Skip to content

Tales of Herding Gods 333


ตอนที่ 333 เนตรเทวะปรากฏอีกครั้ง

ราชครูสันตินิรันดร์ดูจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิงยิ้ม “เจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ นับว่าไม่ถ่อมตนเลยจริงๆ”

ฉินมู่งงงวยเล็กน้อย เขานั้นถ่อมตนอยู่ชัดๆ แต่ก็อยู่กับข้อเท็จจริงเช่นกัน ยอมรับว่าเขาคืออันดับสองมิใช่อันดับหนึ่ง เขา ไม่เคยโม้เกินจริงเลย นี่จะเรียกว่าไม่ถ่อมตนได้อย่างไร

ผู้ช่วยเสนาบดีชานโหย่วซิ่นนั้นเป็นหัวหน้าโถงวิศวกรรมแห่ง ลัทธิมารฟ้า และฝีมือการหลอมสร้างสมบัติของเขาก็เป็นระดับสุด ยอดในโลกหล้า แม้ว่าสํานักอื่นๆ ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านหลอมสร้าง วัตถุวิเศษเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่อาจทัดเทียมชานโหย่วซิ่น

กระนั้นชานโหย่วซิ่นก็ยังอ่อนด้อยกว่าฉินมู่ และในเมื่อฉินมู่ก็ รู้สึกว่าตนเองยังฝีมือด้อยกว่าเฒ่าใบ้อีกทอด การที่ยอมรับ ว่า ตนเองเป็นอันดับสองนั้นย่อมถือเป็นการถ่อมตนและกล่าวไปตาม จริง เฒ่าหม่าได้สอนให้เขาไม่เย่อหยิ่งลําพองหรืออารมณ์ร้อน ไม่

ประจบประแจงและไม่เขื่องโข ดังนั้นเขาจึงทําไปตามหลักการคํา สอนก็เท่านั้น

หากว่าเป็นผู้อื่น การเป็นยอดฝีมืออันดับสองด้านวิศวกรรม ด้วยอายุน้อยเท่านี้ย่อมเป็นที่น่าแตกตื่น อีกทั้งเด็กหนุ่มคนเดียวกัน ก็ยังออกปากรับว่าตนคือหมอเทวดาอันดั บสองของโลก เช่นเดียวกัน นั่นไม่น่าตระหนกตกใจเกินไปหน่อยหรอกหรือ

ฉินมู่ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เขียนรายการของวัตถุดิบ ทั้งหลายก่อนจะส่งให้แก่ราชครูสันตินิรันดร์ พวกนี้คือการประเมิน อย่างคร่าวๆ ถึงวัตถุดิบที่จะต้องใช้สร้างแหล่งจ่ายพลังงานระดับนั้น หากว่าใช้แล้วยังไม่พอ เขาค่อยขอเพิ่มอีก

ราชครูสันตินิรันดร์หยิบรายการขึ้นมาดูครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “จ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์กะจะกวาดล้างท้องพระคลังของจักรวรรดิ ให้เกลี้ยงเกลาเลยหรือ”

“ไฉนราชครูถึงกล่าวเช่นนั้น” ฉินมู่ถามด้วยความฉงน “ทองคําทมิฬและทองแดงทมิฬในรายการของเจ้านั้นก็พอไหว

อยู่ แม้ว่าเจ้าจะใช้พวกมันไปมากมายเกลี้ยงไปหลายเหมือง แต่ก็

ยังคงพอจัดหามาได้ แต่ว่าเจ้าจะให้ข้าไปหาทองคําเทวะและ วัตถุดิบระดับเทพยดาทั้งหลายมาจากที่ไหนกัน”

ราชครูสันตินิรันดร์พ์ลิกกระดาษรายการ และเผยสีหน้าจริงใจ “หรือว่าจ้าวลัทธิจ้องจะฮุบสมบัติทั้งหลายในท้องพระคลังอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าก็จองลานประหารกลางตลาดให้ท่านจ้าวลัทธิได้ สักที่นะ”

“ราชครู สิ่งที่เจ้าต้องการจะทํานั้นใช้เพื่อสังหารเทพยดา เป็น วัตถุวิเศษที่เหนือลํ้ายิ่งกว่าสมบัติสืบทอดสํานักอันเพียงแค่สังหาร ตัวตนระดับจ้าวลัทธิได้หกเจ็ดคนเท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าเจ้า ไม่พูดถึงข้าก็เกือบลืมไปเลย เงินเดือนให้คนงานเจ้าก็จะต้องจ่าย ก็ ในเมื่อจะต้องใช้สาวกลัทธิมารฟ้าทั้งหลายมาช่วยเจ้าหลอมสร้าง สมบัติชิ้นนี้”

ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เขียนอัตราเงินเดือน และ จํานวนของโรงงานผลิตที่เขาต้องการใช้ บางรายชื่อของขุนนางชั้นหนึ่งขั้นสูงก็ถูกจดจารเอาไว้ด้วย

“เพื่อหลอมสร้างปืนใหญ่เทวะระดับนั้น ข้าก็จําต้องใช้สอยผู้ ฝึกวิชาเทวะซึ่งเชี่ยวชาญในพีชคณิต หากว่าเชิญสํานักเต๋ามาได้ ก็จะเยี่ยมยอดที่สุด!”

ฉินมู่เขียนนามสํานักเต๋าไว้ในรายการและกล่าว “ทุกๆ ส่วนประกอบของปืนใหญ่เทวะนี้จําต้องผลิตออกมาอย่างแม่นยํา จนถึงที่สุด ดังนั้นจะต้องใช้การคํานวณมหาศาล เพียงแค่บัณฑิต แห่งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ข้าเกรงว่าพวกเราคงต้องใช้เวลาอีก 100 ปี เพื่อคิดคํานวณทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งอาจจะเกิดความ ผิดพลาดอีก ยอดฝีมือจากสํานักเต๋านั้นเชี่ยวชาญในศาสตร์สาขา

นี้ ดังนั้นพวกเราจําเป็นต้องให้พวกเขามาช่วยแน่นอน”

สีหน้าของราชครูสันตินิรันดร์แปรเปลี่ยน และพลันรู้สึกว่า กระดาษรายการในมือของเขาหนักอึ้งขึ้นมา

แม้ด้วยกําลังอํานาจของทั้งจักรวรรดิ เขาก็คาดว่าคงหลอม สร้างปืนใหญ่เทวะยิงตะวันได้เพียงกระบอกเดียว!

ส่วนที่ยากที่สุดจากทั้งหมดนี้คือการไปเชื้อเชิญยอดฝีมือจาก สํานักเต๋า เจ้าสํานักเต๋าเฒ่าเคยพยายามลอบสังหารจักรพรรดิครั้ง หนึ่งและเกือบจะทําสําเร็จ พวกเขาถึงกับสนับสนุนรัชทายาทองค์ ก่อนในการกบฏและเกือบที่จะผลักดันขึ้นครองบัลลังก์จักรพรรดิ

ได้สําเร็จ หลังจากที่ปราบปราบการกบฏแล้ว จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงและรัชทายาทหลิงอวี้ชู้ก็ได้ตอบโต้สํานักเต๋าไปอย่างไร้ปรานี ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงไม่เป็นมิตร พวกเขาเหมือนนํ้ากับไฟ

การไปขอให้ยอดฝีมือจากสํานักเต๋ามาช่วยนั้น จะต้องยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง

แต่ทว่า ปืนใหญ่เทวะเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องสร้างขึ้นมาให้ได้ มิ เช่นนั้น เมื่อภัยพิบัติรอบใหม่มาเยือนอีก พวกเขาก็จะไม่มีวิธีป้องกันมัน!

ด้วยกําลังฝีมือของราชครูยังไม่ฟื้นฟูสู่ขั้นสูงสุดของตน ใครจะ รู้ล่ะว่าภัยพิบัติมาเมื่อไหร่ และมันจะรอให้เขาฟื้นวรยุทธ์กลับมา ก่อนหรือไม่

“ท้องพระคลังของจักรวรรดิว่างเปล่าไปแล้ว พวกเราไม่มีเงิน ทองมากมายขนาดนั้น ไม่ทราบว่าเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์จะลดราคาให้ หน่อยได้หรือไม่” ราชครูสันตินิรันดร์ถามหยั่ง

ฉินมู่คํานวณดูและกล่าว “หลังจากที่วังทองโหรวหลันถูกยึด ครอง ราชครูจะต้องให้ข้าเลือกเอาสมบัติ 100 ชิ้นจากที่นั่นมา และจากนั้นข้าก็จะจ่ายเงินเดือนให้แก่สาวกลัทธิด้วยเงินตัวเอง”

ราชครูสันตินิรันดร์ยังอยากจะต่อราคาอีก แต่ฉินมู่ก็ยิ้มขัด “เทวราช ข้ามิได้เรียกร้องเงินเดือนให้กับตนเองเลยนะ จะเชื้อเชิญ วิศวกรอันดับสองในโลกหล้ามาลงมือหลอมสร้างนี่ไม่ใช่มูลค่าน้อยๆ เลยนะ! ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังเป็นถึงจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ อีก”

ราชครูสันตินิรันดร์ถอนหายใจ “ข้าไม่น่าตกปากรับคําเป็น เทวราชแห่งลัทธินักบุญสวรรค์เลย ตอนนี้เหมือนถูกมัดมือปิดปาก จะต่อรองก็ไม่ได้ ข้าจําต้องรายงานเรื่องนี้ให้จักรพรรดิทราบก่อน เพื่อให้เขาตัดสินใจ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจักรวรรดิสันตินิรันดร์ ได้ยึดครองประเทศต่างๆ มากมาย และทําลายล้างพันหมื่นค่ายสํานัก ดังนั้นย่อมต้องมีทองคําเทวะและวัตถุดิบระดับเทพเจ้าใน ท้องพระคลังอยู่บ้าง เพียงแต่ต้องให้จักรพรรดิผงกหัวอนุญาตเท่านั้น รอก่อนสัก 10 วัน แล้วราชโองการจักรพรรดิก็จะมาถึงที่นี่”

ฉินมู่หันกลับไปช่วยหลอมสร้างวงแหวนสวรรค์ เขานั้นไม่ได้ กังวลอะไรมากเกี่ยวกับทองคําเทวะหรือวัตถุดิบเทพเจ้าทั้งหลาย เขาไม่ได้มองว่ามันมีค่าอะไรมากมายก็ในเมื่อเขามีสิ่งเหล่านั้นอยู่

เยอะแยะเหลือจากตอนที่เขาหลอมสร้างไจกระบี่ของตน พวกมันมา จากคลังสมบัติของลัทธิมารฟ้า อันเขาได้แลกเปลี่ยนมาด้วยสมบัติ วิเศษระดับสืบทอดสํานักในมือของตนเอง

ฉินมู่ กระทรวงการงาน และบัณฑิตมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ร่วมกับหลอมสร้างวงแหวนสวรรค์ ความเร็วของพวกเขานั้นไวเป็น อย่างยิ่ง ความเร็วเป็นหัวใจสําคัญของศึกสงคราม และแม้ว่าพวก เขาจะหลอมสร้างวงแหวนสวรรค์เพียงไม่กี่วง แต่ก็ต้องใช้ผู้คนกว่า 17,000 คน นับว่าเป็นโครงการอันใหญ่มหึมา

เมื่อวงแหวนสวรรค์เชื่อมต่อกับรอยพยุหะ พวกมันก็จะสามารถ ควบรวมแสงแก่นกําเนิดไว้ในใจกลางปากกระบอกปืน มิให้แสง เหล่านั้นไปสัมผัสเข้ากับผนังลํากล้อง แสงแก่นกําเนิดที่ถูกบีบ รวมเข้าด้วยกันนี้ก็จะหนาเพียงแค่ชามข้าว ดังนั้นกระบอกปืนก็จะไม่ร้อนขึ้นมา ตัดปัญหาเรื่องการเสื่อมสภาพของทองคําทมิฬและ ความร้อนเกินพิกัด

ลําแสงปืนใหญ่ของปืนใหญ่แก่นกําเนิดนั้นแต่เดิมหนาใหญ่เท่ากับถังนํ้า แต่บัดนี้มันเล็กลงเหลือเท่าชามข้าว พื้นที่การโจมตีของมันอาจจะแคบลง แต่ระยะยิงนั้นเพิ่มพูนอย่างก้าวกระโดด ผู้ยิง ปืนใหญ่สามารถยิงไปเท่าไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ โดยไม่ ต้องมากังวลว่าลํากล้องปืนจะระเบิดใส่หน้าหรือไม่ นี่ทําให้เรือเหาะ กลายเป็นเรือรบ

อันที่จริงแล้ว เนตรสวรรค์นั้นมิใช่การยกระดับที่ดีที่สุดสําหรับ ปืนใหญ่แก่นกําเนิด ในบรรดาวิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้านั้น เนตร สวรรค์นับว่าเป็นวิชาเนตรพื้นฐานที่สุด วิชาเนตรอื่นๆ อีกแปดนั้น

แข็งแกร่งกว่านี้มาก

ที่แข็งแกร่งที่สุดคือสวรรค์ชั้นที่เก้า เนตรสวรรค์อัคคี แต่ทว่าพยุหะในเนตรสวรรค์นั้นทั้งไม่ซับซ้อนและเรียนรู้ได้ง่าย

และก็สร้างพยุหะขึ้นมาไม่ยากทั้งยังต้องใช้วัตถุดิบน้อยที่สุดด้วย ดังนั้นฉินมู่จึงเลือกวิชานี้ไปถ่ายทอดให้กับทุกคน

หากว่าเป็นเนตรสวรรค์อัคคี แม้ฝีมือระดับฉินมู่ก็ยังคงต้องใช้ เวลา 10-15 วันในการหลอมสร้างวงแหวนขึ้นมาสักวงหนึ่ง รอยพยุหะของวงแหวนสวรรค์อัคคีนั้นซับซ้อนเกินไป และหากว่า เขาใช้มันจริงๆ ลําแสงแก่นกําเนิดก็จะถูกบีบรวมให้เล็กยิ่งกว่าเข็ม เล่มหนึ่ง และระยะยิงของมันก็จะยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก แต่ทว่าถ้าจะใช้ ปืนใหญ่แก่นกําเนิดเช่นนี้ ก็จะต้องจ่ายพลังงานมหาศาลอย่างอัศจรรย์ ขนาดที่ว่าแม้แต่ท้องพระคลังของจักรวรรดิก็คงจะจ่ายไม่ ไหว

หากว่าวงแหวนสวรรค์อัคคีถูกหลอมมาใช้บีบรวมแสงให้เป็น ส้นด้าย ก็จะไม่มีป้อมปราการไหนที่ต้านทานมันได้ และหากว่ามัน ช้เป็นอาวุธป้องกันแดนศักดิ์สิทธิ์ แสนไพร่พลหมื่นทหารม้าก็ไม่ สามารถบุกเข้ามาได้เด็ดขาด!

ฉินมู่คํานวณดูว่าพยุหะป้องกันแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้จะต้องใช้ จ่ายเท่าไร และก็ต้องผิดหวัง ลัทธินักบุญสวรรค์อาจจะหลอมสร้าง มันขึ้นมาได้ แต่ไม่สามารถใช้งานมันได้ การกระตุ้นพยุหะให้ ทํางานและรักษาสภาวะพร้อมใช้งานนั้นต้องใช้หินยามากมายเกินไป

ความคิดของเขาเตลิดไปไกลอีกครั้ง แม้ว่าเนตรสวรรค์อัคคีจะ ไม่ได้ทรงมหิทธานุภาพอย่างร้ายกาจเท่ากับเนตรเทวะยิงตะวัน วิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าของเฒ่าบอดและเนตรเทวะของเขานั้นมี รอยพยุหะของสวรรค์ทั้งเก้าชั้น อันเทียบเท่ากับพลังอํานาจของเก้า สรวงสวรรค์รวบรวมเข้าด้วยกัน อันน่าตื่นตระหนกนัก!

ตอนที่ท่านปู่บอดยังคงมีดวงตา ไม่ใช่ว่าค่เขาจ้องมองใคร คนนั้นก็จะตายทันทีหรอกหรือ?

ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะหมกมุ่นครุ่นคิด เฒ่าบอดนั้นร่างเตี้ยเล็ก ช่างพูดช่างคุยขณะที่ยืนพิงไม้เท้าตนเองไปด้วยเพื่ออวดโอ่ ความสามารถเชิงกวีของตนเอง ยากที่จะนึกภาพว่าสายตาของเขา จะร้ายกาจน่ากลัวขนาดไหนตอนที่เขายังคงมีดวงตา

เช่นนั้นบุคคลแบบไหนกันที่สามารถควักเนตรเทวะของเฒ่า บอดออกไปได้

ในเมื่อทวนเทวะในอดีตกาลมีเนตรเทวะอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ แล้วใครกันที่สามารถชิงดวงตาของเขาไปและทําให้ตัวตน ระดับเทพเจ้ากลายเป็นชายแก่ตาบอดไปได้

สำนักเต๋า? วัดใหญ่ฟ้คำราม? หลี่เทียนซิ่ง? หรือว่าจะเป็นนครหยกน้อย?

ฉินมู่ฉงนใจใคร่รู้ และทันใดนั้นเขาก็ระลึกได้ถึงเด็กหนุ่ม นามซวีเซิงฮวา อันทําให้เข้าใจเต้นระทึก หรือว่าจะเป็นผู้คนจากเหนือฟ้า อันเป็นที่มาของซวีเซิงฮวา

เฒ่าบอดนั้นเป็นที่รู้จักในนามทวนเทวะ แต่กําลังฝีมือของเขา ไม่ได้อยู่ที่ทวน หากแต่อยู่ในเนตรเทวะ แต่พวกมันกลับถูกควัก ออกไป

คนแล่เนื้อเป็นที่รู้จักในนามดาบสวรรค์ และครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่า ฟันบุกตะลุยขึ้นไปบนท้องฟ้า ตํานานกล่าวว่าเทพเจ้าได้ปรากฏตัว ขึ้นมาและฟันเอวเขาขาดครึ่ง

ผู้ใหญ่บ้านเป็นที่รู้จักในนามกระบี่เทวะ แต่แขนขาของเขาถูก สะบั้นไปด้วยกระบี่

เรื่องพวกนี้มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

เฒ่าเป๋นั้นคือโจรเทวะ และขาของเขาถูกราชครูสันตินิรันดร์ สับออกไปตอนที่เขาเข้าไปโจรกรรมในวังหลวง ดังนั้นย่อม

แตกต่างจากเฒ่าบอด คนแล่เนื้อ และคนอื่นๆ ลิ้นของเฒ่าใบ้ถูก ตัดออก และในเมื่อเฒ่าใบ้ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครรู้เรื่องราว เบื้องหลัง

นักปรุงยาเฉือนใบหน้าออกด้วยตนเอง หลีกลี้จากศึกสงคราม สนามรัก เฒ่าหนวกตัดหูของตนออก ด้วยความเกลียดแค้นตนเอง ที่ไม่ใช้มันรับฟังสนใจเรื่องราวภายนอก มารจิตของท่านยายซีคือห ลี่เทียนซิ่ง พวกเขาคือศิษย์และอาจารย์ที่ต่อสู้แย่งชิงเรือนร่างอัน

งดงามราวเทพยดาเสกสรร เฒ่าหม่าสะบั้นแขนตนเองเพื่อชดใช้ บุญคุณแก่อาจารย์ ดังนั้นเรื่องของคนเหล่านี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้อ งกัน

มีแต่ความพิการของคนแล่เนื้อและผู้ใหญ่บ้านที่มาจากเหตุผล อันคล้ายคลึง

เทพเจ้า

ส่วนบุคคลที่ควักดวงตาของเฒ่าบอดออกไปนั้น ยังคงเป็นปริศนา

แล้วดวงตาของท่านปู่บอดจะอยูที่ไหนกันนะ

ฉินมู่จมอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สลัดศีรษะไล่ความคิด พวกนั้นออกไป เขาคิดในใจ จากทฤษฎีการสร้างปืนใหญ่ก่นกำเนิด ข้าสามารถใช้วิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้ามาสร้าทักษะเนตรเทวะ ท่านปู่บอดถ่ายทอดแต่วิชาฝึกปรือเนตรให้ข้า ต่ม่ได้

ถ่ายทอดทักษะเทวะ ว่าข้าสร้ามันขึ้นมาเองก็ได้นี่! มื่อข้า

ฝึกปรือเนตรเทวะของข้าสมบูรณ์แล้ว ก็อยากจะเห็นนักว่าใครมัน จะมาควักดวงตาของข้า!

เขารีบกระทําตามที่คิดและโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสาม อมตะ ขับเคลื่อนเจ็ดนิพนธ์เสกสรรแห่งคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต เขาใช้วิชาราชามนุษย์เสกสรรและวิชาดินอสงไขยเสกสรรพร้อมๆ กัน และในทันใดนั้น พลังงานไฟจากปราณชีวิตของเขาก็มา รวบรวมอยู่ในดวงตาทั้ง 2

ชั้นพยุหะมากมายเข้ามาเกาะเกี่ยวกันในดวงตา เนตรสวรรค์ เขียวครามปรากฏ และเมื่อเขาขับเคลื่อนวิชา ก็มีลําแสง 2 เส้นยิง ออกไปทันที

ดวงตาของฉินมู่ลุกโหมด้วยเพลิงไฟ และลําแสงก็ยิ่งมายิ่งเจิด จ้า สายตาของเขาเพ่งไปยังแหล่งจ่ายพลังงานปืนใหญ่ตรงหน้า เฉือนมันออกเป็น 3 แล่ง!

ทุกคนบนเรือมองมาทางนี้ทันที และฉินมู่รีบถอนสายตาออก สลายพยุหะในดวงตา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าแตกตื่น ข้าเพียง แค่รู้สึกว่าตัวจ่ายพลังงานนี้ไร้ประโยชน์ก็เลยคิดว่าจะหลอมสร้าง มันขึ้นมาใหม่”

ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของทุกคนก็ยังไม่จางหายไปอยู่ดี ส่วนฉินมู่นั้นใจเต้นตึกตักอย่างรุนแรง สองมือก็กําหมัดแน่น เนตร เทวะนี้ทรงพลังจริงๆ ข้ามองไปที่ใคร คนนั้นต้องตาย…

เฒ่าเป๋และผู้ใหญ่บ้านนั่งอาบแดดอยู่ที่หน้าประตูเข้าจวนเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเห็นลําแสง 2 เส้น เฒ่าเป๋ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

“มู่เอ๋อ เจ้าเด็กดื้อ เล่นซนอีกแล้ว เขาช่างไม่รู้จักกลัวว่าจะทําลาย ดวงตาตนเองด้วยความร้อนสูงเลยแม้แต่น้อย เฒ่าบอดนั่นก็ใจ ใหญ่เกินไปนะ ถึงกับสอนของอันตรายแบบนี้ให้มู่เอ๋อ”

ผู้ใหญ่บ้านยิ้มแฉ่งและกล่าว “เพียงดูจากฉินมู่ เจ้าก็คงนึก ภาพออกว่าเนตรเทวะของเฒ่าบอดร้ายฤทธิ์ขนาดไหน บุคคลที่ ควักดวงตาของเขาไปนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ในเมื่อมีตัวตนที่สามารถทําเช่นนี้ได้เพ่นพ่านอยู่ในโลก เจ้าเองก็ระวังตัวเอาไว้ด้วย เผื่อว่าจะมีใครนึกชมชอบขาของเจ้าขึ้นมา”

เฒ่าเป๋ตัวสั่นเทิ้ม จากนั้นมองไปรอบๆ พลางถามด้วยเสียงเบา “เจ้าหมายถึงว่า มีใครบางคนกําลังพยายามรวบรวมทุกอวัยวะที่ บรรลุเขตขั้นเทพเจ้าอย่างนั้นหรือ แล้วเขาจะเอาพวกมันไปทําไม”

“เพื่อปะติดปะต่อกันเป็นเทพเจ้า” ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจและ กล่าว “ผู้คนจากยุคสมัยของข้ายังมีคนอื่นอีกนอกจากข้า เจ้า อาจจะพบเจอกับบุคคลเช่นนี้”

เฒ่าเป๋ย่นคอเหมือนเต่า “ข้าเป็นคนขี้ตื่น เจ้าอย่าทําให้ข้า กลัวสิ ข้าวิ่งหนีเฉยๆ ไปไม่ได้หรือ”

ผู้ใหญ่บ้านมองไปยังฉินมู่ที่อยู่บนเรือ และกล่าวด้วยเสียงเบา “ข้าอยากที่จะตัดฟันเสี้ยนหนามทั้งหมดไปให้มู่เอ๋อได้เติบโตอย่าง สงบสุข แต่ไม่รู้ว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้นไหม…มู่เอ๋อนั้น ยังคงไร้เดียงสาอยู่มาก หากว่าเขาจะเจ้าเล่ห์มากกว่านี้สักหน่อยก็ คงดี…”

ในวังทองโหรวหลัน กายหยาบอันแข็งแกร่งจํานวนมากนั่งอยู่ ในวิหารรอบๆ ผานกงสั่ว แต่ละร่างเนื้อเหล่านั้นกําลังร่ายทักษะเทวะ

มนตร์หมอผีเพื่อยิงถล่มลงไปยังหนังสือโบราณตรงกลางโถง ร่าง เหล่านั้นกําลังพยายามคลายผนึกของหนังสือ

แน่ล่ะ หนังสือเล่มนี้ก็คือหนึ่งในเล่มที่เขาไปกวาดเก็บมาจาก เรือสมบัติของฉินหานเจิน

ตูม!

การระเบิดรุนแรงดังออกมา และผนึกบนหนังสือก็แตกพังใน ที่สุด ผานกงสั่วไม่อาจข่มระงับความตื่นเต้นในใจและรีบเข้าไป พลิกดูหนังสือโบราณทันที แต่ใบหน้าของเขาก็พลันมืดคลํ้าใน วินาทีที่เขาอ่านไม่กี่บรรทัดแรก เขาจึงเขวี้ยงหนังสือลงกับพื้น “คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตอีกแล้ว! หรือว่าเทพเจ้าจากหมู่บ้านไร้ กังวลตนนี้ก็เป็นสาวกลัทธิมารฟ้าเหมือนกัน”

ข้างๆ เขา มีหนังสือที่กระจายเกลื่อนไปทั้งพื้น และเหลือเพียง เล่มเดียวที่ยังไม่ถูกเปิดออก

ผานกงสั่วสงบใจและใช้พลังงานทั้งหมดที่มีเพื่อขับเคลื่อนกาย หยาบจากอดีตชาติของเขาทั้งหลายเปิดหนังสือเล่มสุดท้าย

เมื่อเขาพลิกหน้าแรกของหนังสือเล่มนั้นออกมา แสงทองก็ส่องสว่างเจิดจ้า ทาบทาทั้งโถงศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นสีทอง

ผานกงสั่วดีใจจนเนื้อเต้น

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version