ตอนที่ 317 แถวนี้ไม่มีผู้เที่ยงธรรม
“นี่ไม่ใช่หุบเขาภูตผี”
ฝูอวี้ชุนมองไปรอบๆ ค้างคาวขาวทั้ง 2 ค่อนข้างสงบเสงี่ยม เจียมตัวเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาออกจากหุบเขาภูตผี
พวกเขาอยากหาที่เกาะแขวนเอาหัวห้อยลงมา แต่รู้สึกอายเกินกว่า จะทําเช่นนั้น
ฉินมู่เงยหน้าขึ้นดูโถงราชวังอันพังภินท์และหลังคาแหว่งๆ เหนือหัวพวกเขา ก่อนที่จะกล่าว “พวกเจ้าขึ้นไปห้อยบนหลังคานั่น เพื่อพักผ่อนก็ได้ อย่าไปรบกวนคนอื่น ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปยัง
หุบเขาภูตผีในวันพรุ่งนี้ เมื่อเราไปถึงที่นั่น ข้าจะให้ยาถอนพิษกับ พวกเจ้า”
ค้าวคาวขาวทั้ง 2 ถอนหายใจโล่งอกและบินขึ้นไปอย่างเงียบ เชียบ พวกเขาห้อยตัวลงมาจากหลังคาแขนทั้ง 2 ข้างกอดอก เอาไว้
ฝูอวี้ชุนลืมตาขึ้นมาและกล่าวด้วยเสียงเบา “ไอ้เด็กนี่โกหก พวกเรา จริงๆ พวกเราไม่มีพิษในตัวเลยสักนิด”
ฝูอวี่ชิวตกตะลึง “พวกเราไม่มีพิษในตัวหรือ เป็นไปไม่ได้ ตอน ที่พิษกําเริบ พวกเราเจ็บปวดจะเป็นจะตาย!”
ฝูอวี่ชุ้นกลอกตาข้างหนึ่ง “พิษในร่างพวกเราน่าจะถูกถอนไป ตั้งนานแล้วล่ะ เมื่อตอนที่เขาให้ยาถอนพิษพวกเราเป็นครั้งแรกนั่น แหละ ที่เหลือนั้นก็แค่หลอกให้พวกเราหวาดผวา ไม่อย่างนั้น ระหว่างช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พวกเราคงตายไปแล้วจากพิษที่ กําเริบ”
ฝูอวี่ชิวโมโหขึ้นมา “ไอ้เด็กนี่โกหกพวกเราเพื่อให้พวกเรา ทํางานให้เขา! ไปจับเขากินแบบสุกๆ เนื้อชุ่มกันเถอะ!”
“ช่างเหอะน่า ช่างเหอะน่า” ฝูอวี้ชุนกล่าว “ต่อให้พวกเราไม่ ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับเขา พวกเขาก็คงถูกผานกงสั่วกับลิ่วล้อไล่
ล่าอยู่ดี และพวกมันไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ แต่การเป็นพันธมิตร กับไอ้เด็กนั่นกลับทําให้พวกเรารอดชีวิต ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เลย และยังเป็นเพราะเขาอีกที่ทําให้พวกเรารู้ว่าบรรพบุรุษเฒ่ายังมี
ชีวิตอยู่ บัดนี้เผ่าเทพค้างคาวขาวก็จะไม่ต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์อีก ต่อไป พวกเรากลับไปหาบรรพบุรุษกันดีกว่าและขอให้พวกเขาให้ กําเนิดสาวๆ ให้กับพวกเรา”
ฝูอวี่ชิวตื่นเต้น “เอาสาวๆ 2 คน! ไม่ๆ ขอสาวๆ มาทั้งรังเลย ข้าอยากมีกอดไว้ซ้ายขวา… ช้าก่อน! พี่ชาย พวกเราห่างรุ่นชั้น จากบรรพบุรุษเฒ่าตั้งเท่าไร ดังนั้นต่อให้พวกเขาให้กําเนิดเด็ก สาวๆ แก่พวกเรา เมื่อนับลําดับชั้นแล้ว พวกนางก็จะเป็นย่าเทีย ดทวดทวดของพวกเราน่ะสิ ความอาวุโสนี้…”
สีหน้ายุ่งยากใจเกลื่อนกล่นไปทั้งใบหน้าของค้างคาวขาวสอง พี่น้อง ทําเอาพวกเขานอนหลับไม่ลง
ในซากโบราณ ฉินมู่เอนตัวพิงร่างกิเลนมังกรเพื่อพักผ่อน ที่นี่มีเทวรูปมากกว่า 10 รูปคอยปกปักษ์พิทักษ์ และแสงรัศมีของพวกเขาก็ส่องสว่างไปทั้ งซากโบราณ ฉินมู่ ยังคงไม่รู้ว่าซากโบราณสถานแห่งนี้อยู่ที่ส่วนใดของแดนโบราณวินาศ เขาคง จะต้องเหาะเหินขึ้นไปบนท้องฟ้าในตอนกลางวันเพื่อมองดูภูมิประเทศรอบๆ เมื่อนั้นเขาถึงจะระบุตําแหน่งแห่งที่ของตนเองได้
ผานกงสั่วเหลือบมองมาที่เขา จากนั้นก็นั่งลงเช่นกัน หมอผีใหญ่สิบกว่าคน ราชาหมอผีสองสามคน และทหารจักรวรรดิคน เถื่อนตี้ที่ยังคงเหลือรอดอยู่เพียงน้อยนิดก็นั่งอยู่รอบๆ ตัวเขา
ฉินมู่มองไปรอบๆ และเห็นสัตว์พิสดารมากมาย มีตัวตนที่ทรง พลังอํานาจอยู่ท่ามกลางพวกเขาก็หลายตัวตนและร่างกายของ พวกเขาก็ใหญ่โตมหึมา พวกเขาบางตัวใหญ่เสียยิ่งกว่ากิเลนมังกร ตอนที่เผยร่างจริง
“เอ๋ คนพวกนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว…”
ม่านตาเขาหรี่แคบลงเล็กน้อยเมื่อสายตาเขาจับจ้องไปยังผู้เดินทางบางคน มีคณะเดินทางทั้งหมด 3 กลุ่ม และ 1 กลุ่มใน นั้นมีหลวงจีนชั้นสูง 3 รูป พวกเขาดูตรากตรําเสื้อผ้าเก่าขาด แต่ สายตาเปี่ยมแววเมตตา แม้ว่าจะมีปราณปีศาจไหลเวียนไปมาร อบๆ กายพวกเขา
หลวงจีนวัดน้อยฟ้าคำราม!
ฉินมู่สัมผัสได้ถึงปราณปีศาจรอบๆ ร่างของพวกเขา และพลัน ตระหนักได้ว่าพวกเขาคือใคร วัดน้อยฟ้าคํารามเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์
แห่งหนึ่ง แต่เป็นของเผ่าปีศาจ ประมุขของพวกเขาถูกยกย่องให้ เป็นยูไลน้อย และเขานั้นเป็นศิษย์น้องของยูไลเฒ่าแห่งวัดใหญ่ฟ้า คําราม เขามีกําลังฝีมือเหนือธรรมดา และก็สําเร็จการฝึกบําเพ็ญ ถึงขั้นยูไลเช่นกัน
วัดน้อยฟ้าคํารามบางครั้งก็ถูกเรียกว่าสวรรค์สุขาวดีน้อย และ ยังอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันตกยิ่งกว่าวัดใหญ่ฟ้าคํารามบนยอดเขา พระสุเมรุเสียอีก สถานที่นี้ตั้งอยู่ที่สุดฟากตะวันตกของแดนโบราณ วินาศ
ในเมื่อข้าพบเจอหลวงจีนปีศาจแห่งวัดน้อยฟ้าคำราม หรือว่าพวกเราจะอยู่ที่ฟากตะวันตกของแดนโบราณวินาศ?
ฉินมู่ใจตกวูบ เป็นครั้งแรกที่เขารอนแรมมาไกลขนาดนี้ ก็ใน เมื่อแดนโบราณวินาศนั้นกว้างใหญ่ไพศาลอย่างเหลือล้น สถานที่ นี้อาจจะไกลจากหมู่บ้านพิการชราเสียยิ่งกว่าวังทองโหรวหลัน
คณะเดินทางกลุ่มที่ 2 มีเพียงแค่ 2 คน หนึ่งชายหนึ่งหญิง พวกเขาอายุน้อยมากกันทั้งคู่และดูเหมือนคู่แต่งงานใหม่ เท่าที่เห็น พวกเขาดูไม่ค่อยเป็นอันตรายเท่าไร
ทั้ง 2 คนนั้นสวมใส่เสื้อผ้าจากต่างเผ่า ผู้ชายโพกผ้าขาวไว้ บนศีรษะ ส่วนผู้หญิงประดับไปด้วยเงินและทอง สวมใส่เครื่องประดับ จากหยกและโลหะมีค่า 2 ชนิดนี้เต็มไปหมดทั้งร่าง นางผูกผมไว้ ด้วยผ้าคลุมศีรษะสีดําและมันห้อยลงมาระกับเส้นเกศาอันเงางาม ของนางบนหน้าอกหน้าใจอันเต่งตึง และที่เรือนผมของนางยังแซม ไว้ด้วยดอกไม้สีแดงดอกเล็กๆ
มือของนางขาวผ่องเป็นยองใย แขนเสื้อของนางค่อนข้างสั้น เผยให้เห็นแขนเล็กเรียวของนางมากกว่าครึ่ง แขนของนางไม่ ใหญ่โต แต่กระนั้นก็ยังคงประดับประดาไปด้วยกําไลหยก เงิน และ ทองรูปทรงต่างๆ มากมายบนข้อมือ
2 คนนี้กําลังปกป้องคุ้มกันรถม้าคันหนึ่งอันมีรูปทรง ประหลาด
ฉินมู่เคยเห็นรถม้าของชนชั้นสูงมาหลายครั้ง และพวกมันส่วน ใหญ่ก็จะมีทรงค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีเพดานเป็นโดมโค้ง ประดับยอดแปดเหลี่ยม อันเป็นสัญลักษณ์แทนพิภพทรงจัตุรัสและสวรรค์ทรงกลม ขณะที่ยอดแปดเหลี่ยมนั้นแทนทิศทั้งแปด พวกมัน เป็นสัญลักษณ์อันแสดงถึงศักดิ์ฐานะ
แต่ทว่ารถม้านี้ มีลักษณะกลม ด้วยฐานโค้งกลม และหลังคาก็ เป็นทรงกลม เครื่องประดับประดาที่ตกแต่งรอบๆ รถม้าก็ให้ ความรู้สึกของต่างเผ่า
ผู้คนกลุ่มที่ 3 นั้นเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะนับร้อยคน รูปร่างหน้าตาและเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกเขาก็มาจากต่างเผ่าเช่นกัน แก้วตาของพวกเขาทั้งหมดเป็นสีฟ้า แต่ฉินมู่ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากประเทศไหน
ผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านั้นมีจิตสังหารคุกรุ่นที่เผยหลุดออกมาจาก แววตาของพวกเขาอันจะคอยเหลือบแลไปทาง 2 หนุ่มสาวและรถ ม้าอยู่เรื่อยๆ
“จ้าวลัทธิ บรรยากาศมันแปลกๆ นะ” กิเลนมังกรกล่าว หลังจากลอบแง้มตาออกมาดู “บนร่างของหญิงผู้นั้นมีอาวุธ วิญญาณมากมายเกินไป และกําลังฝีมือของผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านั้น ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!”
ฉินมู่เลิกคิ้ว สายตาของกิเลนมังกรนั้นไม่เลวเลย เครื่องประดับ หยก เงิน และทองเหล่านั้นที่หญิงสาวสวมใส่ล้วนแต่เป็นอาวุธ วิญญาณ
เมื่อฉินมู่มองไปที่พวกเขาด้วยเนตรสวรรค์เขียว อาวุธวิญญาณแต่ละชิ้นก็จะเปล่งแสงวิเศษละลานตาออกมาอันแสดงว่า พลังของพวกมันนั้นไม่เบา
สามารถประดับประดาไปด้วยอาวุธวิญญาณมากมายขนาดนี้ ไว้บนร่าง กําลังฝีมือของนางย่อมไม่ต้อยตํ่า
ผานกงสั่วเองก็สังเกตเห็นคณะเดินทาง 2 กลุ่มนี้ และออก คําสั่งแก่หมอผีใหญ่ 2 คนด้วยเสียงเบา หนึ่งในนั้นลุกขึ้นทันทีและ เดินไปยังข้างๆ คู่สามีภรรยาหนุ่มสาว ทักทายพวกเขาก่อนที่จะไต่ ถามถึงความเป็นมา จากนั้นเขาก็กลับมารายงาน “พวกเขากล่าว
ว่ามาจากตําหนักสวรรค์แท้แห่งแผ่นดินตะวันตก พวกเขาถามว่า พวกเราจะช่วยเหลือพวกเขาได้หรือไม่”
“ตําหนักสวรรค์แท้แห่งแผ่นดินตะวันตก?” ผานกงสั่วกล่าว ทวน “ในเมื่อพวกเขาคือผู้ฝึกปราณแห่งตําหนักสวรรค์แท้แห่ง แผ่นดินตะวันตก พวกเราก็ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับพวกเขา และไม่
จําเป็นต้องระวังป้องกันพวกเขา ส่วนเรื่องของพวกเขาเองนั้น พวก เราจะไม่ช่วย”
ราชาหมอผีอีกคนก็กลับมาจากการไต่ถามอีกกลุ่มและกล่าว “ผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านั้นมาจากตําหนักสวรรค์แท้ และพวกเขาหวัง ว่าพวกเราจะไม่เข้าไปขัดขวาง”
“พวกเขาทั้งคู่มาจากวังสวรรค์แท้งั้นรึ” ผานกงสั่วกล่าวด้วย ความตะลึงใจ “ดูเหมือนว่าจะเป็นความขัดแย้งภายใน ดังนั้นพวก เรายิ่งไม่จําเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วย หลวงจีนปีศาจ 3 คนนั่นมา จากวัดน้อยฟ้าคําราม และระหว่างพวกเขากับวังทองโหรวหลันก็มี ความบาดหมางอยู่ไม่มากก็น้อย ดังนั้นพวกเราจึงต้องคอยระวัง ป้องกันพวกเขา”
วังทองโหรวหลันมักจะจับตัวทั้งมนุษย์และปีศาจเพื่อไปใช้ฝึก วิชายุทธ์และก็ปะทะกับวัดน้อยฟ้าคํารามอยู่หลายครั้งเมื่อพวกเขา ไปจับหลวงจีนปี ศาจจากที่นั่นมาป่นวิญญาณเพื่อใช้ในการฝึกปรือ
หลวงจีนทั้ง 2 ก็มองทะลุถึงที่มาของผานกงสั่วและพรรคพวก พวกเขามองตากันไปมา แต่ไม่ได้ลงมือ
ผานกงสั่วกล่าวด้วยเสียงเบา “ในเมื่อพวกเราได้พบกับผู้คน จากวัดน้อยฟ้าคํารามและแผ่นดินตะวันตก นั่นหมายความว่าที่นี่ คือฟากตะวันตกของแดนโบราณวินาศ นี่คงไม่ไกลจากวัดน้อยฟ้า
คํารามมากนักดังนั้นหลวงจีนทั้ง 3 นี้ปล่อยให้รอดไปไม่ได้เป็นอัน ขาด หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเราจะกําจัดพวกเขาทันที!”
ทุกคนรับคํา
“ส่วนจ้าวลัทธิฉิน…”
เขามองไปยังฉินมู่ที่กําลังรื้อค้นถุงเต๋าตี้ใบหนึ่ง ฉินมู่สัมผัสได้ ถึงสายตาของเขา จึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มสว่างสดใสไปให้ เขาดูเหมือนเด็กชายที่เปิดเผยร่าเริงคนหนึ่ง
ถุงเต๋าตี้ที่ฉินมู่ถืออยู่นั้นเป็นของผานกงสั่ว เขานําข้าวของออกมาจากข้างในและชื่นชมมันซํ้าแล้วซํ้าอีก เล่นสนุกกับแต่ละชิ้นอย่างไม่รู้เหนื่อย
“ค้อนใหญ่อะไรอย่างนี้!”
เขายกค้อนกระดูกขาวอันมหึมาขึ้นมาและเหวี่ยงมันเบาๆ กะโหลกมากมายพุ่งออกมาจากกะโหลกใหญ่หัวค้อน พวกมันพ่นเพลิงวิญญาณออกไปทั่วสารทิศ
ฉินมู่เขย่ามันอีกครั้ง และกะโหลกยักษ์ก็อ้าปากกลืนกะโหลก น้อยกลับเข้า ไป
“โอ้ มีไจกระบี่ด้วยหรือนี่!”
ฉินมู่เก็บค้อนกระดูกขาวเข้าไปในถุงเต๋าตี้แล้วนําไจกระบี่ออกมา เมื่อเขาใช้งานมันเบาๆ กระบี่ละเอียดเล็กราวเส้นผมจํานวน มากก็ลอยออกมาหมุนวนรอบฝ่ามือของเขา
“หลอมสร้างขัดเกลาพวกมันจนถึงขั้นนี้ วิชาฝีมือของเจ้า นับว่าลึกลํ้ายิ่งนัก! นี่เป็นวิธีขัดเกลากระบี่ของสํานักเต๋าหรือ แต่ดู เหมือนไม่ใช่แฮะ” ฉินมู่ส่ายหัว “กระบี่เต๋าต้องการใช้เพียงกระบี่ เดียว สหายเก่าผาน วรยุทธ์ของเจ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น มิน่าล่ะกระบี่เต๋าของเจ้าก็งั้นๆ ไม่ดีเด่เท่ากับเจ้าสํานักเต๋า”
ผานกงสั่วแค่นเสียงและยิ้มหยัน “ถุงเต๋าตี้ที่เจ้าขโมยไปมันก็ แค่ขนหน้าแข้งของทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ข้าสะสมมาหลายต่อหลายชาติ”
เขาลดเสียงลงและสั่งหมอผีที่อยู่ซ้ายและขวาของเขา “พรุ่งนี้ เช้า พวกเจ้าราชาหมอผีจงไปจัดการค้างคาวขาวทั้ง 2 และเจ้า แมวอ้วนนั่น ส่วนที่เหลือก็ช่วยกันลงมือกําจัดไอ้เด็กแซ่ฉิน!”
ฉินมู่ตรวจดูข้าวของในถุงเต๋าตี้ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินไป ยังหลวงจีนปีศาจทั้ง 3 เขาเอ่ยทักทาย “ศิษย์พี่ทั้งหลาย”
หลวงจีนปีศาจ 3 ตนที่กําลังนั่งสมาธิอยู่ก็รีบลุกขึ้นคารวะ กลับ “ศิษย์พี่!”
หลวงจีนทั้ง 3 สวมใส่เสื้อยาวหลวมอันมีแขนเสื้อกว้าง แต่แม้ เสื้อของพวกเขาจะกว้างใหญ่ก็ไม่อาจปกคลุมขาของพวกเขาได้ เผยให้เห็นกรงเล็บแหลมคมและขานกอ้วนท้วนที่เต็มไปด้วยขน
“พวกท่านทั้ง 3 มาจากวัดน้อยฟ้าคํารามหรือเปล่า” ฉินมู่ ถาม “ยูไลน้อยมีศิษย์คนหนึ่งที่เป็นลิงยักษ์อสูร อันมีชื่อทางธรรม ว่า คง ใช่หรือไม่”
หลวงจีนปีศาจทั้ง 3 อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผงกหัว “ศิษย์พี่ ท่านนี้ ยูไลได้มอบนามทางธรรมให้แก่เขาว่าจ้านคง และเขาก็เป็น ศิษย์ของยูไลจริงๆ เรียนถามท่านว่ารู้จักจ้านคงได้อย่างไรหรือ”
ฉินมู่แย้มยิ้ม “ข้าคือจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ และเขาเป็นพี่น้อง ร่วมสาบานของข้า ดังนั้นข้าย่อมรู้จักเขา”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หลวงจีนทั้ง 3 จึงละวางความคิดระแวง ป้องกันและแย้มยิ้ม หนึ่งในนั้นกล่าว “ชื่อทางธรรมของข้าคือติ้งเจว๋ และพวกเขาคือพี่น้องของข้า ติ้งจื้อและติ้งหมิง พวกเราน้อมคารวะ จ้า วลัทธินักบุญสวรรค์”
ฉินมู่มองไปทางผานกงสั่วและกล่าว “เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นท่านผู้ สูงศักดิ์แห่งวังทองโหรวหลันและมีราชาหมอผี 3 คนอยู่ด้วยกัน กับเขา 2 ใน 3 มีวรยุทธ์ขั้นชาวสวรรค์ และอีก 1 นั้นมีวรยุทธ์ ขั้นเป็นตาย”
3 หลวงจีนตระหนกตกใจ สีหน้าพวกเขาซีดปานขี้เถ้า “พวกเราจะทําอย่างไรดี พวกเรายังไม่ถึงขั้นชาวสวรรค์เลยด้วยซํ้า สู้พวกเขาไม่ได้หรอก!”
ฉินมู่ยิ้มกล่าว “ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะพาพวกท่าน ออกไปในวันพรุ่งนี้ ไปพักตรงมุมนั้นกันเถอะ”
หลวงจีนทั้ง 3 ค่อยสบายใจขึ้น และตามเขาไปที่ข้างๆ กิเลน มังกร พวกเขารีบทักทายเจ้าอ้วนทันที “ศิษย์พี่”
กิเลนมังกรหลับปุ๋ยไปแล้ว และเขาไม่ได้ทักทายตอบกลับไป
หลวงจีนปีศาจทั้ง 3 มีนิสัยใจคอดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึก
ขุ่นเคือง พวกเขาคารวะทักทายค้างคาวขาวทั้ง 2 ที่ห้อยหัวลงมา
จากหลังคาเช่นกัน “ศิษย์พี่ทั้ง 2 ”
ค้างคาวสองพี่น้องก็ประสานมือคารวะและทักทายกลับ “ศิษย์พี่ ทั้งหลาย”
หลังจากนั้นหลวงจีนทั้ง 3 จึงนั่งลงและเข้าสมาธิต่อ
ผานกงสั่วเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสีหน้าเขาก็มืดคลํ้า เขา ฮึ่มฮั่มในคอ
ฉินมู่ถามด้วยใบหน้าเริงร่า “พวกท่านทั้ง 3 เคยได้ยิน เกี่ยวกับลัทธินักบุญสวรรค์ไหม”
ติ้งเจว่ส่ายหน้า “พวกเราไปๆ มาๆ แค่ภายในแดนโบราณ วินาศเท่านั้นจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ฉินมู่กําลังจะสาธยายต่อ แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้ฝึกวิชาเทวะ ซึ่งคุ้มกันรถม้าอยู่ก็เดินเข้ามาแล้วโค้งคารวะ “ศิษย์พี่ท่านนี้…”
ฉินมู่ลุกขึ้นยืนเพื่อคารวะตอบ ก่อนจะส่ายหัว “ได้โปรดเก็บ วาจาของท่านเอาไว้”
ผู้ฝึกวิชาเทวะนี้ถามอย่างตื่นตะลึง “ศิษย์พี่ ไฉนจึงกล่าว เช่นนั้น”
“พวกเจ้าถูกยอดฝีมือพวกนี้ไล่ล่ามา จนต้องหนีเข้าแดน โบราณวินาศ ข้าไม่เป็นพันธมิตรกับพวกเจ้าหรอก” ฉินมู่ส่ายหน้า “ศัตรูของพวกเจ้ามีจํานวนมากเกินไป และแต่ละคนก็มีกําลังฝีมือ ไม่อ่อนด้อย ตอนนี้เพียงข้าจะปกป้องตนเองก็ยากอยู่แล้ว ดังนั้น หากข้าร่วมมือกับพวกเจ้าก็เท่ากับรนหาที่กอดคอกันตายกับพวก เจ้า เชิญกลับไปเถิด”
ชายผู้นั้นเผยสีหน้าผิดหวังและกลับไปรถม้า กล่าวบอกบางอย่างด้วยเสียงเบา
เสียงของเด็กหญิงอายุน้อยดังมาจากรถม้า “ท่านแม่ พี่ชาย เขาไม่อยากช่วยพวกเราหรือ”
เสียงทรงเสน่ห์อีกเสียงดังมาจากรถม้าหลังจากที่ถอนหายใจ “ในแดนโบราณวินาศแห่งนี้ไม่มีผู้เที่ยงธรรมเลยสักคนที่จะ ช่วยเหลือพวกเราสองแม่ลูก…”
ฉินมู่เลิกคิ้ว ผู้เที่ยงธรรม? ข้าไม่ใช่ผู้เที่ยงธรรมแน่ๆ ข้าคือจ้าว ลัทธิมารฟ้า แค่ข้าไม่ก่อเรื่องชั่วร้าย ผู้คนก็ควรโห่ร้องยินดีแล้ว แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังอยากจะให้ข้าเป็นผู้เที่ยงธรรม? เฮ้อ ข้าทำความดีก็แต่เมื่อตอนที่ข้ายังหนุ่มแน่น เลือดร้อนระอุเท่านั้นแหละ แต่ตอนนี้ข้าอายุมากแล้ว…
คํ่าคืนดูจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า ด้วยทุกๆ คนในซากโบราณ ต่างก็มีจิตเจตนาต่างๆ กันไป ยากที่จะบอกได้ว่าเวลาผ่านไปนาน เท่าไร แม่ไก่มังกรตัวหนึ่งถึงกระพือปีกท่ามกลางเหล่าสัตว์พิสดาร
และบินขึ้นไปบนหลังคาเพื่อโก่งคอขันขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
ทันใดนั้น ความมืดก็ล่าถอยไป และรัศมีแสงของดวงตะวันก็ สาดส่องมาจากทิศตะวันออก ทาบทอลงบนภูเขานอกซากโบราณ ให้ยอดเขาเป็นสีทองอร่าม
