Skip to content

Tales of Herding Gods 207

ตอนที่ 207 ฉลาดยังกะปีศาจ

บัดนี้ฉินมู่ก็รู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกเมื่อราชครูสันตินิรันดร์ต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เมืองต้าเซี่ยง เขาได้ยืน

อยู่บนยอดเขาเพื่อสังเกตการณ์การต่อสู้ แต่เขามิอาจมองเห็นกระบวนท่าของยอดฝีมือเหล่านั้นได้ ราชามารตู้เถียนได้ยืมดวงตาของเขาเพื่อสังเกตการณ์การต่อสู้ อันทําให้เขาสามารถมองเห็นกระบวนท่าของราชครูสันตินิรันดร์ อาจารย์ยากจนและคนอื่นๆ ได้อย่างแจ่มชัด เขาถึงกับสามารถตรึกตรองทําความเข้าใจแง่มุมอัศจรรย์จากกระบวนท่าอันร้ายกาจเหล่านั้นได้!

แต่ว่าฉินมู่คิดว่าเขาได้ปิดบังความคิดของตนไว้เป็นอย่างดี และไม่ได้แหวกหญ้าให้ราชามารตื่น

แต่ตอนนี้มันก็เผยออกมาแล้วว่า ความคิดตุกติกเล็กๆ น้อยๆ ของเขานั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ราชามารตู้เถียนสัมผัสได้ถึงความสะท้านใจของเขาในชั่วจังหวะนั้นมาตั้งนานแล้ว และเดาได้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่!

“ผู้อัญเชิญมารโง่เขลา เล่ห์กลจิ๊บจ้อยที่เจ้าคิดว่าฉลาดนักหนา มันไร้สาระในสายตาจ้าวผู้ครองแดนตู้เถียนอย่างข้า”

เสียงของราชามารตู้เถียนดังในจิตของเขา ทําให้หูของเขาดังหวี่อื้ออึงจากแรงสั่นสะเทือน “มดปลวกอย่างเจ้าอย่าเล่นตุกติกต่อหน้าข้าจะดีกว่า เจ้านึกฝันไม่ออกหรอกว่าข้าทรงอํานาจมากแค่ไหน! จงรับใช้ข้า จงบูชาข้า นั่นคือหนทางเดียวที่เจ้าจะรอดชีวิต”

ฉินมู่ตั้งสติและพลันแย้มยิ้ม “จ้าวแห่งตู้เถียนผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเป็นบุคคลเพียงคนเดียวในโลกแห่งนี้ที่ยังรู้วิชาอักษรรูนบัญชาผีย้ายเทพเคลื่อนและข้าก็เป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่สามารถร่ายเวทมนตร์นี้ได้”

ราชามารตู้เถียนนิ่งอึ้ง

สักครู่หนึ่ง เสียงของเขาก็ดังมาอีกครา “เด็กร้ายกาจที่น่าสนใจ เจ้าถึงกับกล้าต่อรองกับข้า เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ…”

ฉินมู่รู้สึกว้าวุ่น ไม่แน่ใจว่าเขาจะต่อรองสําเร็จหรือไม่ หากว่าเขาทําไม่สําเร็จและมารตนนี้ก็ฉีกหน้าต่อยตีกับเขา เขาก็คงต้องเจอเรื่องยุ่งยากแน่

หากว่าเขาต่อรองสําเร็จ และสามารถรอดชีวิตไปได้ เขาสามารถไปขอให้ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่นๆ ช่วยกันเคี่ยวกรําสังหารราชามารตู้เถียนจนกว่ามันจะสิ้นซากเมื่อเขากลับไปยังหมู่บ้าน

จากพฤติการณ์ของราชามารตู้เถียน เห็นได้ชัดว่ามันยังมีกําลังเพียงพอที่จะสังหารฉินมู่ เพราะว่าเมื่อฉินมู่และราชครูสันตินิรันดร์เดินทางไปด้วยกัน ราชามารตู้เถียนไม่ขยับเขยื้อนลงมือและซ่อนอยู่ในร่างฉินมู่อย่างเงียบเชียบ

ก็ต่อเมื่อราชครูสันตินิรันดร์ต่อสู้ปะทะกับตัวตนระดับจ้าวลัทธิทั้งหลายอย่างอาจารย์ยากจน ราชามารตู้เถียนถึงได้กล้าหยิบยืมดวงตาของฉินมู่ในการสังเกตการณ์การต่อสู้ เขาทําเช่นนั้นเพื่อหยั่งประเมินกําลังฝีมือที่แท้จริงของราชครูสันตินิรันดร์ และเสาะหาจุดอ่อน

แต่ในตอนนั้น ฉินมู่ก็มียอดฝีมือทั้งหลายจากลัทธิมารฟ้าห้อมล้อม ราชามารตู้เถียนจึงไม่กระโตกกระตาก และเมื่อฉินมู่รักษาเยียวยาราชครูสันตินิรันดร์ ราชามารตนนี้ก็เงียบกริบเช่นกัน

เมื่อฉินมู่แยกทางกับราชครูสันตินิรันดร์ เขาก็ได้พบกับเฒ่าเป๋ และเฒ่าหม่าที่มหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ราชามารตู้เถียนจึงไม่ยอมออกมา

หากว่าราชครู เฒ่าเป๋ และเฒ่าหม่ามิอาจคุกคามเขาได้ ไฉนเขาถึงระวัดระวังตัวขนาดนี้

เรียกอีกอย่างว่า เขาเผยไต๋ออกมา นี่แปลว่าเขาสามารถถูกขจัดออกไปได้ ไม่เหมือนหลี่เทียนซิ่ง

ในจิตเต๋าท่านยายซีที่ไม่อาจขจัดสังหาร ตราบเท่าที่ใครแข็งแกร่งพอ ก็จะสามารถขจัดมารออกไปได้

“โลกตู้เถียนถึงจุดจบแล้ว เหลือแต่ความมืดอันไร้สิ้นสุด นั่นแหละข้าถึงต้องเสาะหาโลกใหม่ให้พสกนิกรแห่งตู้เถียนของข้า สถานที่ที่พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างปกติสุข”

เสียงของราชามารตู้เถียงดังมาอีก “ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาลที่จะถ่ายทอดอักษรรูนบัญชาผีย้ายเทพเคลื่อนมายังโลกใบนี้ และบัดนี้เจ้าก็เป็นเพียงคนเดียวที่ยังรู้เวทมนตร์ดังกล่าว เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ”

ฉินมู่จึงคลายใจอย่างเต็มที่และระบายลมหายใจโล่งอก “ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าอัญเชิญมารอีกครั้ง อัญเชิญเจ้ามาที่นี่?”

ราชามารตู้เถียนอธิบายอย่างใจเย็น “แต่ก่อนข้าเคยมีความคิดนี้ แต่ข้าเห็นแล้วว่ามีตัวตนทรงพลังอํานาจมากมายอยู่ในโลกนี้เช่นกัน ดังนั้นข้าหมายจะยืมมือเจ้าเพื่อใช้ส่งคนของข้ามาที่นี่จํานวนหนึ่ง ข้าไม่อยากก่อศึกสงครามระหว่างยอดฝีมือของ 2 โลก ไม่ใช่เรื่องดีสําหรับข้าและเจ้า ตู้เถียนของข้าจบสิ้นแล้ว และข้าเพียงแค่ไม่ต้องการให้เผ่าพันธุ์ของข้าสูญสิ้นไป ข้ามิได้หมายที่จะยึดครองโลกนี้เลยสักนิด”

เชื่อ? โง่!  ฉินมู่คิดในใจ

แต่ทว่าเขามิอาจกล่าวออกมาดังๆ หากว่าเขากล่าวมัน ราชามารตู้เถียนอาจจะฆ่าเขาทันที

นอกจากสํานึกรู้ของราชามารที่ติดเป็นปลิงอยู่ในร่างของฉินมู่ เขาก็ยังมีพลังเวทมนตร์อยู่จํานวนหนึ่ง พลังของมารตนนี้เหนือลํ้ากว่าฉินมู่มาก หากว่าราชามารตู้เถียนฉีกหน้ามาต่อสู้กับเขา สํานึกรู้และพลังเวทมนตร์ขนาดนั้นจะกําจัดฉินมู่ทิ้งคงง่ายยังกับเป่าฝุ่น

เขายังมีประโยชน์กับราชามาร ดังนั้นราชามารจึงยังไม่แตะต้องเขา แต่หากราชามารตู้เถียนพบว่าฉินมู่ไม่มีความคิดที่จะอัญเชิญเขามาเลยแม้แต่นิด เขาก็คงฉีกหน้าลงมือ

“เจ้าไม่จําเป็นต้องอัญเชิญข้า แค่เชิญบริวารของข้ามา” ราชามารตู้เถียนกล่าว “หลังจากนั้น ข้าก็จะแยกไปจากเจ้าและเจ้าก็จะได้ใช้ชีวิตอิสระเสรี เจ้าเพียงแต่ต้องช่วยเรื่องเล็กๆ นี้ให้ข้าและข้าจะอธิบายให้เจ้ารู้อะไรเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับประตูนี้”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ผู้เฒ่าที่บ้านข้าน่าจะรู้จักอักษรพวกนี้ ดังนั้นคงไม่ต้องรบกวนราชามาร”

“เคะเคะ รู้จักงั้นหรือ นั่นคืออักษรแดนใต้พิภพ แม้ว่าเขาจะรู้จักตัวอักษร แต่จะอ่านได้หรือ” ราชามารตู้เถียนกล่าวเสริมอย่างไม่เร่งร้อน “หากว่าเจ้าอ่านคําของแดนใต้พิภพไม่ออกก็ไร้ประโยชน์ ม้วนคัมภีร์นั่นก็บันทึกเวทมนตร์ของแดนใต้พิภพเอาไว้ เจ้าไม่อยากรู้มันหรอกหรือ”

ฉินมู่สายตาไหววูบ “มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะเรียนคําของแดนใต้พิภพเมื่อข้ายังอ่านคําบนม้วนคัมภีร์และประตูไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้น ถึงไม่เรียนมัน ข้าก็ไม่เดือดร้อนอะไร ราชามาร ข้าไม่จําเป็นต้องตกลงแลกเปลี่ยนเรื่องนี้กับเจ้า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ราชามารตู้เถียนหัวเราะ “ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงไม่ทะลุปรุโปร่งถึงแง่มหัศจรรย์ของขั้นวรยุทธ์ที่เจ้ามีในตอนนี้! ตราบเท่าที่เจ้าเรียนคําของแดนใต้พิภพ เจ้าก็จะแข็งแกร่งกว่าราชครูสันตินิรันดร์! ราชครูกล่าวว่าคนอื่นๆ เป็นสามเหลี่ยม แต่เขาเป็นเส้นตรงมิใช่หรือ ตราบใดที่เจ้าเรียนรู้ถ้อยคําบนบานประตู เส้นตรงของเจ้าก็จะยืดยาวยิ่งกว่าเขา!”

เสียงของเขาก้องสะท้อนไปมาๆ ในจิตของฉินมู่ โดยมิอาจหาตําแหน่งที่แน่นอนได้ บางครั้งก็มาจากทางซ้าย และบางครั้งก็มาจากทางขวา และบางทีมันก็ดังมาจากข้างหน้า หรือไม่ก็ดังมาจากข้างหลังศีรษะ ทําให้ฉินมู่ไม่อาจล่วงรู้ว่าเสียงของเขามาจากที่ไหน

“มดปลวกอย่างเจ้าคงไม่รู้จักว่าอะไรคือแดนใต้พิภพสินะ เดี๋ยวข้าจะบอกให้!”

“แดนใต้พิภพคือจุดหมายสุดท้ายหลังจากที่ปุถุชนอย่างเจ้าตายไป ทุกดวงวิญญาณจะหลั่งไหลไปที่นั่น สถานที่อันภูติบดีผู้ยิ่งใหญ่สถิตอยู่ ปกครองโลกแดนอันทุกสรรพชีวิตต้องไปอยู่ หลังจากที่พวกเขาตายไปแล้ว!”

“แดนใต้พิภพมิใช่นรกภูมิที่เทพและพุทธเอ่ยอ้างถึง นรกใช้แค่หลอกปุถุชนอย่างเจ้าให้หวาดกลัว ส่วนแดนใต้พิภพนั้นโหดร้ายกว่านรกเป็นร้อยเท่า!”

“เมื่อเจ้ารู้จักวิธีใช้ถ้อยคําและเวทมนตร์แดนใต้พิภพ เจ้าก็จะเสริมดวงวิญญาณตนให้แข็งแกร่งขึ้น อันเป็นบันไดสําคัญไปการก้าวขึ้นเป็นเทวะ!”

ฉินมู่เคลิ้มตามอย่างยิ่งและแย้มยิ้ม “เพียงแค่คําพูดไม่มีหลักฐานและสิ่งที่เจ้าพูดนั้นดีเกินกว่าจะเชื่อได้ เจ้าบอกเวทมนตร์แดนใต้พิภพให้ข้าฟังดูก่อนสักอันแล้ว ข้าจะเชื่อ”

ราชามารตู้เถียนหัวเราะเบาๆ “เจ้ารู้อยู่”

ฉินมู่ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วร้องออกมา “นําทางวิญญาณ? นําทางวิญญาณเป็นเวทมนตร์จากแดนใต้พิภพงั้นหรือ”

“นําทางวิญญาณมิใช่เวทมนตร์อันสมบูรณ์จากแดนใต้พิภพ แต่มันเป็นเวทมนตร์แดนใต้พิภพที่ถูกประกอบสร้างขึ้นมาใหม่โดยปุถุชนในโลกของเจ้าโดยใช้ภาษาปุถุชน พลังอํานาจของมันห่างชั้นจากเวทมนตร์แดนใต้พิภพที่แท้จริงนัก”

ราชามารตู้เถียนกล่าว “เวทมนตร์แดนใต้พิภพที่แท้จริงใช้ถ้อยคําของแดนใต้พิภพ และถ้อยคําเหล่านั้นซับซ้อนยิ่งกว่าอักษรรูนในโลกของเจ้า อักษรรูนของเจ้าเป็นเพียงแต่การตัดทอนถ้อยคําแดนใต้พิภพให้ง่ายขึ้นเท่านั้น”

ฉินมู่สะท้านใจเมื่อมองไปยังเงารูปม้วนคัมภีร์ ถ้อยคําบนม้วนคัมภีร์เขียนไว้ด้วยภาษาแดนใต้พิภพงั้นหรือ

นําทางวิญญาณสามารถเรียกวิญญาณคนตายกลับคืนมา แต่หากว่าผู้ใช้เวทมนตร์นั้นเชี่ยวชาญในภาษาแดนใต้พิภพ และใช้มันร่ายเวทมนตร์นี้นําทางวิญญาณจะกลับกลายเป็นทรงอานุภาพมากขนาดไหนนะ

ยังมีอีกหนึ่งประเด็น ราชามารตู้เถียนกล่าวว่าถ้อยคําแดนใต้พิภพจะต้องถูกอ่านออกเสียงมาจึงจะใช้งานและขับเคลื่อนมันได้ ประโยคนี้มิใช่ความเท็จ

เมื่อตอนนั้นที่พื้นผิวแม่นํ้าหย่ง นักพรตจากสํานักเก้าภูตผีได้ใช้เวทมนตร์นำทางวิญญาณและร่ายเพลงลํานํา นี่ทําให้มีหมอกดําพวยพุ่งออกมา และปรากฏประตูมหึมาอันน่าหวาดผวาที่ใจกลางแม่นํ้า

คําพูดส่วนใหญ่ของราชามารตู้เถียนเป็นคําโกหก แต่ก็ยังมีความจริงปนเปอยู่ในนั้น

“ราชามาร ข้าเคยเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ริมแม่นํ้ายามคํ่าคืนและคอยนําทางคนตายอยู่ มีคนบอกข้าว่าผู้เฒ่านั้นเป็นผู้นําทางความตาย แล้วผู้นําทางความตายนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับแดนใต้พิภพ” ฉินมู่ถามถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยพบพาน

ราชามารตู้เถียนตอบ “ก็แค่เทพเจ้าส่งสารใต้ปกครองของภูติบดีที่ทําหน้าที่รักษากฎระเบียบ สรุปเจ้าอยากเรียนภาษาแดนใต้พิภพหรือไม่อยาก?”

“เรียน!” ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อแล้วกล่าว “สอนข้าเร็วเข้า!”

ราชามารตู้เถียนพูดกลั้วหัวเราะ “หลังจากที่เจ้าอัญเชิญมาร และนําพาบริวารของข้ามาก่อนแล้วข้าจะสอนเจ้า”

ฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “หากเจ้าไม่รักษาคําพูดหลังจากข้าอัญเชิญพวกเขามา ไม่ใช่ว่าข้าจะขาดทุนหรอกหรือ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ข้าจะสร้างรูปสลักไม้ที่มีข้อต่อกลไกเพื่อให้เจ้าเข้ามาได้ ให้เจ้าได้อัญเชิญเหล่ามารใต้บังคับของเจ้าและคนอื่นๆ เจ้าก็จะทั้งสามารถสอนภาษาแดนใต้พิภพทั้งสามารถทําพิธีอัญเชิญด้วยตนเอง นั่นไม่สมประโยชน์เป็นที่พอใจกันทุกฝ่ายหรอกหรือ”

ราชามารตู้เถียนยิ้มหยัน “คําแนะนําเจ้าเลิศลํ้าอะไรอย่างนี้ หลังจากที่ข้าออกจากร่างเจ้าไป เจ้าก็จะเรียกคนอื่นๆ มาฆ่าข้าในวินาทีถัดมาสินะ เจ้าคิดว่าข้าปัญญาอ่อนหรือ ข้าจะนั่งอยู่ในร่างของเจ้าแบบนี้ล่ะ ส่วนเจ้าก็จะต้องทําพิธีบูชายัญใหญ่เพื่ออัญเชิญเหล่ามาร! หลังจากที่เจ้าอัญเชิญพวกเขามาแล้ว ข้าถึงจะสอนภาษาแดนใต้พิภพให้เจ้า!”

ฉินมู่ยิ้มหยัน “ก็แล้วถ้าเจ้าไม่ยอมสอนข้าหลังจากที่ข้าอัญเชิญเสร็จแล้วล่ะ? หากว่าบริวารของเจ้าสังหารข้าในพริบตา เจ้าก็จะเป็นอิสระ ส่วนข้านั้นก็คงตกตาย และดวงวิญญาณก็จะตกเป็นของแดนใต้พิภพ! เจ้าลืมไปแล้วหรือ เมื่อข้าอัญเชิญเจ้ามาคราวก่อน เจ้าไม่สนใจด้วยซํ้าว่าข้าจะอยู่หรือตาย!”

ทั้งคู่พลันเงียบเสียง

หลังจากพักหนึ่ง ราชามารตู้เถียนก็แย้มยิ้ม “เด็กร้ายกาจ ฉลาดยังกะปีศาจ หลอกไม่ง่ายเลย เอ๊ะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ข้าจะลงนามในคําสาบานกับเจ้า เจ้าจะอัญเชิญบริวารของข้าและข้าก็จะสอนภาษาแดนใต้พิภพให้เจ้า ผู้ที่ผิดคําสาบานนี้จะต้องถูกภูติบดีกระชากวิญญาณไป! เจ้าคิดว่าอย่างไร”

ฉินมู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ก็ได้ แต่อย่าคิดจะหลอกข้า ข้าก็รู้ภาษามารอยู่บ้างเหมือนกัน ดังนั้นอย่าริเล่นตุกติกกับคําสาบานนี้”

ภาษามารอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนพลันดังก้องขึ้นมาในจิตของฉินมู่ ถ้อยคําที่เขาได้ยินล้วนแต่ยากที่จะเปล่งออกมาเป็นเสียง ทั้งยังยากเกินกว่าจะเข้าใจ ฉินมู่เพียงเข้าใจมันแค่ครึ่งเดียวและจิตใจเขาก็เต้นตึกตักอย่างรุนแรง “สงบใจไว้ สงบใจไว้ ข้าไม่อาจปล่อยให้ราชามารผู้นี้พบว่าข้ารู้ภาษามารแค่ครึ่งๆ กลางๆ…”

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ราชามารตู้เถียนก็อ่านคําสาบานนั้นจนจบกระบวนความ และรูปเงาของประตูครึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏในจิตของฉินมู่ มันดูเหมือนครึ่งประตูของแดนใต้พิภพ

“คราวนี้ก็ตาเจ้า” ราชามารตู้เถียนกล่าว ฉินมู่ปลุกปลอบใจตนเองและค่อยๆ ไตร่ตรองความหมายใน

ภาษามารอีกครึ่งหนึ่งที่เขายังไม่รู้ความหมายเสียก่อนแต่ราชามาร

ตู้เถียนก็อดรนทนไม่ได้และเร่งเร้าเขา “เร็วเข้าสิ ไม่อย่างนั้นประตูแดนใต้พิภพจะหายไปเสียก่อน!”

ฉินมู่เหยียดยิ้มหยัน “เจ้าหมายจะหลอกข้า ข้าไม่ตกลงกับคําสาบานฉบับนี้”

ราชามารตู้เถียนเผยอยิ้ม “เด็กร้ายกาจ ที่แท้เจ้าก็พอเข้าใจภาษามารอยู่บ้างจริงๆ”

ครึ่งประตูแดนใต้พิภพสลายไป และเสียงมารก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ฉินมู่เข้าใจความมันได้เกือบทั้งหมด แต่ยังมีบางคําศัพท์ที่เขาไม่ค่อยแน่ใจนัก และต้องศึกษาต่ออีกเพื่อจะได้เข้าใจ

ราชามารตู้เถียนแย้มยิ้ม “ก็ได้ ก็ได้ ข้าเห็นว่าเจ้าพอมีความสามารถอยู่บ้าง”

หลังจากนั้น ประตูก็สลายไปอีกครั้ง และเขาก็ปรับแก้คําสาบานนั้นใหม่ด้วยภาษามาร

ฉินมู่พลันแย้มยิ้ม “ราชามาร เจ้าน่ะคอยแต่จะหลอกข้าอยู่เรื่อย ทําไมพวกเราไม่ใช่ภาษามนุษย์ในการทําคําสาบานแทนล่ะ เจ้าว่าอย่างไร”

ราชามารตู้เถียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ด่าทอเขาที่ฉลาดยังกะปีศาจ “ไอ้เด็กผีเหม็นหึ่ง จริงๆ เจ้าน่ะมีความรู้ภาษามารแค่หางอึ่ง และฉวยโอกาสนี้เรียนภาษามารเพิ่ม ใช่หรือไม่ใช่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version