Skip to content

Swallowed Star 127

ตอนที่ 127 การประชุมโต๊ะกลม

เวลาเที่ยงคืน หลัวเฟิงกำลังคุยกับสวีซินอยู่ ขณะนั้นเองโน๊ตบุ๊คก็ปรากฏการจัดอันดับสุดท้ายของอันดับมังกรดำในเดือนนี้ขึ้นมา หลัวเฟิงมองดูแวบหนึ่ง อันดับของตัวเองคืออันดับที่ 68 ชัดเจนว่าเวลา 40 นาทีสุดท้าย การจัดอันดับนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไหร่

คืนนี้หลัวเฟิงมีความสุขมาก

ทว่าแคนเดซต้องเดินกลับที่พักของเขาด้วยสีหน้าย่ำแย่

………..

ในหอของแคนเดซ ในห้องหนังสือ

หลังจากที่อาบน้ำแล้ว แคนเดซก็มานั่งที่หน้าโน๊ตบุ๊คซึ่งมีคำขอวีดีโอแชทอยู่ 2 รายการ แคนเดซชำเลืองมอง อันหนึ่งจากสำนักงานใหญ่ตระกูลพอลลินัส ขณะที่อีกอันหนึ่งจากป้าของเขา เวนีน่า พอลลินัส ผู้ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศจีน

เขากดยอมรับคำของของป้าของเขา

“ครับป้า” แคนเดซยิ้มขณะที่กล่าวทัก

“แคนเดซ หลานรักของป้า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เวนีน่าพูออย่างห่วงใย

แคนเดซกับป้าของเขาค่อนข้างสนิทกัน พ่อกับแม่ของเขาระหองระแหงกันตั้งแต่เขายังเด็ก พวกเขาจึงหย่าร้างกัน เวนีน่าจึงชุบเลี้ยงแคนเดซไว้… เวนีน่าเป็นเหมือนแม่ของเขามากกว่าป้า เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่เขามีความแข็งแกร่งอยู่ในตอนนี้ก็เป็นเพราะคำชี้แนะจากป้าของเขานั่นเอง

“หลานรัก ดูเหมือนสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ?” เวนีน่าเอ่ยถาม

“ครับ นิดหน่อย” แคนเดซพยักหน้า

“เป็นเพราะเรื่องหลัวเฟิง ทางตระกูลเลยไม่ค่อยพอใจเธอตอนนี้” เวนีน่ายิ้ม แคนเดซอดสาปแช่งออกมาไม่ได้ “ผมรู้หรอกว่าพวกเขาคงจะนึกถึงแต่เรื่องนี้ ตอนสิ้นเดือนก่อน ทางตระกูลก็บอกให้ผมเชิญหลัวเฟิงไปทีนึงแล้ว ใช่…ผมปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ต่อให้ผมถามเขาก็เถอะนะ ยังไงก็คงไม่สำเร็จหรอก เพราะหลัวเฟิงเขาปฏิเสธทุกคำเชิญที่เขาได้รับจากทุกที่ไปแล้ว”

ตอนสิ้นเดือนมีนาคม เดือนที่หลัวเฟิงเพิ่งจะเข้ามาร่วมค่าย ตระกูลพอลลินัสแห่งพันธมิตรใต้ดินก็ส่งคำเชิญให้หลัวเฟิงไปแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม แคนเดซกับวิลเลียมกลับมีเรื่องกับหลัวเฟิง ดังนั้น จะให้แคนเดซรับปากเรื่องการเชิญชวนหลัวเฟิงได้อย่างไร?

“พวกเขาก็แค่อยากให้เธอได้ลองทำงานใหญ่ดูล่ะมั้ง” เวนีน่ากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เธอไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ”

“พวกพี่น้องก็คงจะกำลังจ้องดูสถานะของผมแล้วคาดหวังว่าจะให้ผมสร้างความผิดพลาดครั้งใหญ่ พวกเขาจะได้มีโอกาสกลายเป็นผู้สืบทอดมากขึ้นซินะ” แคนเดซกล่าวเย้ยๆ

“หลานรัก ไม่ต้องกังวลหรอก ป้าสนับสนุนเธอเต็มที่” เวนีน่ายิ้ม “และยังมีคนในตระกูลอีกหลายคนที่สนับสนุนเธอ เธออยู่ในค่ายฝึกที่ดีที่สุดในโลกแล้วนะ เพราะงั้น สถานะของเธอดีกว่าทีเดียว ไม่ต้องคิดมากหลานรัก เมื่อเธอจบจากค่ายฝึกและมีประสบการณ์พอสมควรแล้วเธอจะควบคุมตระกูลเราทั้งตระกูลได้แน่”

“ครับป้า” แคนเดซพยักหน้าเบาๆ

“อันดับของเธอค่อนข้างสูง เพราะงั้น พยายามหน่อยนะ คว้าอันดับท็อป 30 ในปีนี้ให้ได้” เวนีน่ากล่าวเสริม

“ผมจะทำเต็มที่ครับ” แคนเดซพยักหน้า

ป้าและลุงของแคนเดซเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของเขา

“ป้ามีเรื่องที่จะขอร้องเธอ” สีหน้าของเวนีน่าดูเศร้าลง

“อะไรเหรอครับ?” แคนเดซถามอย่างสงสัย

เวนีน่าถอนหายใจ “เธอรู้เรื่องที่น้องชายเธอถูกฆ่าใช่ไหม?”

“ครับ” แคนเดซรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว

“ป้าอยากให้เธอคอยจับตาดูหลัวเฟิงในตอนที่เขาอยู่ในค่าย ถ้าเขาแสดงความเป็นนักอ่านจิตออกมาให้โทรมาบอกป้าทันที” เวนีน่ากล่าว สถานะของหลัวเฟิงตอนนี้ดึงดูดความสนใจของเวนีน่าและหลี่เย่าด้วย จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงขอความช่วยเหลือจากแคนเดซ

“นักอ่านจิต?” แคนเดซอึ้ง “ป้าครับ ป้าคิดว่าหลัวเฟิงอาจจะเป็นคนร้ายเหรอครับ?”

แน่นอน แคนเดซก็รู้เรื่องค่าหัวก้อนโต

“ถ้าเขาเป็นนักอ่านจิต เขาก็อาจจะเป็นฆาตกรได้” เวนีน่าพยักหน้า

“ความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นนักอ่านจิตนั้นไม่มากนัก” แคนเดซขมวดคิ้ว “แต่ป้าครับ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมจะจับตาดูเขาให้ครับ”

………..

สำหรับ 28 วันแรกของเดือนเมษายน การแข่งขันนั้นสูงมาก ทว่าตอนนี้อันดับถูกจัดเรียบร้อยแล้ว นักเรียนจึงสามารถผ่อนคลายได้ 2 วัน

วันที่ 29 เวลา 8 โมงเช้า ในโรงฝึกเล็กๆ บนชั้นที่ 2 ของตึกมหานพ

“รุ่นพี่”

“รุ่นพี่”

หลัวเฟิงทักทายกับนักเรียนคนอื่นๆ 3 คน และเมื่อเข้าไปด้านใจก็มีนักเรียนอยู่ในนั้นแล้วอีก 2 คน เมื่อนับรวมทั้งหมดก็จะเป็น 6 คน 4 คนเป็นชาวจีน และอีก 2 คนเป็นคนขาว และในจำนวน 6 คนนี้เป็นผู้หญิงถึง 3 คน

เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนของนักเรียนชายกับหญิงในค่ายนี้แล้ว เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกที่ได้เห็นนักเรียนหญิงถึง 3 คนใจจำนวนกลุ่มที่มี 6 คนเช่นนี้

“หลัวเฟิง นายเบียดขึ้นไปอยู่อันดับที่ 68 ได้จริงๆ ด้วย สุดยอดเลย!” วัยรุ่นชาวจีนร่างสูงหัวเราะพลางยกนิ้วให้ “บอกได้คำเดียวว่า…เยี่ยม”

เด็กสาวผิวขาวผมสีส้มยิ้มให้ขณะที่มองมายังหลัวเฟิงและภาษาจีนกลางที่คล่องแคล่วก็ออกจากปากเธอทันที “ในทั่วทั้งค่ายทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องของนายในร้านอาหารเมื่อเช้านี้ เมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้เลยว่านายเก่งแค่ไหน ฉันอยากจะเรียนรู้จากนายเพราะงั้น พวกเรามาซ้อมด้วยกันได้ไหมบ่ายนี้?”

“เจเนต สนใจหลัวเฟิงหรือไง?” เด็กสาวผิวขาวอีกคนหัวเราะ “หลัวเฟิง เจเนตกำลังขอเธอเดทอยู่นะ อย่าพลาดเชียวนะ”

“แล้วทำไมล่ะ?” เจเนตขมวดคิ้ว

“โอ้”

“ฮ่าๆ หลัวเฟิง ยังไม่คว้าโอกาสไว้อีกเหรอ” คนอื่นๆ ฮือฮาขึ้น มีนักเรียนหญิงไม่กี่คนภายในค่ายฝึกและนักเรียนชายหลายคนก็ล้วนปรารถนาจะได้แต่งงานกับพวกเธอ ทุกคนในค่ายฝึกหัวกะทินี้ต่างการันตีอยู่แล้วว่าจะกลายเป็นเทพสงคราม ถ้าเทพสงคราม 2 คนแต่งงานกัน ลูกๆ ของพวกเขาก็จะอนาคตสดใสเลยทีเดียว

หลัวเฟิงอึ้งไป

เด็กสาวจากตะวันตกกล้าในเรื่องนี้มากกว่าเด็กสาวจากตะวันออก ตอนนี้ครูเจียงฟางมีนักเรียนทั้งหมด 6 คน เนื่องจากเธอเป็นคนจีน โดยปกติเธอจึงยอมรับเฉพาะนักเรียนจีนเท่านั้น…มีบางครั้งเท่านั้นที่เธอจะรับนักเรียนจากประเทศอื่นๆ หรือจากนครอื่น แต่สำหรับประเทศอื่นๆ ก็จะรับเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น!

“ครูครับ”

“ครูคะ”

เจียงฟางในชุดฝึกสีม่วงยิ้มพลางเดินเข้ามาจากประตู “วันนี้วันที่ 29 และนักเรียนทั้ง 6 คนก็อยู่ที่นี่แล้ว อืม…หลัวเฟิง ทำดีมาก เมื่อวานทำได้ดีจริงๆ”

ชั่วโมงเรียนเทคนิคดาบนี้จบลงเมื่อเวลา 10.30 น.

ทุกคนออกจากห้องมาทีละคน

“หลัวเฟิง เดี๋ยวก่อนซิ” เจียงฟางเอ่ยเรียก นักเรียนอีก 5 คนออกไปแล้ว ดังนั้นจึงมีแต่หลัวเฟิงและเจียงฟางเท่านั้นที่ยังอยู่ในโรงฝึก

“ครับครู” หลัวเฟิงมองหน้าเจียงฟางด้วยความสงสัย

เจียงฟางมองหลัวเฟิงพร้อมกับยิ้ม เธอยิ้มกระทั่งตาของเธอหรี่เป็นเส้นตรง ครูฝึกได้สอนนักเรียนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขจริงๆ เจียงฟางกล่าวเสียงอ่อนโยน “หลัวเฟิง ครั้งนี้นายติดอันดับที่ 68 ได้ในเดือนแรก และนายยังอายุแค่ 19 ปี หนำซ้ำนายยังมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนและไม่เคยได้รับการฝึกพิเศษอะไรเลย… ฉันจินตนาการได้เลยนะว่าพวกองค์กรต่างๆ ทั่วโลกคงจะต้องยื่นข้อเสนอที่ไม่ธรรมดาให้กับนายแน่”

“ครับ” หลัวเฟิงพยักหน้า

“แต่ฉันอยากจะเตือนนายซักอย่างนะ” เจียงฟางกล่าว

“เป็นความกรุณาครับครู” หลัวเฟิงน้อมรับอย่างสนใจ อะไรกันคือสิ่งที่เจียงฟางจะเตือนเขา

เจียงฟางกล่าว “ค่ายฝึกหัวกะทินี้ถูกริเริ่มโดยสำนักขีดสุด ถึงแม้ว่าพันธมิตรใต้ดิน สำนักต่างๆ และประเทศใหญ่ๆ มีข้อตกลงในเรื่องของสิทธิ์ติดตัวเหล่าอัจฉริยะ แต่ทางสำนักขีดสุดเราก็ไม่ได้ปรารถนาให้นักเรียนเข้าร่วมกับองค์กรอื่นๆ หรอกนะ ฉะนั้น ฉันจึงอยากจะขอให้นายไม่ให้เข้าร่วมกับองค์กรอื่น และให้มาเข้าร่วมกับทางสำนักขีดสุดของเรา”

ถึงแม้ว่าหลัวเฟิงจะเป็นสมาชิกของสำนักขีดสุดอยู่แล้ว

นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่กับสำนักขีดสุดตลอดไป กล่าวคือ เขายังมีสิทธิ์ยอมรับการเข้าร่วมกับองค์กรอื่นๆ ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาหลังจากที่จบจากค่ายฝึกหัวกะทินี้แล้ว

“ทำไมเหรอครับ?” หลัวเฟิงถาม

“เพราะสำนักขีดสุดจะเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนายไงล่ะ” เจียงฟางยิ้ม

“สิ่งที่ดีที่สุด?” หลัวเฟิงอยากรู้ขึ้นมาทันที

โดยปกติพวกมหาอำนาจรายที่เล็กกว่ามักพยายามยื่นข้อเสนอที่ดีๆ มาให้กับกลุ่มเป่าหมายของพวกเขาเพื่อให้ตัดสินใจยอมรับ

สำนักขีดสุดมีข้อเสนอที่ดีที่สุดงั้นหรือ?

“แน่นอน” เจียงฟางพยักหน้า “เนื่องจากเจ้าสำนักของพวกเราเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ท่านจึงได้รับขุมทรัพย์มามากที่สุดจากซากโบราณคดี! และผู้ส่งออกเลือดมังกรรายเดียวของตลาดทุกวันนี้ก็คือเจ้าสำนักของพวกเรานั่นเอง”

หลัวเฟิงกะพริบตาปริบๆ

ฟังจากสิ่งที่เจียงฟางพูด…

เจ้าสำนัก อาจารย์หง คือผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

“คอยดู…ในราวๆ วันสองวันนี้ เดี๋ยวทางเบื้องบนน่าจะเรียกพบเธอ” เจียงฟางเอ่ย

…….

ในโลกเสมือนจริง

ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ พื้นเป็นสีเงิน ผนักก็เป็นสีเงิน และโต๊ะกลมขนาดใหญ่ก็เป็นสีเงิน มีเก้าอี้สีดำสนิทเพียง 6 ตัวเท่านั้น สีดำเช่นนี้เหมือนกับว่าจะสามารถกลืนกินสีอื่นไปเสียทั้งหมดให้ได้ และตอนนี้ เก้าอี้สีดำพวกนั้นกำลังตั้งล้อมรอบโต๊ะตัวนั้น…

บุคคล 5 คนในชุดสีขาวกำลังนั่งอยู่

เพดานของห้องประชุมนี้เป็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ในบรรดาชายในชุดขาว 5 คนนี้ 3 คนเป็นชาวจีน คนหนึ่งเป็นคนขาว และอีกคนเป็นคนผิวสี

“นี่คือข้อมูลของหลัวเฟิง”

“ระดับในหอคอยของเขาคือ 2.9 และระดับพลังหมัดอยู่ที่ 2.8 ฉะนั้น ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็คือ 8.10 ซึ่งมันคือขั้นสุดยอด” ชายชาวจีนในชุดขาวกล่าว

1-2 คือขั้นต้น

2-4 คือขั้นกลาง

4-8 คือขั้นสูง

และ 8-16 คือขั้นสุดยอด

หลัวเฟิงเริ่มต้นเข้าสู่ก้าวแรกของขั้นสุดยอดแล้ว

ชายผิวสีในชุดขาวพยักหน้า “คะแนนการต่อสู้ของเขาจากการออกล่าสัตว์ประหลาดเทียบเท่ากับนักเรียนเก่าที่อยู่ในค่ายมาแล้วถึง 3 ปี ความสามารถในการต่อสู้ของเขาคือขั้นสุดยอด ถึงแม้เขาจะเพิ่งเข้าสู่ขั้นนี้ก็ตาม แต่ก็เทียบเท่ากับนักเรียนปี 5 ของที่นี่เลยทีเดียว เมื่อรวม 2 สิ่งนี้เข้าด้วยกันจึงทำให้เขาอยู่ในอันดับที่ 68”

“ท่านผู้ตรวจการหวัง ผมเห็นเด้วยกับการเชิญชวนหลัวเฟิง แต่เงื่อนไงที่ท่านจะเสนอล่ะ…”

“วลาดีเมียร์ ผมว่าข้อเสนอของผมยังไม่สูงเท่าไหร่”

ชายชุดขาวทั้ง 5 ต่างถกกันอย่างเข้มข้น

ถ้ามีเทพสงครามจากสำนักขีดสุดมาเห็นสิ่งนี้เข้า พวกเขาก็คงจะต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน เพราะนี่คือการถกกันของระดับผู้บัญชาการสูงสุดอันเป็นตำนานเลยทีเดียว…มันคือการประชุมโต๊ะกลม…เจ้าสำนัก อาจารย์หง กับผู้ตรวจการระดับบิ๊ก 5 คน และผู้ตรวจการระดับบิ๊ก 5 คนนี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือระดับเทพสงคราม!

เจ้าสำนักกับท่านผู้ตรวจการเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของสำนักขีดสุด

แต่ละท่านในนี้ล้วนสามารถเขย่าขวัญของประเทศทั้งประเทศได้เลยทีเดียว

โดยปกติ ท่านผู้ตรวจการทั้ง 5 คนนี้มักจะมาประชุมโต๊ะกลมด้วยกันอยู่แล้ว ส่วนเจ้าสำนักจะไม่ค่อยได้มาร่วมมากนัก เนื่องจากผู้ตรวจการทั้ง 5 คนจะกระจายกันอยู่แต่ละมุมโลก ดังนั้นพวกเขาจึงมักประชุมกันผ่านทางโลกเสมือนจริง โดยทั่วไปแล้ว เหล่าบรรดาเทพสงครามจะเคยได้ยินเพียงแค่ว่ามีการประชุมโต๊ะกลมและพวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นสิ่งนี้กับตาเสียที

“ท่านผู้ตรวจการทั้ง 5!” เสียงอิเล็คโทรนิคดังขึ้น

เงียบกริบ…

ผู้ตรวจการทั้ง 5 คนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดาวน้อยใหญ่เหนือห้องประชุม เอกสาร 5 ฉนับลอยลงมาและร่อนลงวางตรงหน้าของผู้ตรวจการแต่ละคน เสียงอิเล็คโทรนิคดังขึ้นต่อ “นี่คือการตัดสินใจของเจ้าสำนักเรื่องการจัดการกับหลัวเฟิง ถ้ามีสิ่งใดคัดค้าน ให้ทุกท่านส่งรายงานมาที่เจ้าสำนัก ถ้าไม่มีสิ่งใดคัดค้าน ก็ให้ดำเนินการตามเอกสารนี้”

ผู้ตรวจการทั้ง 5 คนเปิดเอกสารอย่างรวดเร็ว

“มีข้อคัดค้านหรือไม่?” เสียงอิเล็กโทรนิคถามขึ้น

“ไม่”ๆๆๆๆ ผู้ตรวจการทั้ง 5 ตอบรับพร้อมเพรียงกัน

“ถ้าเช่นนั้น ท่านผู้ตรวจการหวังกรุณาปฏิบัติตามข้อตกลงในเอกสารนี้ด้วย!” เสียงอิเล็คโทรนิคกล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version