ตอนที่ 1438 : ตระหนักได้
ในฐานะ อสูรทลายมิติ ที่แข็งแกร่งที่สุดในรังตอนนี้แล้ว เป็นธรรมดาที่ แบ๊ดดี้ จะกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลจักรวาล ข้อมูลจาก เจินเจี๋ย และ มังกรหิน ทำให้มันรู้ถึงบางข่าวรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของทะเลจักรวาลที่เป็น เจ้าแห่งจักรวาล หลัวเฟิง
น่าเสียดายที่สองคนนั้นโดนกีดกันโดยเผ่าอื่นๆ ในทะเลจักรวาล แบ๊ดดี้ คิด ข้าไม่รู้ว่า ทางช้างเผือก ทะลวงเป็นเทพแท้จริงรึยัง…ข้ายังไม่รู้ด้วยว่า ทางช้างเผือก คนนี้ทำให้ โมโลซ่า กลับไปที่ระดับหนึ่งด้วยความสามารถระดับ เจ้าแห่งจักรวาล รึว่าเขาทำแบบนั้นหลังจากที่เป็นเทพแท้จริง
แบ๊ดดี้ สงสัย สองความเป็นไปได้นี้แตกต่างกันอย่างมาก
ถ้า หลัวเฟิง เป็นเทพแท้จริง การที่สามารถทำให้ โมโลซ่า กลับไปที่สู่ระดับหนึ่งได้ก็ไม่ได้น่าประทับใจอะไรและภัยที่เขามีก็ไม่ได้มากนักแต่ถ้า หลัวเฟิง เป็น เจ้าแห่งจักรวาล แล้วสามารถทำให้ โมโลซ่า กลับไปสู่ระดับ 1 ได้ งั้นตอนที่ หลัวเฟิง เป็นเทพแท้จริงขึ้นมา เขาจะร้ายกาจเพียงใดกัน?
“ดูเหมือนว่าพลังของข้ายังคงด้อยอยู่” แบ๊ดดี้ พูดกับตัวเอง “ข้าต้องเพิ่มพลังตัวเองให้เร็วที่สุด ข้าต้องทรงพลังให้เร็วกว่านี้ ข้าเคยสนใจแต่พวกระดับ 3 ตอนนี้ข้าต้องกินแม้กระทั่งพวกที่อยู่ระดับ 2…ถ้าข้ากินพวกระดับ 2 ไปเยอะ พวกมันก็เท่ากับพวกระดับ 3 สักตัวได้”
กลยุทธ์ในอดีตของ แบ๊ดดี้ นั้นเรียบง่าย อะไรที่เป็นภัยต่อมัน มันก็จะกิน และแม้ว่าไม่อาจจะกินเป้าหมายได้แต่มันก็จะทำให้เป้าหมายได้รับบาดเจ็บหนัก ด้วยวิธีนี้ แบ๊ดดี้ จึงสามารถที่จะรักษาตำแหน่งอันสูงส่งไว้ได้ วิธีนี้มั่นคง มันสามารถกดหัว อสูรทลายมิติ นับร้อยๆ ที่เป็นภัยต่อมันได้…แต่วิธีนี้ก็ยังช้าด้วย!
ถ้ามันต้องกินและโจมตีพวกระดับ 2 จำนวนมาก มันจะเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วแต่มันก็ยังหมายความว่ามันไม่สามารถได้ข้อมูลมากพอเกี่ยวกับพวกที่เป็นภัยต่อมัน เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ
****
โมโลซ่า กับ หลัวเฟิง ได้สู้กันซึ่ง โมโลซ่า เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป นี่เป็นการปะทะครั้งแรกระหว่าง อสูรทลายมิติ กับชีวิตจากทะเลจักรวาล มันได้ทำให้เกิดความกลัวในเผ่าต่างๆ ของทะเลจักรวาล เผ่าต่างๆ รู้ว่าเมื่อเกิดการปะทะครั้งแรกขึ้น ครั้งสองก็จะตามมาในไม่ช้า
โมโลซ่า เมื่อกลับมาอยู่ระดับ 1 แล้วได้กลับมาที่รังตัวเอง ตอนที่ อสูรทลายมิติ มากมายรู้ข่าวนี้ พวกนั้นต่างก็ช็อก มันทำให้พวกมันรู้ตัวว่าพวกมันนั้นเข้าใจผิด เรื่องความแข็งแกร่งของเผ่าต่างๆ ในทะเลจักรวาล พวกมันไม่คิดว่าคนจากทะเลจักรวาลจะแข็งแกร่งแบบนี้ อีกอย่างแล้วมันทำให้พวก อสูรทลายมิติ ที่เอาแต่สู้และกินกันต้องพากันชะงัก สุดท้ายพวกมันก็เริ่มเสียการยับยั้งชั่งใจ!
****
บรรพบุรุษอสูรอสูรเทพอาวุโสยืนอยู่ที่ริมลานตรงหน้าวังบรรพบุรุษอสูรเทพก่อนจะมองออกไปยังวังของ อสูรทลายมิติ ที่ลอยอยู่ในมิติ
“ทางช้างเผือก อาจจะเอาชนะ อสูรทลายมิติ ตัวแรกไปได้ในทางกลับกันแล้วมันก็หนีไปได้” เขาพูดขึ้น “แต่ตามข่าวที่ส่งมาถึงข้าโดยจิตจักรวาลดั้งเดิม อสูรทลายมิติ จำนวนนับไม่ถ้วนในรังต่างก็ได้รับผลกระทบ พวกมันรีบพัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น มันมีโอกาสสูงที่การต่อสู้สุดท้ายจะเกิดขึ้น”
“ใช่” อสูรเทพหนุ่มพูดด้วยสีหน้ากังวล “ทางช้างเผือก เป็นความหวังเดียวของทะเลจักรวาล! ถ้าเขาเป็นเทพที่แท้จริง! ถ้าเขากลายเป็นเทพแท้จริงได้ เราก็ยังมีหวัง…แต่ถ้าเขาไม่ทะลวงระดับ เมื่อกองทัพ อสูรทลายมิติ ที่แข็งแกร่งมุ่งหน้ามาหาเรา หรือ อสูรทลายมิติ ที่แข็งแกร่งออกมาที่นี่ เราก็ไม่อาจจะหยุดพวกมันได้ การโดนกำจัดคงเป็นชะตาของเรา! ปัญหาของ ทางช้างเผือก คืออะไร? ขนาดเป็นแค่ เจ้าแห่งจักรวาล ก็ยังมีเทคนิคที่น่าทึ่งขนาดนี้! และพลังของเขาก็น่าเหลือเชื่อ เขามีการสืบทอดสายน้ำวูดูวง และจากโลกแห่งจินเขาก็ยังได้รับการสืบทอดจากสังคมโบราณ ทำไมเขาถึงยังทะลวงระดับกลายเป็นเทพแท้จริงไม่ได้? สำหรับคนอื่นๆ แล้วการเป็นเทพแท้จริงนั้นอาจจะท้าทายแต่สำหรับเขาล่ะ? เขาน่าจะกลายเป็นเทพแท้จริงได้นานแล้ว”
เทพสองหน้าส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ทำไม ทางช้างเผือก ถึงยังไม่เป็นเทพแท้จริง?
ไม่ใช่แค่บรรพบุรุษอสูรเทพสามคนที่กังวลแต่เผ่าต่างๆ ในทะเลจักรวาลต่างก็กังวลไปด้วย!
ย้อนกลับไปตอนที่การสืบทอดจากสังคมโบราณยังไม่ได้ถูกส่งต่อ การเป็นเทพแท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก แต่ตั้งแต่ที่ทุกเผ่ารู้เรื่องการสืบทอดจากสังคมโบราณ ระดับความยากนั้นก็ลดลงจนเทียบได้กับการขึ้นเป็น เจ้าแห่งจักรวาล
****
“หลัวเฟิง!”
ในดินแดนทางช้างเผือก ทรูหยัน ยืนอยู่ตรงหน้าวังตนเองมองออกไปยังมหาสมุทร ในสายตาเขามีความกังวลแฝงไว้อยู่
“ข้าเชื่อว่าตอนนี้เจ้าคงต้องกดดันอย่างมาก” ทรูหยัน พูดขึ้น “เพราะเผ่าต่างๆ ทั่วทะเลจักรวาลต่างก็คาดหวังไว้กับเจ้า ตอนนี้เจ้าต้องพึ่งตัวเอง เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น”
ทรูหยัน ใจสลาย ศิษย์ของเขา หลัวเฟิง…สำหรับเขาแล้วศิษย์คนนี้คือความภูมิใจสูงสุดของเขา
ย้อนกลับไปตอนที่ หลัวเฟิง เข้าไปใน เมืองแห่งความโกลาหล ครั้งแรกเพราะการแข่งขันอัจฉริยะ เขาถูกรับเข้าเป็นศิษย์โดย ทรูหยัน และทรูหยัน เห็นการเติบโตของศิษย์คนนี้มาตลอดช่วงชีวิต!
ทรูหยัน ยังเข้าใจว่าทุกสิ่งที่ หลัวเฟิง เจอมาในโลกทำให้ หลัวเฟิง ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร เขายอมตายดีกว่าที่จะยอมแพ้ ทรูหยัน รู้ถึงอดีตของ หลัวเฟิง และเห็นการที่ หลัวเฟิง เติบโตขึ้นมา เขาห่วง หลัวเฟิง ในฐานะศิษย์และถือว่า หลัวเฟิง เป็นครอบครัวของตัวเอง
ครอบครัวของ ทรูหยัน จากไปนานแล้วเพราะเวลาที่ผ่านพ้นมา ศิษย์ก็เหมือนครอบครัวของเขา ในใจ ทรูหยัน แล้ว หลัวเฟิง ไม่ต่างจากลูก บางที หลัวเฟิง อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ ทรูหยัน รู้สึกแบบนั้นกับ หลัวเฟิง จริงๆ ทุกครั้งที่ หลัวเฟิง แข็งแกร่งขึ้นมา ทรูหยัน ก็จะรู้สึกปลาบปลื้มกับความสำเร็จของ หลัวเฟิง
ตอนนั้น ทรูหยัน ไม่อาจจะทำอะไรได้จนทำให้ตัวเขาเองต้องปวดใจ
“เจ้าต้องทนไว้และเผชิญหน้ากับภัยครั้งนี้” ทรูหยัน ภาวนา “เจ้าควรรีบเป็นเทพแท้จริงให้เร็วที่สุด นี่เป็นทางเดียวที่จะมีความหวังที่จะรอดต่อไปได้”
ทรูหยัน ไม่คิดจะเข้าไปแทนที่ หลัวเฟิง เขารู้ว่าเขาคงเป็นได้แค่ของหวานของพวก อสูรทลายมิติ เขาไม่ได้มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
****
“หลัวเฟิง ถ้าเจ้าต้องตาย เจ้าต้องรอจนกว่าจะจัดการกับ อสูรทลายมิติ ทุกตัวได้!” บรรพบุรุษจันทราม่วง คำรามในใจ “จากนั้นเจ้าถึงจะตายได้!”
****
“เจ้าต้องกลายเป็นเทพแท้จริง! นี่…นี่ไม่น่ายากสำหรับเจ้า” จักรพรรดิบูรพา ยืนอยู่บนต้นไม้แล้วมองออกไป สายตาของเขามองทะลุจักรวาลแล้วมองไปยังทางจักรวาลหลัก “แม้ว่าเจ้าจะเลือกเส้นทางพลังอมตะแต่ดูจากพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว เจ้าน่าจะทำสำเร็จ”
****
“เจ้าต้องกลายเป็นเทพแท้จริง!” ตาสวรรค์ พูดขึ้นด้วยท่าทีคาดหวัง “ข้าไม่คิดเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ!”
****
“เจ้าต้องกลายเป็นเทพแท้จริง!”
“เจ้าต้องกลายเป็นเทพแท้จริง!”
****
เผ่าต่างๆ ในทะเลจักรวาลรวมถึงแมลงและปีศาจต่างก็คาดหวังเช่นนี้ ทุกคนต่างก็คาดหวังให้ หลัวเฟิง เป็นเทพแท้จริงให้ได้
****
ไกลออกไปในสามดินแดนอันตรายที่เรือจักรวาลอยู่ ภายในมิติของเสาหิน
“โอ้ สูงจริงๆ” ด้านในเรือเงิน หลัวเฟิง ยืนอยู่ที่ใจกลางห้องโถงมองออกไปภายนอกเขาเห็นเสาหินสีดำที่แทงทะลุก้อนเมฆ “ในที่สุดข้าก็ได้กลับมาที่นี่อีก!”
เสาหินนี้คือหนึ่งในส่วนประกอบของเรือจักรวาล มันมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ พลังนั้นก็รุนแรงมากขึ้น อีกอย่างแล้วยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ เวลาก็ถูกเร่งมากยิ่งขึ้นไปด้วย!
เจ้าแห่งจักรวาล ทั่วไปเข้าไปใกล้ได้แค่เขตที่เร่งเวลา 1,000 เท่า
เจ้าแห่งดาวไบ่ชิง ที่ไปใกล้ที่สุดสามารถเข้าไปในส่วนที่เร่งเวลา 130,000 เท่าได้!
“ให้ข้าลองสำรวจตัวเองก่อน” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ว่าข้าจะเข้าไปใกล้ได้มากแค่ไหน”
หลัวเฟิง อยู่ในเรือสุสานและย่นระยะห่างระหว่างเขากับเสาหิน 10,000 เท่า, 30,000 เท่า…เรือยังคงบินเข้าไปใกล้เสาหินแต่ หลัวเฟิง ยังคงรักษาสีหน้าปกติได้อยู่ พลังจิตของเขาขึ้นไปถึงระดับเทพแท้จริงนิรันดร์แล้วซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่า เจ้าแห่งดาวไบ่ชิง 100,000 เท่า, 120,000 เท่า, 150,000 เท่า…
มิติบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย การเร่งเวลานี้รวดเร็วอย่างมาก พลังจิตอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาโดยรอบ มันราวกับว่ามันจะทำลายทุกอย่างแต่ หลัวเฟิง ดูเหมือนยังสบายอยู่โดยไม่มีท่าทีอึดอัดเลยแม้แต่น้อย
220,000 เท่า, 260,000 เท่า, 290,000 เท่า….510,000 เท่า, 550,000 เท่า
“หืม?” สีหน้าของ หลัวเฟิง เคร่งขรึมอย่างมาก “ข้าเข้าใกล้ได้มากกว่าเดิม”
เรือสุสานบินเข้าไปใกล้เสาหินอย่างมากแต่แรงจากพลังจิตตอนนี้ทรงพลังเพียงพอที่จะทำให้ หลัวเฟิง คิ้วขมวดได้ สุดท้ายเรือสุสานก็เริ่มลดความเร็วลงจนสุดท้ายก็หยุดนิ่ง
ตอนนั้นมันคือขีดจำกัดของ หลัวเฟิง ด้านหน้าเรือสุสานเกือบจะสัมผัสกับเสาหิน
“ข้าอยากจะสัมผัสเสาหินแต่ข้าเดาว่าพลังจิตของข้าต้องขึ้นถึงระดับเทพแท้จริงนิรันดร์ขั้นจำกัด” หลัวเฟิง กระซิบ “ข้ายังด้อยในด้านนี้”
พลังจิตของเขาอาจจะขึ้นไปถึงระดับเทพแท้จริงนิรันดร์แต่เขาก็ยังเข้าถึงขั้นจำกัด
“การเร่งเวลาตอนนี้อยู่ที่ 600,000 เท่า” หลัวเฟิง พยักหน้ากับตัวเอง
เป้าหมายของเขาในการมาที่เสาหินนี้คือยืมสภาพแวดล้อมที่เร่งเวลาเพื่อการบ่มเพาะ!
ภัย อสูรทลายมิติ สร้างความกดดันให้กับ หลัวเฟิง อย่างมาก เขาต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า ดังนั้นที่นี่จึงโผล่มาในหัวเขา!
“ตอนนี้ข้าได้เข้าสู่มิติบ่มเพาะอีกครั้งแล้ว”
หลัวเฟิง จมอยู่ในความคิด มิติบ่มเพาะแต่เดิมแล้วเร่งเวลาได้ 10,000 เท่า ถ้าสภาพภายนอกเร่งเวลา 600,000 เท่า งั้นด้วยการเร่งเวลาจากสองสถานที่นี้รวมกันโดยทางทฤษฎีแล้วเขาจะเร่งเวลาได้ 6 พันล้านเท่า ถ้าเขาต้องการเพิ่มให้มันมากว่านี้ มันคงเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
“พลังจิตที่นี่แข็งแกร่งเกินไป ข้าจะได้รับผลกระทบหากเริ่มทำการบ่มเพาะที่นี่ ข้าจะถอยกลับไปเล็กน้อย”
หลัวเฟิง ควบคุมเรือให้ถอยกลับมาเล็กน้อยและหยุดในส่วนที่เร่งเวลา 500,000 เท่า จากนั้นร่างหลักของเขาก็ได้เข้าสู่มิติบ่มเพาะ ในมิติบ่มเพาะสามารถเร่งเวลาได้อีก 10,000 เท่า
“เร่งเวลา 1,000 เท่า” หลัวเฟิง พูดพร้อมกับลองเร่งเวลา การเร่งเวลาในมิติบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมาทันที หลังจากนั้นมันก็คงอยู่ที่ระดับ 1,000 เท่า
ด้วยการเร่งเวลาด้านนอก 500,000 เท่ากับด้านใน 1,000 เท่า การเร่งเวลาโดยรวมจึงเพิ่มขึ้นมา 5 ร้อยล้านเท่า
ฮ่ง! ล่ง!
หลัวเฟิง กลัว เขามองไปโดยรอบ รอบตัวเขาสั่นไหว สวรรค์และผืนดินสั่วไหว ทั้งมิติสืบทอดเองก็สั่นไหวพร้อมกับพลังงานที่ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีแล้ว” หลัวเฟิง เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย “ลดลงเหลือ 100 เท่า!”
ฮัวะ!
การเร่งเวลาด้านในลดลงมาเหลือ 100 เท่า รอบข้างเริ่มคงที่แต่พลังงานที่เก็บในมิติสืบทอดก็ยังถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
“ยังเร็วเกินไปอยู่ดี ลดลงมาเหลือ 10 เท่า” หลัวเฟิง ลดการเร่งเวลามาเหลือ 10 เท่า จากนั้นทั้งมิติสืบทอดก็กลับสู่ความสงบ
“มิติสืบทอดนั้นเร่งเวลาได้เพียงแค่ 10 เท่าแต่พลังงานที่ใช้ก็ยังมากกว่าในตอนที่เร่งเวลา 10,000 เท่า ดูจากพลังงานที่เก็บไว้ในมิติสืบทอดแล้ว มันน่าจะประคองตัวได้ง่ายๆ”
หลังจากที่จัดแจงเสร็จสุดท้าย หลัวเฟิง ก็เข้าใจว่ามิติบ่มเพาะสามาราถเร่งเวลาได้ที่ 20 เท่า รวมกับ 500,000 เท่าด้านนอกแล้วมันเท่ากับ 10 ล้านเท่า การใช้พลังงานนั้นต้องมหาศาลแต่ดูจากจำนวนพลังงงานที่เก็บไว้ในมิติสืบทอดตลอดหลายยุคมานี้ มัน
น่าจะคงอยู่ได้นาน
“ข้าต้องใช้วินาทีให้คุ้มค่า ข้าหวังว่าข้าจะทะลวงผ่านได้ก่อนถึงวิกฤต อสูรทลายมิติ”
หลัวเฟิง ได้ทิ้งร่างพลังอมตะไว้ในเรือสุสาน ร่างหลักของเขาได้จากไปโดยไม่รีรอ
****
เวลาผ่านพ้นไป
ปีแล้วปีเล่าผ่านพ้นไป ร่างพลังอมตะยังคงอยู่ในเขตเสาหินทำการบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่งในสภาพแวดล้อมที่เร่งเวลา 10 ล้านเท่า
ร่างหลักของ หลัวเฟิง นั้นกลับกัน เขาเดินไปทั่วเพื่อหาความกระจ่าง ตอนแรกเขาท่องไปที่ยอดเขาเอียงโดยไปที่เขตหลัก เขาถึงกับลงไปอีกจนมองเห็นดินแดนแห่งความมืดมิดจากไกลๆ จากนั้นเขาก็ไปที่อื่น เขาถึงกับไปหาการสืบทอดที่เทพแท้จริงคนอื่นที่พยายามเกิดใหม่เหนือกว่าได้ทิ้งเอาไว้ จากนั้นเขาก็กลับมาที่เรือจักรวาลอีกครั้งพร้อมกับตรวจสอบดูรอบๆ เขายังพบร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้โดยตัวตนโบราณที่ใช้ไว้ควบคุมเรือจักรวาล เขายังได้ไปค้นหาบริเวณพื้นที่ภูเขาไหล ที่เขาได้รู้ว่ามันมีร่องรอยของตัวตนโบราณถูกพบ
สุดท้าย หลัวเฟิง ก็ได้กลับไปที่จักรวาลหลัก เขาได้เดินไปตามแนวชายแดนและถึงกับไปเยี่ยมอาณาเขตที่เป็นของตระกูล และเผ่าอื่นๆ อย่างแมลง, ปีศาจและหุ่นยนต์ เขายังไปที่เขตของเผ่าที่อ่อนแอ เขาเห็นชีวิตมากมายกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับพวกที่ตายไป เขายังเห็นการต่อสู้และการฆ่ากันของสิ่งมีชีวิตรวมไปถึงการทำลายล้างดาวเคราะห์ด้วย
ไม่ว่าจะดีรึแย่ ทุกอย่างก็เกิดขึ้นในเผ่านับล้านๆ ของจักรวาล หลัวเฟิง มองจากมุมมองคนนอกคอยสังเกตทุกอย่างโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
เขาสังเกตการเกิดของสิ่งมีชีวิต, ดาวเคราะห์, การทำลายล้างดาวเคราะห์, การทำลายล้างกาแล็คซี่จากหลุมดำ
****
หลัวเฟิง เชื่อว่าจักรวาลหลักได้ให้กำเนิดชีวิตเป็นล้านๆ ด้วยเส้นทางสูงสุดของการให้กำเนิด จากองค์ประกอบที่เกิดจากการสังเกตนับไม่ถ้วน เขาต้องหากุญแจที่เปิดประตูไปสู่ขั้นสามของเส้นทางพลังอมตะ บางอย่างที่เรียบง่ายเหมือนการที่เด็กเติบโตมาและพวกที่ตายไปเพราะอายุไขซึ่งเป็นบางอย่างที่ หลัวเฟิง ต้องทบทวนให้ดีๆ
เขาตรวจสอบทุกเบาะแสที่ถูกทิ้งไว้ภายใต้เวลาที่เร่งขึ้นมากว่า 10 ล้านเท่า
บางสิ่งที่เรียบง่ายอย่างการดูแลดินแดนสูงสุดเองก็อยู่ในการสำรวจของ หลัวเฟิง
พลังจิตของ หลัวเฟิง เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“โลก”
หลัวเฟิง ยืนอยู่ด้านนอกมิติมองไปยังดาวเคราะห์สีฟ้า ด้านล่างเขาเวลาได้ไหลย้อนกลับ
โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นทิศทวนเข็มนาฬิกา ทุกอย่างบนโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
“นี่คืออดีต แล้วอนาคตล่ะ?”
ภายใต้สายตาของเขาระบบสุริยะได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง ฉากต่างๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ฉากจากอดีตนั้นชัดเจนเมื่อเวลาไหลย้อนกลับแต่เมื่อเป็นอนาคต หลัวเฟิง ได้เห็นว่าทุกฉากก็ยังคงเปลี่ยนแปลงไป เหตุการณ์ในอดีตนั้นเกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ในทางกลับกันแล้วอนาคตยังมีความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน
“กรร!”
ฉากต่างๆ เหมือนจะแสดงผลลัพธ์เดียวกันออกมา
30,000 ปีในอนาคตระบบสุริยะจะโดนทำลายและทุกชีวิตจะโดนกำจัด นี่หมายความว่า อสูรทลายมิติ ได้ทำลายทุกอย่าง
60,000 ปีจากนี้ระบบสุริยะจะโดนทำลายและทุกชีวิตจะโดนกำจัด
110,000 ปีจากนี้ระบบสุริยะจะโดนทำลายและทุกชีวิตจะโดนกำจัด
ทำลาย!
ทำลาย!
ยังคงโดนทำลาย!
แต่มันมีผลลัพธ์หนึ่งที่กลับกันซึ่งน่าสับสนอย่างมาก โลกพัฒนาไปมากกว่าเดิม เรือมิติได้มุ่งหน้าไปที่โลกนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะผ่านไปกว่าหมื่นหรือร้อยล้านยุคโลกก็ยังมีตัวตน…ผลลัพธ์นี้ได้แสดงความจริงที่ว่า หลัวเฟิง ฆ่า อสูรทลายมิติ ได้
เมื่อดูความเป็นไปได้ทุกอย่างในอนาคตแล้ว หลัวเฟิง ก็ทำการสังเกตอย่างใจเย็น
“หืม?”
อยู่ๆ สีหน้าของ หลัวเฟิง ก็เปลี่ยนไป
“ดวงอาทิตย์!”
ตาของ หลัวเฟิง เป็นประกายขึ้นมา ภายใต้สายตาของเขาตั้งแต่อดีตสังคมโบราณจนถึงอนาคต โลกก็ยังหมุนรอบดวงอาทิตย์ แม้แต่ความเป็นไปได้ต่างๆ ในอนาคตโลกก็ยังหมุนรอบดวงอาทิตย์แบบไม่รู้จบ มันอาจจะซ้ำซากและจำเจแต่มันเป็นไปตามกฎ
กฎที่ไม่มีใครฝ่าฝืนได้
“โลก!” หลัวเฟิง จ้องมองไปที่โลก
จากอดีตจนถึงอนาคตโลกก็ยังเป็นดาวเคราะห์ชีวิตที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายแตกต่างกันกำเนิดขึ้นมา พลังชีวิตนี้ไม่มีตัวตนแต่มันส่งผ่านไปยังจักรวาลหลักเพื่อมองไปยังอนาคต หลัวเฟิง พบเบาะแสที่ทำให้เขาเชื่อว่าโลกนั้นคือแก่นของเขตรอบข้าง ที่ที่ทุกชีวิตกำเนิดขึ้นมา
“โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์คือแก่น…แต่ระบบชีวิตภายในเขตที่กว้างใหญ่นี้ โลกก็ยังถือว่าเป็นแก่น…ระบบสูงสุด ระบบชีวิต ระบบเหล่านี้แตกต่างกัน แต่พวกมันก็รวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ…”
หลัวเฟิง มองไปยังฉากต่างๆ ซึ่งได้แสดงเส้นทางของดวงดาวนับไม่ถ้วน จากนั้นอีกฉากก็ปรากฏขึ้นมา มันคือฉากแผนภาพชีวิตของตัวเขาเองซึ่งซับซ้อนอย่างมากและยังมีแผนภาพโครงสร้างชีวิตของ อสูรทลายมิติ ด้วย
“แตกต่าง…แต่เกี่ยวโยงกัน”
เหนือมิติ, เหนือเวลา,แหล่งกำเนิดจากกฎจักรวาลสูงสุด ทุกอย่างล้วนมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายเดียวกัน ทะเลจักรวาล, เทพแท้จริง, เทพแท้จริงมิติ…อสูรทลายมิติ ทุกชีวิตแม้แต่พวกที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกันแต่ก็กำเนิดขึ้นโดยทะเลจักรวาลล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกัน