผ่า โฮวหยางฮัวผู้มีธงเก้าสิบเก้าผืน หากเขานำออกมาจะสามารถอัญเชิญดวงวิญญาณนับร้อยล้านดวง ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่ง
แม้ผู้คนของดินแดนวิญญาณปิศาจจะแตกต่างจากเหล่าเซียน ความเร็วการบ่มเพาะของแต่ละคนไม่สามารถเทียบกันได้ การพัฒนาของเผ่าหลอมวิญญาณนั้นรวดเร็วเกินไป พวกเขาดูดซับดวงวิญญาณจำนวนมากตลอดหลายปี
เผ่าหลอมวิญญาณแตกกิ่งก้านสาขาไปทั่วทั้งเก้าแคว้น พวกเขาสอดแนมการสู้รบโบราณทุกสนาม ทุกการรบระหว่างสองแคว้นและสงครามทั้งหมดระหว่างเผ่าอื่นในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา
วันนี้เผ่าหลอมวิญญาณเกือบทุกคนจากบ้านของตนเอง สมาชิกหลายล้านถือธงมุ่งหน้าเข้าหาแคว้นปิศาจอัคคี! มองไกลๆนี่มันคือฉากเหตุการณ์ที่น่าจับตามอง
ข้างในแคว้นปิศาจอัคคีไม่มีปิศาจโบราณอยู่และในหลายร้อยปีที่ผ่านมาแคว้นแห่งนี้ก็แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย เดิมทีมันถูกแคว้นปิศาจฟ้าครอบครองแต่เนื่องจากสูญเสียอย่างหนักและไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาอันสั้น ท้ายที่สุดแคว้นปิศาจฟ้าก็ทำได้แค่เพียงล้มเลิก
จึงทำให้เผ่าหลอมวิญญาณได้โอกาส หลังจากการต่อสู้หลายร้อยปี โอวหยางฮัวและฉือซานพร้อมกับเหล่าผู้นำเผ่าหลายคนเริ่มต่อสู้กับแคว้นปิศาจอัคคี!
ภายในกองทัพขนาดใหญ่มีรูปปั้นสีดำถือด้วยคนมากกว่าสิบคน สมาชิกเผ่าหลอมวิญญาณทั้งหมดมองรูปปั้นด้วยความเคารพนับถือ หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ไม่มีใครลืม ไม่เว้นแม้กระทั่งสมาชิกคนใหม่ เรื่องราวตำหนานหลายอย่างของคนผู้เป็นรูปปั้นนี้คือศูนย์รวมของคนทั้งเผ่า
รูปปั้นคือวิญญาณของเผ่าหลอมวิญญาณ! ราชาแห่งเผ่าหลอมวิญญาณของพวกเขา บรรพชนของพวกเขา! ผู้คนหลายล้านเทิดทูนสักการะมานานหลายปีทำให้รูปปั้นแฝงพลังอำนาจประหลาด มันทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่าลื่นไหล
“บรรพชนจากไป แต่เราเชื่ออย่างหนักแน่นว่าบรรพชนจะกลับมา! ท่านบรรพชนจะไม่มีวันลืมเรา!”