ตอนที่ 126 โกลาหล
พอเข้าสู่ช่วงค่ำคืน รายชื่อบนรูปปั้นมังกรดำราวๆ 20 บรรทัดด้านบนค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้ว
และในตอนนี้ นักเรียนและครูฝึกเกือบๆ ร้อยคนซึ่งอยู่ภายใต้รูปปั้นมังกรดำต่างจ้องมองดูรายชื่อหนึ่งอยู่ด้วยความตะลึง… ‘อันดับที่ 68 หลัวเฟิง(570403)’ ทุกคนรู้ว่าตอนนี้เวลา 5 ทุ่ม 20 แล้ว ใกล้เที่ยงคืนเต็มที
นักเรียนที่ออกไปล่าก็กลับมาทั้งหมดแล้ว หมาความว่าโอกาสที่อันดับจะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้น้อยมากๆ แล้ว
กล่าวคือ…
หลัวเฟิงอยู่อันดับที่ 68 ประจำเดือนเมษายนนี้ แทบจะแน่นอนแล้ว
“นี่คือเรื่องใหญ่!”
“หลัวเฟิงนี่วิปริตมาจากไหน?”
“โอ…พระเจ้า!”
แม้แต่คนที่สงบนิ่งที่สุดยังต้องอึ้งเมื่อเห็นชื่อนี้ อันดับที่ 68 ไม่ได้สูงอะไรนัก แต่มันต่างออกไปสำหรับนักเรียนที่ได้อันดับที่ 68 ตั้งแต่เดือนแรก ประเด็นสำคัญคือยอดเยี่ยมกว่านักเรียนเก่าหลายๆ คนที่อยู่ค่ายมา 4 หรือ 5 ปีแล้วติดอันดับ 1 เสียอีก!
“เป็นไปไม่ได้ อันดับที่ 68?” แคนเดซถึงกับหน้ามืด
เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งนี้!
“แคนเดซ” วิลเลียมกระซิบ
“เจ้าโง่!” แคนเดซกล่าวลอดไรฟัน “จากนี้ไป อย่าไปยุ่งกับหลัวเฟิงอีก”
“โอเค” วิลเลียมพยักหน้า
“โชคร้ายจริงๆ” แคนเดซสบถ เขาไม่ชอบความสำเร็จอันดับที่ 68 ของหลัวเฟิง เขาจึงไม่พอใจเอามากๆ แต่ไม่ว่าจะไม่เชื่ออย่างไร เขาก็ต้องบอกกับตัวเองว่าไม่ควรจะปล่อยให้ความรู้สึกเช่นนี้ยังมีต่อไป เขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับหลัวเฟิงถึงขั้นต้องเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น
เขาจะเก็บความโกรธเอาไว้ แล้วไม่ยุ่งกับหลัวเฟิง และแสร้งทำเป็นว่าหลัวเฟิงไม่มีตัวตนสำหรับเขา!
“หลัวเฟิงนั่นกำลังเดินหน้าไปสูสความยอดเยี่ยม”
“เขาเป็นได้แน่ๆ” วัยรุ่นผิวเหลืองกล่าว “มีเพียง 5 คนเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของค่ายที่ติดอันดับท็อป 100 ได้ตั้งแต่เดือนแรก และสิ่งนี้เกิดขึ้นครั้งล่าสุดก็เมื่อตั้ง 8 ปีก่อนโน่น หลัวเฟิงก็ไม่เพียงแต่จะติดอันดับท็อป 100 แต่ยังติดถึงอันดับที่ 68 ทีเดียว!”
ถึงแม้ว่าอันดับที่ 98 และ 68 อยู่ในท็อป 100 เหมือนกัน แต่ความแตกต่างนั้นมากมายนัก
อันดับที่ 68 เมื่อเทียบกับอันดับที่ 98 แล้วพลังมันแตกต่างกันมาก!
ทุกคนต่างรู้ว่า…
ทุกประเทศและทุกองค์กรที่ทรงอิทธิพลบนโลกนี้ต่างให้ความสนใจกับคนที่มีพรสวรรค์ ถ้าคนเช่นหลัวเฟิงถูกปฏิเสธก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากๆ! หลัวเฟิงกับอันดับที่ 68 ของเขามีความสำคัญเสียยิ่งกว่าคนที่อยู่อันดับ 1 เสียอีก! คงไม่ต้องอธิบายเลยว่าเขาจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ขนาดไหน?
………..
ในอพาร์ทเมนต์ห่างออกไป 3 กิโลเมตร
“แม่ง!”
ตาของชายร่างเตี้ยล่ำผมย้อมสีบลอนด์เบิกกว้างขณะมองดูอันดับที่ปรากฏบนหน้าจอ เขาจ้องชื่อที่อยู่อันดับ 68 ‘หลัวเฟิง’ ตาของเขาก็ยิ่งเบิกกว้างขึ้นไปอีก ในฐานะหัวหน้าทีมสายข่าว เขารู้ข้อมูลของนักเรียนที่อยู่ในค่ายอย่างชัดเจน และแน่นอนเขารู้…
นัยสำคัญเกี่ยวกับความสำเร็จของหลัวเฟิงที่ติดอันดับ 68
“เร็วเข้า ติดต่อเจ้านาย!” ชายเตี้ยล่ำสั่งการเร็วปรื๊อ
“หัวหน้า นี่ยังไม่เที่ยงคืนเลยนะคะ” เด็กสาวในชุดนุ่งน้อยหัวเราะคิกคัก
“บอกว่าให้รีบติดต่อเจ้านาย เดี๋ยวนี้! ไม่ได้ยินรึไง!” ชายร่างเตี้ยล่ำจ้องเขม็ง ทันทีนั้น สาวน้อยนุ่งสั้นจึงรู้ตัวทันทีว่ามีเรื่องสำคัญ เธอจึงรีบติดต่อไปหาเจ้านายโดยเร็ว
………..
“Shit!”
“อัจฉริยะคนนี้มาจากประเทศจีน ติดต่อท่านนายพล ฉันต้องการคุยกับท่านเดี๋ยวนี้”
…………
“อันดับที่ 68?”
“เขาอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น และมาจากครอบครัวที่ธรรมดาๆ ด้วย เขาไม่เคยได้รับการฝึกพิเศษตั้งแต่เด็กเลยด้วยซ้ำ”
“หลัวเฟิงคนนี้วิปริตจริงๆ เร็วเข้า ติดต่อหัวหน้าเดี๋ยวนี้!” ชายชาวจีนวัยกลางคนออกคำสั่ง
……….
ในขณะนี้ องค์กรต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของประเทศ ตระกูลใหญ่ๆ หน่วยทหารรับจ้างที่ประจำอยู่นครหงหนิงต่างรีบติดต่อกลับไปยังเบื้องบนของพวกเขาหลังจากที่ได้เห็นการอัพเดตอันดับครั้งล่าสุดของทางค่าย!
คนที่สามารถติดอันอับท็อป 100 ได้ตั้งแต่เดือนแรกนั่นคืออัจฉริยะแน่นอน
แต่คนที่อันดับ 68 นี่ซิยอดเยี่ยมกว่า
และเขาก็อายุแค่ 19 เท่านั้นเอง!
……….
สำหรับ 5 ประเทศยักษ์ใหญ่และสองสำนักฝึกที่ทรงอิทธิพล นักสู้ที่ระดับสมรรถภาพร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ถึงแม้จะมีค่าจนน่าตกใจ แต่ก็ต้องทุ่มไปจำนวนมาก! อย่างไรสำหรับระดับสมรรถภาพร่างกาย เลือดมังกรที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และของพิเศษที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ…
ทุกสิ่งล้วนเสริมสร้างร่างกายได้อย่างง่ายดาย!
กล่าวคือ สามารถใช้เงินจำนวนมากเพื่อเพิ่มระดับสมรรถภาพร่างกายได้
แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิค พลังหมัด และอื่นๆ จะไม่สามารถพัฒนาเช่นนั้นได้ เพื่อการพัฒนาสิ่งเหล่านี้คุณจะต้องต่อสู้ ฝึกและใช้ประสบการณ์ และความเข้าใจ! ส่วนในค่ายฝึกหัวกะทิ…ความสามารถในการต่อสู้ เพียงแค่เล็กน้อยตรงนี้จะช่วยให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างเท่าทวีคูณ
นั่นคือทักษะ!
และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าหลัวเฟิงนั้นมีความสามารถในการต่อสู้ที่สูงทีเดียว!
……..
นครเจียงหนาน เขตหลัก…
หอพักหญิงแห่งมหาวิทยาลัยเจียงหนาน ห้องเบอร์ 602 คือห้องของสวีซิน ในหอพักนี้มีห้องนั่งเล่นรวมอยู่และห้องเล็กๆ อีก 4 ห้อง เด็กสาวอยู่ในห้องเล็กๆ นั้นคนละห้อง หอพักเช่นนี้ในเจียงหนานถือว่าเป็นห้องที่ค่อนข้างหรูและต้องจ่ายค่อนข้างมากทีเดียวเพื่อเช่าอยู่
“น้องสาม…ฉันว่าคุณชายจากตระกูลหวังนั่นก็ไม่เลวนะ หนำซ้ำเขายังยอมให้เธอทุกอย่างด้วย” เด็กสาวลูกครึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสนใจ เธอหัวเราะขณะที่ทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมกับถ้วยกาแฟร้อนๆ ในมือ
“พี่รอง…พี่สวีซินชอบหลัวเฟิงคนนั้น อย่าพูดเรื่องคุณชายหวังเลยนะ”
4 สาวรวมทั้งสวีซินกำลังคุยกันตามประสาสาวๆ
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยนะ” สวีซินขมวดคิ้ว
สวีซินแสดงอาการไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น อีก 3 สาวจึงได้แต่หัวเราะและไม่กล่าวคำใดต่ออีก การที่สามารถอาศัยอยู่ในหอพักเช่นนี้ได้นั่นแสดงว่าครอบครัวของพวกเธอแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลสวีซินก็ยังถือว่าดีที่สุดในบรรดาทั้ง 4 คน
“ฮึ่ม!” สวีซินสุ่มพลิกตำราเศรษฐศาสตร์ขึ้นมา ทว่าความสนใจของเธอก็ไม่ได้จับอยู่ที่ตำราแต่อย่างใด
สวีซินรู้สึกขัดเคือง!
เธอรู้สึกเช่นนั้นเพราะว่าอายุของเธอตอนนี้พร้อมที่จะแต่งงานแล้ว อายุเท่านี้ เด็กสาวหลายๆ คนต่างแต่งงานในขณะที่เรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย สวีซินมาจากตระกูลสวีและมีสถานะที่สูงส่ง ผลก็คือ มีคนหลายคนที่ตามจีบเธอ แต่มีคนน้อยมากที่จะกล้าติดต่อกับครอบครัวของเธอ
สวีซินเป็นคนแข็งกร้าว แต่มีหลายอย่างทำให้เธอลำบากใจโดยเฉพาะทัศนะของครอบครัวของเธอคลุมเครือมาตลอด
“หือ?” โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
“พี่โทรมา?” สวีซินถือโทรศัพท์ไปด้วยความสงสัย เธอเข้าไปในห้อง ปิดประตูแล้วจึงยกขึ้นมาดู
รูปของสวีกังปรากฏบนหน้าจอ
“พี่…มีอะไรเหรอคะ?” สวีซินถามอย่างสงสัย
“ข่าวดี…ข่าวดี!” สวีกังยิ้มร่าบนหน้าจออย่างเห็นได้ชัด “เฮ้ พี่ว่านะน้อง สายตาเธอนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ…หลัวเฟิงคนนี้ไม่ใช่ย่อยเลย คราวนี้ทำเรื่องที่น่าตกใจซะแล้ว”
สวีซินถามต่อ “อะไรคะ? โอ๊ะ พี่หมายถึงเรื่องติดอันดับท็อป 100 ในค่ายหัวกะทิเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แค่ติดท็อป 100 แต่อันดับ 68 ทีเดียว!” สวีกังกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ข่าวนี้แพร่ไปราวกับพายุเฮอริเคน ตระกูลในพันธมิตรใต้ดินจะไม่รู้ได้ไง? ประเทศยักษ์ใหญ่ต่างๆ เขาก็รู้กันหมดแล้ว อย่างน้อยๆ ตอนนี้ ทุกองค์กรใหญ่ๆ ทั่วโลกต่างก็กำลังพูดถึงเรื่องของหลัวเฟิง!”
สวีซินไม่ได้ยินเรื่องที่สวีกังพูดต่อหลังจากนั้นเลย
ตอนนี้เธอได้ยินแค่เพียงสิ่งเดียว….
หลัวเฟิงอยู่อันดับที่ 68
สวีซินไม่ได้โง่ ไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา เธอรู้มากพอ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าอันดับนั้นมีความหมายเช่นไร!
“ยัยน้อง ตระกูลเราสนับสนุนเรื่องของเธอกับหลัวเฟิงมากเลยนะ ไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายเราก็อนุญาตเรื่องนี้แล้วด้วย!” สวีกังยิ้มขณะที่กล่าว โดยปกติแล้ว คนที่ตัดสินใจเรื่องของตระกูลสวีก็คือผู้หลักผู้ใหญ่รุ่นปู่ย่านั่นเอง
สวีซินไม่รู้ว่าจะสาปแช่งหรือหัวเราะดีหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น นี่แหละตระกูลใหญ่!
“โอ้ เข้าใจแล้ว!” สวีซินพยักหน้า
“บ้าแล้ว เธอไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ?” สวีกังถามยิ้มๆ
“แหะๆ” สวีซินฉีกยิ้ม “ดีใจแล้ว นี่ไง”
หลังจากนั้นสายก็ตัดไป
สวีซินยิ้มกว้าง “ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรให้กังวลอีกแล้ว!”
ในเมื่อตระกูลของเธอสนับสนุนการคบกับหลัวเฟิงแล้ว สวีซินสามารถบอกปฏิเสธพวกคุณชายทั้งหลายที่เข้ามายุ่งกับเธอได้แล้ว ถ้าครอบครัวเธอไม่บังคับ สวีซินก็ไม่ต้องสนใครอีก
“พายุร้ายผ่านไปแล้ว! อืม!”
สวีซินนั่งลงต่อหน้าโน๊ตบุ๊คแล้วติดต่อไปหาหลัวเฟิง
……..
นครหงหนิง ค่ายฝึกหัวกะทิ
หลัวเฟิงรีบวิ่งกลับไปที่หอราวกับสุนัขโดนไล่ตีหลังจากได้ยินสิ่งที่รุ่นพี่จ้าวรั่วและฉื่อเจียงบอก
“พระเจ้า…เราเป็นสาเหตุของความโกลาหลหลังจากที่เลื่อนอันดับขึ้นไปอยู่ที่ 68 เหรอเนี่ย?” หลัวเฟิงนึกถึงตอนที่เขาเดินออกจากห้องฝึก โดยเฉพาะตอนที่เขาออกจากตึกมหานพ…เขาถูกจู่โจมเข้ามาทุกทิศทาง พวกนักเรียนเข้ามาหาเขาทั้งแสดงความยินดีและบางคนก็เข้ามาเสนอคำเชิญชวนให้เข้าร่วมกับองค์กรที่พวกเขาเป็นสมาชิกอยู่
เชิญแล้วเชิญอีก…
เงื่อนไขของพวกเขายอดเยี่ยมทั้งนั้น!
เกือบจะทุกเจ้าต่างก็เสนอเงินเกิน 1 หมื่นล้านต่อปี! นี่คือข้อเสนอที่จะมีเฉพาะระดับ ‘เทพสงครามขั้นสูง’ เท่านั้นที่จะได้รับ แต่ตอนนี้ หลัวเฟิงยินดีกับข้อเสนอที่เหนือกว่าระดับ ‘เทพสงครามขั้นสูง’ มากกว่า!
“หอคอยนั่น! มันเตะโด่งเราออกจากโลกเสมือนจริงทันทีเลยพอครบชั่วโมงนึง” หลัวเฟิงถอนหายใจ “ถ้าเราได้อยู่ต่ออีกซักนิดนึงล่ะก็…ฮ่าๆ”
นั่นคือความจริง หลัวเฟิงสามารถเก็บเกี่ยวทุกสิ่งอย่างในหอคอยได้มากทีเดียว
ชั้นที่2 ในหอคอยแห่งการทดสอบนั้นยากสุดๆ!
ในตอนแรก หลัวเฟิงไม่มีความหวังเลยที่จะผ่านบททดสอบระดับ B ของชั้นที่ 2 ในช่วงเวลา 3 นาทีสั้นๆ เขาถูกฆ่าไปถึง 3 ครั้ง! แต่อย่างไรก็ตาม ในครั้งที่ 4 หลัวเฟิงสามารถเข้าสู่สถานะ ‘เทคนิคระดับสมบูรณ์แบบ’ ได้อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่อยู่ในสถานะนั้น หลัวเฟิงสามารถประสานทั้งพลังและความเร็วเข้าด้วยกัน
หลัวเฟิงผ่านบททดสอบระดับ B โดยตรงอย่างไม่รู้ตัว!
เมื่อเป็นเช่นนั้น อันดับของหลัวเฟิงก็กระโดดจากที่ 98 ขึ้นไปที่ 82 หรือ 16 อันดับในพริบตาเดียว!
หลังจากนั้น ก็เป็นบททดสอบระดับ C!
เมื่อเหลือเวลาครึ่งนาทีสุดท้ายจาก 1 ชั่วโมงของเขา เสียงอิเล็กโทรนิคก็ดังขึ้นเตือนหลัวเฟิงว่าเหลือเวลาแค่ 30 วินาทีสุดท้าย! ด้วยเสียงเตือนนี้เอง หลัวเฟิงจึงเกิดอาการวอกแวกเล็กน้อย…ฉัวะ! ตาย! แต่เขาก็ไม่อาจไปโทษเสียงเตือนอันนี้ได้เพราะว่าบททดสอบระดับ C นั้นมันยากจริงๆ
แค่การเสียสมาธิเพียงนิดเดียวก็จะให้ภารกิจจบลงด้วยการตาย!
ทว่าหลัวเฟิงยังสามารถไต่ระดับในหอคอยได้ถึงระดับ 2.9 เพราะหลัวเฟิงทำภารกิจในบททดสอบระดับ C ไปแล้วกว่าครึ่งนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ อันดับของหลัวเฟิงจึงพุ่งทะยานจากที่ 82 เป็น 68
“เราสามารถคงสถานะเทคนิคระดับสมบูรณ์แบบได้ทั้งตอนบททดสอบระดับ B และระดับ C ซึ่งนั่นกว่า 40 นาทีทีเดียว เราน่าจะเข้าสู่ระดับสมบูรณ์ได้เสียที” หลัวเฟิงรู้สึกมีความสุขอยู่ข้างใน พลังในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาจะถูกคูณขึ้นถ้าเทคนิคของเขาไต่ระดับขึ้นอีก ไม่งั้นเขาก็คงไม่สามารถผ่านบททดสอบระดับ B ได้โดยง่ายและเกือบจะผ่านบททดสอบระดับ C ได้แบบนั้นหรอก
“ปี๊บ ปี๊บ!”
เสียงดังจากโน๊ตบุ๊คของเขา คำขอวีดีโอแชทปรากฏขึ้น
“หือ?” หลัวเฟิงเดินเข้าไปดูแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่ง “สวีซิน?”
เขากดยอมรับในทันที
วีดีโอปรากฏขึ้นบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค คนในวีดีโอก็คือสวีซิน